Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2557
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
15 พฤศจิกายน 2557
 
All Blogs
 
เล่ห์รัตติกาล - 3 - โลกส่วนตัวที่ค่อยๆ เปิดกว้าง




คุณชายดนัยขับรถคู่ใจไปตามเส้นทางที่คนข้างๆ บอกด้วยความเร็วระดับปานกลาง เขาอดแปลกใจไม่ได้เมื่อพบว่าคอนโดมิเนียมของรัตติกาลไม่ได้อยู่ใจกลางเมืองหลวงจริงอย่างที่เจ้าหล่อนบอกไว้ แต่อยู่ในเขตจังหวัดนนทบุรี มันไม่ค่อยจะเข้ากับความเป็นเธอเมื่อดูจากการแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดทันสมัยและนิสัยใจคอที่เขาเรียนรู้หลังพบกันไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง

“ไกลหน่อยนะคะ แต่ก็ไม่แออัดเหมือนอยู่ในถนนสายหลักของกรุงเทพฯ แบบนั้นตอนกลางคืนก็เห็นแต่แสงไฟจากตึกระฟ้า คงไม่มีโอกาสได้นอนดูดาวอย่างสงบเหมือนคนแถวนี้ ถ้าตกแต่งบ้านเสร็จแล้วตี้จะย้ายไปอยู่ที่นั่นทันที คราวนี้คงได้นอนดูดาวสมใจอยากละ”

รัตติกาลคุยจ้อตั้งแต่เขาออกรถจนกระทั่งเดินทางถึงที่หมาย หน้าที่หิ้วของยังคงเป็นของสุภาพบุรุษหน้าเคร่งคนเดิม แต่เธอก็มีน้ำใจมากพอที่จะช่วยเขาถือถุงที่ไม่หนักมาก ขณะเดินเคียงกันเข้าไปในลิฟต์

“บ้านที่จะให้ผมตกแต่งอยู่แถวนี้เหรอ” เขาถามด้วยความสนใจ

“ค่ะ อยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก แต่วันนี้คุณชายยังไม่ต้องไปดูหรอกค่ะ ช่วยเป็นลูกมือให้ตี้ก่อนดีกว่า ว่าแต่คุณชายชอบทานอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าคะ ถ้ามันไม่พิสดารมากนักตี้จะทำให้ รับรองว่าทานได้ ไม่ท้องเสียแน่นอนค่ะ”

“ผมอยากเห็นบ้านหลังนั้น เราแวะไปดูหน่อยไม่ได้เหรอ ไหนๆ ก็มาถึงนี่แล้ว ผมจะได้ดูด้วยว่าบ้านของคุณเหมาะกับการตกแต่งสไตล์ไหน มันจะง่ายขึ้นสำหรับผม”

เธอนิ่วหน้า แววตาเป็นกังวลเล็กน้อย “แต่มันเก่าแล้วก็ทรุดโทรมมากเลยนะคะ ตี้ยังไม่ได้ให้ใครเข้าไปจัดการอะไรเลย ปล่อยรกร้างมาหลายปีแล้ว พอจะมีโอกาสเข้าไปดูแลก็ดันมีงานต้องทำซะก่อน”

“คุณทำงานด้วยเหรอ”

เขาอดไม่ได้ที่จะมองสำรวจหญิงสาวตั้งแต่ศีรษะจดเท้าด้วยความไม่เชื่อถือ ลำพังแค่นั่งรถแท็กซี่เธอยังไม่เคย นับประสาอะไรกับการทำงานเป็นลูกจ้างคนอื่น แล้วไอ้นิสัยขี้ประจบขี้อ้อนนี่อีก เขาสงสัยว่าเธอจะสามารถประกอบอาชีพอะไรได้จากคุณสมบัติเหล่านี้

เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขาพลางย่นจมูกอย่างขัดใจ “ถามได้ ถ้าไม่ทำงานแล้วตี้จะเอาอะไรรับประทานล่ะคะคุณชาย ไม่มีคนหาเลี้ยงซะด้วยสิ”

สิ้นเสียงเธอประตูลิฟต์ก็เปิดออกพอดี หญิงสาวก้าวนำไปก่อนพลางควานหาคีย์การ์ดในกระเป๋าถือครู่หนึ่งก็หยิบออกมาเสียบหน้าประตูห้องของตนเองแล้วใช้ไหล่ดันบานไม้หนาหนักนั้นเข้าไป เพื่อเปิดทางให้แขกหนุ่มเข้ามาด้านในได้สะดวกขึ้น

“ยินดีต้อนรับค่ะ”

เธอยิ้มหวานจ๋อย ช่วยรับของในมือเขาเข้าไปเก็บในห้องครัว ก่อนจะกระวีกระวาดออกมาหารองเท้าแตะให้แขกหนุ่มหล่อรวมถึงตัวเองใส่ด้วย

“ไม่ต้องรีบนักก็ได้ นี่เพิ่งจะบ่ายสี่โมงเศษๆ เอง คุณจะรีบไปไหน” เขาเอ็ดเมื่อเห็นท่าทางรีบร้อนในการทำทุกอย่างของเธอ

“ก็แหม คุณชายแวะมาทั้งที ตี้ก็ต้องต้อนรับขับสู้ให้ดีสิคะ เดี๋ยวพอกลับไปแล้วคุณชายไม่ยอมกลับมาอีกตี้ก็เหงาแย่ นานๆ จะมีเหยื่อหลงมาที่นี่ซักคน”

