Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2557
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
13 พฤศจิกายน 2557
 
All Blogs
 

เล่ห์รัตติกาล - 1 - ปฐมบทแห่งการหลอกลวง




เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนจะถูกผลักเข้ามาพร้อมร่างเพรียวระหงของเลขานุการสาวใหญ่วัยสี่สิบต้น

“คุณชายคะ แขกที่นัดไว้มาถึงแล้วค่ะ”

เสียงนบนอบเป็นทางการที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้เจ้าของห้องทำงานสุดเก๋ซึ่งนั่งเอนหลังบนเก้าอี้อาร์มแชร์และผินหน้าออกไปยังสวนระเบียงอันร่มรื่นเพื่อพักสายตาจากงานร่างแบบที่ตนรับผิดชอบอยู่ต้องหมุนเก้าอี้กลับมาทิศทางเดิม

“เชิญเข้ามาได้เลยครับ” เสียงตอบรับราบเรียบสอดคล้องกับสีหน้าเคร่งขรึมเป็นการเป็นงานทำให้หม่อมราชวงศ์พชรดนัยในวัยเพียงสามสิบต้นๆ ดูมีสง่าราศีน่าเกรงขามไม่ต่างจากหม่อมเจ้าดนัยภัทรผู้เป็นพระบิดา แต่กระนั้นความน่าสนใจที่กอปรกันขึ้นเป็นใบหน้าคมสันสะดุดตาก็มิได้ถูกบั่นทอนลงแม้แต่น้อย เขายังคงเป็นผู้ชายที่น่าค้นหาสำหรับสาวๆ อยู่เสมอ

“ได้ค่ะ”

สาวใหญ่ยิ้มรับแล้วถอยออกไปทำหน้าที่ของตนอย่างคล่องแคล่วสมกับประสบการณ์สิบปีในหน้าที่เลขานุการส่วนตัวของหม่อมเจ้าดนัยภัทร ก่อนจะกลายมาเป็นเลขาฯ ของหม่อมราชวงศ์พชรดนัย

ร่างสูงใหญ่กว่าหกฟุตผุดลุกจากเก้าอี้ประจำตำแหน่งด้วยท่าทีเอื่อยเฉื่อยกว่าปกติ เนื่องจากแขกที่นัดไว้ในวันนี้มีฐานะเป็น ‘เพื่อน’ มากกว่า ‘ลูกค้า’ ของ V-Beyond ~ DeSign World ที่เขาก่อตั้ง บริหารงาน รวมถึงลงมือทำงานบางชิ้นด้วย เรียกว่าเป็นทั้งเจ้านายและลูกจ้างของตัวเองก็ว่าได้

เมื่อทิ้งร่างลงที่ชุดรับแขกสไตล์คลาสสิกร่วมสมัยสีน้ำตาลอมทอง ซึ่งจัดไว้มุมหนึ่งของห้องอย่างลงตัว เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครั้งพร้อมผู้มาเยือนที่ไม่คาดฝัน

“สวัสดีค่ะคุณชาย”

เสียงทักกังวานใสดั่งระฆังเงินยังเทียบไม่ได้กับใบหน้าเรียวละมุนสวยสะพรั่งของแขกสาว ร่างอรชรสมส่วนก้าวมาหยุดกลางห้องพร้อมรอยยิ้มสดใส เสริมให้ใบหน้าหวานซึ้งยิ่งตรึงตาตรึงใจคนมองมากขึ้น โดยเฉพาะดวงตากลมโตกับเรียวปากสีเชอร์รี่ของเธอแทบจะสะกดสายตาเขาไว้ราวกับต้องมนตรา

“จะไม่เชิญตี้นั่งหน่อยเหรอคะ” สาวสวยเอ่ยขึ้นอีกครั้ง รอยยิ้มเจือแววขัดเขินเล็กน้อย เพราะเห็นอีกฝ่ายจ้องเอาๆ ราวกับจะมองให้ทะลุไปถึงก้นบึ้งของจิตใจ

‘นี่หรือหม่อมราชวงศ์พชรดนัย วงศ์วรรธน์ ผู้ชายที่เป็นเป้าหมายของเรา รูปหล่อ พ่อรวย ครบสูตรตามแบบฉบับหนุ่มในฝันของสาวๆ ขนาดนี้เชียว?!?’

ชายหนุ่มขยับลุกจากชุดรับแขกโดยเร็ว แม้จะหลุดไปบ้างเมื่อไม่กี่วินาทีก่อน แต่เมื่อเขาคุมสติได้ คุณชายผู้เคร่งขรึมก็กลับมา

“เมื่อกี้คุณบอกว่าชื่อ ‘ตี้’ แต่คนที่ผมนัดไว้ไม่ใช่...”

“พี่รัฐหนีไปเที่ยวเชียงใหม่แล้วค่ะ เห็นบอกว่ามีเวลาพักน้อยก็เลยรีบตักตวง ตี้เป็นน้องสาวของเขา คือเราเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน คุณชายอาจไม่รู้จักตี้ แต่ตี้เคยได้ยินพี่รัฐพูดถึงคุณชายบ่อยๆ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”

หญิงสาวแนะนำตัวเองอย่างฉะฉาน มั่นอกมั่นใจ เหลือบมองชุดรับแขกนิดพอให้เขาสังเกตเห็น

“ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่านายรัฐมีน้องสาวโตขนาดนี้” เจ้าของห้องตั้งข้อสังเกตอย่างระมัดระวัง

แขกสาวจงใจโปรยยิ้มหวานส่งให้ “พี่รัฐไปเรียนอเมริกาตั้งแต่ยังเด็กนี่คะ ส่วนตี้อยู่โรงเรียนประจำที่เมืองไทย แบบว่าคุณพ่อกับคุณแม่ท่านหวงน่ะค่ะ ไม่อยากให้อยู่ไกลหูไกลตา ตี้ก็เลยไม่ค่อยได้พบกับพี่รัฐบ่อยนัก รวมถึงเพื่อนๆ ของเขาด้วย”

