Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
2 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 

เยี่ยมหมู่บ้านแม่ตะมานตามพันธะสัญญา



     ทุกวันนี้เราได้มีการติดต่อสื่อสารกับ คุณเสถียร ใจคำ หน่อเนื้อเชื้อไขจากในหมู่บ้านแม่ตะมานที่เราได้เคยสอนหนังสือ เคยพยายามส่งเสริมสนับสนุนให้เขาได้รับการศึกษาที่ดีขึ้น ภายหลังที่ได้เรียนจบการศึกษาระดับประถมศึกษาปีที่ 4 จากในหมู่บ้านแล้ว เพื่อจะได้กลับมาเป็นกำลังสำคัญของหมู่บ้านต่อไป และเมื่อพวกเราได้ออกจาหมู่บ้านไปแล้วเขาก็ได้ใช้ความเพียรพยายามศึกษาเล่าเรียน ด้วยความวิริยะอุตสาหะ ต่อสู้ชีวิตด้วยลำแข้งของตนเองจนก้าวขึ้นมาเป็นนายกอบต.กื๊ดช้าง เราได้ปรึกษาหารือกับเสถียรฯ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลกื๊ดช้าง เรื่องที่อดีตผู้ปฏิบัติงานตามโครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน อยากที่จะเข้าเยี่ยมเยียนหมู่บ้าน ชาวบ้าน และจะได้ทอดกฐินเพื่อรวบรวมเงิน และจตุปัจจัย ถวายวัดแม่ตะมานในหมู่บ้าน ปรากฏว่า วัดแม่ตะมาน ได้มีญาติโยมจับจองทอดกฐินในปีนี้ไปแล้ว ทางชาวบ้านได้เสนอให้ ทอดฯที่วัดต้นขามดีกว่า เพราะที่ วัดต้นขามซึ่งเป็นวัดที่อยู่ถัดไปจากหมู่บ้านแม่ตะมาน ยังไม่มีใครเข้าไปทอดกฐินและที่สำคัญวัดนี้ ตั้งแต่เริ่มสร้างวัดมา ยังไม่เคยมีญาติโยม เข้ามาทอดกฐินเลยแม้แต่ครั้งเดียว และที่สำคัญ วัดนี้เดิมเป็นสำนักสงฆ์ เพิ่งจะได้รับการยกฐานะขึ้นมาเป็นวัดเมื่อประมาณสักยี่สิบกว่าปีมานี้เอง อาศัยชาวบ้านได้ทำการร่วมแรงร่วมใจกันพัฒนาจัดตั้งจนยกฐานะเป็นวัดขึ้นตามกำลังทรัพย์และแรงกายแรงใจของคนในหมู่บ้านที่ส่วนใหญ่ยังมีความแร้นแค้นอยู่ ประกอบกับวัดและหมู่บ้านอยู่ห่างไกลจากชุมชนเมือง

     ดังนั้นเองคณะของเรา พร้อมกับ นายก อบต.กื๊ดช้าง คุณเสถียร ใจคำ จึงเห็นตรงกันในเรื่องนี้ จึงได้เริ่มวางแผนดำเนินการในเรื่องการทอดกฐิน เพื่อถวายให้กับทางวัดต้นขามตามกำลังศรัทธา โดยจะนำเงินที่ได้ไปทำการบูรณปฏิสังขรณ์และต่อเติมวิหารให้เรียบร้อย จึงได้กำหนดทอดในวันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม 2551 ซึ่งเป็น วันแรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๑๑ ตามปฏิทินจัทรคติเป็นช่วงที่ออกพรรษาแล้ว เพื่อจักเป็นศูนย์กลางการบำเพ็ญกิจทางพุทธศาสนา และเพื่อเป็นศูนย์รวมทางจิต วิญญาณ สืบต่อไป โดยได้ทำการกำหนดการตามความเหมาะสม ดังนี้

เวลา ๐๙.๔๙ น. กฐินพร้อมที่วัดบ้านต้นขาม
เวลา ๑๐.๔๙ น. ทำพิธีถวายผ้ากฐินพร้อมเพรียงกัน
เวลา ๑๑.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์เป็นการฉลอง
เวลา ๑๒.๐๐ น. รับประทานอาหารร่วมกัน

การเตรียมการได้เริ่มขึ้น

     การเตรียมการในด้านต่างๆ อันได้แก่ รายชื่อคณะกรรมการทอดกฐิน ทั้งกรรมการจากภายในหมู่บ้านแม่ตะมาน หมู่บ้านต้นขาม และรายชื่อคณะกรรมการจากภายนอกหมู่บ้าน ในการเดินทางไปทอดกฐินครั้งนี้ เพื่อไปเยี่ยมเยียนยังหมู่บ้านแม่ตะมานอีกครั้ง เยี่ยมเยียนชาวบ้านและเพื่อรำลึกถึงความทรงจำเก่าๆ โดยมี คุณ เอ๋ (จุฑามาศฯ) เป็นผู้ทำหน้าที่ประสานงานกับคุณเสถียรฯ นายก อบต.กื๊ดช้าง และคุณตันฯ เจ้าของรีสอร์ท น้ำหยาดส่วนใหญ่ใช้โทรศัพท์ และ การพูดคุยโดยอาศัย ช่องการทางสื่อสารกันทาง Internet ผ่านโปรแกรม msn