เธอฉีกยิ้มจนตาหยี เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนยิ้มกว้างอย่างไม่กลัวตีนกาขึ้นเหมือนเธอมาก่อนเลย มันเป็นภาพที่ชวนมองจนอดยิ้มตามไม่ได้

“คุณพูดเหมือนไม่มีเพื่อนเลยนะ ไหนบอกว่าต้องทำงานไง อย่างน้อยก็ต้องมีเพื่อนร่วมงานบ้างแหละ หรือว่าไม่มีใครคบ”

“อย่างตี้นี่ใครๆ ก็อยากคบค่ะ แต่ตี้ไม่ชวนใครมาห้องง่ายๆ หรอก มันเป็นพื้นที่ส่วนตัว มีแต่คนพิเศษเท่านั้นถึงจะได้สิทธิพิเศษแบบนี้”

เธอสบตาเขาตรงๆ รอยยิ้มซุกซนและท้าทายอยู่ในที

คนที่ได้รับสิทธิพิเศษโดยไม่ทันตั้งตัวได้แต่ยืนนิ่ง ปั้นหน้านิ่งด้วยไม่รู้ว่าควรจะวางสีหน้าอย่างไร

ทำไมรู้สึกเหมือนกำลังถูกจีบอยู่เลยแฮะ...

หญิงสาวอมยิ้มพลางย่นจมูกอย่างน่ารักแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องครัว เขาจึงเดินตามเจ้าของห้องไปติดๆ เพราะไม่รู้ว่าตัวเองควรจะอยู่ตรงไหน ใช่ว่าไม่เคยได้รับเชิญเข้าห้องสาวโสดมาก่อน เพียงแต่ที่ประเทศไทยเขาไม่เคยทำจริงๆ และจะว่าไปนี่นับเป็นครั้งแรกของเขาเลยก็ว่าได้

“ทำไมคุณถึงอยู่คนเดียวล่ะ แล้วคนอื่นๆ ในครอบครัวหายไปไหนหมด”

เมื่อรู้สึกว่าหัวข้อสนทนาชักจะล่อแหลมและชวนอึดอัดขึ้นทุกที เขาก็รีบเปลี่ยนประเด็น

“พ่อกับแม่ของตี้เสียไปหลายปีแล้วละค่ะ ตอนนี้ตี้อยู่คนเดียว ตกลงว่าคุณชายชอบทานอะไรเป็นพิเศษคะ ตี้จะแสดงฝีมือเต็มที่เลย” เธอรื้อถุงข้าวของที่กว้านซื้อมามากมาย มือไม้ไม่ว่างเลยในขณะที่ปากก็คุยกับแขกไปด้วย

“ผมเสียใจด้วยนะ”

เสียงนุ่มทุ้มนั้นทำให้คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นสบตาคนพูด ยิ่งตอนที่ถอดรองเท้าส้นเข็มสูงปรี๊ดออกแล้วเขาก็ยิ่งดูตัวใหญ่ ในขณะที่เธอทั้งเล็กและบางกว่าหลายเท่า นั่นทำให้แม่สาวคนนี้ดูเปราะบางน่าทะนุถนอมมากขึ้นในสายตาของเขา

ความเสียใจที่ฉายชัดในดวงตาดำคมของคุณชายรูปหล่อก่อให้เกิดความรู้สึกบางอย่างในใจของหญิงสาว เธอหลบตาแล้วตอบเสียงเบาด้วยรู้สึกละอายใจที่จะรับความเห็นใจอันบริสุทธิ์นั้น

“เรื่องมันนานมากแล้ว คุณชายไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ”

“แล้วตกลงว่าคุณอยู่คนเดียวจริงเหรอ ทำไมไม่ย้ายไปอยู่บ้านนายรัฐซะล่ะ ที่นั่นมีพ่อกับแม่ของนายรัฐอยู่ด้วย ยิ่งเขาไม่อยู่บ้านแบบนี้ขี้คร้านพวกท่านจะรักและเอ็นดูคุณยิ่งกว่าลูกในไส้ซะอีก อยู่คนเดียวมันอันตรายนะ”

“ทำไมไม่ยอมตอบซะทีล่ะคะว่าชอบทานอะไร แบบนี้ตี้ก็ทำไม่ถูกสิ ถ้ารสชาติไม่ถูกปากเดี๋ยวก็หาว่าตี้ขี้โม้หรอก” เธอชวนคุยออกนอกประเด็นเพราะไม่อยากเอ่ยถึงครอบครัวของณัฐรัฐมากนัก

“ผู้ใหญ่พูดก็ไม่รู้จักฟัง เพราะแบบนี้ใช่ไหมถึงไม่ยอมไปอยู่บ้านญาติ”

เขาเผลออบรมคนที่เพิ่งรู้จักกันยังไม่ทันข้ามวัน ด้วยความสนิทสนมที่เธอมีให้ทำให้ลืมตัว ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของคนอื่นทั้งที่ปกติแล้วไม่ใช่วิสัยของตนเองเลยสักนิด

“แหมคุณชายก็...รู้ใจตี้จังเลยนะคะ ตกลงชอบทานอะไรบอกใบ้นิดนึงสิคะ” เธอยิ้มหวานประจบ ไม่ปฏิเสธตรงๆ จึงเหมือนเป็นการยอมรับกับสิ่งที่เขาคิดไปเอง

