Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2557
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
14 พฤศจิกายน 2557
 
All Blogs
 
เล่ห์รัตติกาล - 2 - Lucky Queen




“คุณชายขา...ดูเหมือนว่ารถจะเสียนะคะ”

ราชนิกุลหนุ่มถึงกับถอนใจเฮือกใหญ่เมื่อแม่น้องสาวนอกไส้ที่เขาไม่พึงประสงค์กระโดดลงจากรถสัญชาติญี่ปุ่นคันกะทัดรัดสมตัวคนขับแล้วทำเสียงออดอ้อนอ่อนหวานพลางเกาะแขนเขาแจราวกับสนิทสนมคุ้นเคยกันมาเป็นสิบชาติแล้ว

“ผมจะโทร. เรียกช่างให้ คุณกลับแท็กซี่ได้ใช่มั้ย”

“แต่ตี้ไม่เคยนั่งแท็กซี่นะคะ” เธอค้านเสียงอ่อยพลางทำตาละห้อยชวนสงสาร

“ผมจะโบกให้ เข้าไปนั่งแล้วบอกจุดหมายปลายทาง ถึงแล้วก็จ่ายเงินตามมิเตอร์เท่านั้นเอง เด็กประถมยังทำได้ คุณโตขนาดนี้คงไม่มีปัญหาหรอกใช่ไหม”

ชายหนุ่มตัดบทอย่างใจแข็ง เท่าที่ให้เธอนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถ และพาไปกินอาหารข้างนอกท่ามกลางสายตานับสิบคู่ของพนักงานในบริษัทนั่นก็นับเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของเขาเลยทีเดียว ขืนต้องทำมากกว่านี้มีหวังถูกข่าวลือที่ไม่เป็นจริงโจมตีแน่ๆ

“มีค่ะ”

เธอฉีกยิ้มหวานจ๋อย ไม่รู้ไม่ชี้กับคำพูดส่อเสียดประชดประชันของเขา

“คุณเติบโตมาได้ยังไงในสังคมที่ทุกคนต้องรู้จักพึ่งพาตัวเองแบบนี้รัตติกาล”

ชายหนุ่มกลอกตาไปมาด้วยความอิดหนาระอาใจ เขาไม่ต้องการมีน้องสาวในตอนนี้ ไม่ ไม่ และไม่!

“โหย...คุณชายอะ ทำไมต้องดุด้วยคะ ตี้แค่ไม่เคยนั่งแท็กซี่เท่านั้นเอง อะไรที่เป็นครั้งแรกทุกคนก็ย่อมหวาดกลัวเป็นเรื่องธรรมดา คอนโดฯ ตี้อยู่แถบชานเมือง รถไม่ติดหรอกค่ะ คุณชายช่วยไปส่งหน่อยไม่ได้เหรอ ใจคอจะปล่อยให้สาวๆ สวยๆ อย่างตี้นั่งแท็กซี่ไปคนเดียวจริงเหรอคะ แถวคอนโดฯ ของตี้สงบและเป็นส่วนตัวมาก ภาษาบ้านๆ คือเปลี่ยวใช้ได้เลย เกิดคนขับแท็กซี่เห็นหน้าตี้แล้วถูกใจ พาไปทำมิดีมิร้ายแล้วใครจะรับผิดชอบล่ะคะ คุณชายไม่เป็นห่วงตี้บ้างรึไง ข่าวแบบนี้ก็ลงหนังสือพิมพ์อยู่ทุกวัน น่ากลัวออกค่ะ”

“แต่ผมมีงานต้องทำ ไม่ได้มีเวลาว่างมากพอจะขับรถรับส่งใคร” เขาทำเสียงเบื่อหน่ายเต็มทน

แม้จะเห็นด้วยนิดหน่อยว่าเรื่องที่เธอหวาดกลัวนั้นมีเปอร์เซ็นต์เป็นไปได้เหมือนกัน แต่เขาไม่คิดว่าการขับรถไปส่งรัตติกาลที่คอนโดมิเนียมของเธอเป็นเรื่องฉลาด หากเขายอมครั้งที่หนึ่ง นั่นย่อมแปลว่าครั้งที่สอง สาม สี่ และต่อๆ ไปจะตามมาอย่างแน่นอน

“ตี้ไม่รีบหรอกค่ะ รอจนกว่าคุณชายจะเสร็จงานก็แล้วกัน คุณชายใจดี๊ใจดี ขอบคุณมากเลยนะคะ” เธอยิ้มแฉ่งจนตาหยีแล้วก้าวฉับๆ จากลานจอดรถเข้าไปภายในอาคารปูนสองชั้นที่ออกแบบและตกแต่งด้วยสไตล์ไทยโมเดิร์นซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของ V-Beyond ~ DeSign World โดยไม่เปิดโอกาสให้เจ้าของสถานที่ได้ปฏิเสธแม้สักคำ

คุณชายผู้ไม่เคยต้องตกอยู่ใต้อาณัติของใครได้แต่กลอกตาไปมาอย่างสุดเซ็ง ไม่เข้าใจอย่างรุนแรงว่ารัตติกาลถือสิทธิ์อะไรมาสั่งให้เขาทำโน่นทำนี่ตามอำเภอใจ แม้จะเป็นการขอร้องดีๆ ก็เถอะ แต่เขารู้สึกเหมือนถูกแม่สาวตาโตคนนี้บงการชีวิตอยู่อย่างไรอย่างนั้น

“กลับมาเมื่อไหร่เถอะนายรัฐ เราได้เห็นดีกันแน่!”