วันพุธ 22 ต.ค. 51

18.00น. พบกันที่สถานีรถไฟหัวลำโพง ออกเดินทางด้วยรถไฟด่วนพิเศษ sprinter เวลา 19.20 น. มุ่งสู่จังหวัดเชียงใหม่


วันพฤหัส 23 ต.ค.51

06.00น. เดินทางถึงจังหวัดเชียงใหม่ มีรถตู้ปรับอากาศมารับ เดินทางสู่ที่พักในเมืองเพื่อเก็บสัมภาระ

09.00น. รับประทานอาหารเช้า (มื้อที่1)หลังจากนั้นเดินทางเที่ยวดอยสุเทพ (ปรับปรุงใหม่) ต่อด้วยดอยอินทนนท์ แวะชม ธรรมชาติทางขึ้นดอยที่ปกคลุมด้วยทะเลหมอกปุยเมฆ

12.00น. รับประทานอาหารกลางวัน(มื้อที่ 2) อิ่มแล้วเที่ยวต่อบ้านถวาย บ่อน้ำพุร้อน

17.00น. กลับเข้าที่พักอาบน้ำแต่งตัวสวยๆไปทานข้าวแบบพื้นเมือง ขันโตก(มื้อที่3) เที่ยวช็อปปิ้งไนท์บาร์ซา


วันศุกร์ที่ 24 ต.ค. 51

7.00น. รับประทานอาหารเช้า(มื้อที่4)

08.00น. เดินทางสู่บ้านแม่ตะมาน อำเภอ แม่แตง โดยรถตู้ปรับอากาศ

11.00น. ทำพิธีทอดกฐิน,ฉลองผ้ากฐิน ณ วัดต้นขาม

12.00น. ทานอาหารกลางวัน(อาหารพื้นเมือง) (มื้อที่5)

14.00น. พักผ่อนเที่ยวชมบริเวณที่พักรีสอร์ท บนดอยน้ำหยาด บ้านแม่ตะมานในบรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติตามอัธยาศัย ใครจะเดินขึ้นไปเที่ยว ชมหมู่บ้านชาวเขาบนดอยน้ำหยาด (ประมาน 2 กม เท่านั้น)หรือนั่งแพล่องแม่แตง นั่งเกวียนชมทิวทัศน์ (ฟรี) ส่วนใครจะขี่ช้างเดินเลาะลำธาร (ค่าใช้จ่ายออกเองจ่ะ)

18.00น. รับประทานอาหารเย็น(มื้อที่6) ร่วมรำลึกอดีตครั้งหนึ่งในแม่ตะมาน สังสรรค์
หัวข้อ เสวนา แม่ตะมาน

นายกรณ์ฯ ผู้ดำเนินการเสวนา

1.สิ่งที่ผ่านมา เมื่อ 35 ปีในดอตีต โดย นายทองแท่งฯ
2.แม่ตะมาน ปัจจุบัน โดย นายเสถียร ใจคำ นายก อบต.
3. บทสรุป ในทัศนะคนในหมู่บ้าน
โดยอดีต ผู้ปฏิบัติงาน และอดีต 35 ปี กรรมการหมู่บ้าน และสายตาของ ผู้อื่น
4.แนวโน้มการพัฒนาฯ ในมุมมองของ อบต.

     ร่ำลากันด้วยการร้องเพลงแห่งความหลัง “ณ กาลครั้งหนึ่งใน แม่ตะมาน” โดย ชาวแม่ตะมาน และ ผู้ปฏิบัติงาน


วันเสาร์ที่ 25 ต.ค.51

08.00น. รับประทานอาหารเช้า (มื้อที่7)

09.00น. ออกเดินทางจากแม่ตะมาน เที่ยวชมน้ำตกแม่ยะบ่อสร้าง-สันกำแพง สวนดอกไม้ (โปรแกรมอาจปรับเปลี่ยน)

12.00น. ทานอาหารกลางวัน (มื้อที่8) เที่ยวชมสวนสัตว์เชียงใหม่ หมีแพนด้า ช่วงช่วง –หลินฮุ่ย ก่อนกลับแวะซื้อของฝากที่ตลาดวโรรส

18.00น. รัปประทานอาหารเย็น มื้อที่ 9

21.00น. (โดยประมาณ) เดินทางกลับด้วยรถไฟด้วยรถด่วนนครพิงค์ เวลาประมาณ 16.30 น.


วันอาทิตย์ ที่ 26 ต.ค.51

ถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ อำลากันด้วยความอิ่มบรรยากาศ อิ่มบุญ ณ หัวลำโพงเลยนะจ๊ะ พบกันใหม่โอกาสหน้า

     โดยสมาชิกที่จะร่วมเดินทางไป จะต้องเฉลี่ยกันเพื่อเป้นค่าใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นตลอดการเดินทาง เพียงท่านละ3,800 บาท เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี 2,000 บาท รวมที่พัก 2 คืน อาหาร 9 มื้อ (ขันโตก1 มื้อ) สำรองที่นั่งพร้อมชำระมัดจำ (ต้องจองตั๋วรถไฟล่วงหน้า ) 1,800 บาทภายใน 15 กันยายนนี้