ชายหนุ่มถอนใจยาว ไม่ปิดบังความระอาในสีหน้า แต่ก็ยอมเปลี่ยนหัวข้อสนทนาตามเธอโดยดี

“ผมต่อให้ ทำอะไรที่คุณถนัดและคิดว่าอร่อยที่สุดก็แล้วกัน หวังว่าคงไม่ใช่ไข่เจียวนะ อันนั้นผมทานจนเบื่อตอนที่อยู่อเมริกา”

เธอทำตาโต “ทำเองเหรอคะ”

“รู้ได้ยังไง”

“ก็ถ้าออกไปทานข้างนอกคุณชายก็คงไม่สั่งไข่เจียวมากินจนเบื่อหรอกจริงมั้ยคะ อาหารมีให้เลือกล้านแปดเมนูนี่นา”

“ผมสงสัยจริงๆ ว่าคุณทำงานอะไร คุณคงไม่ทำให้ผมเซอร์ไพรส์มากไปกว่านี้ด้วยการบอกว่าเป็นเชฟอะไรเทือกนั้นหรอกนะ” เขายอมรับกรายๆ ก่อนจะเอ่ยถึงอาชีพของเธอด้วยความสนใจ

หญิงสาวยิ้มกริ่ม เอียงคอมองตาคนตัวสูงกว่าแล้วบอกเสียงใส “คุณชายต้องนึกไม่ถึงแน่ๆ ค่ะว่าตี้ทำงานอะไร งั้นก็ปล่อยให้เป็นปริศนาก็แล้วกันนะคะ ตี้ไม่บอกง่ายๆ หรอก ทำให้คนอื่นอยากรู้อยากเห็นได้นี่มันสนุกดีจริงๆ”

“เอาเถอะ ผมถามนายรัฐเองก็ได้” เขายืมมุกของเธอมาใช้บ้าง

รัตติกาลยิ้มหวาน “แหม...ปลื้มใจจังเลยค่ะที่ได้รู้ว่าคุณชายสนใจตี้มากขนาดนี้”

เงียบไปเลยสำหรับคนที่แอบสนใจคนอื่นโดยไม่รู้ตัว ส่วนคนที่ถูกให้ความสนใจก็อมยิ้มแก้มแทบปริ นั่นทำให้ราชนิกุลหนุ่มต้องยกธงขาวยอมแพ้ด้วยการพูดเรื่องอื่น ก่อนจะเสียเชิงให้สาวน้อยร้อยชั่งมากไปกว่านี้

“ผมว่าตอนนี้ยังมีเวลานะ แวะไปดูบ้านคุณก่อนดีไหม แล้วค่อยกลับมาทานมื้อเย็นที่นี่”

“เอาจริงเหรอคะ มันรกมากเลยนะ มีงูรึเปล่าก็ไม่รู้สิ รอให้ตี้จ้างคนมาตัดหญ้าก่อนดีกว่ามั้ยคะคุณชาย” เธอทำหน้าแหยๆ เมื่อนึกถึงสภาพบ้านที่เก่าทรุดโทรมไร้การดูแลหลังนั้น

“แค่แวะไปดูเท่านั้น ถ้ามันเก่ามากผมจะได้ดูให้ด้วยว่ามันควรตกแต่งใหม่หรือควรรื้อสร้างใหม่กันแน่”

“ตี้ไม่ยอมให้รื้อนะคะ!” เธอค้านเสียงหลง

“ผมแค่ล้อเล่น ไม่รื้อก็ไม่รื้อสิ บ้านคุณนี่ ไม่ใช่บ้านผม แต่ถึงยังไงก็ต้องดูก่อนว่ามันยังแข็งแรงอยู่รึเปล่า ถ้าเก่ามากก็อาจต้องรีโนเวทกันหน่อยก่อนตกแต่งใหม่ เข้าใจไหม”

เขาอธิบายเสียงอ่อนเมื่อเห็นสีหน้าตกใจอย่างจริงจังของเธอ แต่รัตติกาลทำให้เขานึกถึงบ้านผีสิงจริงๆ เมื่อเธอเอ่ยถึงบ้านที่จะให้เขาช่วยตกแต่ง ถ้ามันเก่าทรุดโทรมมากก็อาจต้องรื้อทิ้งแล้วสร้างใหม่ แต่ถ้าพอจะซ่อมแซมได้เขาก็จะช่วยอย่างเต็มที่ แต่เขาจะพยายามไม่พูดจาทำร้ายจิตใจหญิงสาวมากไปกว่านี้ เพราะณัฐรัฐบอกแล้วว่าบ้านหลังนั้นมีความหมายกับเธอมาก

“แค่ซ่อมแซมจริงๆ นะคะ ตี้ไม่อยากเปลี่ยนแปลงอะไร” เธอขอคำมั่นเพื่อความแน่ใจ

“มันขึ้นอยู่กับคุณ ผมแค่ให้ความเห็นในฐานะสถาปนิกแล้วก็มัณฑนากรเท่านั้นเอง”

เมื่อได้รับคำยืนยันเป็นมั่นเหมาะรัตติกาลก็จำใจเก็บของสดยัดใส่ตู้เย็นให้หมด ก่อนจะพาคุณชายรูปหล่อไปทัวร์บ้านเก่าของเธอตามความต้องการของเขา



