OuR DrEaMs ArE YoUnG AnD We BoTh KnOw ThEy WiLL TaKe Us WhErE We WaNt To Go
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
21 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 

I'm so proud of you sissy^^

ไม่มีเวลาที่จะอัพบล๊อกเลยค่ะเปิดเทอมเเล้วเเละก็โชคดีได้งานใหม่เพิ่มขึ้นอีกอย่างเป็ณคุณครูค่ะงานนี้ หุๆ วันนี้ไม่มีเวลาอัพเดทชีวิตตัวเองนะคะเดี๋ยวต้องไปอ่านหนังสือต่อ ขออัพเรื่องพี่สาวเเทนละกันค่ะ เเบบว่าเมื่อกี้นั่งอ่านข่าวของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการเเล้วดันเจอพี่สาวตัวเองถูกสัมภาษณ์ลงหนังสือพิมพ์ พี่เเหมม(เเหมม..นะคะไม่่ใช่เเหม่ม)เป็นลูกสาวคุณลุงพี่ชายเเื้ท้ๆของคุณพ่อจาร์ค่ะ ขอก๊อปข่าวทั้งหมดจาก นสพ.มาลงเลยละกันนะคะเพราะไม่มีเวลาพิมพ์ละ เมื่อบล๊อกก่อนพึ่งขโมยรูปพี่เเหมมสะพายกระเป๋ามาลงอยู่เลย อิๆ ตอนเด็กๆเราเเทบไม่เคยเจอกันเลยเพราะพี่เเหมมตามคุณพ่อไปประจำการอยู่่ที่ฝรั่งเศส โตมาก็ได้เจอกันเรื่อยๆเเต่นี่ก็ไม่ได้เจอกันหลายปีเเล้วเพราะกลับไทยทีไรพี่เเหมมไม่เคยว่างเลย ครั้งที่เเล้วก็ได้เเค่ไปเยี่ยมคุณลุงกับคุณป้าเเต่ไม่ได้เจอพี่เเหมม กลายเป็นว่าเราใช้ Hi5 ติดต่อกันเเทนซะงั้น


ใครอยากอ่านจากหนังสืือพิมพ์ก็ลิงค์นี้นะคะ

//www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9510000098097&#C;mment



จากลีดฯจุฬาฯ สู่ “ดอกเตอร์” “กิจกรรมสร้างความสำเร็จ” คำให้การของ ดร.สาว (สวย)



ท่ามกลางความเข้มข้นของการแข่งขันด้านการศึกษา เด็กไทยที่น่าสงสารหลายคนต้องหน้าดำคร่ำเครียดอัดบทเรียนเข้าสมอง ด้วยวิธีการเรียนในห้องเรียน รวมไปถึงการเรียนพิเศษเตรียมตัวสอบเข้า จนบางครั้งจุดประสงค์ของการศึกษาที่แท้จริงถูกลืมเลือนไป บริบททางการศึกษาเปลี่ยนจากการเรียนเพื่อให้ “รู้” เป็นเพื่อ “สอบแข่งขัน” เด็กไทยจำนวนไม่น้อยเอาชีวิตไปแขวนไว้กับผลการสอบโอเน็ต-เอเน็ต จนพวกเขาได้ “ทิ้ง” สิ่งที่เรียกว่า “กิจกรรม” อันเป็นสิ่งที่สำคัญไม่น้อยกว่าการศึกษาไปโดยสิ้นเชิง ซ้ำร้ายผู้ปกครองหลายคนยังมีทัศนคติเชิงลบว่ากิจกรรมทำให้เสียการเรียนด้วย...