คำตอบนั้นทำให้เขาพยักหน้ายอมรับอย่างเสียไม่ได้ ‘ณัฐรัฐ’ ไปเรียนและใช้ชีวิตอยู่ที่สหรัฐอเมริกาตั้งแต่ย่างเข้าวัยรุ่น เหมือนกับที่เขาเองก็มีวิถีชีวิตแบบเดียวกันจนกระทั่งเรียนจบปริญญาโทและบินกลับบ้านเกิดเมืองนอนก่อน ในขณะที่เพื่อนของเขาทำงานหาประสบการณ์อยู่ที่สถานทูตไทยในอเมริกาและเพลิดเพลินกับมันมาจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้

“มีอะไรสงสัยเกี่ยวกับตี้อีกรึเปล่าคะ” หญิงสาวเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มละมุนเมื่อเห็นชายหนุ่มเงียบไป

“อ้อ เชิญนั่งก่อนครับ ต้องขอโทษด้วย นายรัฐไม่ได้บอกผมว่าจะให้น้องสาวมาแทน และอันที่จริงผมไม่เคยได้ยินเขาพูดถึงคุณมาก่อน” เขาอธิบายด้วยน้ำเสียงสุภาพ ทว่าในคำพูดบอกชัด ไม่ใช่ความผิดของเขาที่ไม่เคยรู้จักเธอ

“รัตติกาลค่ะ แต่เรียก ‘ตี้’ ดีกว่านะคะ ดูสนิทสนมกันดี ยังไงเราคงต้องรู้จักกันดีกว่านี้แน่ ห้องสวยจังเลยค่ะ คุณชายตกแต่งเองรึเปล่าคะ”

ร่างบอบบางสมส่วนเดินไปหยุดหน้าประตูกระจกสูงที่มองทะลุออกไปเห็นสวนระเบียงอันร่มรื่นอย่างเต็มตา

เจ้าของห้องได้แต่กะพริบตาปริบๆ เป็นครั้งแรกที่การเชื้อเชิญของเขาถูก

ปฏิเสธ มือใหญ่ที่ผายค้างเพราะถูกเมินลดลงมาซุกในกระเป๋ากางเกงยีนตัวเก่งอย่างไม่รู้จะทำอะไรได้ดีไปกว่านั้น

นายรัฐไม่เห็นบอกเลยว่าจะให้ลูกพี่ลูกน้องมาแทน รู้ทั้งรู้ว่ากฎเหล็กของเขาคืออะไรแต่ยังทำกันได้ลงคอ คงต้องสอบสวนสักหน่อยแล้วว่าเรื่องมันเป็นยังไงมายังไงกันแน่ รอให้เจอตัวก่อนเถอะ...

“ว่ายังไงล่ะคะคุณชาย ห้องนี้คุณชายออกแบบตกแต่งเองใช่มั้ยคะ สวยถูกใจตี้มากเลยค่ะ” แขกสาวผินหน้ากลับมาถามซ้ำเมื่อไม่ได้รับคำตอบจากเจ้าของห้อง

“ครับ ว่าแต่คุณมาแทนนายรัฐแบบนี้แล้วผมจะรู้ได้ยังไงว่าเขาต้องการให้ตกแต่งบ้านสไตล์ไหนกันแน่ ผมคิดว่า...”

“รู้สิคะ ก็นั่นเป็นบ้านของตี้เองนี่นา” เธอยิ้มหวาน ตัดบทก่อนที่เขาจะพูดจบ

“นายรัฐไม่เห็นบอกผมแบบนี้” เสียงแย้งเคร่งเครียด ไม่ใช่ว่าเขาเลือกปฏิบัติ เพียงแต่โดยปกติเขาจะไม่รับงานที่มีลูกค้าเป็นสาวสวยและสาวโสดด้วย ซึ่งอย่างหลังก็ยังไม่แน่ใจว่ารัตติกาลเข้าข่ายหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ เธอสวยพอที่จะเป็นนางเอกละครได้เชียวละ

“ทำไมคะ ถ้าบอกแล้วคุณชายจะไม่รับออกแบบให้งั้นเหรอ”

คำถามซื่อๆ นั้นกระแทกใจคนฟังเข้าอย่างจัง แววตาสงสัยของเธอนั่นอีก ไม่ง่ายเลยที่จะให้เขาตอบตรงๆ ว่า ‘ใช่’ แต่เขาก็ต้องทำ

“ปกติไม่ แต่ผมมีพนักงานที่มีความสามารถอยู่หลายคน...”

“แต่ตี้ต้องการคุณชายนี่คะ” เธอหุบปากฉับเมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงของเขา ก่อนจะยิ้มแหยแล้วแก้ไขคำพูดเสียใหม่

“คือตี้หมายความว่าอยากให้คุณชายเป็นคนออกแบบตกแต่งบ้านให้ด้วยตัวเองน่ะค่ะ พี่รัฐการันตีนักหนาว่าคุณชายเก่งมาก ตี้จะไม่ผิดหวังเลยถ้าได้คุณชายมาช่วย”

เขาถอนใจอย่างโล่งอก ก่อนจะปรายตาคมมองแขกสาวนิด “ถ้าอย่างนั้นนายรัฐก็น่าจะบอกคุณด้วยว่าผมไม่รับงานจากลูกค้าประเภทไหน”

“กฎบางอย่างก็ต้องมีข้อยกเว้นบ้างนะคะ”

“ไม่ใช่สำหรับผม”

“แหม...คนกันเองแท้ๆ ช่วยหน่อยไม่ได้เหรอคะคุณชาย”

“ผมกับนายรัฐน่ะใช่ แต่สำหรับเรา ผมว่าคงไม่ใช่คนกันเอง”