ขับรถจากคอนโดมิเนียมของรัตติกาลไม่เกินสิบห้านาทีก็ถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งในละแวกนั้น ดูจากสภาพแวดล้อมรอบด้านก็รู้ได้ทันทีว่าหมู่บ้านแห่งนี้มีมานานแล้ว บ้านของรัตติกาลอยู่ลึกเกือบซอยสุดท้ายของหมู่บ้าน เขาแทบไม่อยากเชื่อสายตาเมื่อเห็นชัดๆ ว่าบ้านที่ตนต้องช่วยออกแบบตกแต่งให้นั้นเก่าแก่มากเพียงใด มันไม่ใหญ่มากนักแต่น่าจะมีอายุไม่ต่ำกว่าร้อยปีแล้ว

“ก็บอกแล้วไงคะว่ารอให้ตี้จ้างคนมาตัดหญ้าและทำความสะอาดใหม่ซะก่อนค่อยมาก็ไม่เชื่อ” หญิงสาวบอกเสียงอ่อยเมื่อเห็นสีหน้าของเขา

“ไม่มีคนอยู่มานานเท่าไหร่แล้วเนี่ย” เขาถามด้วยความสงสัยแกมทึ่งจัดกับสถาปัตยกรรมแบบบ้านสมัยเก่าที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า

“ก็คงสี่ห้าปีได้แล้วมั้งคะ”

หญิงสาวทำหน้าจ๋อยๆ ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วก้าวลงจากรถ ในขณะที่คนขับเองก็ทำแบบเดียวกัน

“ปล่อยไว้เฉยๆ ไม่มีคนดูแลบ้านก็จะยิ่งเก่าและทรุดโทรม ถ้าไม่มาอยู่เองก็น่าจะปล่อยให้เช่านะ ทิ้งไว้ทำไมตั้งหลายปี บ้านสวยออกอย่างนี้ต้องมีคนชอบและอยากเป็นเจ้าของแน่” เขาให้ความเห็นพลางเดินตามคนตัวเล็กที่กำลังใช้แม่กุญแจไขกุญแจรั้วหน้าบ้านเข้าไป

“คุณชายคิดว่ามันพอจะซ่อมแซมได้มั้ยคะ ถ้าต้องรื้อทิ้งแล้วสร้างใหม่มันคงต้องใช้งบประมาณเยอะเหมือนกัน”

เธอมองบ้านสองชั้นที่ปลูกสร้างจากปูนและไม้ด้วยรูปแบบไทยๆ แต่มีกลิ่นอายของยุโรปผสมผสานอยู่ค่อนข้างมาก ซึ่งยืนโดดเด่นอยู่กลางสวนรกร้างด้วยแววตาเศร้าสร้อย ไม่ยอมพูดถึงเหตุผลที่ไม่สามารถมาอยู่เองหรือปล่อยให้คนอื่นเช่าได้

“ผมว่ามันน่าจะพอซ่อมแซมได้นะ ไม่ต้องถึงกับรื้อใหม่หรอก แต่งบประมาณก็คงจะเยอะใช้ได้เลยละ ไหนจะต้องตกแต่งใหม่อีก แต่คุณก็ไม่น่าจะต้องกังวลอะไรนี่ ยังไงนายรัฐก็คงไม่ปล่อยให้น้องสาวเดือดร้อนหรอก พี่ชายคุณรวยออกจะตายไป”

เธอหันมาส่งยิ้มจืดๆ ให้คนข้างกัน แต่ในหัวกำลังคิดคำนวณตัวเลขให้วุ่นวาย จากงบประมาณที่ณัฐรัฐให้มาในตอนแรก บางทีเธออาจจะต้องงุบงิบเงินบางส่วนเอาไว้บ้างเพื่อใช้ซ่อมแซมบ้านหลังนี้ให้มีสภาพแข็งแรงมั่นคง ก่อนจะตกแต่งภายในใหม่ทั้งหมด

“แต่อันดับแรกเลยคุณต้องให้คนมาจัดการกับต้นไม้ใบหญ้าที่รกครึ้มนี่ออกไปให้หมดก่อน เรื่องการดูแลซ่อมแซมไว้เป็นหน้าที่ของผมเอง จากนั้นค่อยว่ากันเรื่องตกแต่งภายใน”

“คุณชายพูดจริงๆ นะคะ ที่จะช่วยดูแลให้ตั้งแต่การซ่อมแซมไปจนถึงการตกแต่งด้วยน่ะ”

เธอหันไปส่งยิ้มให้เขาอย่างจริงใจ ดวงตากลมโตเปี่ยมไปด้วยความซาบซึ้ง

เขามองบ้านเก่าแก่สไตล์โคโลเนียลหลังนั้นด้วยแววตาชื่นชมหลงใหล ตอบโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด “จริงสิ ผมจะรีโนเวทบ้านหลังนี้ให้มันกลับมามีชีวิตอีกครั้ง”

“คุณชายใจดีที่สุดเลยค่ะ” เธอยิ้ม ดวงตาเป็นประกาย เกาะแขนเขาอย่างประจบเหมือนเด็กที่จับฉลากได้ของขวัญถูกใจในวันขึ้นปีใหม่อย่างไรอย่างนั้น

ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะปรายหางตามองคนตัวเล็กขี้ประจบเป็นที่หนึ่ง ซึ่งยืนยิ้มแฉ่งเกาะแขนเขาอย่างกับเด็กๆ ด้วยความเอ็นดูแกมระอา ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมณัฐรัฐถึงต้องตามใจน้องสาวนัก

ก็เธอช่างออดอ้อนได้น่ารักแบบนี้ เป็นใครจะใจแข็งได้ลงคอล่ะ...