แต่หนึ่งตัวอย่างที่พิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วว่า “กิจกรรม” ที่ใครๆ หาว่าจะทำให้เสียการเรียนนั้น กลับกลายเป็นทั้ง “ส่วนเสริมสร้าง” และ “ส่วนเติมเติม” ให้ชีวิต ตัวอย่างรายนี้คือ “โชติกา สุญาณ.เศรษฐกร” หรือ “พี่แหมม” ว่าที่ด็อกเตอร์สาววัย จากรั้วจามจุรี ผู้ช่วยนักวิจัยจากศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติหรือที่รู้จักกันในนาม “ไบโอเทค”

“มีวันนี้ได้เพราะกิจกรรมที่ทำสมัยเรียน”


เปิดปูมเส้นทางการศึกษา

ว่าที่ดอกเตอร์สาวรายนี้ จบการศึกษาระดับประถมจากโรงเรียนราชินี ระดับมัธยมจากโรงเรียนสาธิตปทุมวัน และสอบเอนทรานซ์ติดคณะวิทยาศาสตร์ ภาควิชาพันธุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นในระดับปริญญาโท โชติกา ตัดสินใจไปเรียนต่อด้าน Human Molecular Genetic (อนุพันธุศาสตร์ของมนุษย์) ที่ Imperial College อันเป็นสังกัดของ University of London และกลับมาใช้วิชาที่เล่าเรียนมาช่วยพัฒนาวงการงานวิจัยบ้านเรา โดยเข้าทำงานเป็นผู้ช่วยนักวิจัยที่ไบโอเทคเป็นเวลา 4 ปี

“ดอกเตอร์ที่ไบโอเทคมีมากชนิดเดินชนกัน พอเราเห็นแบบนี้ ไม่ใช่อิจฉานะ แต่อยากเอาชนะตัวเอง มันเป็นบททดสอบที่ท้าทาย และเราก็อยากทำให้สำเร็จ ก็เลยตัดสินใจไปเรียนต่อปริญญาเอก”

ทุนที่ โชติกา ไปเรียน คือ ทุน “คปก.” หรือทุนโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก ที่มุ่งผลิตนักวิชาการระดับปริญญาเอกเพิ่ม 5,000 คนภายในเวลา 10 ปี ตั้งแต่พ.ศ. 2541-2551เป็นทุนที่สกว.ให้นักวิจัยระดับอาจารย์ปีละ 1 ทุน คนละไม่เกิน 5 ทุน เพื่อคัดเลือกลูกศิษย์เข้าศึกษาในระดับปริญญาเอก และที่พิเศษคือ ทุนนี้จะให้โอกาสไปศึกษาวิจัยในต่างประเทศเป็นระยะเวลา 6 เดือนด้วย

“นิสิตนักศึกษาที่สนใจจะรับทุนนี้ ก็ต้องไปขออาจารย์ก่อน แล้วก็ส่งแบบฟอร์มขอทุนพร้อมทรานสคริปต์และผลงานไปให้อาจารย์พิจารณา เมื่อผ่านการพิจารณาแล้วก็ลาศึกษาต่อ”

ว่าที่ ดร.สาว กล่าวต่อไปว่า ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจศึกษาต่อระดับปริญญาเอกในสหสาขาวิชา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีหัวข้อการวิจัยวิทยานิพนธ์ยาวเหยียดว่าด้วยเรื่อง “บทบาทของหน่วยย่อย B55 Beta ของโปรตีนฟอสฟาเทส 2A ต่อฟอสโฟรีเลชั่นของโปรตีน ATM ในมนุษย์”

ปัจจุบัน โชติกา อยู่ในสถานะที่เรียกว่า PH.D. Candidate หรือ “ว่าที่ดอกเตอร์” เหลือเพียงการเดินทางไปศึกษาวิจัยในต่างประเทศและกลับมาสอบ ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แทบจะแน่นอนว่า หลังจากกลับมาและสอบเรียบร้อย เธอก็จะได้เป็นด็อกเตอร์เต็มตัว


ชีวิตบนถนนสาย “กิจกรรม”

หลังจากการเล่าประวัติทางการศึกษา หลายคนคงฟันธงว่า เก่งระดับนี้ สมัยเด็กๆ คงต้องจัดอยู่ในกลุ่ม “นักเรียนดี 1 ประเภท 1” ผลสอบติดอันดับต้นๆ ตลอด ใส่แว่นตาโต วันๆ ไม่ทำอะไรนอกจากท่องหนังสือเป็นแน่ แต่เจ้าตัวก็ได้เฉลยข้อสงสัยเหล่านี้ด้วยเสียงหัวเราะแล้วย้ำประโยคเดิมเมื่อแรกที่กล่าวถึงปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จแบบทุกวันนี้

