Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
27 กรกฏาคม 2551
 
All Blogs
 
กาลครั้งหนึ่งในแม่ตะมาน ตอน ๕




ภาคสนทนา เพื่อการย้อนอดีต
กาลครั้งหนึ่งในแม่ตะมาน



     หลังจากที่ “sanamluang.bloggang.com” พยายามรวบรวม เรียบเรียง เรื่องราว การทำกิจกรรมค่ายอาสาพัฒนาภายในรั้วมหาวิทยาลัย โดยเริ่มจากการเข้าไปทำโครงการหมู่บ้านสหกรณ์ ในหมู่บ้านแม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่ ปี พ.ศ.2517 จนถึง ประมาณ ปี พ.ศ.2519

     สมาชิกที่เคย ร่วมกันทำกิจกรรม ด้านค่ายอาสาพัฒนาฯ แต่ละคนได้จบการศึกษา ในรั้วมหาวิทยาลัย และต้องออกไป ดำเนินชีวิต ตามครรลองของ แต่ละคน ต่างก็มีเส้นทางในการดำเนินชีวิต และภาระกิจ อันหลากหลายรูปแบบ ตามสภาพแวดล้อม เงื่อนไข ปัจจัยต่างๆ ทางสังคม และครอบครัว แต่ส่วนใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระดับแกนนำ ยังได้ร่วมงานสืบสานการทำงาน พัฒนาชนบท จาก กิจกรรมเฉพาะกิจในรั้วมหาวิทยาลัย จนได้ร่วมกันสร้าง “ โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน” , “โครงการครูช่วยสอนฯ (คชธ.)” และ ค่ายอาสาพัฒนาฯ ต่างๆ ร่วมสมัย แม้ว่าจะมี ภารกิจ ทั้งหน้าที่การงาน และภารกิจครอบครัว มากมาย ก็ยังคง ติดต่อกันอยู่เนืองๆ แต่ก็อาจจะไม่บ่อยนัก ระยะผ่านแห่ง กาลเวลา ตั้งแต่ ปี พ.ศ.2516 – 2550 ประมารณ 30 ปี

     สมาชิก ที่ ได้มาพบ กันในวันนี้ (วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม 2551) ประกอบด้วย กรณ์ฯ (ผู้ก่อตั้ง คชธ. ปี พ.ศ.2516 , สมศักดิ์(เฮง)ฯ ประธาน คชธ.คนที่ 1 ปี พ.ศ.2517, ธงชัยฯ ประธาน คนที่ 2 ปี พ.ศ.2518 คชธ.คนที่ 2, และ นรินทร์ฯ ประธาน คชธ.คนที่ 3 พ.ศ.2519 และมี Jenifaae ทำหน้าที่ เป็น เลขาฯ จดบันทึก และถอดความการพูดคุย เพื่อลำดับเรื่องราวเติมเต็มภาพ Jigsaw ที่ยังขาดหาย ไปกับ อดีตต่างๆ ให้ต่อเนื่อง ครบถ้วน ทั้งเหตุการณ์ บุคคล “sanamluang.bloggang.com"ไม่มีความประสงค์ ที่จะเน้น ตัวบุคคล การกล่าวอ้างถึง บุคคล ที่ร่วมงานและเกี่ยวข้อง ก็เป้นพียงให้ทราบ ถึงความมีตัวตน

     จุดประสงค์ของ “sanamluang.bloggang.com” ต้องการเพียง รวบรวมเรียบเรียง เรื่องราว และ เหตุการณ์ และข้อเท็จจริง เพื่อเป็น ปรัชญา การพัฒนา ฯ ทั้งทางสังคม การเมือง วิถีชีวิต เป้าหมายในการพัฒนา ว่าเรา จะพัฒนาสังคมไปทางไหน? เราบอกว่าเราจะพัฒนาชนบทสังคม นั้น พัฒนาเพื่ออะไร? และพัฒนาเพื่อใคร? ( Case Study ) และจักจารึกไว้เป็นเพียง กรณีศึกษา เป็นหน้าหนึ่ง เท่านั้นเอง