หลังจากนั้นไม่นานคุณชายดนัยก็พารัตติกาลกลับมาที่ห้องพักของเธอ หญิงสาวตัดสินใจทำอาหารขึ้นชื่อของไทยเพื่ออวดเสน่ห์ปลายจวักสร้างความประทับใจให้แขกหนุ่ม หนึ่งในเมนูที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือต้มยำกุ้งรสจัดจ้าน ส่วนอีกสองสามจานเป็นอาหารง่ายๆ ที่ไม่ต้องใช้ส่วนประกอบมากเท่าไร ทำให้ประหยัดเวลาได้มากขึ้นด้วย แต่แทนที่แขกจะได้นั่งรออย่างสบายกายสบายใจ เจ้าของห้องกลับลากเขามาช่วยเป็นลูกมือในครัวแบบทุกขั้นตอน

ชายหนุ่มลอบมองแม่สาวที่แต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดเข็ดฟัน ซึ่งสวมทับด้วยผ้ากันเปื้อนสีครีมลายดอกทานตะวันด้วยความประหลาดใจ เขาไม่นึกว่ารัตติกาลจะคล่องแคล่วงานครัวมากเท่านี้ นั่นทำให้เข้าใจคำว่า ‘อย่าตัดสินคนจากภายนอก’ ได้ลึกซึ้งขึ้น

“มองอะไรคะคุณชาย แอบมองแบบนี้ตี้ก็เขินแย่สิ”

เสียงใสที่ลอยมากระทบโสตเบาๆ ทำให้คนที่ถูกจับได้คาหนังคาเขาว่า ‘แอบมอง’ ถึงกับสะดุ้งและหน้าแดงขึ้นมาทันที

เธอไม่ปล่อยให้เขาเขินนาน ตักน้ำต้มยำกุ้งที่เดือดปุดๆ ในหม้อขึ้นมาเป่าแล้วยื่นช้อนไปแตะที่ริมฝีปากหยักลึกของอีกฝ่าย

“ชิมหน่อยนะคะ”

ชายหนุ่มหลุบตาลงเพื่อพบความกระตือรือร้นและตื่นเต้นที่ฉายชัดอยู่ในดวงตาคู่สวย ทั้งที่รู้ว่าระยะห่างทางสังคมที่เหมาะสมคือเหตุผลอันสมควรให้เขารับช้อนแกงจากเธอมาชิมเอง แต่เขากลับเลือกที่จะตามใจสาวน้อยช่างเจรจาคนนี้เสียอย่างนั้น

“เป็นไงคะคุณชาย ใช้ได้รึยัง”

“ก็ดี” เขาตอบอย่างวางฟอร์ม ไม่อยากชมให้เธอได้ใจว่าต้มยำกุ้งหม้อนี้รสชาติดีใช้ได้ทีเดียว

“ว้า...แค่ ‘ดี’ เองเหรอคะ ตี้คงต้องฝึกปรือฝีมือใหม่ซะแล้ว งั้นวันหลังคุณชายต้องแวะมาทานข้าวที่นี่อีกนะคะ จนกว่าคุณชายจะชมว่าตี้ทำอาหารอร่อย ไม่อย่างนั้นตี้จะไม่ยอมแพ้แน่ๆ ค่ะ”

เธอยิ้มกริ่มอย่างอารมณ์ดี เป็นอีกครั้งที่สามารถฉวยโอกาสที่เขาหยิบยื่นให้โดยไม่ได้ตั้งใจมาใช้ให้เป็นประโยชน์กับตัวเองได้

เขาได้แต่กะพริบตาปริบๆ มองคนช่างพูดที่อมยิ้มจนแก้มป่องด้วยความรู้สึกกึ่งทึ่งกึ่งมึนงง นอกจากจะถูกมัดมือชกให้มาส่งเธอที่ห้องพักและถูกบีบบังคับกรายๆ ให้ร่วมกินเย็นด้วยเพื่อพิสูจน์ฝีมือทำอาหารของหญิงสาวแล้ว ตบท้ายเขายังถูกยัดเยียดหน้าที่ให้เป็นหนูทดลองจนกว่าจะยอมชมว่าเธอทำอาหารอร่อยอีกด้วย

เอากับเธอสิรัตติกาล นี่เธอคิดจะทำอะไรกันแน่นะ!?!

“คุณชายช่วยยกกับข้าวไปวางที่โต๊ะทีนะคะ”

รัตติกาลตักอาหารทั้งสามอย่างใส่ภาชนะและทยอยส่งให้เขานำไปวางที่โต๊ะอาหารชุดเล็ก ซึ่งจัดวางไว้ในมุมหนึ่งของห้องครัวที่เปิดโล่งไปจนถึงโถงรับแขก แต่มีบาร์เครื่องดื่มสูงเสมอเอวกั้นไว้อย่างเป็นสัดส่วน

ชายหนุ่มเริ่มปลงตกว่าได้กลายเป็นเบ๊ของรัตติกาลอย่างสมบูรณ์แบบแล้วในตอนนี้ จึงได้แต่ทำตามที่หญิงสาวสั่งโดยไม่อิดออด