“มีวันนี้ได้เพราะกิจกรรมที่ทำสมัยเรียน”

โชติกา เล่าว่า เธอเป็นลูกคนเล็กของครอบครัวที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ดุ แต่มีกรอบที่ดีงามให้ลูกสาวทั้งคู่ได้ปฏิบัติตาม เธอเป็นเด็กเรียบร้อย ไม่ชอบเดินห้างสรรพสินค้า ไม่เที่ยวกลางคืน เพียงเท่านี้ก็พอที่จำทำให้คุณพ่อคุณแม่ไว้ใจ ไม่จ้ำจี้จ้ำไช และรอดูอยู่ห่างๆ ทำให้มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง

“คือ เป็นคนที่ทำอะไรก็ตาม ต้องทำให้ถึงที่สุด ทำให้เต็มที่ เรียนก็เรียนเต็มที่ เล่นก็เล่นเต็มที่ ไม่ใช่เด็กเกเร เด็กๆ ไม่ชอบไปชอปปิ้ง ไม่เที่ยวห้าง ก็ไม่ได้เบื่อ เพราะไม่ว่างเลย พ้นจากเรียนหนังสือ ก็ทำกิจกรรม สมัยเรียนประถมก็รำมาตลอด เป็นนางรำ พอขึ้นมัธยม เรียนที่สาธิตปทุมวัน บอกได้เลยว่า ระบบการสอนของที่นี่สอนอะไรหลายอย่างมาก เป็นโรงเรียนที่กิจกรรมเยอะมาก”


สะสมเข็มไมล์ประสบการณ์และประยุกต์ใช้




ว่าที่ดอกเตอร์รายนี้ กล่าวต่อว่า อาจจะเป็นเพราะเหตุการณ์ที่คุณพ่อ (พล.ร.ท.โสธร สุญาณเศรษฐกร อดีตทูตทหารประจำประเทศฝรั่งเศส) ต้องไปประจำอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ทำให้เธอต้องตามไปอยู่ที่นั่นประมาณ 3 ปี ทำให้นิสัยกล้าแสดงออกติดตัวกลับมาด้วย

เมื่อเข้าเรียนในระดับประถม ด้วยความที่กล้าพูด กล้าถาม กล้าแสดงออก ก็ทำให้โชติกาได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าห้อง และทำกิจกรรมต่างๆ เป็นผู้นำเพื่อนๆ มาตลอด ต่อมาก็ยังเป็นนางรำของโรงเรียน ยิ่งตอกย้ำให้เธอเป็นเด็กที่รักการทำกิจกรรมมาตั้งแต่นั้น

ในระดับมัธยมต้นก็ได้รับเลือกเป็นเชียร์ลีดเดอร์ของโรงเรียน จนกระทั่งมัธยมปลายก็ยังทำกิจกรรมนี้อยู่ ได้มีโอกาสเป็นทั้งของกีฬาภายในโรงเรียนและกีฬาสาธิตสามัคคี ซึ่งเป็นกีฬากระชับมิตรของกลุ่มโรงเรียนสาธิตฯ ด้วย

จนระดับอุดมศึกษา ที่ได้ก้าวเข้ามาเป็นจามจุรีสาวในรั้งสีชมพู โชติกาก็ได้รับเลือกเป็นเชียร์ลีดเดอร์ของคณะวิทยาศาสตร์และของมหาวิทยาลัย



>



“พูดถึงเรื่องเรียน ก็ไม่ใช่คนเรียนเก่งนะ ตอนเรียนมัธยมสอบได้ 3 ต้นๆ ประมาณ 3.2-3.5 ถือว่าเรียนใช้ได้ ไม่ได้เก่งมาก คนเก่งกว่านี้ก็มี ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้เกียรตินิยม แต่อาศัยเป็นคนไม่เกเร ไม่เคยโดดเรียน แล้วก็ตั้งใจเรียนในเวลาเรียน ที่บอกว่า กิจกรรมทำให้มีวันนี้ เพราะเชื่อว่าการที่เราได้ทำกิจกรรม ได้รำ ได้เป็นลีดฯ ได้กระโดดโลดเต้น คือร่างกายเราได้เคลื่อนไหว ได้ออกกำลังกาย มันก็สดชื่น เทียบกับนั่งเรียนหรือนั่งอ่านหนังสืออย่างเดียวมันล้า ไม่fresh พออ่านหนังสือเหนื่อย ก็ออกไปทำกิจกรรม ร่างกายและสมองเราได้รับการกระตุ้นจากการออกกำลังกาย”