เขากัดฟันเข่นเขี้ยวลอยลมไปถึงเพื่อนรักที่ชักนำปัญหามาให้ ก่อนจะก้าวยาวๆ ตามแขกสาวเข้าไปในตัวอาคารที่ตั้งสำนักงานอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง



กรองแก้วขยับแว่นสายตาขึ้นนิดคล้ายต้องการมองให้ชัดๆ ว่าสิ่งที่เห็นเมื่อสักครู่นี้มิใช่ภาพลวงตา และก็ใช่จริงๆ แขกสาวสวยนามว่ารัตติกาล หญิงสาวที่มาในฐานะแขกและออกไปกินมื้อเที่ยงกับเจ้านายเธออย่างสนิทสนม เจ้าหล่อนเพิ่งจะผลักประตูห้องทำงานของคุณชายดนัยเข้าไป

“ตายจริง ในนั้นมีแขกของคุณชายรออยู่นี่นา” สาวใหญ่อุทานเมื่อนึกขึ้นได้ แต่จะจัดการอย่างไรก็ไม่ทันเสียแล้วในตอนนี้

รัตติกาลชะงักกึกเมื่อพบว่าในห้องที่ตนเพิ่งก้าวเข้ามานั้นมีใครบางคนรออยู่ก่อนแล้ว “เอ่อ...ขอโทษค่ะ ตี้ไม่ทราบว่ามีคนอยู่ในนี้คือ...”

“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องขอโทษหรอก ฉันแวะมาโดยไม่ได้นัดก่อน ไม่รู้ว่าคุณชายดนัยมีแขก ณิฌาค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”

สาวหน้าหวานลุกขึ้นยืนพร้อมส่งยิ้มละมุนให้ผู้มาใหม่

“ตี้ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน คุณเป็นเพื่อนของคุณชายใช่มั้ยคะ”

อีกฝ่ายทำหน้าประหลาดใจ รัตติกาลจึงขยายความเพิ่มเติม

“ได้ยินคุณณิฌาเรียกชื่อเล่นคุณชายน่ะค่ะ ตี้เลยคิดว่าคงจะเป็นเพื่อนมากกว่าแขก”

“ค่ะ เราเป็น...เพื่อนกัน” ณิฌาตอบรับเสียงเบา รอยยิ้มแสนเศร้าเมื่อเอ่ยถึงความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลงไปแล้วในวันนี้



“คุณชายคะ...” เลขานุการสาวใหญ่มองหน้าเจ้านายหนุ่มด้วยกิริยางกๆ เงิ่นๆ เมื่อเห็นร่างสูงเดินตรงเข้ามา พยายามจะอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็พูดไม่ออกเหมือนคนน้ำท่วมปาก

ตาคมชำเลืองมองประตูห้องทำงานของตัวเองด้วยลางสังหรณ์บางอย่าง ก่อนจะก้าวยาวๆ เข้าไปด้านในโดยไม่รีรอ แล้วภาพที่เห็นก็ทำให้เขาตัวแข็งทื่อ

“คุณชายมาพอดีเลย คุณณิฌามารอพบคุณชายครู่ใหญ่แล้วค่ะ” เจ้าของเสียงใสเจื้อยแจ้วราวกับตัวเองไม่ใช่แขกเดินไปเกาะแขนเจ้าของห้องอย่างสนิทสนม

“สวัสดีค่ะคุณชาย ไม่ได้เจอกันนาน สบายดีนะคะ” ณิฌาหันไปทักทายเจ้าของห้องด้วยรอยยิ้มอ่อนละมุนที่ไปกันได้ดีกับใบหน้าสวยหวานของเธอ

“สวัสดีครับณิฌา ผมสบายดี หวังว่าคุณเองก็คงเช่นกัน” เขาทักทายพร้อมปลดเรียวแขนของสาวน้อยข้างกายออกอย่างสุภาพ

รอยยิ้มน้อยๆ บนใบหน้าคมคายช่างดูเศร้าสร้อยในความรู้สึกของคนนอกอย่างรัตติกาล แววตาลึกซึ้งที่พวกเขาส่งให้กันทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะกลายเป็นส่วนเกิน

“พวกคุณคงมีธุระสำคัญจะคุยกัน งั้นตี้ออกไปรอข้างนอกดีกว่า ตามสบายนะคะคุณชาย ตี้ไม่รีบค่ะ ถึงงานจะเสร็จช้าแต่ตี้ก็รอได้”

