space
space
space
 
กุมภาพันธ์ 2567
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
2526272829 
space
space
15 กุมภาพันธ์ 2567
space
space
space

จะอาศัยสิ่งกล่อมหรือจะใช้วิริยะและปัญญา 235จะอาศัยสิ่งกล่อมอยู่สบายๆ หรือจะใช่ความเพียร และปัญญาท
จะอาศัยสิ่งกล่อมหรือจะใช้วิริยะและปัญญา



235จะอาศัยสิ่งกล่อมอยู่สบายๆ หรือจะใช่ความเพียร และปัญญาที่เป็นอิสระ
 
 
     ขอพูดต่อไปอีกนิดหนึ่ง  ในเรื่องที่มนุษย์เรามีความโน้มเอียงชอบหาสิ่งที่จะพึ่งพา  ไม่ชอบพึ่งตัวเอง
 
     สิ่งที่จะพึ่งพา อย่างน้อยที่ทำให้เราสบายใจ อยู่ง่ายๆ เพลินไปเรื่อย ๆ  ไม่ต้องทำความเพียร  ก็ได้แก่สิ่งกล่อมทั้งหลาย  เวลามีความลำบาก   มีความทุกข์ขึ้นมา  ไม่อยากจะเพียรพยายามแก้ไข  ก็ใช้สิ่งกล่อม
 
     คนเรามีความโน้มเอียงที่จะอาศัยสิ่งกล่อม  สิ่งกล่อมนี้  อย่างเลวก็มี   อย่างดีก็มี 
 
     สิ่งกล่อมที่ร้ายก็เช่น  สุรายาเมา  สิ่งเสพติด   และการพนัน  คนที่หันไปหาสิ่งกล่อมจำพวกสุราเมรัยสิ่งเสพติด  ก็เพราะว่า ใจไม่เข้มแข็งพอ  ไม่อยากสู้ชีวิต  ไม่อยากเพียรพยายาม หรือติดตันอับจนจึงหาทางออกด้วยการเอาสิ่งกล่อมมาช่วย  มันก็ทำให้เพลินๆไป ก็อยู่ไปได้  แต่มีจุดอ่อน
 
     สิ่งกล่อมทั้งหลายนั้น  มีจุดอ่อนที่สำคัญ คือ มันจะทำให้มนุษย์หยุดชะงักการพัฒนาตนเอง สิ่งกล่อมไม่ว่าอย่างใดทั้งสิ้น  ทำให้มนุษย์หยุดนิ่ง  เพลินอยู่ที่จุดนั้น จมอยู่ในสิ่งที่กล่อม หลบทุกข์  ลืมปัญหาสบายแค่ชั่วคราว
 
     จุดอ่อนที่สอง คือ ไม่ประกอบด้วยปัญญา ไม่มีความสว่างแห่งปัญญา ไม่มีปัญญาที่จะพัฒนาตนต่อไป คนก็เพลินอยู่กับสิ่งนั้น โดยสิ่งกล่อมที่ร้าย คือ พวกยาเสพติด สุรายาเมา ซึ่งเห็นได้ชัด นอกจากทำให้สบายเพลินไป กลบทุกข์ หลบปัญหา พอให้พ้นเวลานั้นไปทีหนึ่ง และหยุดการพัฒนาแล้ว ยังทำให้เสื่อมทรุดลงด้วย แถมยังจะก่อปัญหาตามมาอีกมากมาย ทั้งแก่ชีวิตของตนและสังคม อย่างน้อยก็ได้แค่มากลบความทุกข์ไว้  ทำให้ไม่มีปัญญาที่จะแก้ปัญหาให้เสร็จสิ้นไป
 
     สิ่งกล่อมที่ดีกว่านั้น  ได้แก่  พวกการละเล่น การสนุกสนานบันเทิงต่าง ๆ ซึ่งแม้จะทำให้หลงเพลิน  ก็ยังมีส่วนดีอยู่บ้าง  ถ้ารู้จักใช้ และจักประมาณ  แต่ถ้าลุ่มหลงหมกมุ่นก็ก่อผลร้ายแก่ชีวิตและสังคมไม่น้อย
 
     สิ่งกล่อมที่ดีขึ้นไปกว่านั้น  ก็เช่นพวกดนตรี  ศิลปะ วรรณคดี เป็นต้น ซึ่งช่วยให้เพลิดเพลินในระดับที่ประณีตขึ้นมา  ถ้ารู้จักใช้และรู้จักประมาณก็เป็นประโยชน์ได้มาก
 
     ในพระพุทธศาสนานี้ ดนตรีท่านก็ใช้เหมือนกัน แต่ขออย่างเดียว  ต้องมีสติโดยเฉพาะในระดับศีล ๕ พระพุทธเจ้าไม่ว่าอะไรเลย เพราะอย่างน้อยมันอาจจะกล่อม โดยช่วยดึงไว้ไม่ให้หลงไปหาสิ่งกล่อมที่เลวร้ายกว่า  การหลงในสิ่งที่ดีก็ยังดีกว่าหลงในสิ่งที่เลวร้าย  หลงในกุศลก็ยังดีกว่าหลงในอกุศล หลงในบุญก็ยังดีกว่าหลงในบาป
 