แล้วอาหารค่ำที่มีคนแปลกหน้าสองคนนั่งกินร่วมกันก็ผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น เจ้าของห้องไม่ถามซ้ำถึงรสชาติอาหารจานอื่นอีกเพราะบรรลุวัตถุประสงค์ในการโน้มน้าวให้แขกหนุ่มแวะมาเยี่ยมเธอที่นี่อีกครั้งและอีกครั้งได้สำเร็จแล้ว แต่นั่นไม่ใช่เป้าหมายเดียวของรัตติกาลในวันนี้ ดังนั้นจึงต้องมีเหตุบังเอิญโดยตั้งใจในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอให้แน่นแฟ้นขึ้น

“รับกาแฟหน่อยนะคะ ขากลับจะได้ไม่ง่วง กาแฟสอง ครีมสอง ไม่ใส่น้ำตาล ตรงตามสูตรของคุณชายเป๊ะ” เสียงใสเอ่ยขึ้นพร้อมถ้วยกาแฟหอมกรุ่นที่วางลงบนโต๊ะกลมหน้าจอทีวีขนาดยักษ์

“ขอบคุณ” เสียงนั้นค่อนข้างเนือย

เขาไม่ค่อยแปลกใจกับสิ่งที่เธอรู้ แหล่งข้อมูลชั้นเยี่ยมก็คือณัฐรัฐนั่นไง แต่ที่น่าสงสัยมากกว่าคือความต้องการของรัตติกาล เขารู้สึกได้ว่าเธอจงใจเข้ามาตีสนิทด้วยจุดประสงค์บางอย่างที่เขาเองก็นึกไม่ออก

“นั่งย่อยก่อนนะคะ เดี๋ยวค่อยกลับ ตี้ขอล้างจานแป๊บนึง อยากได้อะไรอีกก็บอกนะคะ หรือจะหยิบเองก็ได้ถ้าไม่ลำบากมากเกินไป”

“ผมช่วยไหม”

เขาวางแก้วกาแฟลงหลังจากจิบไปสองสามอึก รู้สึกว่าตนเองควรมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเธอ เนื่องจากมีส่วนร่วมมาตั้งแต่แรกแล้วแทบทุกขั้นตอน

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่นิดเดียวเอง”

เธอยิ้มหวานจ๋อยส่งให้ ก่อนจะผละไปจัดการกับจานชามในซิงค์ด้วยท่าทีคล่องแคล่วชำนาญ

เขาอดที่จะแปลกใจไม่ได้เมื่อเห็นทุกอย่างผ่านสายตาตัวเอง น้องสาวของณัฐรัฐน่าจะเป็นคุณหนูผู้บอบบาง หยิบจับอะไรไม่เป็น มากกว่าสาวสวยที่ดูคล่องไปเสียทุกอย่างแบบนี้

“ว๊าย!!”

เสียงกรีดร้องของเจ้าของห้องทำให้ร่างสูงดีดตัวขึ้นจากโซฟาและถลันเข้าไปหาเธอด้วยความตกใจ เพียงพริบตาเดียวที่เขาตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง รัตติกาลก็เปียกปอนไปครึ่งตัว มือเล็กพยายามอุดท่อน้ำไว้เพราะหัวก๊อกหลุดออกมานอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้น และนั่งคงทำให้สายน้ำพุ่งกระฉูดใส่หน้าเธอจนเปียกโชกอย่างที่เห็น

เขามองแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าระอา ก่อนจะมองหาวาล์วน้ำและจัดการปิดมันเสีย

“ปิดตรงนี้สิคุณ เอามืออุดตรงนั้นน้ำมันก็ไม่หยุดไหลหรอก”

“ก็ตี้ตกใจนี่คะ จู่ๆ หัวก๊อกมันก็กระเด็นออกมาเฉยเลย”

เธอย่นจมูกพลางทำหน้างอนิดๆ ผมยาวสลวยสีน้ำตาลอมเทาเปียกลู่แนบแก้มนวล ฟองสีขาวของน้ำยาล้างจานเกาะอยู่บนศีรษะและใบหน้าเป็นหย่อมๆ แม้มันจะดูตลกแต่ก็ยังมีความน่ารักปนอยู่มากจนอีกฝ่ายมองเพลิน

“ทำไงดีล่ะคะ ตี้ซ่อมไม่เป็นซะด้วยสิ” เธอทำตาละห้อยขณะเงยหน้าขึ้นบอกเสียงอ่อย

“เดี๋ยวผมซ่อมให้ คุณถอยไปก่อนเถอะ อาบน้ำสระผมด้วยก็ดีนะ เดี๋ยวจะไม่สบาย”

เขาตัดใจละสายตาจากดวงหน้าเรียวละมุน หันไปใส่ใจกับหัวก๊อกยี่ห้อดังซึ่งไม่รู้ว่ากระเด็นหลุดออกมาได้อย่างไร

สาวน้อยร้อยมารยาจึงอมยิ้มสมใจแล้วผละไปจัดการกับเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองให้ไว โดยปล่อยให้แขกหนุ่มจัดการกับหัวก๊อกที่เธอหมุนมันออกมาเองกับมือให้กลับไปอยู่ในที่ที่ควรอยู่

ชายหนุ่มย่นคิ้วขณะมองหัวก๊อกแบบหมุนแล้วหันไปมองหาเจ้าของห้องซึ่งไม่ได้อยู่แถวนี้แล้ว หัวก๊อกแบบนี้ไม่มีทางหลุดออกมาเพราะแรงดันของน้ำได้แน่

นั่นอาจหมายความว่ารัตติกาลสร้างสถานการณ์ขึ้นเอง และหากเป็นเช่นนั้นจริง แล้วเธอทำไปเพื่ออะไร?