แผนการการเตรียมงานต่างๆ

     เนื่องจากเป้าหมายและวัตถุประสงค์การเดินทางในครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงการไปเที่ยว ไปเยี่ยมเยียนเพียงอย่างเดียว แต่เราต้องการเงินทำบุญเพื่อการบำรุงศาสนาด้วย จำนวนเงินที่จะได้ก็จึงเป็นอีกเป้าหมายหนึ่งที่ต้องคำนึงถึง

     การติดต่อประสานงานบอกกล่าว ชักชวน รวบรวมรายชื่อ กว่าจะเรียบร้อยต้องใช้ความเพียรพยายามมากพอสมควร เนื่องจากสมาชิกบางคนไม่ได้ติดต่อกันมานาน ติดต่อก็ยากเย็นแสนเข็ญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีหลายกลุ่มหลายวงการ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอาศัย แกนนำของแต่ละกลุ่ม เช่น กลุ่ม คชธ.ก็โดยอาศัย ป๋อง (นรินทร์ฯ) เฮง( ภูวะมินทร์ฯ) กลุ่มแม่ตะมาน ก็ต้องเป็น กรณ์ฯ รวมทั้ง เพื่อนๆวงการต่างๆ เจ้าหน้าที่ทั้งหลายที่ทำงานร่วมกันของกรณ์ฯ และพยายามกระจายข่าว ชักชวน รวบรวมรายชื่อผู้ที่จะไป โดยทั้งหมดนี้ ก็โดยอาศัยเอ๋(จุฑามาศฯ) แล้วก็มีกลุ่มญาติ และทางสายของคุณ กุ้ง(ชญานันท์) และเพื่อนๆ โดยใช้เวลาประมาณ 2 เดือนก่อนวันงาน

     การเดินทางของเราแบ่งการเดินทางออกเป็นหลายชุดด้วยกัน ตามอัธยาศัยของแต่ละคนแล้วแต่ความเหมาะสม แต่เป้าหมายของเราก็คือ “บ้านแม่ตะมาน”

     การเดินทางของคณะทอดกฐินที่วัดต้นขาม ตำบลกื๊ดช้าง จังหวัดเชียงใหม่เมื่อวันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม 2551 ของเราแยกการเดินทาง 5 ชุดด้วยกัน มีสมาชิกที่ได้ร่วมเดินทางในการนี้ประมาณ 55 คนได้แก่

ชุดที่ 1 เดินทางโดยรถไฟ เป็นขบวนรถเร็ว sprinter เวลาประมาณ 19.20 น. ประกอบด้วย ต้อย (ภานุมาศฯ) เฮง(ภูวะมินทร์ฯ) คุณหมอเรียบ ค้อนยางรักษาโรค,คุณเมธีฯข้าราชการบำนาญ แห่งการรถไฟแห่งประเทศไทย,คุณบุญนำฯ เจ้าของกิจการ เบเกอรี่สามหนุ่ม และ ร้านซุปเปอร์มาร์เก็ต B&B น้องอู พร้อมเพื่อนหญิง , คุณชญานันท์ (กุ้ง) น้องพลอย น้องแพรว,คุณแป๋วจาก สนข.ทวีวัฒนา พร้อมเพื่อนๆ ข้าราชการจากกทม.

ชุดที่ 2 เดินทางโดย รถโดยสารประจำทางปรับอากาศ (รถทัวร์) ของ บขส.เวลาประมาณ 21.50 น.ประกอบด้วย คุณกรณ์.คุณสิงห์น้อย,คุณเอ๋ (จุฑามาศ) น้องบอย น้องก้อย เจ้าหน้าที่ของคุณทองแท่ง จาก สปก.

ชุดที่ 3 เดินทางไปกันเองโดยรถเก๋งส่วนตัวซึ่งมีจำนวนทั้งหมดหลายชุดด้วยกัน เท่าที่จำได้ ได้แก่

คณะที่ 1 คุณวรุฒฯ และ คุณน้อย เดินทางมาจากพระนครศรีอยุธยา

คณะที่ 2 คุณอร่ามฯ นายช่าง จาก กระทรวงสาธารณะสุขพร้อมเพื่อนจากชุมพร เดินทางมาจากชุมพร

คณะที่ 3 คุณเฉ่า(เชาวลิตฯ) คุณแมว เจ้าของกิจการฟาร์มเพาะเห็ดแห่งวังน้ำเขียว และคุณปอน(ศีริพรฯ)นักพัฒนาแห่งหมู่บ้านซับใต้ จังหวัดนครราชสีมา ทั้งคู่มากับคณะของโจ้ ซึ่งขณะนี้เป็นคหบดีแห่งชลบุรี

คณะที่ 4 เดินทางโดยเครื่องบินโดยสาร ได้แก่ คุณบุญเลิศฯ เดินทางมาจากกรุงเทพฯ แต่เมื่อถึงเชียงใหม่คณะของคุณวรุฒและคุณน้อยก็ได้ขับรถมารับ แล้วมุ่งเข้าหมู่บ้านแม่ตะมานทันทีเลย โดยมิได้เข้าพักที่เมืองเชียงใหม่

คณะที่ 5 คุณอื้น(สุพจน์ฯ) คหบดี แห่งพะเยา เดินทางมาจากจังหวัดพะเยา

คณะที่ 6 เป็นคณะของนายอำเภอพิชิตฯ อดีต สมาชิก คชธ.ที่เคยเข้ามาเป็นครูช่วยสอนในหมู่บ้านต้นขาม พร้อมเพื่อนๆ สมาชิก คชธ.ที่ได้เดินทาง มาสมทบกันก่อนเพื่อเที่ยวที่เชียงดาวตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาฯ

คณะที่ 7 เป็นชุดของที่ดินอำเภอแม่แตง อดีตกรรมการบริหารชมรมชาวเหนือ ม.ธรรมศาสตร์

คณะที่ 8 เป็นชุดของเพื่อนๆ เฮง (คุณภูวะมินทร์)

ส่วนคณะสุดท้าย ก็คงเป็นคุณทองแท่งฯ แห่ง สปก.เข้ามาสมทบ หลังจากที่ การทอดกฐินได้สำเรีจเรียบร้อยไปแล้ว และกลับที่หลัง หลังจากที่พวกเราได้กลับออกไปจากหมู่บ้านแล้ว (ตามเคย)

     ตลอดห้วงเวลาตั้งแต่การไปรับที่สถานีรถขนส่ง สถานีรถไฟ จังหวัดเชียงใหม่ ท่องเที่ยวระหว่างยังพักอยู่ในเมืองเชียงใหม่ เดินทางเข้าหมู่บ้านแม่ตะมาน เข้าทอดกฐินที่วัดต้นขาม ท่องเที่ยวปางช้างแม่ตะมาน และสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง ตลอดจนออกจากหม่าบ้านแม่ตะมาน เข้าตัวเมืองเชียงใหม่ ตะลอนๆ เที่ยวต่อก่อนกลับ คืนวันเสาร์ที่ 25 ตุลาฯ จนส่งขึ้น ขบวนรถด่วนตู้นอน รถทัวร์ปรับอากาศ อำลาเชียงใหม่ กลับสู่กรุงเทพฯ ถิ่นพำนัก ก็โดยได้อาศัยใช้บริการด้วยความเอื้อเฟื้อจากสหายเก่า อดีตสมาชิก คชธ.คุณสมศักดิ์ ที่เคยเป็นครูช่วยสอน ที่หมู่บ้านเมืองกึ๊ด ฝั่งตรงข้ามบ้านแม่ตะมาน ซึ่งตรงหลุมรักลูกศิษย์สาว จนตกร่องปล่องชิ้น ย้ายนิวาสสถานจากกรุงเทพฯเข้ามาเป็นพลเมืองที่ตลาดแม่มาลัย ประกอบกิจการรถตู้รับส่ง นักเรียน บริการทั่วไป และยังมีกิจการร้านขายของชำ ล่ำซำอยู่ที่เชียงใหม่

แวะพักที่เมืองเชียงใหม่ก่อนจะเข้าหมู่บ้าน

     คณะเดินทางของเราส่วนหนึ่ง นั่งรถโดยสารปรับอากาศประจำทาง กรุงเทพฯ- เชียงใหม่ มาลงที่สถานีขนส่งเชียงใหม่ ปรากฏว่ามาถึงเร็วกว่ากำหนด คือมาถึงในเวลา 08.00 น.ซึ่งตามกำหนดเวลาจะต้องถึง สถานีขนส่งเชียงใหม่ เวลา 09.00 น.ในขณะที่ คณะที่โดยสารรถไฟด่วนตู้โดยสารปรับอากาศ จากสถานีรถไฟกรุงเทพฯ(หัวลำโพง) ซึ่งออกในเวลา 19.20 น. มาถึง ในเวลา 07.30 น. แต่เนื่องรถจอดซ่อมหลายครั้ง กว่าจะถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่จึงช้ากว่ากำหนด เป็นเวลา 09.00 น.

     ดังนั้นตามกำหนดการเดิมที่จะให้รถตู้ของคุณสมศักดิ์ - ตลาดแม่มาลัย ไปรอรับคณะของเราที่มาโดยรถไฟก่อน แล้วค่อยมารับคณะที่มากับรถทัวร์ จึงต้องเปลี่ยนแผน ให้รีบเปลี่ยนมารับคณะที่มากับรถทัวร์ก่อน แล้วจึงไปรอรับคณะที่มากับรถไฟ นี่ถ้าโลกนี้ไม่มีโทรศัพท์มือถือ เรื่องแบบนี้คงวุ่นวายพิลึก จากสถานีรถไฟเชียงใหม่ ได้เดินทางมายังที่พัก "ภิญพันธ์ พาเลซ" อันเป็นของพี่ชาย คุณกุ้งฯอยู่ถนนเลียบคันคลองชลประทาน แยกตลาดต้นพะยอม เมื่อเวลา ประมาณ 10.00น.อันเป็นที่พักค้างหนึ่งคืน เพื่อเดินทางเข้าหมู่บ้าน ทอดกฐินในวันรุ่งขึ้น

คืนวันนั้น คณะของเราส่วนหนึ่ง เข้าเยี่ยมคุณแม่เปรมจิตฯ

     หลังจาก พวกเรา คณะที่ 1 และคณะที่ 2 พร้อมกันที่ “ภิญพันธ์ พาเลซ” ถนนเลียบคลองชลประทานแล้ว พวกที่จะพักที่นี่ ก็จัดแจงนำข้าวของ เข้าห้องพัก อาบน้ำ จัดแจงเนื้อตัวให้สะอาด เปลี่ยนเสื้อผ้า จากชุดเดินทางมาเป็นชุดลุย เที่ยวเมืองเชียงใหม่ ส่วนอีกชุดหนึ่งที่จะ กำลังรอสมาชิก อีกท่านหนึ่ง คือ คุณสุพจน์ (อื้น) ระหว่างรอก็ ถือโอกาสอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า ทำตัวให้สบาย เพื่อพร้อมเพื่อจะไปเยี่ยมคุณแม่เปรมจิตฯ ต่อไป

