Group Blog All Blog
|
หวาดเสียว รวมเวลา 14-15 ชั่วโมงที่นับจากเวลานัดพบจนกระทั่งบินกลับมาบ้านเราอีกครั้ง ขาไปเดี๊ยนไม่ได้บ่นสักคำเพราะได้ทีมดีที่เคยเจอกันไฟล์ก่อนหน้านั้น ลุงที่ทำครัวท้ายเครื่องชวนคุยตลอดก่อนมาถึงสนามบิน แต่เรื่องของเรื่องมันเกิดเมือขากลับนี่แหละค่า ไฟล์นี้เดี๊ยนอยู่ประตู 2L ด้านหน้าของส่วนที่นั่งชั้นประหยัดเช่นเดิม คราวหน้าไฟล์ไคโรเดี๊ยนขออยู่สเตชั่นด้านหลังโลดค่ะ ตำแหน่งนี้เป็นหน้าที่ประจำของลูกเรือไทยคนใดคนหนึ่งในทุกๆไฟล์ เพราะว่าหากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นก็จะสามารถอพยพผู้โดยสารที่ไม่สามารถสื่อสารภาษาอารบิคหรืออังกฤษได้ออกไปอย่างปลอดภัยเช่นกัน แต่มันน่าเบื่อมากขอบอก เหตุที่จั๊มซีสของลูกเรือในส่วนนี้มีแค่ซ้ายขวาด้านละตัวเท่านั้น ไม่เหมือนกับครัวทางด้านหลังซึ่งมี จั๊มซีสถึง 7 ตัว เวลาพักทานข้าวก็เลือกที่นั่งอย่างสบายอารมณ์ได้เลย ไม่ต้องยืนทานหรือนั่งบนโต๊ะที่พับได้ซึ่งปกติโต๊ะพวกนี้มีไว้ทำงานบริการต่างๆ เช่นเสริฟ์หนังสือพิมพ์ ชา กาแฟ อาหารว่าง หรืออาหารหลักให้ผู้โดยสารชั้นธุรกิจได้เลือก แต่กัปตันบางคนจะห้ามไม่ให้ลูกเรือใช้โต๊ะเหล่านี้กางออกมานั่งเพราะเกรงจะดูไม่ดีถ้ามีผู้โดยสารมาพบเห็น มันก็จริงแต่ท่านๆเหล่านั้นคิดบ้างรึเปล่าว่าเราบินกัน 4-5 ชั่วโมงต่อไฟล์ บางครั้งก็ 9 ชั่วโมง ไม่ให้นั่งบนนี้แล้วจะให้นั่งบนเก้าอี้ประจันหน้าผู้โดยสารตลอดเวลารึไง แม้กระทั่งกินข้าวก็ยังต้องยืนกิน คราวนี้ก็เช่นกัน นังแอร์ก็ยืนไปค่ะ รวมเวลาบินไป-กลับ 9 ชั่วโมงกรุงเทพ - ปักกิ่ง - กรุงเทพ ก็ยืนเส้นเลือดขอดเข้าไป แถมยังเจอป้าแอร์เพอร์เซอร์หมายเลข 2 จอมจิกอีก ที่บ้านป้าแกลืมฉีดยาให้ตอนครบกำหนด น้ำลายถึงหยดแหมะๆ หางตกจ้องจะแดกเดี๊ยนตลอดเกือบ 5 ชั่วโมงที่บินด้วย แอบหนีไปนั่งบนจั๊มซีสเผชิญหน้าผู้โดยสารยังมีความสุขมากโขกว่าโดนแกจ้องจะเขมือบเดี๊ยนในครัวอันกระจิ๋วหลิวตั้งแยะ เดี๊ยนต้องเสริฟ์ในชั้นธุรกิจควบไปกับหน้าที่ต้อนรับผู้โดยสารและประกาศบนเครื่องด้วย จะให้กรูทำอะไรกันนักหนาฟะ ด้วยความที่ไม่ได้ทำในชั้นธุรกิจมานานหลายเดือนแล้ว และที่ผ่านๆมาก็มักจะเสริฟ์ด้วยมือซะส่วนใหญ่ ไม่ได้ใช้รถเข็นแบบ full option เพราะช่วงนั้นผู้โดยสารน้อยกว่าครึ่งและมีสภาพอากาศแปรปรวนนานๆบ่อยๆ แต่คราวนี้ชั้นธุรกิจแน่นขนัดไปด้วยผู้โดยสารชาวจีนซะร่วม 80 เปอร์เซ็นต์ นังแอร์เลยเป็นที่ต้องการของป้าแก่ให้มาช่วยทำด้วย