เมื่อออกมาจากห้องนอนอีกครั้งรัตติกาลก็อยู่ในเสื้อกล้ามสีขาวรัดรูปจนเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งอันสวยงามอย่างเต็มตา แต่ไม่ดูจงใจเกินไปที่จะอวดรูปร่างงดงามกลมกลึงด้วยการใส่กางเกงขายาวที่ทำจากผ้าเนื้อหนา บนศีรษะมีผ้าขนหนูผืนเล็กพันทับกันเพื่อเก็บเส้นผมอ่อนนุ่มที่เปียกปอนให้หมาดน้ำ แขกหนุ่มนั่งรออยู่ที่โซฟาตัวเดิมอย่างเรียบร้อย แต่ใบหน้าคมสันค่อนข้างตึงจนเจ้าของห้องรู้สึกได้

“ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้คุณชายพลอยวุ่นวายไปด้วย ก๊อกน้ำโอเคดีแล้วใช่มั้ยคะ” เธอถามพร้อมรอยยิ้มประจบ ขณะทรุดร่างลงบนโซฟาเดี่ยวใกล้กับตัวที่เขานั่งอยู่

“ไม่มีปัญหาอะไรนี่ คงเป็นเพราะเด็กมือบอนหมุนมันเล่นมากกว่า” เสียงตอบเรียบจัดพอๆ กับแววตาคมกริบที่จ้อง ‘เด็กมือบอน’ เขม็ง

รัตติกาลหลบตาเขาพลางอมยิ้มเขินๆ เหมือนคนที่ถูกจับได้คาหนังคาเขาเวลาทำความผิดบางอย่างไว้

“ทำแบบนี้ทำไมรัตติกาล ปั่นหัวผมเล่นนี่มันสนุกนักรึไง” เขาสอบสวนด้วยน้ำเสียงเรียบดุ

“เปล่านะคะ ตี้ไม่ได้ปั่นหัวคุณชายนะ ตี้ก็แค่อยากรู้ว่าคุณชายจะทำยังไงเท่านั้นเอง เผื่อวันหลังก๊อกน้ำมันพังจริงๆ ตี้จะได้โทร. หาคุณชายไงคะ”

เธอทำเสียงประจบประแจงราวกับไม่รู้ว่าได้สร้างความไม่พอใจให้อีกฝ่ายมากแค่ไหน

“ผมไม่ใช่ช่าง”

“นั่นแหละค่ะ ปลอดภัยที่สุด รู้มั้ยคะว่าสมัยนี้มันอันตรายแค่ไหน พวกช่างน่ะมีแต่ผู้ชายทั้งนั้น เกิดเห็นหน้าตี้แล้วถูกใจขึ้นมาตี้ก็แย่สิคะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นแล้วใครจะมาช่วยทัน ผู้หญิงตัวเล็กๆ จะไปสู้แรงผู้ชายตัวโตๆ ได้ยังไงกันล่ะคะ” เธอยิ้มแฉ่งแข่งความสดใสกับสายตาขุ่นเคืองของเขา

“ถ้าคุณลืมไปผมจะบอกให้ ผมก็เป็นผู้ชาย”

คราวนี้เขายืนยันให้เธอรู้ถึงอันตรายด้วยการโน้มตัวเข้าไปหา เท้าแขนไว้กับพนักโซฟาทั้งสองข้างจนคนตัวเล็กขยับไปไหนไม่ได้ ตาสบตา ลมหายใจอุ่นซ่านปะทะแก้มใสและเปลี่ยนให้มันกลายเป็นสีชมพูระเรื่อได้ไม่ยาก

ริมฝีปากอิ่มสีเชอร์รี่เม้มแน่น หัวใจเต้นระทึกไม่เป็นส่ำกับความชิดใกล้ที่ไม่ได้อยู่ในแผนการ กลั้นใจตอบโต้กลับไปเสียงเบาโดยไม่หลบตา “พี่รัฐบอกว่าคุณชายไว้ใจได้”

“นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับคู่กรณี”

“ตี้เป็นน้องสาวของพี่รัฐนะคะ ถ้าคุณชายลืมไป...”

เธอเผลอกลั้นใจโดยไม่รู้ตัว อาการวูบวาบเห่อร้อนที่ใบหน้าไม่ได้อยู่ในแผนการเลย แต่เธอควบคุมมันไม่ได้

“ผมไม่ลืมหรอก แต่บางทีมันก็น่าสนใจไม่ใช่หรือ”

ลงล็อกจนได้สิน่า ค่อยยังชั่วหน่อย เฮ้อ...

เธอยิ้มหวานหยด รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก

“งั้นตี้ก็โทร. หาคุณชายได้เวลาที่ก๊อกน้ำพัง หลอดไฟเสีย อะไรแบบนั้น ใช่มั้ยคะ?”