“อีกหน่อยก็ใช่ค่ะ ถ้าเพียงแต่คุณชายจะเปิดใจ ทำไมคะ กลัวอะไรตี้นักหนา ก็แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียว มีอะไรน่ากลัวตรงไหนกัน”

เธอยั่วยิ้มๆ และรู้ว่ามาถูกทางแล้วเมื่อเห็นเขาเม้มปากเป็นเส้นตรง สีหน้าเครียดขรึม และมีแววไม่พอใจในดวงตา ผู้ชายส่วนใหญ่มักจะทนไม่ได้เมื่อถูกท้าทายซึ่งหน้า หม่อมราชวงศ์หนุ่มรูปหล่อคนนี้ก็ไม่อยู่ในกรณียกเว้น

“ผมไม่ได้กลัว” เสียงเข้มย้ำหนักแน่น

“ค่ะ ไม่กลัวก็ไม่กลัวสิคะ งั้นเราก็คุยเรื่องงานได้แล้วสิ”

เธอยิ้มอย่างผู้ชนะ แม้จะดูสวยไม่จืดจาง แต่ก็เป็นรอยยิ้มที่ทำให้เขาอดหมั่นไส้ไม่ได้

“ไหนๆ คุณก็มาแล้ว มานั่งคุยกันตรงนี้ดีกว่าครับ คุณชอบแบบไหนเป็นพิเศษก็บอกผมแล้วกัน ส่วนรายละเอียดต่างๆ ผมจะช่วยดูให้”

“ตรงนั้นไม่ได้เหรอคะ”

เธอชี้ออกไปที่ชุดม้านั่งซึ่งตั้งวางไว้อย่างลงตัวตรงสวนระเบียงด้านนอก รอยยิ้มสดใสเจิดจ้านั้นยากแก่การปฏิเสธ ไม่ว่าสำหรับใครก็ตาม

“เชิญครับ”

เขาเปิดประตูกระจกให้เธอเดินนำไปก่อนเช่นที่สุภาพบุรุษพึงปฏิบัติต่อสุภาพสตรี

หญิงสาวทิ้งร่างลงบนเก้าอี้ไม้รูปทรงเก๋ไก๋และนั่งสบายตัวนั้นด้วยท่าทีผ่อนคลายราวกับเป็นบ้านของตัวเอง เรียวขาเพรียวสวยยกขึ้นไขว่ห้างและมันก็ทำให้เดรสสั้นสีน้ำเงินเข้มเลิกสูงขึ้นอีกทั้งที่ปกติก็สั้นอยู่แล้ว แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ใส่ใจเลยสักนิด

ตาคมเหลือบมองผิวเนื้ออ่อนสีน้ำนมด้วยความไม่ตั้งใจ แต่จะทำอย่างไรได้ สีชุดกับสีผิวของเธอตัดกันเด่นชัดจนไม่ต้องใช้ความพยายามในการสังเกต เขาอดที่จะส่ายหน้าอย่างเอือมระอาไม่ได้

นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เขาปฏิเสธที่จะร่วมงานกับสาวสวยและสาวโสดทั้งหลาย มันอันตรายและเสี่ยงเกินไป นามสกุลที่ใช้อยู่ทำให้เขามีขอบเขตอันจำกัดในการดำเนินชีวิต แม้ว่าเขาจะอยู่ในฐานะสามัญชนเช่นคนปกติทั่วไป แต่อย่างน้อยที่สุดก่อนจะทำอะไรลงไปสักอย่างเขาต้องคำนึงถึงพระบิดาเป็นอันดับแรก

ในขณะที่สาวๆ ส่วนใหญ่มักจะมองข้ามไปและชอบใช้เรื่องงานบังหน้าในการสร้างความสนิทสนมคุ้นเคยกับเขา บทเรียนที่ผ่านมาทำให้เขาตั้งกฎเหล็กกับตนเองว่าจะไม่รับงานที่ลูกค้าเป็นสาวสวยและสาวโสดด้วยตนเองไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น แต่ดูเหมือนวันนี้เจ้าเพื่อนรักจะชักนำปัญหามาให้โดยที่เขาไม่อาจปฏิเสธได้เสียแล้ว

“คุณชายชอบบ้านสไตล์ไหนมากที่สุดคะ”

รัตติกาลเป็นฝ่ายเริ่มพูดถึงเนื้องานเมื่อเห็นแววตาดุๆ ของคู่สนทนา แน่นอนว่าเธอจงใจนั่งท่านี้ จงใจยิ้มหวานที่ปั้นแต่งให้ดูใสซื่อสุดชีวิต และจงใจสุดๆ กับการมาพบเขาที่นี่ ดังนั้นความประทับใจที่เขามีต่อเธอคือเป้าหมายแรก ไม่ใช่แววดุดันไม่พอใจในดวงตาคม เธออาจทำบางอย่างผิดพลาดไป แต่เธอจะไม่ยอมล้มเหลวตั้งแต่ก้าวแรกแน่นอน

“ความชอบของคุณต่างหากที่สำคัญมากกว่า”

“ตี้ชอบแบบนี้” เธอจ้องตาเขาพลางส่งยิ้มหวานจ๋อยผสมแววท้าทายนิดๆ

“อย่างห้องทำงานของคุณชายนี่ก็โอเคนะคะ เก๋ ดูโมเดิร์นดี แถมยังให้ความรู้สึกร่มรื่นเย็นสบายเพราะสวนระเบียงตรงนี้ด้วย ตี้ชอบต้นไม้ค่ะ”

เธอยิ้มปะเหลาะเอาใจ ไม่แคร์ว่าเขาจะมีท่าทีระมัดระวังตัวมากแค่ไหน นั่นไม่ใช่ปัญหาของเธอเสียหน่อยนี่