เริ่มงานก่อนเครื่องจะบินขึ้นเดี๊ยนก็มึนเลยเพราะกว่าจะทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จ เครื่องบินก็ถอยหลังเตรียมเข้าสู่รันเวย์แล้ว นังแอร์ก็ตาเหลือกรีบสุดชีวิตพอๆกับที่อารมณ์นังป้ารวมมิตรเริ่มขึ้นทีละนิด รู้ทั้งรู้ว่าต้องรีบแต่ทำไมไม่ช่วยกันทำทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของเครื่องก็ไม่ทราบ ป้าได้แต่ยืนจัดของให้และก็ยังแดะใจดีเตรียมของให้ลูกเรือทีมถัดไปอีก เห็นแล้วอยากกร๊ดดดดดดดจริงๆ จะรีบเตรียมทำด๋อยอะไรไฟล์นี้ยังไม่ได้บินขึ้นเลย บินมากๆสมองฝ่อได้นะคนเรา อย่างป้ารวมมิตรเป็นต้น อันที่จริงป้าแกให้เรียกว่า มาดาม Sahar หรือ "สหะ" แต่ที่เรียกชื่อนี้เพราะแกทำให้เรานึกถึงพวกโรงเรียนสหศึกษาที่รวมชายหญิงประมาณนั้น เลยคิดว่าชื่อรวมมิตรก็เหมาะกับแกดี ด้วยความที่เดี๊ยนทำงานไม่ทันใจแกเพราะเก้ๆกังๆก็โดนแกคาบไปฟ้องป้าเพอร์เซอร์เบอร์ 1 โชคยังเข้าข้างอยู่ตรงที่เบอร์หนึ่งแกดีใจหาย ไม่เพียงแต่ไม่ว่ายังส่งแอร์จากเฟริส์คลาสมาเปลี่ยนหน้าที่ให้ เดี๊ยนกลับไปทำตำแหน่งเดิมในชั้นประหยัดคู่กับพ่อสจ๊วตด๊อกเตอร์สติเฟื่อง ครั้งแรกที่ได้ร่วมงานกับสจ๊วตที่มีความคิดความอ่านและระดับการศึกษาชั้นเทพแบบนี้ เดี๊ยนยังแปลกใจอยู่ว่าแกเอาเวลาที่ไหนไปค้นคว้าทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกที่แกคร่ำเคร่งเรียนอยู่ ขยันจริงน้อคนเรา เคยได้ยินเหมือนกันที่ว่าสจ๊วตการบินไทยบางคนเป็นด๊อกเตอร์ ถ้ากำลังเรียนอยู่ก็ยังตกใจพอประมาณ แต่ถ้าเรียนจบแล้วยังทำงานบนเครื่องอยู่นี่สิของแปลกขนานแท้ ไฟล์นี้ขรุขระเล็กน้อยตรงที่ถาดอาหารของผู้โดยสารเปลี๊ยนไป๋ จากถาดสี่เหลี่ยมจัตุรัสกลายเป็นกล่องอาหารพลาสติกสีดำด้านบนเป็นฝาเปิดสีใส เล่นเอางงเชียวค่ะ เล่นอะไรกันเนี่ยครัวการบินไทย ทุลักทุเลเล็กน้อยตรงที่ถาดอาหารร้อนของผู้โดยสารที่รักทั้งหลายต้องวางไว้ในกระบะที่เป็นเหมือนลิ้นชักถึง 3 อัน ทำให้กินบริเวณที่วางเครื่องดื่มไปครึ่งหนึ่งเชียว น้ำแข็งก็ไม่มีที่วาง นังแอร์ก็เสริฟ์กันขาลากมือเป็นแม่ลิงเชียวเพราะต้องยื้อยุดฉุดกระชากกล่องอาหารพลาสติกด้านในที่มันลึกสุดใจไม่ยอมออกมาง่ายๆน่ะสิคะ น้ำผลไม้ก็ชนิดละกล่องเท่านั้น พอก็แปลกละเลยเดินไปเดินมาเป็นว่าเล่นเชียว นอกจากนั้นอาหารพิเศษที่ผู้โดยสารไทยสั่ง 2 ที่ก็ไม่ได้เตรียมขึ้นมาให้อีก ห่านนนนนนนนนนนนจิก เดือดร้อนกรูอีกแล้วทั้งที่เป็นส่วนของนังสจ๊วตสะโพกไหวจากท้ายเครื่อง