|
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | |
|
|
|
|
|
30 กันยายน 2550 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
นาเกียน 6...เรื่องราวบนเส้นทางลอยฟ้าในป่าอมก๋อย (ภาคจบ)
หมู่บ้านที่ 2 คือบ้านนาเกียน เป็นหมู่บ้านค่อนข้างใหญ่ เราเริ่มคล่องงานจึงเสร็จเร็ว ทุกคนอยู่ตามจุด หลินกับปลื้มคอยจดชื่อชั่งน้ำหนัก ออย,,วัดส่วนสูง ฉันกับจยุตญ์ หยอด Vitamin A บุ๋ม อ้ายแอ สุเทพ เบิ้ม ก็ฉีดวัคซีนกับหยอดโปลิโอ แพทย์สมิตอยู่แผนกตรวจรักษา
หมู่บ้านนี้มีป๊อกย่อย ๆ อีก 2 บ้าน คือบ้านกลางและบ้านใหม่ เราตกลงกันว่าจะไปบ้านใหม่ก่อน ดอยเต่า 1 นำ ดอยเต่า 2 ตาม รั้งท้ายคือรถพี่ปู เรานั่งรถกันไปเรื่อยๆ รถคันหน้าขับเร็วจนคลาดสายตา เราขับเลยหมู่บ้านถัดมาไป ก็ยังไม่เห็นท้ายรถ "ดอยเต่า 1 ขับเร็วจัง" เสียงออยบ่น เราขับมาเรื่อยๆเจอลานกว้างคล้ายลานจอด ฮ บนยอดเขา จากนั้น ถนนเริ่มลาดลงสู่ก้นห้วยเรามองเห็นหมู่บ้านข้างหน้าลิบ ๆ "หมู่บ้านนี้ไกลจังเลย" เมื่อเข้าสู่ที่โล่งเราเริ่มเอะใจ ไม่เห็ฯรถดอยเต่า 1 เลย ทันใดนั้นเองที่เราได้ยินเสียงวิทยุเรียกมาจากปลื้ม " ดอยเต่า 2 ดอยเต่า 113 ว 2 " ตอบไปตอบมา "อ้าว!หลงทางหรือเนี่ย" จากนั้นเราก็กลับมาบ้านที่เราขับเลยไปใหม่ ชื่อว่า บ้านใหม่ ที่นี่มีโบสถ์สวยงามมาก เราถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกกันด้วย แลวเราก็กลับมาทำงานที่บ้านกลางต่อ หมู่บ้านนี้เป็นที่ตั้งของ สอ.นาเกียน ซึ่งเป็นที่พักของเราคืนนี้,,,
เช้ารุ่งขึ้นเราออกเดินทาง 8 โมงเช้า ไปสู่บ้านทีเนอะ เส้นทางนี้เองที่เราต้องข้ามสะพานซุงที่เป็ฯไม้ซุงท่อนเบ้อเริ่มด้วนความยากลำบาก ขากลับดอยเต่า 1 อุตส่าห์จอดรอ เบิ้มของเราเลยเดินไปหาชาวบ้านที่ซักผ้าอยู่ข้างลำห้วย เผอิญโชคร้ายเดินไปเหยียบอุนจิคนเข้า,,,เหม็นหึ่งทั้งคันรถดอยเต่า 1 เลย,,,
หมู่บ้านต่อมาคือ บ้านมะหินหลวงน้อย เราต้องจอดรถแล้วเดินเท้าลงไป ขาลงใช้เวลาประมาณ 15 นาที หมู่บ้านนี้มี 7 หลังคาเรือน ทำงานจึงใช้เวลาไม่มากนัก ขาขึ้นเราค่อยๆเดินเนื่องจากทางชัน แวะดูธรรมชาติข้างทาง เห็นดอกพญาเสือโคร่ง สีชมพูขาวอมม่วง บานเบียดกันท่ามกลางไม่ผลัดใบสีน้ำตาล มันคือความอ่อนโยน สดใส ท่ามกลางความแข็งกระด้างและหงอยเหงา
เดินขึ้นมาถึงจุดจอดรถ เราพบกับทีมแม่โขง 1 ที่ดอยเต่า 2 เกือบหลงเข้าไปทำงานด้วย เราพบกับนายแพทย์ใหญ่ด้วย ,,ท่านคงเข้าไปพักกับแม่โขง 1 ตั้งแต่เมื่อวาน
จากนั้นเราเดินทางไปบ้านใบหนา พอเราไปถึงก็พบกับรถพี่ปูซึ่งแยกกันตอนเดินลงเขาที่บ้านมะหินหลวงน้อย คืนนี้เห็นมีโปรแกรมว่าจะฉายสไลด์เรื่อง วิตามิน เอ ให้เด็กๆ ดู ส่วนพวกรเพอไปถึงก็จัดแจงแบ่งหน้าที่ใครหน้าที่มัน เด็กๆที่นี่น่ารักมาก ตรวจเสร็จแล้วก็ไม่ยอมกลับบ้าน เดินตามต้อยๆ ฉันเลยชวนเข้าห้อง,,,สอนร้องเพลงจ้า ,,,อย่าคิดมาก แรกๆก็มีแต่เด็กผู้หญิง พอเริ่มมีเสียงเพลง เด็ผู้ชายที่เล่นบอลอยู่ข้างนอกก็เข้ามาแจม มีฉัน ออย บุ๋มเป็นดาราหน้าห้อง,,,,ตอนหลังเลยชวนพี่ปูมาสอนร้องและเต้นเพลง"กาต้มน้ำ" ด้วย