     ตัวละคร แต่ละตัวใน เรื่องราวเหล่านี้ ยังมีชีวิต มีลมหายใจ ต่างคนต่าง มีหน้าที่การงาน โลดแล่นอยู่บนบรรณพิภพ ที่ยังสับสน วุ่นวาย และนับวันจะวุ่นวายมากยิ่งขึ้น ไปเรื่อยๆ เพราะต่างก็คิดว่าความคิดของตนเองถูก ตนเองฉลาดกว่า การประมวลเรื่องราวเหล่านี้ โดยจะเปรียบวิธีการ เป้าหมาย รูปแบบ ที่ควรจะเป็น ของสังคม เทียบกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในในสังคม จากการสนทนา พูดคุย เปรียบเทียบ ไปกับวิธีคิด ประสพการณ์ บนเส้นทางที่ผ่านมา หลังจาก จากห้วงเวลาที่ยังไม่ยาวไกลเกินไป

     ครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 2 ต่อจากครั้งแรก ที่ได้มีการพบปะพูดคุย ในกลุ่ม โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมานฯ เมื่อวันอาทิตย์ ที่ 23 มีนาคม 2551ที่ ณ สำนักงานปฏิรูปที่ดิน กระทรวงเกษตร นับตั้งแต่การ ก่อกำเนิด “sanamluang.bloggang.com” ที่ได้มีการ พบปะ สนทนา แลกเปลี่ยนเรื่องราวต่างๆ และก็คง จะมีการพบปะสมาชิกอีกจำนวนมาก ที่เคยได้ร่วมงานและมีส่วนเกี่ยวข้อง และการสนับสนุน ใน ด้านต่างๆ เราจะพยายาม นำเสนอต่อไป เราจะมิบังอาจจะสรุปว่า สิ่งที่เราคิด สิ่งที่เราทำ ว่ามันจะถูก หรือมันจะผิด อย่างไร เราเพียง ต้องการรวบรวม เรียบเรียงข้อมูล ในสิ่งที่ได้ทำ และสิ่งที่เราคิด ในอดีต ที่ได้เกิดขึ้นจริง ณ กาลครั้งหนึ่ง ...จากความทรงจำของคนกลุ่มหนึ่ง เท่านั้น.


วันเสาร์ที่ 12 กรกฏาคม 2551 เวลา 19.00 น. ซอยมัยลาภ เขตลาดพร้าว กทม.




นรินทร์ - ในช่วงที่ กำลังเรียนอยู่ธรรมศาสตร์ ผมยังได้เคยเข้าไปสังเกตการณ์งานค่ายที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อยู่บ่อยๆ จนบางที นักศึกษาเกษตร์ ก็ยังนึกว่าผมเรียนจบเกษตรฯ เพราะไม่ค่อยได้ไปธรรมศาสตร์ อยู่ที่ชมรมมหาวิทยาลัยชาวบ้าน มีพี่เปี๊ยก – บำรุง บุญปัญญา เค้าเป็นผู้ก่อตั้งชมรมนี้ เค้าก็แนวแอนตี้ค่ายอาสาพัฒนาที่สร้างแต่วัตถุแบบพี่กรณ์นี่แหละ เขาทำค่ายด้านจิตใจ ก็โดยที่เข้าไปสอนหนังสือเด็กในสลัม

กรณ์ – ของมหาวิทยาลัยทำในช่วงไหน ? ช่วงเวลาเดียวกับการทำ คชธ.รึป่าว?

