พอจ. ท่านว่าอย่างไร คำไหนต้องคำนั้น...จริงๆ
หลังจากกลับมาจากกราบพอจ. ครั้งที่ผ่านมา ผมก็เดินจงกรมเป็นกับเค้าซะที พอเดินได้ก็เดินใหญ่ ร่วมกับแอบอนุโมทนากับพี่แก้ว ที่จะถวายเดินจงกรมแก่พอจ. วันละ 10 นาที ไปด้วยเมื่อไรไม่รู้ เลยตั้งใจยิ่งว่า จะเดินให้ได้ทุกวัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เรื่องของคุณภาพในการเดินนั้นไม่สำคัญเท่ากับต้องทำอย่างที่รับปากท่านให้ได้
จะว่าไปแล้ว ผมก็ว่า คุณภาพของการเจริญสตินั้นไม่สำคัญจริงๆ เพราะจิตเป็นอนัตตา ไม่อาจสั่งให้ดี ไม่อาจสั่งให้เกิดญาณทรรศนะได้ สิ่งที่ทำได้คือ input ให้เท่าๆ กันและถูกต้องตามที่ท่านสั่งท่านสอนเท่านั้น ผลจะออกมาเป็นอย่างไรไม่สำคัญ ท่านว่าต้องเดินสบายๆ รู้ไปอย่างที่มันเป็น ดีก็ได้ ไม่ดีก็ได้ รู้แล้วสักว่ารู้ ไม่ปรุงต่อ ไม่หลงนาน รู้ตัวบ่อยๆ ไม่เพ่งใส่เท้า ฯลฯ ... ทำอย่างที่ท่านว่า ก็พอ
ผมว่า เพราะอย่างนี้ ท่านถึงสั่งให้ "เดินให้ได้วันละ 10 นาที" เท่านั้น ไม่ได้สั่งว่า "เดินให้เห็นเกิดดับวันละ 10 นาที"
ตรงนี้ผมว่าสำคัญมาก คำสั่งสอนของท่านมีอะไรที่เรานึกไม่ถึงซ่อนอยู่มาก ที่ผมพอเข้าใจคือ ตรงนี้เท่ากับใส่ input ให้เท่ากันทุกวัน แล้วจะแจ้งว่า จิตเป็นอนัตตาได้โดยง่าย ไม่ใช่ว่าจิตดีแล้วมาเดิน จิตไม่ดีก็ไม่เดิน
อีกอย่าง เป็นการสะสมบารมีหลายประการทีเดียว อย่างเช่น ขันติบารมี สัจจะบารมี วิริยะบารมี อธิษฐานบารมี...
เพียงคำสั่งสั้นๆ ของท่าน... คิดดูซิครับ
อีกอย่าง ผมว่าหลายๆ ท่านอาจจะฟังดูว่า การเดินจงกรมวันละ 10 นาทีนั้นไม่ยาก แต่ผมว่า ยากจนน่ากลัวทีเดียว...
ถ้าอยู่ๆ เกิดไม่สบายหนัก เป็นหวัด 2009 นอนซมอยู่ล่ะ จะอ้างว่าไม่สบายเหรอครับ... ท่านไม่ได้ให้ข้อยกเว้นว่า ไม่สบาย ไม่ต้องเดินซะหน่อย
ถ้าวันนั้นมีงานเลี้ยงที่ทำลาน จนกลับดึกดื่น เที่ยงคืนตี2... ง่วงแสนง่วง แค่อาบน้ำยังสุดจะฝืน จะไม่เดินเหรอครับ... ท่านไม่ได้ว่า กลับดึก ง่วงนอน ไม่เดินก็ได้นี่นา
ถ้าวันนั้นต้องเดินทางไกล นั่งรถข้ามคืน จะทำอย่างไร... 10 นาทีตอนรถพักเข้าห้องน้ำ จะเอาเวลาไว้ฉี่ หรือเดินจงกรม
ถ้าวันนี้ไฟไหม้ที่บ้านตอนกลางคืน กว่าจะดับไฟ กว่าจะจัดการความเสียหาย อาจจะถึงเช้า จะเอาเวลาจิตใจที่ไหนไปเดิน...