     ในเวลา 15.30 น.โทรศัพท์จาก บุญเลิศฯ ที่ว่าจะลงจากเครื่องบินแล้วจะมาพบกันที่เชียงใหม่ก่อนเพื่อจะได้เข้าเยี่ยมคุณแม่เปรมจิตฯ ก็ต้องเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากชุดของวรุฒม์ฯและน้อย เมื่อเข้าถึงเชียงใหม่ ก็เลยแวะเข้ารับบุญเลิศฯ ที่สนามบินเชียงใหม่ และเลยเข้าบ้านแม่ตะมานเลย เพราะ วรุฒม์ฯ จำเส้นทาง ในตัวเมืองเชียงใหม่ ไม่ค่อยได้ กลัวจะหลงทาง...ว่างั้นเถอะ ส่วน ทองแท่งของเรา กำหนดการเรื่องราชการของแก มากมายเหลือเกิน ที่นัดกันไว้ว่าจะตามไปสมทบที่บ้านคุณแม่เปรมจิตฯ ก็เป็นอันยกเลิกไป และแจ้งว่าจะตามไปสมทบที่บ้านแม่ตะมานราวๆบ่ายแก่ๆ เป็นอันว่า เราก็ไม่ต้องรอ ก็เหลือแต่ สุพจน์ฯ(อื้น) ที่กำลังขับรถ มาจาก แม่สาย จังหวัดเชียงราย รายนี้ แม้จะบาดเจ็บเนื่องจาก อกหัก เอ๊ย กล้ามเนื้อปอดฉีก เพราะพี่แกไปหกล้มที่บ้าน ก็ยังอุตส่าห์ขับรถมาเองจากเชียงราย หะแรกคิดว่า จะให้ลูกชายขับรถมาให้ แต่ให้บังเอิญ ลูกชายติดภารกิจเสียนี่ คุณสะอื้นก็เลยต้องถ่อสังขารขับรถจากเชียงรายมาถึงเชียงใหม่ด้วยตัวเอง ด้วยความรัก ความผูกพัน จึงสู้มุมานะบากบั่นทั้งๆที่ยังไม่หายจากอาการเจ็บหน้าอก

     ที่สุด คณะของเราที่ “ภิญพันธ์ พาเลซ” รอจนล่วงเข้าเวลา 17.30 น.เห็นว่า ชักจะเย็นมากแล้ว กอร์ปกับคุณแม่เปรมจิตฯ ตั้งหน้ารอพวกเราตั้งแต่เช้า เฮง ภูวะมินทร์ฯ ก็เลยโทร.แจ้งให้อื้นฯ ตรงเข้าไปยังบ้านคุณแม่เปรมจิตฯ ด้วยการแกะตามแผนที่เส้นทางเข้าบ้านคุณแม่ฯ (เปรมจิต) ที่ ต้อย -ภาณุพันธ์ ส่งมาให้ทาง e-mail สักพัก คุณสะอื้นฯก็ขับรถ เข้ามาสมทบกับพวกเราที่บ้านคุณแม่เปรมจิตฯ

คุณแม่เปรมจิตฯ นอนซม

*จวบจนเวลา 18.00 น.คณะของเราอันประกอบด้วย กรณ์ เฮงฯ(ภูวะมินทร์) หมอเรียบ เมธีฯ ต้อย (ภานุมาศฯ) เอ๋ฯ และสิงห์น้อยฯ ก็ได้เข้าไปถึงบ้านคุณแม่เปรมจิตฯ ประตูใหญ่หน้าบ้าน เจ้าของบ้านเปิดรออยู่ตั้งแต่บ่าย คณะของเราเลี้ยวรถเข้าไป จอดระหว่างบ้านไม้สองสองหลัง ส่วนคุณแม่ฯนอนพักรักษาตัวภายหลังการผ่าตัด โรคข้อเข่าเสื่อม รอบบ้านทั้งสองหลังล้อมด้วยมวลหมู่ต้นไม้ ร่มรื่นเขียวขจี พลันพี่วาน - พี่สาวต้อยฯ(ภานุพันธ์) ก็ออกมารับพวกเรา ในทันทีที่พวกเราเข้าไปถึง แล้วพาพวกเราเข้าไปพบ คุณแม่เปรมจิตฯ ที่เรือนหลังใหญ่ทันที

     ด้วยวัย 80 กอร์ปกับเพิ่งผ่าหัวเข่ามาใหม่ๆ คุณแม่นอนซมที่บนเตียงที่ห้องรับแขก

“สวัสดีคุณแม่ฯ เป็นงัยบ้าง? คุณแม่ ต้องขอโทษด้วยที่มาจบเกือบมืด เพราะ มัวแต่รอคนโน้น คนนี้”