“ตอนสอบเอนท์ ก็ไม่ใช่ว่าเราทำกิจกรรมแล้วจะเสียการเรียนนะ คือกิจกรรมที่ทำมันเป็นกิจกรรมเสริมหลักสูตรของโรงเรียน ถ้าเป็นกิจกรรมอื่นๆ ที่บ้านไม่อนุญาต อย่างมีคนมาติดต่อขอถ่ายแบบ คุณพ่อนี่สกัดดาวรุ่งตั้งแต่เริ่มโทรมาขอ ไม่ให้เลย เรื่องนี้เข้มงวดมาก จะบอกเสมอว่าเราเป็นเด็ก หน้าที่หลักคือเรียนหนังสือ แต่ถ้าเป็นกิจกรรมโรงเรียน ถึงไหนถึงกัน จะสนับสนุนตลอด โรงเรียนสาธิตมีกิจกรรมเยอะมาก แทบทุกคนต้องมีกิจกรรม แต่ก็ไม่ทิ้งการสอน ระบบการสอนเค้าแน่นมาก อย่างภาษาอังกฤษนี่ที่อื่นติวกันตอน ม.ปลาย แต่ที่โรงเรียนจะอัดมาตลอดตั้งแต่ ม.3”







เมื่อถามถึงสิ่งที่ได้รับจากการทำกิจกรรมสะสมมาตั้งแต่วัยเยาว์ พี่แหมมบอกว่า ได้รับประโยชน์มากมาย ทั้งได้ฝึกภาวะผู้นำ ได้ฝึกนิสัยรับผิดชอบ เพราะแต่ละกิจกรรมก็จะมีภาระหน้าที่ที่ต้องทำแตกต่างกันออกไป นักเรียนที่ทำกิจกรรมระหว่างเรียนด้วย จะได้ฝึกการรับผิดชอบหน้าที่หลักคือการเรียน และรับผิดชอบกิจกรรมเสริมไปพร้อมๆ กัน ทำให้คุ้นชินการรับผิดชอบภาระหน้าที่หลายอย่างพร้อมๆ กัน และฝึกการแบ่งเวลาและจัดระเบียบลำดับความสำคัญในการทำสิ่งต่างๆ อีกด้วย


ก้าวต่อไป “ถึงไปก็กลับมาทำงานให้ประเทศไทยแน่นอน”


ด้วยความที่อีกไม่นานจะต้องเดินทางไปศึกษาวิจัยที่ต่างประเทศเป็นเวลา 6 เดือน โชติกา จึงได้หยิบยกประเด็น “สมองไหล” ของนักวิจัยจำนวนไม่น้อยที่เลือกจะออกไปทำงานในต่างประเทศมาให้ความเห็นว่า การตัดสินใจเลือกทำงานในประเทศหรือต่างประเทศ ซึ่งไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็เป็นสิทธิที่เจ้าตัวกระทำได้ แต่สำหรับส่วนตัวเองแล้ว ไม่เคยมีความคิดจะไปทำงานที่ต่างประเทศ แม้ว่ารายได้อาจจะมากกว่าเงินเดือนในเมืองไทยถึง 8 เท่า แต่ด้วยเพราะมีครอบครัวอยู่ที่เมืองไทย และพอใจที่จะทำงานเพื่อตอบสนองนโยบายของประเทศบ้านเกิดเมืองนอนมากกว่า







“คือ มันเป็นทางเลือก คนที่เลือกไปทำงานเมืองนอกมันก็เป็นสิทธิ์ของเขา ไม่มีใครผิด แต่เราเลือกที่เราจะตอบแทนประเทศ ตามวิธีที่เราทำได้ ไม่ได้บอกว่าเป็นคนดีนะ แต่คือคนเราหากได้ทำอะไร ก็ควรทำให้เต็มที่ รักษาหน้าที่ให้ดีที่สุด หน้าที่ของเด็กนักเรียนก็คือตั้งใจเรียน เราเป็นนักวิจัย เราก็อยากตอบแทนประเทศด้วยการวิจัยงานของเราให้เต็มที่ เพื่อจะได้สร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศให้ได้มากที่สุด” โชติกา ทิ้งท้าย