นรินทร์ – ของเค้าทำมาก่อนเรานะ ของเค้าก็ทำขึ้นมาในปี ก่อนที่พี่กรณ์ทำ ซัก 2-3 ปี

กรณ์ – ผมจำได้ว่าในช่วงเวลาที่ผมเรียน ธรรมศาสตร์ สักปีที่ 1 ก็คงประมาณ ปี พ.ศ.2511 ในช่วงเวลานั้นก็เริ่ม มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์การทำงานค่าย “ค่ายวัตถุ” ผมเอง ก็เห็นด้วย เนื่องจาก พิจารณาแล้ว เราลงทุนค่อนข้างมาก กว่า ที่จะได้เงินทุนเพื่อการออกค่ายอาสา และเมื่อออกไปทำที่หมู่บ้าน ก็ค่อนข้างที่จะต้องใช้ ทรัพยากร ทั้งๆที่ พวกเราเองส่วนใหญ่ ไม่มีความรู้ทางด้านงานช่าง ซึ่ง ทั้งต้อง ลงแรงงานและ เงินทุนมาก และเลยซึมซับความคิดนี้มา รู้สึกว่าทำไมต้องไปเสียเวลาหาเงิน หาทอง แทนที่จะเอาเวลามาเรียนรู้และผสมผสาน ปัญหาและแนวทางการแก้ไขปัญหา ภายในหมู่บ้าน ซึ่งยังไม่ค่อยซับซ้อนเท่าไร เอาเวลามาศึกษาปัญหาในหมู่บ้าน โดยเอา ความรู้ที่ได้เรียนรู้มา จากสถาบันการศึกษา และจากตำรา ผสมผสาน ช่วยแนะนำแนวทาง สร้างแนวความคิดให้กับชาวบ้าน ซึ่งน่าจะถูกต้องตรงเป้าหมายของการออกชนบทมากกว่า

นรินทร์ – แต่สำหรับทางของมหาวิทยาลัยเกษตรฯ ผมไม่แน่ใจว่าเค้าคิดอย่างไร? อาจจะเป็นระบบที่เค้าต่อต้านอะไร แบบรุ่นพี่ รุ่นน้องอะไรรึป่าว ผมไม่แน่ใจ

กรณ์ – คงเป็นระบบโซตัส หรือเปล่า?

นรินทร์ –ไม่แน่ใจ แต่ผมเอง ก็มาจับเรี่องพวกนี้ มาสนใจทำเรื่องนี้ ได้ประมาณ 10 กว่าปีขณะที่ผมอยู่ชมรมนี้

กรณ์ – หลังจบแล้วหรือ?

นรินทร์ - น่าจะหลังจบการเรียนที่ธรรมศาสตร์ แล้ว ก็ประมาณสักปี พ.ศ. 2520-2521 หลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 เมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลเสร็จแล้ว ทางมหาวิทยาลัยต่างๆถึงได้ให้นักศึกษา เริ่มงานออกค่ายอาสาฯได้เป็นครั้ง แรก แต่ตอนนั้น คชธ.ของเราถูกยุบไป สถานการณ์ ตอนนั้น จะทำงาน อย่างเดิมก็ไม่ได้เสียแล้ว ก็เลยไปยึดค่ายอาสา พอผมดึงไปออกค่ายครั้งแรก ไปหาพื้นที่มาลง ตอนนั้นบรรจุอยู่สุรินทร์ เลยเอาที่สุรินทร์ โดยที่หัวหน้าก็อำนวยความสะดวกให้ทุกอย่าง กลุ่มที่ไป ได้เชิญ อาจารย์ ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ มาเป็นที่ปรึกษา

ตอนนั้นมีชาติชายเป็นรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ ซึ่ง ทำให้การทำงานราบรื่น ได้ความสะดวกเป็นอย่างมาก แต่ตอนแรกชื่อผมค่อนข้างออกไปทางสีแดงไปเลย เพราะ ช่วงนั้น ผมมีรายชื่อ อยู่ที่ กอรมน. แต่เนื่องจาก ได้อาจารย์ ไกรศักดิ์ฯ มาเป็นที่ปรึกษา ทำให้ผมได้ทำงานสะดวก ไม่มีปัญหาอะไร