สาวสวยที่ทำตัวเหมือนเจ้าของสถานที่มากกว่าแขกเอ่ยพร้อมรอยยิ้มสดใส แต่ยังไม่ทันได้เดินไปไหน เรียวแขนกลมกลึงก็ถูกดึงรั้งไว้อย่างแน่นหนา

“ไม่ต้องไปไหนหรอก นั่งรอที่โต๊ะทำงานผมก็ได้ เราคงไม่มีธุระอะไรจะคุยกันมากมายนัก จริงไหมครับณิฌา”

การกระทำของเจ้าของห้องทำให้รัตติกาลงงเต้ก ได้แต่กะพริบตาปริบๆ จ้องหน้าเขา ส่วนแขกสาวอีกคนเพียงแต่รับคำเบาๆ และเผยรอยยิ้มเศร้าที่ติดอยู่แค่ริมฝีปากโดยไม่ลามไปถึงดวงตาด้วย

“ไปสิ นั่งรอตรงโน้นก่อน”

เสียงนุ่มทุ้มที่ดังอยู่ข้างหูคล้ายคนพูดจงใจก้มหน้าลงมาใกล้ทำให้คนฟังหน้าแดงแจ๋โดยไม่รู้ตัว ได้แต่ทำตามที่เขาบอกราวกับสุนัขน้อยผู้ซื่อสัตย์ต่อเจ้าของ จนเมื่อบั้นท้ายงอนงามนั่งแหมะลงบนเก้าอี้อาร์มแชร์ตัวหรูให้ความรู้สึกนุ่มสบายจนอยากหลับตาลงแล้วฝันหวานสักงีบให้รู้แล้วรู้รอดนั่นแหละ รัตติกาลถึงได้รู้ว่ามีความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นกับคุณชายรูปหล่อของเธอ

ดวงตากลมโตเหลือบมองหนุ่มสาวทั้งสองที่นั่งห่างกันเป็นวาราวกับคนไม่คุ้นเคยทั้งที่ณิฌาบอกเธอเองว่าเป็นเพื่อนเก่าของคุณชายดนัย ยิ่งเห็นสีหน้าอึดอัดลำบากใจของสาวหน้าหวานแล้วก็ให้สงสัยนัก

สักพักฝ่ายนั้นก็หันมาสบตาเธอเข้าอย่างจัง รัตติกาลจึงยิ้มเจื่อนก่อนจะเสมองหาอะไรสักอย่างมาดึงดูดความสนใจของตัวเอง เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนพวกเขา

หนังสือจำลองแบบบ้านวางเรียงอย่างเป็นระเบียบในชั้นลอยด้านหลัง เธอหยิบมาหนึ่งเล่ม เปิดดูภาพด้านในแต่คอยเงี่ยหูรอฟังบทสนทนาของคนทั้งสองด้วยความอยากรู้อยากเห็นจนแทบเก็บอาการไว้ไม่อยู่

“มาหาผมถึงนี่มีธุระอะไรรึเปล่าครับ” เสียงทุ้มค่อนข้างเรียบดังขึ้นหลังช่วงเวลาแห่งความอึดอัดผ่านไปนานนับนาที

ณิฌาเหลือบมองแขกสาวน้อยหน้าตาสวยสะพรั่งดั่งดอกไม้แรกแย้มที่นั่งเอนหลังไขว่ห้างอยู่ที่โต๊ะทำงานของเขานิด ก่อนจะถอนใจแผ่วเบาแล้วส่งยิ้มให้เจ้าของห้อง

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ บังเอิญผ่านมาแถวนี้ก็เลยแวะมาทักทายเท่านั้นเอง เห็นคุณชายสบายดี ณิฌาก็สบายใจ คุณตี้น่ารักดีนะคะ”

“ครับ”

รัตติกาลได้ยินเจ้าของห้องตอบสั้นๆ เพียงเท่านั้น เกือบจะกลั้นยิ้มไม่อยู่ นึกอยากกรีดร้องออกมาดังๆ ที่ได้ยินหม่อมราชวงศ์หนุ่มหน้าเคร่งตอบรับคำพูดของณิฌา เธอไม่แน่ใจว่าเขาฟังที่เพื่อนเก่าพูดครบถ้วนกระบวนความหรือไม่ แต่ก็เหมารวมๆ กันไปแล้วว่าเขาเห็นด้วยกับณิฌาในข้อที่ว่า...เธอน่ารัก

“ถ้าอย่างนั้นณิฌากลับก่อนดีกว่านะคะ คุณชายจะได้ทำงานให้เสร็จเร็วๆ คุณตี้จะได้ไม่ต้องรอนาน”

“ไม่เป็นไรเลยค่ะ ตี้รอคุณชายได้เสมอ” รัตติกาลโพล่งขึ้นพร้อมฉีกยิ้มกว้าง จนเมื่อนัยน์ตาคมดุหันมาจ้องเขม็งจึงได้รู้ตัวว่าทำพลาดไปแล้ว จากรอยยิ้มกว้างก็แคบลงๆ จนสุดท้ายก็หุบฉับและหลบตาทั้งเจ้าของห้องและเพื่อนเก่าของเขา