เห็นหน้าป้าแกแล้วก็สงสารเพราะทานได้แต่มังสัตวิรัติและก็สั่งไว้ตอนเช็คอิน แต่มันไม่มีนี่ค๊า นังสจ๊วตอยากสวยคนเดิมก็ยังยืนยันจะให้แกรับแต่ชุดอาหารในกล่องพลาสติกที่มีสลัดและขนมปังเท่านั้น สายตาเพื่อนร่วมชาติที่มองตาละห้อยด้วยความหิวอย่างนั้นเดี๊ยนก็ตัดสินใจเดินไปถามป้าเพอร์เซอร์หมายเลข 1 ถึงหน้าห้องนักบินว่าอาหารมังสัตวิรัติที่ผู้โดยสารสั่งไม่มีจะให้ทำอย่างไร แกก็ใจดีเหลือหลายบอกให้เดี๊ยนรอ 5 นาทีแล้วจะเตรียมไปให้ และแล้วไม่กี่อึดใจคุณป้าผู้โดยฯชีวจิตก็ได้อาหารปลอดเนื้อสัตว์หน้าตาน่าทานจากเฟริส์คลาสเป็นอาหารค่ำจนได้ กว่าจะเสร็จจากการบริการอาหารค่ำมื้อนั้นเดี๊ยนก็แทบแย่เพราะตาสจ๊วตจุ๋มจิ๋มนี่แทนที่จะเร่งรีบไปเอาอาหารไปเสริฟ์ให้ผู้โดยสารที่ยังไม่ได้หลายคน รวมถึงเครื่องดื่มด้วย กลับเอ้อละเหยแถมยังรินน้ำดื่มซดเฮือกๆต่อหน้าผู้โดยสารที่ขอน้ำซะอีกแหนะ หล่อนช่างกล้าจริงๆ ทำให้ผู้โดยสาร 7 คนทั้งแถวอ้าปากค้าง จากนั้นเดี๊ยนก็เสริฟ์ต่อด้วยชา กาแฟ แบบไม่จำกัด เมื่อผู้โดยสารทานเสร็จเรียบร้อยเดี๊ยนก็ได้เวลาเก็บอย่างว่องไวก่อนที่ไฟในเคบินจะดับลง กว่าจะเสร็จก็เล่นเอามึนหัวไปหลายตุ๊บเชียวเพราะอากาศที่เจือจางและต้องคอยก้มๆเงยๆกว่า 40 ครั้ง เรียบร้อยถึงครัวก็ทำการเก็บขยะออกจากรถเข็นและหาทางเก็บเจ้ากระบะทั้งกลายยัดใส่รถให้ได้ ขนาดที่เปลี่ยนไปของกลองพลาสตืกที่สั้นกว่าถาดอาหารเดิมทำให้พื้นที่ๆเก็บอาหารของผู้โดยสารดังกล่าวมีที่เหลืออีกพอสมควร เดี๊ยนหาทางยัดๆใส่ๆหาที่ว่างใหม่สำหรับ ลิ้นชักที่ว่านี่ ก็เจอทีเด็ดนังเจ๊ด่าอีกแล้วว่าช้ามาก....กยังไม่ได้เก็บกระบะใส่เครื่องดื่มเลยนะ อะไรของมรึงเนี่ย นังรวมมิตร จะรีบกลับไปเก็บหอกที่ไหนวะ แล้วนั้นเครื่องดื่มที่เหลืออีกกระบะนึงใครเค้าเก็บกัน มีแต่เตรียมไว้เสริฟ์ผู้โดยสารที่มาขอน้ำทีหลังต่างหาก ได้แต่คิด อีแอร์ได้แต่ยิ้มแล้วพูดว่า Ok,I'm sorry วีรกรรมนังรวมมิตรบนไฟล์นั้นยังมีอีกเยอะ ฉบับย่อๆก็ทำให้เดี๊ยนปวดใจจริงๆที่นึกถึง เตรียมผลไม้จะเข้าปากแทนอาหารเย็นก็มีอันต้องหยุดชงักเพราะเสียงสัญญาณเรียกของผู้โดยสาร เดี๊ยนก็ชะโงกหน้าไปดูก็ไม่เห็นสัญญาณว่ามาจากที่ไหนเลยกดเข้าไปดูในเครื่องควบคุมแบบนิ้วสัมผัสหน้าสเตชั่น ก็เห็นว่าเป็นสัญญาณเรียกจากผู้โดยสารชั้นบิสเนสที่นังรวมมิตรทำอยู่ เจ้าหล่อนตอนนี้กำลังเม้าท์เมามันส์กับสจ๊วตล่ำนายหนึ่ง เดี๊ยนก็บอกว่าผู้โดยสารชั้นของหล่อนเรียก ซึ่งถ้าใกล้กับตำแหน่งที่ยืนอยู่เดี๊ยนก็คงเข้าไปถามแล้ว แต่นี่แค่หล่อนหันหลังแล้วก้าวไป 3 ก้าวก็ประจันหน้าผู้โดยสารท่านนั้นแล้ว แทนที่หล่อนจะรีบไปเริ่มงานในส่วนของหล่อน กลับกลายเป็นว่ามาเล่นงานเดี๊ยนแทนที่จะไปถามผู้โดยสารว่าต้องการให้ช่วยอะไร พรางสรรหาอะไรที่หยิบยกได้มาผรุสวาต ........