กรณ์ – ในช่วงนั้นๆ มันก็มีหลายกลุ่ม หลายเป้าหมาย หลายแนวความคิด มีความหลากหลาย แล้วแต่สภาพ เงื่อนไข แล้วแต่ความพร้อมของแต่ละคน แต่ละกลุ่ม

นรินทร์ - ที่เกษตรฯ จะทำเหมือนของเราเลย เพราะตอนแรก เค้าก็ยังไม่ได้ตั้ง แต่เราตั้งก่อน เค้าก็มาสังเกตการณ์ของเรา พอเราทำสำเร็จ พวกน้องที่เกษตร ก็จับแนวทางของเรา แล้วไปคุยกับผม แล้วก็เลยไปเริ่มทำกันที่ จังหวัดสุรินทร์ ผมเองก็เอาทั้งรุ่นน้องที่ธรรมศาสตร์และนักศึกษา จากมหาวิทยาลัย เกษตรฯไปช่วยกันทำ และบางส่วน ก็พาไปตั้งเครือข่ายของพวกเรา ไปทำที่ จังหวัดอุทัยธานี บ้าง ไป ทำกันที่ จังหวัดนครสวรรค์ และบางคนก็ไปทำกันยังจังหวัดที่พวกเราอยู่กัน งานด้านค่ายอาสา ช่วงนั้น ก็เลยเริ่ม ดำเนินการต่อเนื่องกันได้

กรณ์ - ต้องยอมรับว่า ตอนนั้นพวกเราทำงานกัน แบบไม่ได้คิด ไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน และไม่ได้คิดเรื่องอนาคต อะไรเลย เรามีแต่เพียงไฟที่อยากจะทำงาน ทำงาน โดยรับช่วงงานและความคิด ต่างๆ ตกทอดกันมา เหมือนทั้งสมศักดิ์ฯ นรินทร์ฯ และ ธงชัยฯ ไม่ได้ทำกันเล่นๆ ทำกันอย่างจริงจัง ในช่วงนั้น
เราทำงาน ค่ายอาสาแบบทุ่มเทกันมาก เมื่อเปรียบเทียบกับสมัยนี้แล้ว มันไม่มีแบบก่อนๆ มันคนละเรื่อง เราก็เลยอยากรวบรวมสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อ เป็น ประวัติศาสตร์ ให้เด็กรุ่นหลังได้รู้ ได้ศึกษาแนวทาง และศึกษาพัฒนากันต่อไป.

นรินทร์ฯ - ครั้งต่อไป จะให้ พี่ ธงฯ เป็นแกนนำ ประสานงาน จัด พบปะ แลกเปลี่ยน กลุ่มใหญ่ เพื่อ ประมวลเรื่องราว ทั้งหมดอีก อาจเป็นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา คงแบบพักค้าง ต่างคนต่างพาครอบครัวไปด้วย อาจกางเต็นท์ นอน ที่บ้าน.............................?


From: narin_mn@hotmail.com
To: almeidat24@hotmail.com
Subject: RE: แก้ไขเพิ่มเติม
Date: Wed, 16 Jul 2008 10:15:10 +0700

ปล.

ช่วงเวลาของกาลครั้งหนึ่งฯเริ่มจากปี ๒๕๑๗ จนถึงประมาณปี ๒๕๑๙ หรือ ต้นปี ๒๕๒๐ ซึ่งเป็นช่วงวิบากของคุณวิมล(บรรทัดที่ ๙)
รูปสมัยแม่ตะมาน คงต้องขอเวลาค้นหา และจะประสานกับเฉ่า(เชาวลิต)รวบรวมให้พี่กรณ์ต่อไป

นรินทร์ ๑๖ ก.ค ๕๑






บางอย่างที่ได้เกิดขึ้นที่บ้านเทศบาลที่เราไม่ทราบมาก่อน


    คุณพ่อวิวัฒน์ฯที่บ้านอยู่หลังเทศบาล ท่านเป็นหัวหน้ากองการศึกษาเทศบาล ซึ่งขณะนั้นท่านก็ยังเป็นผู้อำนวยการฝึกลูกเสือชาวบ้านจังหวัดเชียงใหม่ด้วย ท่านเคยถูกผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่่ในสมัยนั้น ถามในที่ประชุมที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่(หลังเก่า) ก่อนเกิดเหตุการณ์ ๖ ตุลา ๒๕๑๙ ว่า....