ชายหนุ่มขยับตัวเล็กน้อยด้วยความรู้สึกอึดอัดที่บรรยายไม่ถูก ลูกพี่ลูกน้องของเพื่อนเขาท่าทางจะไม่ได้ต้องการแค่คนออกแบบตกแต่งภายใน เขาอยากจะต่อสายตรงถึงณัฐรัฐเสียเดี๋ยวนี้ แต่ติดที่สาวน้อยดวงตากลมโตตรงหน้า เพียงเธอใช้สายตาคล้ายจะท้าทายอยู่ในทีจ้องมองมา ก็ทำให้แรงกระตุ้นบางอย่างในใจเขาพุ่งปรี๊ด ความอยากเอาชนะช่างรุนแรง มันทั้งแปลกใหม่และพิลึกพิลั่นอย่างที่เขาไม่เคยเป็นมาก่อน

“ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้ ผมต้องได้เห็นสถานที่จริงก่อนถึงจะเริ่มลงมือได้ แต่ก่อนจะทำงานของคุณผมต้องเคลียร์งานออกแบบชิ้นนึงก่อน ยังไงก็ต้องทำตามคิว”

“เรื่องคิวไม่มีปัญหาอยู่แล้วค่ะ แต่เรื่องไปดูสถานที่จริงเกรงว่าจะมีนะคะ”

รัตติกาลยิ้มจนตาหยี แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขาไว้ใจ คุณชายดนัยรู้สึกอย่างจริงจังว่าลูกพี่ลูกน้องของณัฐรัฐต้องการอะไรบางอย่างจากเขามากกว่าคนออกแบบตกแต่งภายในบ้านของเธอ เขาเลิกคิ้วและจ้องตาหญิงสาวแทนคำถาม

“ตี้ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกสไตล์ไหน อยากเห็นสถานที่ที่คุณชายเคยออกแบบตกแต่งมาแล้วซักสองสามที่ก่อน คุณชายพาตี้ไปดูหน่อยสิคะ”

“ส่วนใหญ่เป็นบ้าน รีสอร์ต หรือไม่ก็โรงแรม ถ้าเป็นสองกรณีหลังคุณคงเข้าชมได้ในฐานะแขก แต่จะให้ผมพาไปด้วยตัวเองคงจะไม่สะดวก”

เขารีบตัดบทเสียงแข็ง การพาลูกค้าเที่ยวชมผลงานเก่าๆ ในสถานที่จริงไม่ใช่หน้าที่ของมัณฑนากรหรือแม้แต่สถาปนิกที่เขารับผิดชอบอยู่ เธอคงบ้าไปแล้วถ้าคิดว่าเขาจะทำแบบนั้นจริงๆ

หญิงสาวทำหน้าเหี่ยวหน้าแห้ง

“จะให้ตี้ออกต่างจังหวัดคนเดียวเหรอคะ”

“ในกรุงเทพฯ ก็มี เยอะกว่าต่างจังหวัดด้วยซ้ำ ผมไม่รับงานพร่ำเพรื่อ ส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานของผมมากกว่า ถ้าคุณอยากเห็น ผมแนะนำให้ได้ หรือถ้าตั้งใจจะออกต่างจังหวัดจริงก็ชวนเพื่อนหรือคนรู้จักของคุณไปสิ ให้ผมไปด้วยคงไม่เหมาะ”

“รีบปฏิเสธจังเลยนะคะ ไม่คิดดูซักหน่อยเหรอ” เธอทำสายตาอ้อนๆ ราวกับกำลังอ้อนพี่ชายของตัวเอง

“ผมไม่ใช่นายรัฐ” เขาบอกช้าๆ ชัดๆ ราวกับเข้าไปนั่งอยู่กลางใจของหญิงสาว

“แต่ตี้เป็นน้องสาวของพี่รัฐนะคะ คุณชายต้องคิดว่าตี้เป็นน้องสาวอีกคนน่ะถูกแล้ว”

“ผมเป็นลูกคนเดียว ไม่มีพี่น้อง” เขาปฏิเสธอย่างไร้เยื่อไย

แม้รัตติกาลจะทำให้เขายอมแหกกฎของตัวเองได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะเป็นผู้กำหนดรูปแบบของเกมแต่เพียงผู้เดียว

“ก็ลองมีดูหน่อยสิคะ ชีวิตจะได้ไม่เงียบเหงาเกินไป และถ้าคุณชายขยันยิ้มอีกนิดนึงรับรองว่าหล่อขึ้นเป็นกองเชียวค่ะ”

“เท่านี้ชีวิตผมก็วุ่นวายมากพอแล้ว”

“อีกนิดก็ได้ค่ะ คิดซะว่าเป็นสีสันของชีวิตไงคะ”

“รัตติกาล...คุณต้องการอะไรจากผมกันแน่”

ที่สุดแล้วราชนิกุลหนุ่มก็หมดความอดทนที่จะต่อปากต่อคำกับแม่สาวตรงหน้า เขาเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไมจะต้องไหลไปตามการชักนำของเธอมากขนาดนี้ ปกติแล้วเขาไม่เคยต้องเสียเวลากับผู้หญิงคนไหนอย่างไร้ประโยชน์มากเท่านี้มาก่อน

สาวสวยยิ้มหวาน ใสซื่อ แต่ไม่บริสุทธิ์ใจ “พี่ชายอีกซักคนเท่านั้นเองค่ะ นะคะคุณชาย พาตี้ไปดูงานที่คุณชายเคยทำมาแล้ว ตี้จะได้เลือกถูกว่าชอบแบบไหนมากกว่า”

“คุณอาจเข้าใจอะไรบางอย่างผิดไป ผมไม่...”

“กลัวตี้เหรอคะ” เธอแทรกขึ้นก่อนที่เขาจะพูดจบ มองสบนัยน์ตาคมกริบอย่างท้าทายและเปิดเผย

“นายรัฐอาจจะยังไม่เคยบอกคุณ แต่ว่าผมไม่ชอบ...”

“คุณชายรับปากพี่รัฐแล้วนี่คะ จะกลับคำเหรอ”

“ผมรับปากจะช่วยออกแบบบ้านให้เขา แต่ไม่ได้รับปากว่าจะต้องทำหน้าที่พี่ชายของคุณด้วย...”