Ps.คุณปิ๊กใช่เเล้วค่ะน้องเอ็มเเละน้องเเอมมีศักดิ์เป็นหลานของจาร์เเละพี่เเหมมเราเป็นอาค่ะ ทั้งคู่เรียนที่ รร.จิตรลดา ตั้งเต่เล็กจนจบม.ปลาย เเต่ช่วงที่ทั้งคู่เด็กๆก็ย้ายตามคุณพ่อเค้าไปประจำการที่อังกฤษอยู่สองสามปี น้องเอ็มตอนนี้จบโท(สองใบ)กลับมาจากอังกฤษเรียบร้อยเเล้วจ้า โลกกลมเน๊อะ





 

Create Date : 21 สิงหาคม 2551
16 comments
Last Update : 21 สิงหาคม 2551 13:42:20 น.
Counter : 1561 Pageviews.

 

แวะมาชื่นชมด้วยคนค่ะ ความสำเร็จเนี้ย มันไม่ได้ ได้มาง่ายๆเลยนะค่ะ

 

โดย: Irish girl 21 สิงหาคม 2551 3:21:58 น.  

 

ชื่นชมในความสามารถและความรับผิดชอบมากๆเลยจ๊ะ แถมน่ารักอีกต่างหาก

ชื่นชมและดีใจกับจ้าร์ด้วนนะ ที่ได้งานเพิ่ม ขอให้จ้าร์เจอนักเรียนน่ารักๆนะจ๊ะ
ว่าแต่จ้าร์เป็นครูสอนอะไรเอ่ย

 

โดย: i'mdancingaloneonthemoonlight 21 สิงหาคม 2551 3:41:59 น.  

 

แวะมาชื่นชมคนเก่ง แอนด์ สวยด้วยคนค่ะ

 

โดย: ป้ามะลิกับลุงมะระ 21 สิงหาคม 2551 3:55:58 น.  

 

หวัดดีจ้า สบายดีไม๊ ยินดีด้วยนะกับงานใหม่หวังว่าจาร์คงสนุกกับงานนะ ส่วนเรื่องพี่สาวจาร์ ยาวมากเลยอ่านไม่หมดแต่ชื่มชมคนเก่งด้วยคนจ้า

อากาศแย่มากช่วงนี้รักษาสุขภาพด้วยนะ

 

โดย: stila 21 สิงหาคม 2551 4:42:08 น.  

 

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะคะ

ตอบคุณปิ๊กหลังไมค์นะคะ..ใช่เเล้วค่ะน้องเอ็มเเละน้องเเอมมีศักดิ์เป็นหลานของจาร์เองค่ะ จบจาก รร.จิตรลดาทั้งคู่ เเต่ช่วงที่ทั้งคู้เด็กๆก็ย้ายตามคุณพ่อเค้าไปประจำการที่อังกฤษอยู่สองสามปี น้องเอ็มตอนนี้จบโทกลับมาจากอังกฤษเรียบร้อยเเล้วจ้า โลกกลมเน๊อะ

 

โดย: Jaz in Norway 21 สิงหาคม 2551 13:30:32 น.  

 

แวะมาชื่นชมคนเก่งและสวยคะ
น้องหมาก็น่ารักมากๆเลย

 

โดย: ich habe kein Geld 21 สิงหาคม 2551 16:46:35 น.  

 

ดีใจกับน้องจาร์ด้วยนะคะเรื่องงานใหม่ ขอให้ตั้งใจเรียนเนอะจะได้เก่งๆ มีพี่สาวเก่งแบบนี้น้องสาวก็ต้องเก่งเหมือนกันดิ ชิมิ ชิมิ๊...

 

โดย: Flowerfun 21 สิงหาคม 2551 17:59:48 น.  