     เพราะฉะนั้น  พวกดนตรีศิลปะ และวรรณคดีก็อาจจะกล่อมคน ไว้ในสิ่งที่ดีเช่นในบุญในกุศล
 
     อีกอย่างหนึ่งก็คือ  พอกล่อมไว้แล้ว  ก็รีบหาสิ่งที่ดีกว่ามาให้ในระหว่างนั้น คือ ในขณะที่ใจของเขาพอจะสงบความกระวนกระวายลง  ได้ก็รีบเอาสิ่งที่ดีมาให้  เช่น  อย่างวรรณคดีนี่ พออ่านเพลินๆ เราก็เอาคติธรรมใส่เข้าไป   เขาก็อาจจะได้ประโยชน์  ดนตรีก็เหมือนกัน  พระพุทธเจ้าก็เคยทรงแต่งเพลงธรรมให้แก่มาณพที่เขาเอาไปร้องเกี้ยวสาว
 
     ดนตรีอยู่ในพระสูตรก็มี ในพระไตรปิฎกมีพระสูตรหนึ่งที่มีเพลง และดนตรี  เทพบุตรดีดพิณร้องเพลงเกี้ยวเทพธิดา  ในเพลงนั้นก็พรรณนาความรัก  พร้อมไปด้วยกันกับการเอ่ยอ้างพระคุณของพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์  (ที.ม.๑๐/๒๔๗)
 
     ดนตรีที่กล่อมนี้ถ้าเราใช้สิ่งที่ดีงามเข้ามาแทรก เช่น เรื่องคนทำดี และธรรมในแง่และระดับต่างๆ ก็เป็นเครื่องโน้มน้อมดึงจิตใจของคนให้มาสู่สิ่งที่ประณีตงดงามยิ่งขึ้น เป็นจุดเชื่อมต่อดึงคนขึ้นมาสู่สิ่งที่ดี
 
     เพราะฉะนั้น สิ่งกล่อมในระดับที่ประณีตก็ใช้ประโยชน์ได้ ขออย่างเดียวอย่าให้มัวหลงเพลินอยู่ แล้วผู้ที่ใช้ต้องมีอุบาย คือ  มีสติปัญญา  แล้วก็ใช้เป็นเครื่องดึงเขาเข้าหรือขึ้นมาสู่สิ่งที่ดีงาม
 
     นอกจากการรู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์แล้ว วิธีปฏิบัติสำคัญอีกอย่างหนึ่งต่อเรื่องสิ่งกล่อมทั้งหลาย  ก็คือ การมีวิธีฝึกเพื่อไม่ให้ติดหลงมัวเมาจมอยู่กับสิ่งเหล่านี้ หรืออย่างน้อยไม่ให้ต้องมีชีวิตที่พึ่งพาสิ่งเหล่านี้มากเกินไป และจะได้สามารถเดินหน้าก้าวสู่สิ่งดีงามที่สูงขึ้นไป
 
     วิธีฝึกอย่างนี้มีตัวอย่างที่สำคัญ เช่น การถือศีล ๘  โดยรักษาอุโบสถ หมายความว่า ๗ หรือ ๘ วัน ก็หันมาถือศีล ๘ ครั้งหนึ่ง
 
     หลักการรักษาอุโบสถ ก็คือ ตามปกติเราก็ดำเนินชีวิตมีความสุข โดยพึ่งพาสิ่งเสพที่เป็นวัตถุหรือสิ่งเร้าภายนอก เช่น อาหารอร่อย  ดูการเล่น การบันเทิง ฟังเพลง ฟัง/เล่นดนตรีแต่งตัว นอนฟูกนุ่มหนา
 
     พอถึงวันที่ ๘ ก็ถือศีล ๘ งดเว้นสิ่งเหล่านี้วันหนึ่ง โดยกินใช้บริโภคเพียงแค่เพื่อคุณภาพชีวิต ฝึกให้มีชีวิตที่ดีงามและความสุขได้อย่างเป็นอิสระ โดยไม่ต้องขึ้นต่อวัตถุเสพภายนอกเหล่านั้น  อย่างน้อยก็เป็นการทำให้เกิดสติที่จะไม่ลุ่มหลงเพลิดเพลินมัวเมาอยู่กับสิ่งเสพ
 
     นอกจากมีชีวิต และความสุขที่เป็นอิสระมากขึ้นแล้ว ก็จะได้เอาเวลาที่จะวุ่นกับสิ่งเหล่านี้ไปใช้ทำสิ่งสร้างสรรค์ที่ดีงามอย่างอื่นบ้าง ไปสนใจให้เวลาแก่เพื่อนมนุษย์คนอื่นบ้าง และพัฒนาตนให้ก้าวสู่สิ่งดีงามที่สูงขึ้นไป ข้อปฏิบัติในการฝึก เช่น ศีล ๘ นี้ จึงเป็นหัวต่อที่เชื่อมการพัฒนาพฤติกรรม กับ การพัฒนาจิตใจ และปัญญา
 