คำพูดของเธอทำให้เขาติดเบรกเกือบหัวทิ่ม ถ้าขับรถอยู่ก็อาจจะพลิกคว่ำหลายตลบกันเลยทีเดียว ร่างสูงขยับกลับไปนั่งโซฟาตัวเดิมด้วยสีหน้าที่ไม่รู้จะปั้นอย่างไร แต่ร่างบางขยับตามมาพร้อมแบมือไปข้างหน้า

“ขอมือถือด้วยค่ะ”

“เอาไปทำไม?” อารมณ์ล้อเล่นไม่มีให้เห็น มีเพียงสีหน้าตึงๆ ของคนถาม

“เถอะน่า” เธอเร่งเร้าและสุดท้ายก็ได้ตามที่ขอ

รัตติกาลกดเบอร์โทรศัพท์ลงไปแล้วโทร. ออกจนได้ยินเสียงเรียกเข้าที่เครื่องตัวเองจึงค่อยกดวาง แล้วยังมีน้ำใจบันทึกเบอร์ติดต่อส่วนตัวลงในเครื่องให้เขาก่อนส่งคืนด้วย “ขอบคุณนะคะคุณชาย”

“ผมกลับละ”

เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง บอกให้รู้ว่าตอนนี้เอาช้างมาฉุดก็ไม่อยู่แล้ว อดรู้สึกไม่ได้จริงๆ ว่าถูกแม่สาวคนนี้ปั่นหัวอยู่ทั้งวัน และเหมือนว่ารู้อยู่เต็มอกแต่ก็ไม่สามารถจัดการอะไรกับเธอได้สักอย่าง

หญิงสาวตามไปส่งแขกที่หน้าประตู แต่ก่อนที่เขาจะจากไปเธอก็รั้งแขนชายหนุ่มไว้ เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มสดใส “ขับรถดีๆ นะคะ แล้วตี้จะโทร. หานะ”

“หลอดไฟหรือก๊อกน้ำคงไม่เสียตอนเที่ยงคืนหรอกนะ” เขาดักคอเสียงขุ่น

เธอยิ้มหวาน “คงไม่หรอกค่ะ แต่ถ้าไม่มีอะไรเสีย แล้ว...ตี้จะโทร. หาคุณชายได้มั้ยคะ”

เขานิ่งอึ้งไปหลายอึดใจ มองหน้าใสๆ กับประกายตาระยิบระยับของคนตัวเล็กแล้วก็ตอบออกไปเหมือนไม่ใช่ตัวเอง “ก็ตามใจสิ”

คนฟังคลี่ยิ้มหวานจ๋อย เป็นรอยยิ้มที่ชายหนุ่มทนมองนานๆ ไม่ได้จึงต้องรีบผละไปอย่างรวดเร็ว

หญิงสาวยืนส่งเขาอยู่ตรงนั้น จนกระทั่งร่างสูงก้าวเข้าไปในลิฟต์เธอก็โบกมือให้จนประตูลิฟต์ปิดลงจึงค่อยกลับเข้าห้องของตัวเองบ้าง

ร่างบางยืนพิงผนังห้องด้วยความรู้สึกเหมือนตัวจะลอยได้ เผลออมยิ้มเมื่อนึกถึงตอนที่ถูกเขาแกล้งแล้วก็รู้สึกร้อนๆ ที่ใบหน้าจนต้องใช้มือลูบเบาๆ สักพักก็วิ่งแจ้นไปที่โทรศัพท์มือถือ รีบบันทึกเบอร์โทร. ของเขาไว้ แต่ก่อนจะวางมันลงเธอก็นึกอะไรดีๆ ได้แล้วรอยยิ้มซุกซนก็ระบายทั่วใบหน้านวล



ร่างสูงเดินมาถึงรถคู่ใจพอดีในตอนที่เสียงเตือนว่ามีข้อความเข้าดังขึ้น มือหนาเลื่อนลงหยิบเครื่องมือสื่อสารในกระเป๋ากางเกงยีนขึ้นมากดดูพร้อมกับปลดล็อกรถ และก้าวเข้าไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับ รอยยิ้มบางเบาเผยขึ้นบนใบหน้าคมสันเมื่ออ่านข้อความในหน้าจอมือถือจบลง

‘ขับรถดีๆ นะคะคุณชาย ถึงบ้านแล้วโทร. หาตี้ด้วยนะ ตี้เป็นห่วงค่ะ อยากแน่ใจว่าคุณชายกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย ตี้จะรอนะคะ จุ๊บๆ’

“เด็กบ้า...”

เขาส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะเริ่มออกรถ แต่เมื่อเหลือบมองกระจกมองหลังและเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าตัวเองเข้าก็รีบหุบมันลงแทบไม่ทัน

ทำไมเขาต้องยิ้มเมื่อนึกถึง ‘เด็กบ้า’ นั่นด้วยนะ?

คำถามนั้นทำให้ราชนิกุลหนุ่มถึงกับวางสีหน้าไม่ถูก รู้ทั้งรู้ว่าการปรากฏตัวของรัตติกาลมีอะไรน่าสงสัยมากมาย แต่เขากลับยอมเดินตามเกมที่เธอชักนำไปทั้งๆ ที่รู้ ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ ให้ตาย!









Create Date : 15 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2557 21:04:46 น. 0 comments
Counter : 653 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ระตา
Location :
นครปฐม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




รู้สึกอยู่เสมอว่าการได้มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้คือความมหัศจรรย์...และการอ่านออกเขียนได้คือรางวัลของชีวิต...
Friends' blogs
[Add ระตา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.