อีนี่ .....เดี๊ยนชักเริ่มอารมณ์บ่จอยแล้ว แต่ก็ต้องยิ้มรับ โอ๊ยยยยสุดสวยเครียดดดดดดดดดดดด ขอยาดมหน่อย เรื่องชวนให้ผวาระหว่างไฟล์สำหรับเดี๊ยนมันเกิดตอนที่เครื่องบินเข้าเขตกรุงเทพและอีกไม่นานจะลดระดับลงสู่ท่าอากาศยานดอนเมืองแล้ว ระหว่างที่เดินเก็บของภายในเคบินเตรียมให้ผู้โดยสารรัดเข็มขัด จมูกก็ฟุดฟิดได้กลิ่นบางอย่างเหม็นไหม้เจือจางแต่ฟุ้งไปทั่วช่วงกลางของตัวเครื่อง เดี๊ยนก็คิด "เอาแล้วสิ อะไรฟะ ไหม้ขึ้นมาจะเอาที่ดับไฟสเตชั่นไหนดีวะเนี่ยกรู " "ยังไม่พร้อมตายตอนนี้นะเนี่ย ยังไม่ได้สละโสด" คิดไปโน่นเลย ผู้โดยสารก็ตกใจกันใหญ่ ลูกเรือก็เหมือนกันนั่นแหละ เช็คกันให้พล่านเลยว่ากลิ่นเหม็นไหม้นั้นมาจากไหน ห้องน้ำทุกห้องก็ไม่มี เพอร์เซอร์รีบแจ้งไปยังกัปตัน และให้ผู้ช่วยนักบินเดินออกมาดูทั่วทั้งเคบินว่าเกิดอะไรขึ้น พรางปลอบผู้โดยสารว่าไม่ต้องตกใจ แต่นังแอร์เนี่ยเครียดแล้วเฟ้ย ท้ายสุดก็ไม่พบอะไรเป็นไปได้ว่าระบบไฮโดรลิคขัดข้อง แต่ก็โชคดีที่ลงถึงพื้นอย่างปลอดภัย ถึงเวลาเปิดประตูเครื่องก็ได้เรื่องอีกแล้วครับท่าน นังรวมมิตรเป็นพยานให้เดี๊ยนตอนเปิดประตู แต่ด้วยความที่ไฟล์หลังๆมานี่บางทีโดนว่าเรื่องที่ซีเนียร์สเตชั่นตรงข้ามมาเปิดประตูฝั่งเดี๊ยนโดยไม่รายงานเพอร์เซอร์ คนที่โดนยำเละก็นังแอร์เนี่ยแหละ โดยที่คนเปิดประตูหายจ้อย ถึงจะได้รับสัญญาณจากพนักงานภาคพื้นด้วยการเคาะประตูจากด้านนอกแล้ว และมีพยานตอนเปิดประตู แต่ก็มักจะโดนย้ำจากเพอร์เซอร์ ว่า "Don't open the door before I tell you!!!" บางครั้งไม่ได้ยินคำสั่งนี้แต่ก็หมายความให้ทำตามแบบนี้ทุกครั้งนั่นแหละ คราวนี้เดี๊ยนก็ไม่เปิดแม้ว่านังรวมมิตรจะให้สัญญาณว่าเปิดได้ แต่กรูกลัวโดนงับหัวเข้าใจมั้ย เลยโทรไปขออนุญาติเพอร์เซอร์เพื่อความแน่ใจ พอเปิดเสร็จเรียบร้อย นังเจ๊ขนมหวานซึ่งตัวจริงไม่ได้หวานเหมือนชื่อ ก็ตรงเข้าเล่นงานงับต้นขาเดี๊ยนทันที (เปรียบเหมือนอะไร ไปคิดเอาเองนะ หุๆๆ) ป้าแกของขึ้นเพราะเสียหน้าที่เดี๊ยนไม่เชื่อที่แกสั่งรึไงไม่ทราบโวยวายใหญ่โตว่าจะรายงานเดี๊ยนกับทางไคโร พอบอกเหตุผลก็ไม่ฟัง