     สิ่งกล่อมต่อไปก็คือ ความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพเจ้าและอำนาจดลบันดาลฤทธิ์เดชปาฏิหาริย์  ตลอดจนไสยศาสตร์
 
     คนเราพอเกิดทุกข์ภัยพิบัติ   มีความเดือดร้อน ก็หวังพึ่งเทพเจ้าว่าวันนั้นท่านคงจะมาช่วย  ก็กล่อมใจตัวเองให้ลืมทุกข์ลืมปัญหา สบายใจ  อยู่ด้วยความหวัง
 
     แต่มันจะมีพิษมีภัย  ถ้าตัวเองมัวแต่เชื่ออย่างนั้น  ก็นอนงอมืองอเท้ารอคอยเทพเจ้า อะไรที่ควรแก้ไขควรทำก็ไม่ทำ  เลยแก้ไขปัญหาไม่ได้  ก็อยู่สบายไปวันหนึ่งๆ  แต่ตัวเองไม่พัฒนา และปัญหาจริงก็ถูกปล่อยไว้  ไม่ได้แก้ในระยะยาวก็จะเสื่อมหรือถึงความวิบัติ
 
     มนุษย์จำนวนมากอยู่ด้วยสิ่งกล่อมประเภทนี้  คืออยู่ด้วยความหวังว่าสักวันหนึ่งเทพเจ้าท่านจะมาช่วย
 
     อย่างของอินเดียนี่เทพเจ้าเต็มไปหมด แล้วก็มีเทพนิยายว่า เทพเจ้าองค์นั้นเก่งอย่างนี้ องค์นี้เก่งอย่างนั้น  มีอิทธิฤทธิ์ทำได้อย่างนั้นอย่างนี้  อย่างน้อยพวกประชาชนที่ฟังเทพนิยายเหล่านี้ ก็ตื่นเต้นไปกับฤทธิ์ของเทพเจ้า  เสร็จแล้วก็ชื่นบานสบายใจ  ปลอบใจตัวเองให้ครึ้มๆ ไปชั้นหนึ่ง พอจะให้ลืมสภาพแวดล้อมที่มันบีบคั้นตัวเอง  และอยู่ด้วยความหวัง ชะโลมใจ
 
     ฝรั่งบางพวก และพวกถือลัทธิคอมมิวนิสต์มาเห็นศาสนาแบบนี้  ก็เลยเรียกว่าพวกยาฝิ่น  แต่พระพุทธศาสนาไม่ใช่อย่างนั้น   พวกคอมมิวนิสต์นี่ไม่รู้จักพระพุทธศาสนา  ไปเห็นแต่ศาสนาอย่างนั้น   ก็เลยหาว่าศาสนาเป็นยาฝิ่นไป  เพราะกล่อมกันมาแบบนี้  แกก็ไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องเพียรพยายาม  พอลืมทุกข์  กลบปัญหา  สบายใจได้  แต่ปัญหาตัวจริงก็หมักหมมเข้าไปทุกที   เรื่องของการกล่อมนี้จึงเป็นปัญหาใหญ่ทีเดียว
 
     ศาสนาจำนวนมากต้องเอาความหวังในอำนาจดลบันดาลนี้มากล่อม  แล้วใช้อุบายเข้ามาช่วย ใช้อุบายอย่างไร  ก็บอกให้แกหวังไว้ว่า  เทพเจ้าจะมาช่วย เช่น สัญญาว่าเมื่อนั้นจะให้รางวัลนะ แต่ไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไร ระหว่างนี้แกต้องช่วยตัวเองไปก่อน
 
     กล่อมแบบนี้หมายความว่า  ให้มีความหวังไว้ยาวไกลข้างหน้า  ว่าต่อไปนะ  อีกห้าร้อยหรือห้าพันปีจะมาช่วย  แต่ตอนนี้ไม่ช่วยนะ  ตอนนี้  พวกเธอต้องช่วยตัวเองไปก่อน หรืออย่างบางศาสนาก็สอนว่า พระเจ้าจะช่วยแต่คนที่ช่วยตัวเอง  ก็เป็นการกล่อมไว้ด้านหนึ่ง  แต่อีกด้านหนึ่งก็ มาบังคับเอาว่าพวกเธอต้องช่วยตัวเอง ก็เป็นอุบายไป
 
     ในที่สุดก็หนีไม่พ้น ที่ต้องให้ทุกคนต้องเพียรพยายามด้วยตนเอง  นี้ก็คือการกล่อม และการหาทางแก้ผลเสียของการกล่อม



Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2567
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2567 7:27:45 น. 0 comments
Counter : 29 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 7881572
Location :
ขอนแก่น Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 7881572's blog to your web]
space
space
space
space
space