“งั้นเหรอคะ?”

เธอถามยิ้มๆ เป็นยิ้มที่ทำให้เขาสังหรณ์ใจแปลกๆ และเพียงไม่นานเลยเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังทะลุประตูกระจกจากห้องทำงานออกมาที่สวนระเบียง

“ไม่รับเหรอคะ” เธอถาม ตามองเครื่องมือสื่อสารล้ำสมัยที่สั่นระริกอยู่บนโต๊ะทำงานภายในห้องของเขา และยิ้มเหมือนเดิมเป๊ะ

ร่างสูงผุดลุกไปรับโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ในขณะที่แขกสาวอมยิ้มซุกซน มองตามเขาทุกอิริยาบถโดยไม่ยอมละสายตาไปไหน

“สวัสดีครับคุณชาย น้องสาวของกระผมเป็นยังไงบ้าง สร้างความหนักอกหนักใจให้คุณชายรึเปล่าครับ”

เสียงทักทายทะเล้นที่ดังจากลำโพงมือถือทำให้คุณชายถึงกับถอนใจเฮือกใหญ่ นัยน์ตาคมกริบอดไม่ได้ที่จะมองตอบดวงตาคู่สวยที่จ้องเป๋งมายังเขาขณะตอบโต้กับเพื่อนรัก

“ไงไอ้เสือ ไม่เห็นบอกก่อนเลยนะว่าจะให้ช่วยตกแต่งบ้านน้องสาว ฉันนึกว่าเป็นบ้านของนายเองซะอีก”

“บ้านใครก็เหมือนกันนั่นแหละ ยังไงก็ช่วยดูแลตี้ให้ทีนะ ตอนนี้เธอไม่มีใครแล้ว บ้านที่จะให้ออกแบบตกแต่งเป็นบ้านของคุณลุงคุณป้า หลังไม่ใหญ่นักหรอกแต่ก็ไม่เล็กซะทีเดียว มันเก่าทรุดโทรมเพราะไม่มีคนอยู่มานาน ตี้รักมันมาก ไม่อยากขายหรือทุบทิ้ง เพราะมีความทรงจำดีๆ กับบ้านหลังนั้น”

“แต่นายก็รู้ว่าฉันไม่อยากทำงานกับ...”

“ตี้เป็นน้องสาวฉันนะเว้ย นายคงไม่ได้คิดอะไรเกินเลยหรอก ใช่มั้ยครับคุณชายพชรดนัย เอาน่า ถือว่าช่วยหน่อยก็แล้วกัน ตอนนี้ฉันอยู่เชียงใหม่ กลับถึงกรุงเทพฯ เมื่อไหร่จะแวะไปหานะ ฝากดูแลตี้ด้วย เธอเป็นเด็กน่าสงสาร”

ณัฐรัฐชิงสั่งความและตัดสายก่อนที่คู่สนทนาจะทันได้ปฏิเสธคำขอร้อง

ชายหนุ่มได้แต่ปรายหางตามอง ‘เด็กน่าสงสาร’ เขาอดหมั่นไส้ไม่ได้เมื่อเห็นเธอส่งยิ้มจนดวงตายิบหยีมาให้ รัตติกาลเหมือนจะห่างไกลจากคำนี้มากมายนัก ในความรู้สึกของเขา เธอดูเป็นสาวน้อยที่ฉลาดเฉลียว ลึกลับซับซ้อนหน่อยๆ และเจ้าเล่ห์ซุกซนอย่างเปิดเผย ไม่น่าเชื่อว่าคุณสมบัติทั้งหมดนั้นจะรวมอยู่ในตัวของคนคนเดียวได้ แต่มันก็เป็นไปแล้ว

“ใครโทร. มาเหรอคะ” รัตติกาลถามเสียงใสเมื่อเจ้าของห้องเดินมาทิ้งร่างลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเธอเช่นเคย

“พี่ชายของคุณ” เขาตอบเสียงเรียบ แววตาค้นคว้าจ้องแม่สาวตรงหน้าอย่างจับผิด

“งั้นเหรอคะ แล้วพี่รัฐว่ายังไงบ้าง เขาพูดถึงตี้รึเปล่า”

เธอยิ้ม แววตาเป็นประกาย ใสซื่อและบริสุทธิ์จนเขาเกือบเชื่อ

“คุณไม่รู้จริงๆ น่ะเหรอว่าเขาพูดอะไรกับผมบ้าง”

“แหม...คุณชายขา ตี้ไม่ใช่แม่มดหมอผีนะคะจะได้รู้ว่าพี่รัฐพูดอะไรกับคุณชายบ้าง” เธอหัวเราะคิกๆ อย่างอารมณ์ดี

เขาถอนใจยาว รู้สึกถึงความยุ่งยากวุ่นวายที่กำลังจะตามมาจากภารกิจคราวนี้อย่างรุนแรง

หญิงสาวทำตาโตขณะก้มมองเวลาที่หน้าปัดนาฬิกาเรือนหรูบนข้อมือเรียวของตน “อุ๊ย เกือบเที่ยงแล้วนี่คะ มิน่าล่ะหิ๊วหิว คุณชายทานมื้อเที่ยงที่ไหนคะ ตี้ไปด้วยนะ ไม่ค่อยชินทางแถวนี้น่ะค่ะ กลัวจะหาร้านอาหารไม่เจอ ตี้ยิ่งเป็นโรคกระเพาะอยู่ด้วย จำเป็นม๊ากมากที่ต้องทานอาหารให้ตรงเวลา”

นั่นทำให้ชายหนุ่มต้องถอนใจออกมาอีกเฮือกใหญ่ๆ

ไม่เลย รัตติกาลดูไม่เหมือนหมอผีเลยซักนิด แต่ถ้าเป็นแม่มดละก็...เข้าท่าทีเดียวละ!