ตรูละเซ็งนังนี่จริงๆ นังป้ารวมมิตรก็โชว์ดาว 4 ดวงที่อกเสื้อบ่งบอกถึงตำแหน่งเพอร์เซอร์และอายุการทำงานที่ขึ้นกว่า 18 ปีของมันเหมือนกัน เวรละ นังป้านี่ก็เพอร์เซอร์แต่เป็นหมายเลข 2 ตรูลืมไป แต่ไงซะหมายเลข 1 ก็ใหญ่กว่านี่หว่า เล่นเอาเดี๊ยนเครียดมาก ทั้งเหนื่อย ทั้งโมโห และก็โคตรงง พอก้าวขาออกจากเครื่องเท่านั้นก็ได้โอกาสไปประกบติดป้าเพอร์เซอร์และถามถึงเรื่องที่เดี๊ยนทำว่าตกลงถูกหรือผิด อยากเห็นหน้าคนกระอักให้ชัดๆตอนที่เข้ามาแทรกตอนที่เดี๊ยนคุยกับเพอร์เซอร์และแล้วป้ารวมมิตรแกเตรียมเครื่องยำมาจัดการเดี๊ยนโดยเฉพาะ แต่กลับกลายเป็นว่าป้ารวมมิตรหน้าจ๋อยและค่อยๆเดินลิ่วๆหนีผู้คนไปในที่สุด สะใจอยากกรี๊ดดดดดดดดดดดดด 15 รอบครึ่ง ถึงฟังอาหรับไม่ออกแต่ก็เดาได้เม่นๆเลยว่างานนี้นังแอร์หัวลีบที่โดนเขมือบมาทั้งไฟล์ทำถูกแล้ว โล่งใจแต่ว่ารู้สึกน้อยใจและเหนื่อย รวมทั้งหงุดหงิดกับคำพูดของเพื่อนร่วมงานบางคนด้วย ความเครียดที่สะสมทำให้นั่งอยู่ในรถน้ำตาก็ไหลออกมาเหมือนกับเพลงของศิลปินขาสวย .....อยู่ดีๆก็อยากร้องไห้.....ขึ้นมาทันที ตี 2 แล้วจะคุยระบายกับใครได้นอกจากคนข้างตัวทั้งตัวจริงและคนสำคัญรองลงไปที่อยู่กันคนละประเทศ เวลาก็ ลบสี่ซ้าห้าชั่วโมงก็ยังไม่ดึกมากนักพอคุยได้อยู่ นี่แหละหนาประโยชน์ของแอร์นักรัก หาคนปลอบใจได้ทุกสถานะการณ์ แต่อย่าเอาอย่างล่ะคุณๆ เจอกันเมื่อไรบ้านบึ้มเอาง่ายๆ พรุ่งนี้เตรียมตัวบินอีกละไฟล์ยาว 9 ชั่วโมง จะเจอกับอะไรอีกเกินความสามารถจะคาดเดา นี่แหละความไม่แน่นอนของชีวิตสาวแอร์ คราวหน้าไม่ยอมอยู่เป็นเป้านิ่งให้ใครมาด่าแบบนี้แล้วด้วยเฟ้ย สู้ตาย แวะมาให้กำลังใจน้องกระต่ายค่ะ
โดย: Arabianangel วันที่: 17 กันยายน 2549 เวลา:23:48:27 น.
ขอบคุณสำหรับกำลังใจในยามนี้ค่ะเจ๊
โดย: lady rabbit IP: 58.64.113.242 วันที่: 18 กันยายน 2549 เวลา:0:39:48 น.
ใครว่าเป็นแอร์แล้วสบายเนอะ
เอาใจช่วยให้ไฟล์หน้าราบรื่นไปด้วยดีนะคะ ให้เจอแต่เพื่อนร่วมงานดีๆค่ะ จะได้ทำงาน อย่างสบายใจ โดย: bas IP: 58.8.129.211 วันที่: 20 กันยายน 2549 เวลา:19:00:33 น.
|
Uki no Kimono
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] อดีตสาวแอร์แดนทะเลทรายที่ผันตัวเองไปเป็น office lady และกลับไปเป็นนักเรียนไทยในต่างแดนเช่นเคย ขอแบ่งปันประสบการณ์การดำเนินชีวิตแบบชีพจรรองเท้าจากที่เคยผ่านมาทั้ง ๔ ทวีปให้เป็นแนวทางสำหรับผู้ที่สนใจนะคะ Friends Blog
Link
|