คุณแม่ดีใจรีบลุกขึ้นมารับไหว้อย่างอิดโรย แต่ดูมีสีหน้าแช่มชื่นขึ้นบ้าง การสนทนาส่วนใหญ่เป็นการถามสารทุกข์สุขดิบกันตามประสา และถามอาการของคุณแม่เรื่องอาการเจ็บ และอาการภายหลังการผ่าตัด คุณหมอสั่งให้นอนพัก อย่าพยายามเดินมากเกินไป ระยะนี้ ก็เลยต้องนอนซมอยู่บนเตียงเวลาจะเดินไปไหน ก็ต้องใช้เครื่องพยุงไปตลอด พอพูดจบ คุณหมอเรียบ (อาจารย์เรียบ กลิ่นรอด) แห่งลาดปลาเค้าที่ คุณภูวะมินทร์ เฮง ชวนมาทอดกฐินฯ กับคณะของเราครั้งนี้ด้วย ก็พลันลุกขึ้นสำแดงความเป็น “หมอเคาะ รักษาโรค” ทันที

“ไหน คุณแม่เจ็บตรงไหน คุณแม่ลองยกเท้า ขึ้นสูงๆ ที่สุดซิว่ายกได้แค่ไหน?” คุณแม่เปรมจิตฯใช้ความพยายาม ฝืนยกให้สูงสุดท่าที่จะทำได้ด้วยความลำบาก

“เอาพอแล้ว” ว่าพลาง คุณหมอเรียบฯเรา เหลียวมองหา อะไรสักอย่างที่จะใช้เป็นเครื่องมือแทนค้อนยางคู่มือการรักษาโรคของแก ที่ไม่ได้เอาติดตัวมาด้วยเพราะไม่ได้คิดว่าจะต้องเอามาใช้ จึงเหลือบไปเห็นไม้เกาหลัง ที่วางบนโต๊ะข้างเตียง พี่หมอเรา ก็เลยให้คุณแม่นั่งบนเตียงนอนแล้ว หย่อนเท้าข้างเตียง แล้วก็เริ่มบรรเลงเพลงเคาะด้วยไม้เกาหลังไปตามเส้นเลือดบริเวณหัวเข่า ตรงปลีน่องและ หน้าแข้ง ทำเอาพวกเราหวาดเสียวกลัวแม่แกจะปวดเจ็บจนทนไม่ได้ พูดก็พูดเถอะ เราไม่ค่อยเชื่อว่าจะดีขึ้น หรือจะหายหรอก กลัวแต่ว่า คุณแม่จะปวดระบมจะต้องถ่อสังขารไปหาหมอที่โรงพยาบาลสวนดอกเสียมากกว่า เคาะสักพักใหญ่ ที่นี้พี่หมอเราสั่งให้คุณแม่ลุกขึ้นยืน แล้วสั่งให้คุณแม่ยกขาขึ้นให้สูงที่สุดเท่าที่จะยกได้ คุณแม่ยกได้สูงขึ้นกว่าเดิม อาการเจ็บลดลง ที่นี้พี่หมอเราสั่งให้ เดินโดยไม่ต้องใช้เครื่องช่วยพยุง หรือไม้เท้า และให้เดินเร็วๆเลย

     เท่านั้นแหละ ผมเองก็ตกใจ ไม่แน่ใจ กลัวว่าคุณแม่จะล้ม จะหนักกว่าเก่าเสียอีก ปรากฏว่า คุณแม่เดินปร๋อ พี่หมอเราสั่งให้เดินร้องรำทำเพลงไปด้วย คุณแม่ก็ทำตามอย่างอารมณ์ดี เล่นเอาพวกเรา สนุกครึกครื้นไปกันยกใหญ่ ตอนนี้คนเจ็บที่นอนซม หน้าซีดหน้าเซียว กลายเป็นว่าเดินเหิน คล่องแคล่ว ร่าเริงสนุกสนานอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเห็นอาการคุณแม่ดีขึ้น เดินเหินได้ ก็เลยเอ่ยปากชวนไปทอดกฐินฯที่บ้านต้นขามด้วย ปรากฏว่าคุณแม่ตอบตกลงทันที พวกเราดีใจมากที่ ทุกอย่างเป็นไปในทางที่ดีเกินกว่าที่เราคิดไว้

หมอเรียบ เคาะจนทำให้คุณแม่เปรมจิตเดินได้คล่อง และตกลงไปทอดกฐินกับพวกเรา ทึ่งจริงๆ






     เวลาเริ่มดึกมากแล้ว พวกเราขอตัวไปทานข้าวที่ไนท์บาซา และแยกย้ายกันไปนอนพักผ่อนตามอัธยาศัย ชุดหนึ่งก็ไปนอนที่ “ภิญพันธ์ พาเลซ” ส่วนอีกชุดหนึ่งก็ มานอนที่บ้านหลังที่สองข้างๆ เรือนที่คุณแม่เปรมจิตฯ กับพี่วานนอนอยู่


ทอดกฐินที่ วัดต้นขาม

     คณะของเรา นอกเหนือจากชุดที่นอนค้างคืนที่เมืองเชียงใหม่เมื่อคืนนี้ ชุดที่เข้ามารอที่บ้านแม่ตะมานหนึ่งชุด และชุดที่ เข้าเที่ยวที่เชียงดาว กับคุณพิชิตฯ นายอำเภอเชียงดาวก่อนแล้วตั้งแต่เมื่อคืน และชุดที่กำลังทยอยกันเข้ามาจากที่ต่างๆ หลายชุด สำหรับคุณแม่เปรมจิต คุณสุพจน์(อื้น) เป็นคนขับรถไปรับ คุณแม่ เพื่อเดินทางไปทอดกฐินด้วย