หลังวางสายจากหม่อมราชวงศ์พชรดนัยผู้เป็นเพื่อนรักแล้วณัฐรัฐก็เหลือบมองใบหน้ามึนตึงของสาวน้อยที่นั่งเกยคางอยู่กับราวระเบียงไม้ด้านนอกและเอาแต่ทอดถอนใจเป็นระยะด้วยความรู้สึกหนักอกหนักใจระคนห่วงใยที่ไม่ต้องพยายามเก็บซ่อนไว้ให้มิดชิดอีกแล้ว

‘หม่อมหลวงวิมลมณี ยศภัทร’ สาวน้อยวัยยี่สิบเอ็ดปีที่ฉกหัวใจเขาไปตั้งแต่ครั้งแรกที่สบตากันเมื่อสี่ปีก่อน ณ สถานทูตไทยในอเมริกา เขาตกหลุมรักเธอจนถอนตัวไม่ขึ้น แต่ด้วยความที่ตอนนั้นเธอยังเด็กมาก เป็นแค่นักเรียนไทยวัยสิบเจ็ดย่างสิบแปดเท่านั้น ในขณะที่เขาอายุห่างเธอนับสิบปีทำให้เขาได้แต่เก็บกั้นความรู้สึกพิเศษที่ไม่อาจบอกใครได้ และเฝ้ารอคอยให้สาวน้อยก้าวผ่านช่วงเวลาของวัยรุ่นเข้าสู่วัยที่เหมาะสมมากพอให้เขาแสดงความรู้สึกในใจต่อเธอได้

นั่นนับเป็นเรื่องแปลกประหลาดเข้าขั้นพิสดารพันลึกที่สุดในชีวิตณัฐรัฐเลยก็ว่าได้ ปกติสาวๆ ในสเปกของเขาต้องขาว สวย หมวย อึ๋ม น่าฟัดน่าเหวี่ยง เข้าตำราเพียงได้สบตาก็ร้อนฉ่าไปทั้งตัว แต่วิมลมณีเป็นเพียงสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพราสมวัย จะว่าไปเขาควรเอ็นดูเธออย่างน้องสาวมากกว่าจะมองว่าเธอเป็นหญิงสาวด้วยซ้ำ ไม่รู้อะไรมันดลใจให้เขาคิดอกุศลกับเด็ก แต่ก็นั่นแหละ จนถึงวันนี้เขายังปฏิเสธตัวเองไม่ได้ ไม่มีผู้หญิงคนไหนดึงดูดความสนใจของเขาได้อีกตั้งแต่วันที่เขาได้พบเธอ

เมื่อถึงวันที่คิดว่าเหมาะสม เขาก็บอกให้เธอได้รู้ แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกพิเศษที่อัดแน่นอยู่ในใจมาเนิ่นนานด้วยความยากลำบาก แต่เธอกลับบอกว่ามีคู่หมั้นที่กำลังจะแต่งงานกันอยู่แล้ว และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้เขาต้องลาพักร้อนด่วนจี๋และวางอุบายหลอกล่อให้เธอกลับเมืองไทยด้วยกัน ก่อนที่บิดามารดาของเธอจะไปรับที่อเมริกา

เขาต้องการเวลาสักระยะ เพื่อให้ญาติๆ ของเธอแน่ใจว่าเธอหายไปกับเขา...สองต่อสอง!

“จะเที่ยงแล้ว ไม่หิวบ้างรึไง ลุกขึ้นเถอะ ไปหาอะไรกินกัน”

เสียงนั้นทำให้สาวน้อยเบะปาก ตอบห้วนๆ โดยไม่มองหน้าอีกฝ่าย “กินไม่ลงค่ะ ถ้าจะกรุณาคุณรีบพาวิกลับบ้านจะดีกว่า”

‘พี่’ สรรพนามที่เธอเรียกเขาอย่างติดปากมาตลอดสี่ปีถูกแทนที่ด้วย ‘คุณ’ ตั้งแต่รู้ตัวว่าถูกหลอกให้กลับเมืองไทยแล้วเขาก็ไม่ยอมพาเธอไปส่งบ้าน แต่เอาตัวมาเก็บไว้ที่เชียงใหม่อย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของโดยไม่ถามความสมัครใจของเธอสักคำ ความรักบูชาและไว้วางใจที่เคยมีให้จึงหมดไปกับการกระทำอันอุกอาจของเขาในครั้งนี้

“ไม่มีทาง บอกแล้วไงว่าจนกว่าวิจะยอมถอนหมั้น ไม่อย่างนั้นพี่จะพาหนีไปให้ไกลสุดขอบโลกเลย” เขาพยายามจะพูดคุยกับเธอดีๆ แล้ว ทว่าแม่คุณก็เอาแต่สะบัดหน้าหนี ไม่ยอมฟังคำอธิบายใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อใช้ไม้อ่อนไม่ได้ผลก็จำเป็นต้องใช้ไม้แข็งข่มขู่กันบ้าง

นี่ไม่ได้อยู่ในแผนของเขา มันนอกเหนือการควบคุม แต่เขาต้องเดินหน้าสถานเดียว เพราะถ้าถอยหลังตอนนี้เธอต้องหันหลังให้เขาตลอดชีวิตอย่างแน่นอน

หญิงสาวหันขวับ จิกตาขุ่นเขียวใส่ผู้ใหญ่ที่มีนิสัยเหมือนเด็กไม่รู้จักโต

“คนบ้า คุณมันบ้า ร้ายกาจ เอาแต่ใจ นึกถึงแต่ตัวเอง ไม่แคร์ความรู้สึกของคนอื่นบ้างเลย พาวิหนีมาแบบนี้คุณพ่อคุณแม่จะเป็นห่วงมากแค่ไหน แล้วไหนจะชื่อเสียงของวิอีกล่ะ ป่านนี้ไม่ย่อยยับป่นปี้หมดแล้วเหรอ”