“ณิฌาไปนะคะคุณชาย หวังว่าเราคงได้พบกันอีกนะคะคุณตี้” ณิฌาร่ำลาเพื่อนเก่าก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้รัตติกาลอย่างเป็นมิตร

“เช่นกันค่ะ เดินทางดีๆ นะคะ” รัตติกาลโบกมือให้พร้อมรอยยิ้มเจื่อนๆ สำนึกว่าเป็นเพราะตนทำให้ธุระของณิฌาเสร็จเร็วกว่าที่ควร

เมื่อลับร่างแขกสาวหน้าหวานไปแล้วคนที่ทำตัวไม่ค่อยเหมือนแขกสักเท่าไรก็เดินกระมิดกระเมี้ยนเข้าไปหาเจ้าของห้องด้วยรอยยิ้มประจบ

“คุณณิฌาสวยจังเลยนะคะ ว่าแต่เธอเป็นเพื่อนที่เมืองไทยหรือรู้จักกันที่อเมริกาคะคุณชาย ท่าทางเธอเรียบร้อยจังเลย”

“ผมไม่คุยเรื่องส่วนตัวกับคนอื่น”

เสียงตอบราบเรียบของเขาไม่ได้ทำให้หญิงสาวสำนึกตัวแม้แต่น้อย ซ้ำยังย้อนถามหน้าซื่อตาใส

“แต่เรารู้จักกันตั้งหลายชั่วโมงแล้วนะคะคุณชาย ตี้เป็นน้องสาวของพี่รัฐด้วย แบบนี้ยังเรียกว่าคนอื่นอีกเหรอ”

“ใครเขานับคนที่เพิ่งรู้จักยังไม่ทันข้ามวันเป็นคนสนิทสนมกันบ้าง”

“ก็ตี้ไงคะ ตี้นับคุณชายเป็นพี่ชายอีกคนของตี้ไปแล้ว”

เขาถอนใจยาวแล้วหันมาจ้องหน้าเธอนิ่งๆ “คุณมีอู่ประจำรึเปล่า”

“คะ?” หญิงสาวทำหน้างง

“ก็อู่ซ่อมรถไง โอเค ผมโทร. ไปที่อู่ประจำของผมก็แล้วกัน”

เขาเพิ่งนึกได้ว่ารัตติกาลไม่เคยแม้กระทั่งนั่งรถแท็กซี่ ดังนั้นการเอารถไปซ่อมก็คงจะยากเกินกว่าที่คนอย่างเธอจะทำเองได้

สาวสวยย่นจมูกนิด พลางเอ่ยขึ้นลอยๆ “ตี้ถามพี่รัฐเองก็ได้ ชิ!”

“ผมไม่อนุญาตให้คุณวุ่นวายเรื่องส่วนตัวของผมนะ” เขาเตือนเสียงดุ

“ถามแค่นี้ก็ไม่ได้เหรอคะ แค่ถามว่าคุณณิฌาเป็นเพื่อนที่ไหน ที่เมืองไทยหรืออเมริกา ทำไมต้องโมโหด้วย หรือว่าจริงๆ แล้วคุณณิฌาไม่ใช่แค่เพื่อน เอ๊ะ...”

หญิงสาวหันไปจ้องหน้าเขาพลางหรี่ตาจับผิด “หรือว่าคุณณิฌาเป็นแฟนเก่าของคุณชายคะ”

“ใครบอกว่าณิฌาเป็นแฟนเก่าของผม” เสียงของเขาห้วนจัดแถมนัยน์ตายังเข้มขุ่นจนรัตติกาลสะดุ้ง

“ตี้แค่ล้อเล่นน่ะค่ะ คุณชายอย่าโมโหสิคะ ตี้กลัวนะ” เธอทำเสียงและสีหน้าอ่อยๆขณะสบตาเขาอย่างขอโทษ มั่นใจเกินร้อยว่าสิ่งที่คาดเดาไม่ผิดแน่

ณิฌาไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดา แต่น่าจะมีความสำคัญถึงขั้นเป็น ‘แฟนเก่า’ ของเขานั่นเลยทีเดียว

ก็แววตาดุดันที่แฝงเร้นไว้ด้วยความเจ็บปวดของเขามันตีความได้เช่นนั้น และที่สำคัญ ข้อมูลที่เธอได้มาคือหม่อมราชวงศ์พชรดนัยมีคู่หมั้นคู่หมายที่ผู้ใหญ่จัดหาไว้ให้แล้ว ฝ่ายนั้นเป็นถึงหม่อมหลวงซึ่งมีฐานะเหมาะสมคู่ควรกัน ต่อให้เขาผูกสมัครรักใคร่ในตัวณิฌาจริง แต่สุดท้ายหญิงสาวผู้นั้นก็จะเป็นได้แค่แฟนเก่า