     การเดินทางเข้าหมู่บ้านครั้งนี้ หากจะว่าไปนอกเหนือจากการเข้ามาทำบุญทอดกฐิน แล้วแต่ละคนก็มากันด้วยวัตถุประสงค์และเป้าหมายหลากหลาย ที่นอกเหนือจากการมาทำบุญทอดกฐิน เพื่อนำเงิน และจตุปัจจัยถวายทางวัดฯแล้ว ก็เช่น มาเยี่ยมหมู่บ้าน บางคนต้องการทำบุญ และมาท่องเที่ยวตามคำชักชวน ก็ด้วยว่าที่นี่ เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่มีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่าง อาทิ ธรรมชาติ ป่าเขา ลำเนาไพร ทั้งยังเป็นปางช้างที่นักท่องเที่ยวจากต่างชาติ ต่างภาษา พากันมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากซึ่งก็รวมทั้งคน เอเชีย และคนไทยเอง

     การทำพิธีทอดกฐินในครั้งนี้ ก็สำเร็จลุล่วงด้วยดีทุกประการ ทั้งจำนวนคนที่มาร่วมทอดกฐิน และเงินที่ได้ก็เกินกว่าที่เราคาดเอาไว้ เสียแต่ว่าทางนายก อบต. คุณเสถียรฯของเรา มีภารกิจเยอะเหลือเกิน จนไม่สามารถเข้าร่วมการทอดกฐินฯในครั้งนี้ได้ กับทั้งแผนที่เราเตรียมการเพื่อจะจัดให้มีการเสวนาในช่วงกลางคืน ก็ไม่ได้มีการตระเตรียมเครื่องเสียง และไม่ได้มีการนัดหมายกรรมการ อบต. กรรมการ หมู่บ้านชาวบ้านเลย แต่ก็ได้อาศัยการเสวนากันเฉพาะพวกเราและ คุณเสถียรฯ อย่างไม่เต็มที่นัก แต่เราก็ได้รับรู้ เรื่องราวต่างๆ มากมาย ที่ เราจักได้มีการประสาน พูดคุย และ ช่วยกันสานต่อ และเรื่องราว “ณ กาลครั้งนี้ ในหมู่บ้านแม่ตะมาน” ที่น่าสนใจที่เราจะนำเสนอ ใน “สนามหลวง บล็อกแก๊ง” กันต่อไปในเร็วๆนี้


คุณแม่เปรมจิตและพวกเราที่งานทอดกฐินวันรุ่งขึ้น







เงินทำบุญที่รวบรวมได้จาก ญาติ มิตร เพื่อนพ้อง ผู้มีจิตศรัทธา

     การทอดกฐิน ของคณะเรา ที่ วัดต้นขาม ตำบลกื๊ดช้าง จังหวัดเชียงใหม่ ใน วันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม 2551 รวมแล้ว มีสมาชิก ที่ได้เดินทางมาร่วมทอดกฐินฯ ในครั้งนี้ ประมาณ 55 คน

รวบรวมเงิน ที่ได้ ในครั้งนี้ทั้งสิ้น 102,029.00 บาท

เป็นเงินถวายทางวัดจำนวน 92,892.00 บาท
ค่าเครื่องกฐินเป็นเงิน 6,237.00 บาท
เครื่องไทธรรม และดอกไม้ 5 ชุด จำนวน 700.00 บาท
ใส่ซองถวายพระ 5 รูป จำนวน 2,200.00 บาท

เราจึงขอบันทึกไว้เพื่อเป็นเกียรติประวัติ และอยู่ในความทรงจำต่อไป

     แต่เนื่องจากการทอดกฐินนี้ ทางวัดยัง ไม่สะดวกที่จะออกใบอนุโมทนาบัตรให้ในวันนั้นจึงจะจัดทำใบอนุโมทนา ออกให้สำหรับญาติ มิตรสำหรับรายละ 500 บาทขึ้นไปเพื่อนำเป็นหลักฐานในการขอลดหย่อนภาษีเงินได้และทาง “สนามหลวง”จะจัดส่งไปให้ทุกท่าน

เราขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจงดลบันดาลให้ท่านทั้งหลายและครอบครัว จงประสบแต่ความสุข เจริญสุขก้าวหน้าในหน้าที่การงานตลอดกาล

     ถ้าจะว่าไปจำนวนเงินที่ได้ขนาดนี้ ภายใต้ข้อจำกัดในเรื่องของเวลาและภารกิจที่รัดตัว แต่เราก็สามารถรวบรวมรายชื่อ บอกบุญและ การรวบรวมเงิน ก็ต้องถือว่า เกินกว่าเป้าหมายที่วางเอาไว้แต่แรก ก็โดยอาศัยความเพียรพยายามในการติดต่อกับเพื่อนๆ ญาติ พี่น้อง และสมาชิกทางโทรศัพท์บ้าง ทาง e-mail ช่องทางการสื่อสารทาง Internet บ้าง โดยการไปพบปะ สังสรรค์บ้าง ส่วนการส่งเงินทำบุญก็โดยใช้ทั้งไปรับด้วยตนเองบ้าง และการโอนเงินผ่านทางธนาคารบ้าง จึงทำให้สามารถรวบรวมเงินและจตุปัจจัย ได้สำเร็จเกินกว่าเป้าหมายที่เราตั้งไว้อย่างมาก คือเดิมเราคาดว่าเพียงนำพาเพื่อนๆ สมาชิกผู้ปฏิบัติงานโครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมานเก่าๆ ได้ไปเยี่ยมพ่ออุ้ย แม่อุ้ย เด็กๆ ที่ตอนนี้ เติบโต มีลูกมีหลานกันไปหมดแล้ว และเยี่ยมสถานที่เก่าๆ ที่ครั้งหนึ่ง เมื่อ 35 ปี ที่ผ่านมา พวกเราได้เคยเข้าไป ทำงาน พัฒนาหมู่บ้าน จนได้ผจญกับความเป็นความตาย ณ ที่นี้ กันมาแล้ว และเพื่อนๆที่ยังไม่เคยเข้าไปในหมู่บ้าน แม่ตะมาน ได้เข้าไปเที่ยวและชมบรรยากาศ ธรรมชาติ ณ สถานที่แห่งนี้