“จะกลัวอะไร ก็บอกแล้วไงว่าพี่ยินดีรับผิดชอบ แค่วิบอกพวกท่านว่ามีคนรักแล้วและไม่ต้องการจะแต่งงานกับคู่หมั้นที่พวกท่านหาให้ เท่านั้นทุกอย่างก็จะลงเอยด้วยดี”

เธอพูดถูกทีเดียว เขานั่นแหละที่เป็นคนผิด แต่จะให้ทำอย่างไรได้ เขาอุตส่าห์เฝ้ารักเฝ้ารอมาหลายปี แต่เธอกลับปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย ที่เขาสู้อดทนข่มใจไม่วุ่นวายกับเธอเกินฐานะพี่ชายมาตลอดก็เพื่อรอเวลาที่เหมาะสม เพราะเขารักและให้เกียรติเธอ หากเป็นคนอื่นหรือ ป่านนี้ไปถึงไหนต่อไหนกันหมดแล้ว

แล้วหนุ่มหล่ออนาคตไกลอย่างเขามันน่ารังเกียจตรงไหน ทำไมเธอต้องทำท่าทางเดียดฉันท์กันถึงเพียงนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดหัวใจโว้ย!

“แต่วิไม่ได้รักคุณ วิยังเด็กและวิก็ไม่ชอบคนแก่ด้วย” วิมลมณีโพล่งออกไปอย่างเหลืออด มือเล็กกำแน่น ดวงตาวาวโรจน์อย่างคนโมโหจัด

หญิงสาวยอมรับว่าไม่ปลื้มที่รู้ว่าตัวเองมีคู่หมั้นคู่หมายแล้วตั้งแต่ยังเป็นเด็กทารกไม่รู้ความ แต่ตอนที่ณัฐรัฐมาสารภาพรัก เธอตกใจจนแทบทำอะไรไม่ถูกเลยเลือกปฏิเสธไว้ก่อน และพอนึกถึงเหตุผลก็คิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้จึงหยิบยกมาอ้าง

เธอไม่คิดจะแต่งงานกับคนที่ผู้ใหญ่หาให้แน่ๆ เพียงแต่ต้องการให้ณัฐรัฐคิดกับเธอเหมือนเดิมจึงบอกเขาไปแบบนั้น แต่มันใช่ที่สุดตรงที่ว่า...เธอยังเด็กและไม่ชอบคนแก่!

คนที่ถูกสบประมาทว่า ‘แก่’ โมโหจนหน้ามืดตาลาย กระชากทีเดียวร่างเล็กบางก็ปลิวหวือมาอยู่ในอ้อมแขน ดวงตาเรียวรีหรี่เล็กอย่างคาดโทษขณะกระซิบขู่เสียงเย็น

“ไม่ชอบคนแก่หรือ ลองดูก่อนลงความเห็นดีกว่าไหม เผื่อจะติดใจรสชาติของคนแก่ก็ได้นะ”

ยังไม่ทันนึกออกว่าเขาพูดถึงอะไร เรียวปากอิ่มก็ถูกครอบครองอย่างถือสิทธิ์และหยาบคายที่สุดในความคิดของราชนิกุลสาว ร่างบางดิ้นรนขัดขืนสุดชีวิตด้วยความตกใจระคนโมโห ทั้งจิกเล็บและข่วนท่อนแขนกำยำที่กอดรัดร่างของเธอไว้อย่างแนบแน่น แต่เขาก็ไม่สะทกสะท้านแถมยังบดเบียดรุกรานริมฝีปากนุ่มอย่างเร่าร้อนรุนแรงจนเธอรู้สึกเจ็บระบมไปหมด สุดท้ายก็หมดแรงจะต่อต้าน ปล่อยให้เขาดูถูกด้วยกิริยาจาบจ้วงที่เธอไม่เคยพบพานจากใครมาก่อนด้วยความเจ็บใจ

คนที่หน้ามืดตามัวด้วยโทสะจนเผลอทำอะไรที่ตัวเองไม่เคยทำมาก่อนรับรู้ว่าสาวน้อยละพยศแล้วไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม แต่เขายังไม่ยอมคืนอิสรภาพให้เธอ นี่อาจเป็นโอกาสเดียวที่เขาจะได้แก้ตัวใหม่ สัมผัสดุดันรุนแรงในคราวแรกจึงแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนหวานหยอกเย้าและเอาใจ เชิญชวนให้เธอต้อนรับและเรียนรู้ที่จะตอบสนองกลับในรูปแบบเดียวกัน

สาวน้อยอ่อนด้อยประสบการณ์ไม่รู้ตัวเลยว่าเท้าลอยจากพื้นตั้งแต่เมื่อไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเผลอไผลไปกับจุมพิตแรกในชีวิตสาวจนถึงขั้นโอบเรียวแขนไปรอบลำคอแกร่ง และบ้าบิ่นถึงขนาดโน้มใบหน้าของเขาลงมาใกล้เพื่อจะได้ต้อนรับจูบร้อนแรงนั้นอย่างถนัดถนี่

ปฏิกิริยาของเธอทำให้ชายหนุ่มต้องครางเสียงต่ำในลำคอด้วยความพึงพอใจ ร่างแน่งน้อยกลมกลึงในอ้อมแขนราวกับของขวัญล้ำค่าสำหรับการอดทนรอคอยที่แสนยาวนาน

ด้วยความที่คุ้นเคยกับวิถีชีวิตของชาวตะวันตกที่มองว่าเซ็กซ์เป็นเรื่องธรรมชาติมาตั้งแต่ย่างเข้าวัยหนุ่ม ทำให้เขาเจนจัดกับความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างชายหญิงมากพอจะควบคุมอารมณ์ดิบของตนเองได้บ้าง แม้มันจะยากเย็นเป็นสองเท่าเพราะคนที่อยู่ในอ้อมแขนคือผู้หญิงที่เขาเฝ้ารักเฝ้ารอมาหลายปี แต่เขาไม่ต้องการทำร้ายเธอ