เว้นเสียแต่ว่าเขาจะยอมขัดใจผู้ใหญ่ แต่ก็นั่นแหละ ถึงเขาจะยอมขัดใจผู้ใหญ่ก็คงไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว เพราะข้อมูลอีกอย่างที่เธอทราบมาก็คือแฟนเก่าของเขาเพิ่งจะแต่งงานไปเมื่อไม่นานนี้เอง

‘รัตติกาลเอ๋ย โชคดีอะไรอย่างนี้หนอ ยังกะมีราชินีแห่งความโชคดีประจำตัวอย่างนั้นแหละ’

“ผมจะโทร. เรียกช่าง แล้วผมก็มีงานต้องทำ มันเป็นงานที่ต้องใช้สมาธิ”

เขาตัดบทแล้วหันหลังให้รัตติกาลในทันทีหลังตัดสินใจได้ว่าจะไม่ใส่ใจกับเธออีก

“ตี้จะออกไปเดินเล่นข้างนอกนะคะ การตกแต่งที่นี่ดูสวยทันสมัยดีเหมือนกัน เผื่อตี้ชอบอะไรตรงไหนจะได้บอกให้คุณชายรู้ ทำงานตามสบายเถอะค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงตี้หรอก”

ชายหนุ่มยังไม่ทันได้ตอบ สาวน้อยก็วิ่งตื๋อออกไปอย่างรวดเร็วจนเรียกไม่ทัน นั่นทำให้เขาได้แต่ถอนใจเฮือกใหญ่ และจำต้องยอมรับอย่างปลงๆ ว่าเขาไม่สามารถจัดการกับรัตติกาลได้จริงๆ

ร่างสูงเดินไปทรุดลงบนเก้าอี้ประจำตำแหน่ง ยกหูโทรศัพท์ขึ้นสั่งงานกับเลขานุการหน้าห้อง “คุณกรองแก้วครับ รบกวนติดต่ออู่ซ่อมรถเจ้าประจำของผมให้เขามาลากฮอนด้าแจ๊สสีเหลืองที่จอดอยู่ข้างล่างไปซ่อมที ขอบคุณมากนะครับ”

เมื่อเสร็จธุระที่ไม่ใช่ของตัวเองก็เอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน วางมือประสานกันบนอกแล้วปล่อยความคิดคำนึงให้ย้อนสู่อดีตที่เพิ่งจะผ่านพ้นไป แต่คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่เขาจะลบลืมมันได้



“ไม่หิวหรือไง กินแค่นิดเดียวเอง วิของพี่ผอมเพรียวสวยพอแล้ว ไม่ต้องรักษาหุ่นเหมือนคนอื่นก็ได้” ณัฐรัฐเอ็ดสาวน้อยที่นั่งเขี่ยข้าวในจานเล่นพักหนึ่ง ก่อนจะรวบช้อนส้อมแล้วยกแก้วน้ำขึ้นจิบ

“ก็บอกแล้วไงคะว่ากินไม่ลง อยากให้ลงมาวิก็ลงมาแล้ว คุณจะเอายังไงอีก แล้ววิก็ไม่ใช่ของคุณด้วย อย่าพูดเองเออเองคนเดียวได้มั้ยคะ”

วิมลมณีอดไม่ได้ที่จะปรายหางตาค้อนคนเจ้ากี้เจ้าการอย่างไม่พอใจ เธอไม่อยากเผชิญหน้ากับเขาหลังเหตุการณ์ระทึกใจที่ริมระเบียงผ่านพ้นไป แต่ก็ไม่กล้าดื้อมากนัก จูบแรกที่ถูกฉกฉวยไปอย่างอุกอาจทำให้เธอตระหนักถึงความเสียเปรียบของตนเอง

เขาประกาศปาวๆ ว่ายินดีรับผิดชอบ ขืนทำฤทธิ์ทำเดชมากเข้าแล้วเขาเกิดนึกอยากปราบพยศเธอด้วยวิธีการเดิมอีก คนที่แย่ก็คงไม่พ้นตัวเธอเอง สถานการณ์อันตรายเกินไป เธอไม่กล้าเสี่ยงจึงต้องรีบตามลงมาในเวลาไม่เกินสิบนาทีตามที่เขาขู่ไว้ มาทันตอนที่ชายหนุ่มกำลังเข้าครัวพอดี แต่เธอก็เลือกที่จะนั่งดูทีวีรอจนกระทั่งเขายกอาหารมาจัดวางบนโต๊ะเป็นที่เรียบร้อย

“ใครบอกว่าพี่พูดเองเออเอง รออีกหน่อยเถอะ พอที่บ้านของวิรู้ว่าเราหายไปด้วยกันคงวุ่นวายน่าดู ทีนี้พี่จะรอดูว่าคุณชายกับคุณหญิงจะทำยังไงกับคู่หมั้นของวิ”