"ท่านผู้อำนวยการกองการศึกษาฯ ครับ ผมได้ข่าวว่าที่บ้านท่านมีคอมมิวนิสต์ไปซ่องสุมอยู่เยอะแยะเลยหรือ?"

คุณพ่อวิวัฒน์ก็ได้ตอบกับผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ว่า "ท่านครับ ผมว่าให้คอมมิวนิสต์มาอยู่กับผม ผมสามารถดูแลควบคุมได้อย่างใกล้ชิด ผมสามารถรู้ว่าเขาคิดอะไร เขาจะทำอะไร ยังดีกว่าให้คอมมิวนิสต์ ไปอยู่กันที่อื่นนะครับ "

     ส่วนพวกเพื่อนๆต้อยภานุพันธ์ ฯ ก็มักจะถูกคนเชียงใหม่(ขณะนั้น) เพ่งเล็งว่าเป็นคอมมิวนิสต์ กันไปหมด ทั้งๆที่เขาเหล่านั้นไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย นี่คือ ภาพนักศึกษาที่ออกพัฒนาฯตามชนบทของทางราชการในสมัยนั้นสร้างขึ้นมา แล้วมาในสมัยนี้ สิ่งเหล่านั้น...คืออะไร มันกลายเป็นเรื่องตลกที่เป็นอุปสรรคในการพัฒนาระบบการปกครองแบบประชาธิปไตย ทำให้สังคมไทยเราอ่อนแอ การพัฒนาชนบทผิดรูปผิดร่าง ชาวบ้าน ไม่กล้าคิด ไม่กล้า ทำอะไร ต้องพึงพาราชการตลอดเวลา อย่างโง่เง่าที่สุด นี่แหละที่ทำให้ การพัฒนาประชาธิปไตยสังคมไทยเราพัฒนาไม่ไปถึงไหน และทำให้คนไทย หวาดระแวงกันเอง ทะเลาะกันเอง ฆ่ากันเอง ในเหตุการณ์ครั้งนั้น ในเหตุการณ์เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 จนนักศึกษา ประชาชนเหล่าานี้ หลายคนต้องหลบหนีเข้าป่า ไปต่อสู้ร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเต็มตัว และเข่นฆ่าเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2535 ขอถามว่า ใครเป็นผู้ก่อการร้ายตัวจริงกันแน่ ??

     ส่วนที่บ้านของน้าสนธิ์ บ้านป่าห้า แถวหลัง มช. เป็นบ้านที่พวกเราได้นำภาพยนตร์สารคดี และภาพยนตร์เผยแพร่ประชาธิปไตย (ไม่ใช่ ภาพยนตร์เผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์เลย )มาลองเปิดฉายก่อนที่จะนำไปฉายให้ชาวบ้านแม่ตะมานดูกัน เพื่อเผยแพร่ประชาธิปไตย

     เรื่องราวต่างๆเหล่านี้ ขอถามว่า มุมมองของฝ่ายปกครองแบบนี้ในสมัยนั้น นับว่าเป็นอุปสรรค ทำลาย พลังความตั้งใจของนักศึกษา ปัญญาชน ที่มีจิตใจเสียสละ อยากที่จะเข้าไปพัฒนา สังคมในชนบท และอยากที่จะให้ชนบทมีความเข้มแข็ง อย่างแท้จริง ท่านคิดดูซิว่า แล้วทัศนะของฝ่ายปกครองในการพัฒนา ชนบท พัฒนาการปกครองในระบบประชาธิปไตย คืออะไร?