 

จาร์ได้งานเป็นคุณครูเหรอ ดีใจด้วยนะ
ญาติจาร์เก่งจริงจริง แถมหน้าตาดีด้วยนะเนี่ย เชื้อไม่ทิ้งกันจริงจริง
เทคเเคร์จ้า

 

โดย: เมย์ (mayistheone ) 21 สิงหาคม 2551 18:09:05 น.  

 

แวะมาเยี่ยมจ้า ช่วงนี้หายไปนาน หวังว่าน้องจาร์สบายดีนะค่ะ

 

โดย: Lek (INGEN ER PERFEKT ) 21 สิงหาคม 2551 21:30:46 น.  

 

พี่สาวจาร์ หน้า เก๋ ดีเนอะ

อย่างที่ชมไปแล้ว อิ อิ

เก่งแล้ว สวยอีก ฮา ๆๆๆ

พี่นุชชื่นชมค่ะ เพราะว่าพี่สาวจาร์ เก่ง จริง ๆ

ม่ายช่าย ไม่มีไรพรีเซนต์ เอาของมากลบเกลื่อน อ่ะเนอะ


กู๊ด ไนท์ ฝันดีจ๊ะ

ปล แต่ก้อดีกว่าบล้อคพี่น่ะคะ ไม่มีไร ไร้สาระ ครอบครัวของพี่ ความงามของพี่ แล้วก้อสิ่งของ มีแค่นี่ล่ะค่ะ

 

โดย: nattawara 22 สิงหาคม 2551 1:57:32 น.  

 

หูย ทั้งสวยทั้งเก่ง ยินดีด้วยมากค่ะ

 

โดย: thaispicy 22 สิงหาคม 2551 2:10:24 น.  

 

พี่สาวจาร์ สวยเก่ง แบบไม่ธรรมดาน่ะเนี่ย

อย่างนี้เค้าเรียกว่างามอย่างมีคุณค่า จาร์เอ๊ย

หุหุ เด่นแบบไม่มีอะไรมาทดแทนได้เลย ว่าที่ด๊อกเตอร์ด้วย

ดีใจด้วยน่ะจ้า มีพี่สาวเก่งขนาดนี้

 

โดย: hoshi_nao 22 สิงหาคม 2551 14:23:36 น.  

 

wow ....nong Jar ur sisy she is amazing gilr beuatiful and intelligent this is simbol girl to day ka.

ps . i have apointment wiht doctor wednesday 27 o8 naka if u want to jam us u can come naka in oslo i will call u befor i'm driving naka. i will parking at Thron opera Hotel ka.
and may b we going some cafe' naka let see ka.
take care naka.

 

โดย: Stjerne Ng 24 สิงหาคม 2551 1:14:51 น.  

 

แวะมาเยี่ยมว่าจ้าร์ว่าสบายดีนะ
ทั้งเรียนและทำงานอ่ะ อย่าหักโหมมากน๊าาา ดูแลสุขภาพด้วนนะจ๊ะคนสวย

 

โดย: i'mdancingaloneonthemoonlight 26 สิงหาคม 2551 13:16:12 น.  

 

พี่แหมมของจาร์ทั้งสวยทั้งเก่ง มิน่าล่ะเพื่อนจาร์ถึงได้ปลื้มและภูมิใจในตัวพี่สาวคนนี้ อายุยังน้อยหน้ายังดูเด็กๆอยู่เลยเป็นดร.แล้ว ตัวอย่างที่น่าเอาเป็นแบบอย่างจริงๆจ้ะจาร์ สอนหนังสือเหรอจาร์งานใหม่ขอให้สนุกกับงานนะจ้ะคนสวย

 

โดย: caramella 28 สิงหาคม 2551 1:32:33 น.  

 

ทั้งเก่งและสวย นี่แหละคือคุณภาพอะคะ

 

โดย: อู๊ด (mattrawannaka ) 29 สิงหาคม 2551 22:35:16 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Jaz in Norway
Location :
กรุงเทพฯ Norway

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ขอบคุณสำหรับโค๊ตเเต่งบล๊อกจาก คุณเเอน thattron เเละ พี่กุ้งสุดน่ารัก KungGuenter
Friends' blogs
[Add Jaz in Norway's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.