ตกกลางคืน หลังจากที่ทำธุระส่วนตัว ทานอาหารกันหมดแล้ว พวกเรามานั่งผิงไฟอยู่หน้ากระท่อม บ้างนั่งมองดูดาว บ้างนั่งปรึกษาเรื่องการเลือกคู่ครอง บ้างก็โทรศัพท์หาแม่ อ้อ! ฉันลืมเล่าว่าหมู่บ้านนี้มีโทรศัพท์ทางไกลชนบทใช้ด้วย,,เลยทำให้ใครบางคนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ทั้งคืน บ้างกฌนั่งทายปัญหาอะไรเอ่ยกัน,,
มีช่วงหนึ่งที่เราคุยกันว่าโชคดีที่ไม่ไปนั่งรถลุงอุดม ขับรถก็เร็ว ทำให้คนอื่นหลงทาง ฯลฯทันใดนั้นลุงอุดมซึ่งนั่งหันหลังให้พวกเรา แต่พวกเราไม่เห็น ก็หันหน้ามายิ้มพร้อมกับทำหน้าเหมือนกับถามว่า "อะไรนะ พูดอีกทีสิจ๊ะ" ทำเอาพวกเราสะอึกไปพักนึงยิ้มตอบแบบแหย ๆ แล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง มิน่าถึงได้กลิ่นขนไหม้ ที่แท้ก็นินทาระยะเผาขนนี่เอง แต่ที่พูดถึงก็แค่ เล้อเล่นเฉยๆไม่ได้มีเจตนาร้ายนะคะลุงอุดม
วันรุ่งขึ้นขณะที่พวกเราเก็บข้าวของอยู่ มีคนเหลือไปเห็นรองเท้าผ้าใบในถึงหิ้วพลาสติกซุกอยู่ซอกแท้งก์น้ำ ก็เลยตะโกนถามว่ารองเท้าของใครลืมไว้ มีคนตอบว่าของเบิ้ม ที่ใส่ไปเหยียบอุนจิเมื่อวานนี้ เอาไปบริจาคให้ชาวบ้านแล้ว ชาวบ้านไม่เอา เลยทำทีว่าลืมทิ้งไว้ ก้เลยถึงบางอ้อกัน
พวกเราออกเดินทางจากหมู่บ้านใบหนาเวลา 10.05น.ตามกันมาทั้ง 3 คันจนถึงบ้านห่างหลวง เราจึงแยกกับรถพี่ปู เนื่องจากพี่ปูต้องทำงานต่อที่หมู่บ้านนี้ และเราก็แยกกับไกด์ของเราที่นี่ด้วย ได้ข่าวว่ารถ "40 กม.ต่อแบน" เบรคหักต้องซื้อจากข้างล่างขึ้นมาเปลี่ยน โถ! น่าสงสารจัง
เวลา 12.05น. เหมือนโกหก พวกเรามาถึงตัวอำเภออมก๋อยหลังจากแวะเข้าห้องน้ำ แวะเอารถ สอ.โปงทุ่ง เราก็ซื้อมื้อเที่ยงไปทานด้วยกันที่สวนสนบ่อแก้ว เรานั่งทานอาหารด้วยความสนิทสนมกลมเกลียว ความประทับใจและความอิ่มอกอิ่มใจ เราคุยกันว่าคราวหน้าเราจะไปลุยป่าอมก๋อยด้วยกันอีก ทั้งอ้ายเอและลุงอุดมด้วย
ฉันจำไม่ได้ว่าเรากลับมาถึงดอยเต่ากันกี่โมง แต่เข้าใจว่ามืดแล้ว หนทางหกลับบ้านช่างดูเงียบเหงาและเศร้าสร้อย ไม่เป็นไรหรอก งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา
การเดินทางครั้งนี้ ทำให้บางส่วนของชีวิตที่ขาดหายไป ถูกเติมเต็ม ทำให้ฉันยิ่งมั่นใจว่า " The more you go,the more you learn." เป้นจริงชั่วนิรันดร์
Create Date : 30 กันยายน 2550 |
Last Update : 30 กันยายน 2550 18:57:28 น. |
|
0 comments
|
Counter : 536 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|
|
|
|
|
|
|