“คุณพ่อกับคุณแม่ไม่กล้าผิดคำพูดที่เคยให้ไว้กับท่านชายหรอกค่ะ แม้ท่านจะถึงชีพิตักษัยไปแล้วแต่ยังไงงานหมั้นงานแต่งก็คงไม่ล้มเลิก เว้นแต่ว่าคุณชายจะเป็นฝ่ายปฏิเสธวิเอง คุณเลิกหวังลมๆ แล้งๆ เถอะค่ะ รีบพาวิกลับบ้านดีกว่า ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลาย ตอนนี้เรายังพอแก้ไขสถานการณ์ได้นะคะ”

ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปาก ดวงตาเรียวรีหรี่เล็กอย่างมีเลศนัย

“แน่ใจได้ยังไงว่าคุณชายคู่หมั้นของวิจะไม่ปฏิเสธ บางทีเขาอาจจะมีคนรักอยู่แล้วก็ได้นะ อีกอย่างวิเองก็ไม่เคยพบเขามาก่อนไม่ใช่หรือไง แล้วแน่ใจได้ยังไงว่าเขาจะยังไม่แก่เท่าพี่ ไหนบอกไม่ชอบคนแก่ไม่ใช่เหรอ”

สาวน้อยสบตาเสือหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ เขาพูดถูกทีเดียว เธอไม่เคยพบคู่หมั้นของตัวเองมาก่อน หรือถึงจะเคยพบแต่ตอนนั้นเธอเพิ่งจะขวบหรือสองขวบเท่านั้นตามคำบอกเล่าของแม่นม ยังไม่ทันรู้ความด้วยซ้ำแล้วจะไปจำได้อย่างไร แล้วเธอเองก็ไม่ได้สนใจเขามากพอจะสอบถามหรือหาข้อมูลเกี่ยวกับคู่หมั้นหนุ่มมาก่อน ดูท่าณัฐรัฐจะรู้อะไรมากกว่าเธอเสียอีก

“คุณพูดเหมือนรู้จักเขาเลยนะคะ”

ยังไม่ทันที่ณัฐรัฐจะตอบว่าอย่างไร เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น

ชายหนุ่มเหลือบมองหน้าจอที่กะพริบวูบวาบนั้นนิด ชั่วแวบหนึ่งที่ความตกใจฉายผ่านดวงตา ก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว แล้วหันมาสบตาสาวน้อยหน้าใสที่จ้องเขาเขม็ง

“โทษทีนะ พี่ขอตัวคุยโทรศัพท์แป๊บนึง”

หญิงสาวได้แต่เม้มปากแน่น มองตามร่างสูงที่เดินออกไปนอกบ้านอย่างจับผิด “ทำไมจะต้องเดินไปคุยไกลขนาดนั้นด้วยนะ หรือว่ามันจะเกี่ยวกับเรา”

เมื่อสังหรณ์ใจดังนั้นร่างบางก็รีบลุกตามไปโดยเร็ว แต่เมื่อผ่านบานประตูออกไปก็มองไม่เห็นร่างสูงนั้นเสียแล้ว ดวงตากลมโตกวาดมองไปจนทั่วบริเวณรอบตัวบ้านก็ไม่เจอเป้าหมายจึงได้แต่ทำหน้ามุ่ย บ่นอุบอย่างไม่สบอารมณ์

“หายไปไหนแล้วนะ”

“มองหาพี่เหรอ”

“ว๊าย!” หญิงสาวอุทานด้วยความตกใจก่อนจะจิกตาเขียวขุ่นใส่คนที่โผล่มาเงียบๆ

“คิดจะทำอะไรไม่ดีใช่มั้ยถึงตกใจขนาดนี้” เขาดักคอยิ้มๆ ขณะเก็บโทรศัพท์มือถือไว้ที่กระเป๋าหลังของกางเกงยีนสีซีด ซึ่งทำให้มาดว่าที่นักการทูตอนาคตไกลดูอ่อนเยาว์ลงกว่าตอนที่เขาใส่กางเกงสแลกกับเสื้อเชิ้ตสุดเนี้ยบอีกหลายเท่า

“ใครกันแน่ที่กำลังทำเรื่องไม่ดี ทำผิดจนชินเลยคิดว่าคนอื่นจะเป็นเหมือนตัวเองใช่มั้ยคะ”

ณัฐรัฐอมยิ้มน้อยๆ ไม่เดือดร้อนสักนิดที่ถูกประชด แต่กลับรู้สึกภาคภูมิใจเสียด้วยซ้ำ รูปลักษณ์ภายนอกหม่อมหลวงวิมลมณีอาจดูเหมือนหญิงสาวร่างเล็กบอบบาง กิริยามารยาทงามพร้อมดั่งคนที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี หากไม่รู้จักกันจริงๆ ก็คงคิดว่าเธอเรียบร้อยหัวอ่อน แต่จริงๆ แล้วเธอเก่งกาจและกล้าหาญกว่าที่ใครจะนึกถึง และเขาก็ชอบผู้หญิงแบบนี้...แบบที่เธอเป็น