ข้อคิดหลังกลับจากแม่ตะมาน

สิ่งที่ไม่ได้เป็นไปตามแผนที่ได้วางไว้

     ประการที่ 1 สมาชิก หลายคนไม่ได้อยู่พักค้างที่ แม่ตะมาน
     ประการที่ 2 เสถียรฯ นายก อบต. ไม่ได้มีการประสานงานกับทางชาวบ้าน เพื่อให้มาร่วมเสวนา และ จะต้องอยู่ในหมู่บ้านเพื่อจัดการเรื่องการเสวนามีภารกิจยุ่งเหยิงกับนายอำเภอแม่แตง มีโทรศัพท์รับร้องเรียนตลอดเวลา จนไม่มีเวลาอยู่ร่วมทอดกฐิน ส่วนทางด้าน ตันฯ เจ้าของรีสอร์ท ไม่ได้เตรียมการเรื่องสถานที่ และเครื่องเสียง กับทั้ง สถานที่พัก ก็ขาดการวางระบบการจัดสมาชิกที่จะมาพักเข้าที่พัก

     จึงทำให้ในคืนวันที่ 24 กาลมิได้เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ แต่ก็ดีมีการล้อมวงพูดกันแบบไม่เป็นทางการในกลุ่มแกนนำเท่านั้น ซึ่งเราก็ได้ข้อมูลเรื่องราว ต่างๆ ที่คุณเสถียรฯได้ต่อสู้เพื่อพัฒนาปกป้องสิทธิชุมชน การต่อสู้กับอิทธิพลของนายทุนภายนอก กับข้าราชการของกรมป่าไม้ และข้าราชการของกรมชลประทานในท้องที่บางคน ที่ เข้าข้างและคอยขัดขวางการนำเอาที่ดิน ป่าเสื่อมโทรมเพื่ออนุรักษ์ให้เป็นป่าชุมชน

     กรณีดังกล่าวนี้ ถึงแม้ว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฯ ในปัจจุบันจะพยายามถ่ายโอนอำนาจ หน้าที่ในการบริหารจัดการทรัพยากรภายในท้องที่ของตนด้วยตนเอง แต่สิ่งที่เป็นปัญหาอุปสรรคที่ยังคงดำรงอยู่ในทุกยุคทุกสมัย ก็คือ นายทุนและข้าราชการ ที่มีอำนาจหน้าที่บางคน(ที่แอบอิงได้รับผลประโยชน์จากนายทุน) สบคบกัน พยายาม ฉกฉวย ยื้อแย่ง ทรัพยากธรรมชาติของท้องถิ่นมาเป็นผลประโยชน์ของนายทุน และกับบรรดาข้าราชการเหล่านี้ โดยมีผู้บริหารในส่วนภูมิภาค ส่วนกลาง และนักการเมืองที่มีอำนาจทางการเมืองร่วมมือกันเป็นปี่เป็นขลุ่ยสอดรับกันอย่างแนบแน่นดังที่ได้เกิดขึ้นในหมู่บ้านแม่ตะมาน ดังที่ เสถียรฯ นายก อบต.กึ๊ดช้างประสบอยู่ขณะนี้นี่เอง และนอกจากนี้ ปัญหาอุปสรรคการสร้างป่าชุมชนในที่ต่างๆ ก็ได้เกิดขึ้นในหลายชุมชนของประเทศไทยด้วย

     เท่ากับว่า ข้าราชการของรัฐเหล่านี้ นอกจากมิได้ทำหน้าที่ เป็นกลไกในการขับเคลื่อน สิ่งที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ได้บรรลุเป้าหมายแล้ว ยังทำตัวเป็นฝูงเหลือบร่วมกับนายทุน คอยรุมทึ้ง ยื้อแย่ง ทรัพยากรธรรมชาติของคนในท้องถิ่น เอามาเป็นประโยชน์ให้กับนายทุนและตนเอง มิได้มึจิตสำนึกที่จะทำเพื่อประโยชน์สุขกับชาวบ้านอย่างแท้จริงตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้บัญญัติไว้ ตรงข้ามกลับมีการกระทำที่เป็นปัญหาอุปสรรคต่อการพัฒนาการเมืองการปกครองท้องถิ่นอย่างแท้จริง.




 

Create Date : 02 พฤศจิกายน 2551
0 comments
Last Update : 16 กันยายน 2552 2:08:12 น.
Counter : 1238 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.