" แม่ขี้มูกน้อย " ปลายทางแห่งความตั้งใจ (ตอนจบ)
การเดินทางไปบ้านแม่ขี้มูกน้อย.งระยะทาง 19 กม.จากตัวอำเภอ การเดินทางจากที่ว่าการอำเภอข้ามสะพานไปแล้วเลี้ยวซ้ายไปเจอบ้านท้องฝาย เลี้ยงขวาตรงป้ายชี้ไปบ้านสองธาร 10 กม. บ้านทุ่งแก 35 กม. หากเดินทางคนเดียวจะใช้เวลาไม่นาน แต่บังเอิญคาราวานครั้งนี้มีรถร่วม 20 คัน สมาชิกบางคันยังไม่ชินกับทางธุรกันดารมากนัก จึงใช้เวลาค่อนข้างนานหมู่บ้านแม่ขี้มูกน้อย เป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงมี รร.อยู่กลางหมุ่บ้าน สังกัด กศน. อาคารเรียนหลังใหม่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนิน..มีแปลงผัก ผลไม้อยู่ข้างบันได ทางขึ้น มีห้องน้ำหลังใหม่ อยู่เยื้องไปทางด้านหลัง..ทีมงานไปถึงต่างช่วยกันเก็บตกงานที่ยังเหลือ เช่น ทาสีผนัง ทำกระดานดำ เสาธง โต๊ะปิงปอง เครื่องขยายเสียง เป็นต้น บาส่วนที่ภรรยาและลูกมาด้วยก็แยกไปทำอาหาร บางคนมีฝีมือทางทำผมกฌเปิดซาลอนกลางป่า ทั้งสระ ซอย ฟรี พอเสร็จยังนึกว่านิโคลมาเอง..ผมชี้ไปมากิ๊บเก๋มากส่วนทีมตรวจรักษาของ 2 รพ.ก็จัดแจงสถานที่ นัดแนะกันเล็กน้อยกับทีม รพ.แม่แจ่ม หมอ เภสัชกร ห้องฟัน พยาบาล รวม ๆกันแล้วก็เปิดเป็นรพ.ย่อมๆได้เลยทีเดียวเย็น ๆ พระอาทิตย์ใกล้ตก..ฉันกับเพื่อนฉวยโอกาสเดินเที่ยวหมู่บ้านบนเนินเขาข้างหน้า เพื่อหาโลเกชั่นลั่นชัตเตอร์เก็บภาพสวย ๆ แต่น่าเสียดาย เมฆหมอกหนาตัวตั้งแตตอนกลางวัน..จึงบดบังดวงอาทิตย์ผู้น่าสงสารไม่ให้พบปะกับโลก...กลางคืนอากาศหนาวเย็น..กลิ่นดอกไม้ก่อลอยมาตามลม..กลิ่นเขียว ๆ คล้ายกลิ่นดอกจำปา ช่อดอกคล้ายช่อมะม่วง ส่วนดอกนั้นคล้ายดอกลำใย แต่สีออกเขียว เหลือง ..เฮ้อ! ช่างน่าสงสารต้นก่อนัก..เหมือนเขาไปหมดคืนนี้เรานอนกันในเต๊นท์ ในอาคารเรียนหลังเก่าอีกทีหนึ่ง ก่อนนอนทีมงานมารวมกันที่ลานหน้าอาคารหลังเก่า เพื่อดูการแสดงของนักเรียน...เด็กชายปกากะญอกับเตหน่า....เครื่องดนตรีประจำเผ่า ได้สะกดจิตใจและจินตนาการของทุกคน ความไพเราะของเตหน่า สำเนียงที่ไม่ชัดของคนร้อง...บรรยากาศรอบๆ มีแสงจากกองไฟ จากหลอดไฟเพียงดวง สองดวง...ฉันคงลืมมันไม่ได้ง่าย ๆ แน่ตอนเช้าของวันต่อมา เราพากันเดินไปบ้านชาวบ้านเพื่อจะอุ่นกับข้าว..จนเจอกับบ้านหลังหนึ่งกำลังทำข้าวหนุกงา กรรมวิธีง่าย ๆ คือนำข้าวเหนียวนึ่งตำปนกับงาดำในครกกระเดื่อง ..จนงากับข้าวเข้ากันดี..ใส่เกลือเล็กน้อยจะทำให้รดชาดดีขึ้น..อารามอยากชิมอยากชิมเลยถือวิสาสะขอใช้เตาบนบ้านอุ่นกับข้าวเสียเลยภาคเช้าเราตรวจรักษาต่อ คนไข้เริ่มน้อย...ใกล้เที่ยงเราจึงร่ำลากับคุณอัครวุฒิ จันทร์ขจร เจ้าของรายการ" โรงเรียนของหนู" แล้วภาพของแม่ขี้มูกน้อยก็ค่อยลับเหลี่ยมเขาไปทุกทีจนมองไม่เห็นหมู่บ้าน..ระหว่างทาง เราสวนกับทีมที่จะมาเข้าร่วมพิธีมอบอาคารเรียน..น่าเสียดายที่เราไม่ได้อยู่ร่วมพิธีหนทางอีกยาวไกล...อินทนนท์ยังรอให้เราพยายามก้าวข้ามไปสู่โลกมิติที่แปลกออกไป ณ อีกฟากของขุนเขาไกลโพ้นห้วงเวลานี้ฉันไม่ได้รู้สึกอะไร..นอกจาก เวียนหัว..และเวียนหัว แล้วหลับไปในที่สุด ขณะที่หลับรู้สึกว่าหู อื้ออึง ..อื้ออึง...จนกระทั่งสะดุ้งตื่นเมื่อมีอากาศร้อน ๆ มาสัมผัส...ฉันยังคงเวียนหัว รถจอดสนิทแล้ว...ฉันงัวเงียลงจากรถ..เสียงรถเมล์บีบแตร...เสียงรถกระบะเลี้ยวเข้ามาในรพ.จอมทอง...เสียงผู้คนพลุกพล่าน...ฉันพยายามนึกว่า เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว ฉันเพิ่งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ขุนเขา...ฉันพยายามนึกกิจกรรมต่างๆ ระหว่าง 2 วันที่ผ่านมา..งฉันนึกได้ แต่เลือนลาง เหมือนความฝันเต็มทีฉันกำลังกลับมาอยู่ในห้วงแห่งความจริงอีกครั้ง.......ที่ผ่านมาฉันฝันไป...