ขอเพียงได้ทำให้เธอสำนึกและเข้าใจ...ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหนเธอก็ต้องเป็นของเขาอยู่วันยังค่ำ นั่นแหละคือสิ่งที่เขาต้องการในเวลานี้

ริมฝีปากหยักร้อนถอยห่างจากความหวานล้ำที่แสนติดใจอย่างอ้อยอิ่ง กรอบหน้าเรียวละมุนแดงซ่าน น่ารักน่าหลงจนเขาอดใจไม่ไหวที่จะประทับจูบลงไปหนักๆ บนพวงแก้มนุ่มทั้งสองข้าง ก่อนจะคลายวงแขน ปล่อยร่างบางลงให้ปลายเท้าแตะพื้น

วิมลมณีลืมตาขึ้นอย่างมึนงง สองแขนที่ยังโอบรอบลำคอเขาไว้ทำให้ใบหน้าของเธอแดงเถือกด้วยความอับอาย รีบลดมือลงแทบไม่ทัน พอเห็นรอยยิ้มสมใจของเขาก็โกรธตัวเองจนน้ำตาซึม

“อย่าร้องไห้เลยคนดี พี่บอกแล้วไงว่ายินดีรับผิดชอบทุกอย่าง”

เขาปลอบพลางใช้ข้อนิ้วเกลี่ยซับรอยน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน เห็นน้ำตาของเธอแล้วก็ใจอ่อน ไม่กล้าพูดจาทำร้ายจิตใจคนตัวเล็กอีก

“รับผิดชอบบ้าบออะไร ก็แค่จูบเท่านั้น ปล่อยวิเดี๋ยวนี้นะ ถ้าคุณทำแบบนี้อีก วิจะโกรธและไม่ยกโทษให้คุณด้วย”

เธอเบี่ยงตัวหนีและคราวนี้เขาก็ยอมปล่อยโดยดี เมื่อเป็นอิสระ ร่างเล็กก็วิ่งแจ้นกลับเข้าไปในห้องพักหวังจะหลบหน้าเขา

“โกรธได้ แต่อย่าเกลียดพี่เลยนะวิ พี่บอกแล้วไงว่าทำไปก็เพราะรัก ออกแรงไปเมื่อกี้เริ่มหิวขึ้นมาบ้างรึยัง เดี๋ยวพี่ทำอะไรอร่อยๆ ให้กินนะ”

ชายหนุ่มเดินตามมาเย้าแหย่อย่างไม่ลดละ เขารู้ว่าเธอไม่ได้รังเกียจอะไรเขาหรอก อย่างน้อยที่สุดจูบเมื่อกี้ก็ช่วยยืนยันได้

“ครัวอยู่ข้างล่าง เลิกเดินตามวิซะทีได้มั้ยคนบ้า”

เธอเข่นเขี้ยวอย่างเหลืออด ก่อนจะปิดประตูห้องน้ำใส่หน้าเขาดังปังใหญ่ โกรธก็โกรธ อายก็อาย แต่ไม่รู้ว่าความรู้สึกใดที่มากมายกว่ากัน ที่แน่ๆ เธอไม่กล้าสู้หน้าเขา ไม่อยากสบตาด้วยในตอนนี้

“ให้เวลาสิบนาที รีบตามลงไปนะ ถ้านานกว่านั้นอย่าหาว่าไม่เตือน” เขากลั้นยิ้มข่มขู่เสียงเรียบอยู่หน้าประตูห้องน้ำ

อยากให้เวลาเธอได้อยู่กับตัวเองสักพัก หวังว่าสาวน้อยของเขาจะเข้าใจความรู้สึกมากมายที่เขามีต่อเธอ และหวังให้เธอค้นพบความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีต่อเขาก่อนจะเกิดเรื่องขึ้นด้วย นั่นอาจทำให้อะไรๆ ง่ายขึ้น เพราะอย่างน้อยตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าเธอกับเขาเข้ากันได้ดีมากเพียงใด

หญิงสาวค่อยๆ เปิดประตูห้องน้ำออกมาเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาจากไปแล้ว ร่างบางเอนพิงกับบานประตูอย่างอ่อนแรง อดไม่ได้ที่จะไล้นิ้วเบาๆ ไปตามเรียวปากแดงช้ำของตัวเอง

สัมผัสร้อนๆ ของเขายังแจ่มชัดราวกับจะไม่สามารถลบเลือนได้ไม่ว่าจะใช้วิธีใด เธอหลับตาลงอย่างสับสน ได้ยินเพียงเสียงหัวใจตัวเองที่เต้นไม่เป็นจังหวะ รู้สึกวูบวาบแปลกๆ ในช่องท้องอย่างไร้คำอธิบาย และเกิดคำถามขึ้นในใจ

เธอไม่ชอบเขาจริงหรือ?

“เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เลยวิมลมณี เธอไม่ชอบคนแก่นี่นา ถึงเขาจะหล่อ ดูดี และมีอนาคตไกล แต่เขาก็แก่กว่าเธอตั้งสิบปีเชียวนะ ลืมไปแล้วรึไง เธอรักเขาเหมือนพี่ชายคนนึง จำให้ได้สิ จำๆๆๆ”

หญิงสาวบอกย้ำกับตัวเองด้วยความว้าวุ่นใจ แต่คงจะจริงอย่างที่ใครบางคนว่าไว้

สิ่งที่อยากลืมกลับจำได้ขึ้นใจ แต่สิ่งที่อยากจำกลับลืมได้ง่ายดายกว่าที่ควร...










 

Create Date : 13 พฤศจิกายน 2557
0 comments
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2557 10:58:21 น.
Counter : 979 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ระตา
Location :
นครปฐม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




รู้สึกอยู่เสมอว่าการได้มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้คือความมหัศจรรย์...และการอ่านออกเขียนได้คือรางวัลของชีวิต...
Friends' blogs
[Add ระตา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.