“ยิ้มบ้าอะไรคะ วิไม่ขำด้วยหรอกนะ คุณจะกักขังวิไว้ที่นี่อีกนานเท่าไหร่ วิเบื่อแล้วนะคะ”

“งั้นคืนนี้พี่จะพาวิไปทานอาหารข้างนอก ไปถนนคนเดินด้วยดีไหม วิอยากไปรึเปล่าล่ะ”

เขาเดินตามคนตัวเล็กที่สะบัดหน้าหนีเข้าไปในบ้านพร้อมยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจให้

“จริงเหรอคะ คุณจะพาวิไปจริงๆ ใช่มั้ย” สาวน้อยหันกลับมาถามด้วยดวงตาเป็นประกาย ความคิดบางอย่างฉายวาบในหัวจนแทบเก็บความตื่นเต้นดีใจเอาไว้ไม่อยู่

เธอถูกริบมือถือไปตั้งแต่วันแรกที่เดินทางถึงเมืองไทย บ้านพักหลังนี้ก็ไม่มีโทรศัพท์ให้ใช้ จะมีก็แค่มือถือของเขาซึ่งเจ้าตัวหวงยิ่งกว่าอะไรดี หากได้โทร. กลับไปบอกคนที่บ้านสักหน่อยว่าตอนนี้เธออยู่ในระหว่างท่องเที่ยวกับเพื่อนหลังสำเร็จการศึกษา แผนการมัดมือชกให้เธอตกกระไดพลอยโจนไปกับเขาก็จะใช้ไม่ได้ผล

“คงจะเบื่อมากจริงๆ ถึงได้ดีใจขนาดนี้ ตกลงคืนนี้เราจะออกไปเที่ยวในเมืองเชียงใหม่กัน แต่ก่อนอื่นวิต้องกินข้าวให้หมดจาน ไม่งั้นคืนนี้ก็อด” เขายื่นข้อแลกเปลี่ยนอีกครั้ง

คราวนี้หญิงสาวไม่เกเรอีก เธอกลับไปกินข้าวจนหมดจานและกินด้วยความเอร็ดอร่อยอย่างแท้จริง

อย่าว่าแต่มีความสุขกับการกินเลย ขอให้ได้โทร. กลับบ้านสักหน่อยเถอะ จากนั้นเธอจะมีความสุขกับการเที่ยวด้วยโดยไม่ต้องกังวลถึงสิ่งใดอีก...



“นี่มันอะไรกันน่ะ คุณบอกว่าจะออกไปเดินเล่นไม่ใช่เหรอ”

คุณชายดนัยขมวดคิ้วมุ่นขณะกวาดสายตามองข้าวของพะรุงพะรังในมือน้องสาวของเพื่อน

“ของสดน่ะค่ะ พอดีนึกได้ว่าตู้เย็นที่ห้องว่างเปล่ามาหลายวันแล้ว เห็นว่าซูเปอร์ฯ อยู่ใกล้แค่สองช่วงตึกเองก็เลยแวะไป”

เธอวางข้าวของลงบนโต๊ะกลมหน้าชุดรับแขก ก่อนจะหันมาฉีกยิ้มกว้างให้เจ้าของห้อง

“อยู่คนเดียวเหรอ” เขาอดถามไม่ได้ เหมือนก่อนหน้านี้เจ้าตัวจะเคยบอกว่ามีทั้งบิดามารดา แม่นม พี่เลี้ยง แล้วไหนจะเด็กๆ ในบ้านอีกล่ะ

“ค่ะ” เธอตอบรับสั้นๆ รอยยิ้มจืดลงเล็กน้อยก่อนจะสดใสเบิกบานเช่นเคยในเวลาไม่กี่อึดใจ

“อย่าบอกว่านะคุณทำอาหารเป็นด้วย”

น้ำเสียงคล้ายไม่เชื่อถือนั้นทำให้สาวน้อยยิ้มกริ่ม รีบตะครุบโอกาสที่เขาหยิบยื่นให้ด้วยความไม่ตั้งใจมาใช้ให้เป็นประโยชน์กับตัวเอง กอดอก เชิดหน้าขึ้น แล้วบอกด้วยความภาคภูมิใจสุดๆ

“คำถามนี้ตี้ถือว่าเป็นการสบประมาทกันอย่างแรงเลยนะคะคุณชายขา เห็นสวยๆ เจิดๆ อย่างนี้แต่ตี้ทำกับข้าวอร่อยนะคะ เอางี้ดีกว่า คืนนี้คุณชายอยู่ทานข้าวกับตี้ก่อนกลับนะคะ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน”

“ไม่ละ ขอบคุณ” เขาตอบทันทีโดยไม่ต้องมีเหตุผลรองรับ

“ไม่ได้นะคะ คุณชายจะมาสบประมาทตี้แล้วทำไม่รู้ไม่ชี้แบบนี้ไม่ได้ ยังไงก็ต้องพิสูจน์แล้วถอนคำพูดใหม่ด้วย” เธอว่าพลางปราดมายืนหน้าโต๊ะทำงานของเขาอย่างเอาเรื่อง