     แท้ที่จริงแล้วฝ่ายปกครองกลัวว่าชาวบ้านจะ ฉลาด กลัวว่าชาวบ้าน จะรู้ทัน กลัวว่าชาวบ้านจะต่อต้านการโกง กิน การฉ้อราษฏร์บังหลวง ต่างหาก

     เดี๋ยวนี้ใครต่อใครที่จะอ้างความชอบธรรมในการต่อสู้ทางการเมือง ก็มักจะอ้างการต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย เรียกร้องรัฐธรรมนูญ เรียกร้องการต่อสู้อำนาจเผด็จการทหาร ก็มักจะอ้างการต่อสู้ของนักศึกษา ปัญญาชน และประชาชน ในเหตุุการณ์เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2516...วันที่ 6 ตุลาคม 2519 ตลอดจนเหตุการณ์เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2535

     แล้วถามว่าตอนนี้คนที่เคยต่อต้าน เข่นฆ่านักศึกษา ปัญญาชน และประชาชน อย่างเช่น พ.อ.อุทาน สนิทวงศ์ ณ อยุธยา,พล.ต.สุดสาย เทพหัสดิน ณ อยุธยา และนักปลุกระดมให้คนไทยเข่นฆ่า ประหัสประหารกัน จนเกิดโศกนาฎกรรมวันมหาวิปโยค ดั่งที่ปรากฏเป็นจุดด่างในประวัติชาติไทย....เขาเหล่านั้นไปไหนกันหมด





สวัสดีครับทุกท่าน

อย่างนี้ครับ

     ผมได้รับวารสารจาก คณะบัญชีเป็นประจำ บังเอิญ ฉบับหลังสุด มี เรื่อง "จากห้องเรียนสู่ท้องนา จับมือร่วมสร้างปัญญา" ซึ่งคณะบัญชีนั้นไม่ค่อยได้ สนอกสนใจกิจกรรมทางสังคม อจ. ธงชัย สันติวงษ์ อดีต คณบดี ก็ เคย ยกตัวอย่าง บางคนในกลุ่ม พวกเราที่ไปแม่ตะมาน ว่า
นี่ไหง พวกที่สนใจกิจกรรมทางสังคม การเมือง และเห็นว่า เนื้อหาในฉบับนี้น่าสนใจ จึง อยากจะ ส่ง รายละเอียด วารสารฉบับ นี้ ขึ้นไปประกอบกับ เรื่อง กาละครั้งหนึ่งที่แม่ตะมาน เพื่อเชื่อมโยง อดีต เข้ากับปัจจุบัน และหากสามารถขยายผลได้ ที่ ทำให้ โครงการชองคณะบัญชี ในเรื่องนี้ จะทำให้เกิด การ
แลกเปลี่ยนเรียนรู้ จาก รุ่นพี่ สู่ รุ่น น้อง พี่ ต้อย ว่า ไหง

ไตรเทพ

ปล.จึงได้ไป สร้าง ข้อความไว้ในหัวข้อแรก ของ กาละครั้งหนึ่งฯ แต่ส่งภาพ ไม่ได้ ครับ

คลิกที่รูปเพื่อขยาย





กาลครั้งหนึ่งในแม่ตะมาน ตอน๑


H O M E


( กลับไปด้านบน )





Create Date : 27 กรกฎาคม 2551
Last Update : 16 กันยายน 2552 2:15:10 น. 1 comments
Counter : 901 Pageviews.

 
แวะมาทักทายค่ะ ตัวเองยังเป็นเพียงนักศึกษาปีแรกของมหาวิทยาลัยที่สวยที่สุดในประเทศไทย ยังต้องศึกษาหาความรู้และประสบการณ์ต่างๆ อีกเยอะค่ะ ^^


โดย: เมย์ (เด็กน้อย ณ ดอยแง่ม ) วันที่: 27 กรกฎาคม 2551 เวลา:23:46:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.