ชายหนุ่มยกมือขึ้นในท่ายอมแพ้เพื่อตัดปัญหา

“โอเค เชื่อก็ได้ แค่นี้พอไหม”

“ไม่ค่ะ ยิ่งคุณชายบอกเชื่ออย่างขอไปทีแบบนี้ ตี้ยิ่งถือว่ามันคือการสบประมาทกันขั้นรุนแรง ยอมไม่ได้เด็ดขาด”

เขามองสีหน้าจริงจังของเธออย่างพูดอะไรไม่ออก

รัตติกาลซ่อนยิ้มสมใจ

ลงล็อกไปหมดซะทุกอย่างแบบนี้ ไม่เรียกว่ามีราชินีแห่งความโชคดีประจำตัวแล้วจะเรียกอะไร!

ครู่ใหญ่เธอก็ฉีกยิ้มจนตาหยีแล้วเปลี่ยนน้ำเสียงให้สดใสขึ้น “ตกลงตามนี้นะคะ ว่าแต่งานคุณชายเสร็จแล้วใช่มั้ยคะ เราจะได้กลับกันเลย”

เขาลอบถอนใจ ตั้งแต่รัตติกาลปรากฏตัวงานของเขายังไม่มีอะไรคืบหน้าเลยสักนิด ตอนที่เธอหายไปก็ไร้สมาธิด้วยมีเรื่องในอดีตคอยรบกวนจิตใจ และคงเป็นการยากที่จะทำงานได้ในสภาพจิตใจที่ว้าวุ่น โดยเฉพาะยังมีใครบางคนลอยหน้าลอยตาก่อกวนอารมณ์อยู่ใกล้ๆ งานของเขาจึงนับว่าจบสิ้นแล้วในวันนี้

รัตติกาลยิ้มหวานเมื่อเห็นเจ้าของห้องวางดินสอร่างแบบในมือลง รีบเดินไปที่โต๊ะกลมพร้อมรวบถุงข้าวของขึ้นมาถือไว้ เมื่อร่างสูงเดินมาใกล้ๆ ก็ยื่นทุกอย่างให้เขา

“ช่วยตี้หน่อยนะคะ”

ชายหนุ่มได้แต่มองหน้าคนพูดสลับกับของที่เธอส่งให้ด้วยความมึนงง ไม่นึกว่าสาวน้อยผู้นี้จะกล้าหาญชาญชัยถึงขั้น ‘สั่ง’ คุณชายผู้แทบจะเมินเฉยต่อคนทั้งโลกเช่นเขาให้ทำตัวเป็นเบ๊ของเธอได้

“ระวังนะคะคุณชายมันหนักใช้ได้เลย ตี้หิ้วกลับมาแล้วรู้สึกเหมือนไหล่จะทรุด เนี่ยยังปวดเมื่อยไม่หายเลยค่ะ” เธอฉอเลาะพร้อมรอยยิ้มประจบที่ยากแก่การปฏิเสธ

เขากัดฟัน ถอนใจเบาๆ พลางยื่นมือไปรับข้าวของจากเธออย่างเสียไม่ได้แล้วเดินหน้าบึ้งออกไปจากห้อง

รัตติกาลกลั้นหัวเราะจนเมื่อยแก้ม ก่อนจะรีบวิ่งตามชายหนุ่มไป ได้ยินเขาสั่งอะไรกับคุณเลขานุการสาวใหญ่สองสามคำแล้วเดินออกไปไม่ยอมรอ พอมองหน้ากรองแก้วก็เห็นว่าฝ่ายนั้นถึงกับถอดแว่นสายตาออกมาแล้วขยี้ตามองตามเจ้านายหนุ่มด้วยสีหน้าตกตะลึงราวกับไม่เคยเห็น

หญิงสาวหัวเราะคิกๆ อย่างกลั้นไม่ไหว ก่อนจะรีบวิ่งไปเกาะแข้งเกาะขาเขาไม่ยอมห่าง รู้ว่ามีสายตาหลายคู่มองมาอย่างสนใจ แต่นอกจากจะไม่สะทกสะท้านแล้วเธอยังหันไปส่งยิ้มหวานจ๋อยให้เสียอีก

ผิดกับคนข้างๆ ที่ขำไม่ออกกับสถานการณ์ที่ไม่สามารถคอนโทรลได้ สิ่งเดียวที่เขาพอจะทำได้ในตอนนี้คือเดินให้เร็วที่สุดเพื่อพาตัวเองออกไปให้พ้นสายตาของพนักงานทั้งบริษัท!









Create Date : 14 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2557 10:46:34 น. 0 comments
Counter : 599 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ระตา
Location :
นครปฐม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




รู้สึกอยู่เสมอว่าการได้มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้คือความมหัศจรรย์...และการอ่านออกเขียนได้คือรางวัลของชีวิต...
Friends' blogs
[Add ระตา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.