แล้วท่านไม่ได้บอกว่า เข้าพรรษานี้นะ เดินให้ได้วันละ 10 นาที ท่านว่าให้เดินให้ได้วันละ 10 นาทีเฉยๆ ...หึ หึ เฉยๆ ท่านนี่ หมายถึงจนธาตุขันธ์นี้แตกดับรึเปล่า จนสัญญาเรื่องนี้หายไปจากจิตรึเปล่า... นั่นน่ะหมายถึง ตลอดชีวิตนะครับ...
ชีวิตมนุษย์ สุดจะเหลือคาดเดา... รับปากท่านไว้ 10 นาที ไม่ใช่เล่นๆ นะครับ ผมว่า
วันนี้ มี Gr. ขุมพลังฯ update นะครับ เป็นวิธีการเดิมๆ ที่ครูบาอาจารย์ท่านสอนไว้นานแล้ว พึ่งจะเจริญจนเห็นผลก็ระยะหลังนี่เอง... ลองดูนะครับ
แล้วก็เหมือนเคย Progress note อีกเช่นกัน... แต่วันนี้ดูมีโทสะเจืออย่างไรไม่รู้ ดูเขียนห้วนๆ ใครอ่านแล้วทำให้รู้สึกไม่ดี ก็ต้องขอขมาไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
อ๋อ... คุณดังตฤนมีโครงการช่วงเข้าพรรษา... ผมไปลุยมาแล้ว ลองดูนะครับ กับ "สองวัน...ฉันทำได้ (^_^)v" ( //www.dlitemag.com/forum/index.php?board=33.0 )...ไม่ง่ายนะครับ ลองสร้างข้อแม้อันเป็นกุศล เพื่อเก็บแต้มให้บารมีของท่าน เผื่อเอาไว้ใช้ในคราวจำเป็น กันนะครับ
เจริญในธรรมครับทุกท่าน
Create Date : 31 กรกฎาคม 2552 |
|
13 comments |
Last Update : 31 กรกฎาคม 2552 17:33:17 น. |
Counter : 954 Pageviews. |
|
|
|
ตั้งแต่รับปาก (ด้วยจิต) กับลพ. ม ที่ปลอ. (อิอิ ..ลพ.บอกห้ามเอ่ยชื่อ ให้ใช้อักษรย่อ) และไปตั้งจิตเจตนากับลพ.ว่า จะตั้งใจภาวนา ไม่ขี้เกียจ
รู้สึกถึงจิตที่เข้มแข็ง ห้าวหาญขึ้นมาก ทุกเย็นจะเดินจ๊อกกิ้งให้ได้ทุกวัน เดินวันละไม่ต่ำกว่า 1 ชม. จ๊อกกิ้งเสร็จเดินจงกรมตามรูปแบบครูอาจารย์สายวัดป่า คือเดินกลับไป กลับมา อีกประมาณ 10-30 นาที
บางวันเดินไม่อยากเลิก ร่างกายอยากเลิก แต่จิตยังอยากเดินต่อ ก็จะเดินไปเรื่อย ๆ ...โชคดีที่ในหมู่บ้านไม่น่ากลัวค่ะ มีกลุ่มผู้คนมาเดินจ๊อกกิ้งรอบหมู่บ้านเป็นระยะ ๆ เป็นรอบ ๆ ค่ะ
รอบแรกประมาณ 4 โมงครึ่งจะเป็นบรรดาชายสูงอายุ เดินคุยกันเรื่อย ๆ ...รอบ 2 รอบ 3 โดยประมาณ 5-6 โมงจะเป็นคนทำงาน (เช่นพี่) ที่เพิ่งทะยอยกลับบ้าน มาเดินกันเป็นระยะ ...รอบทุ่ม - 2 ทุ่ม จะมีอีกกลุ่มเป็น ญ สูงอายุ เดินคุยกันเล่น ๆ
การได้เดินทุกวัน วันละไม่ต่ำกว่าชม. มาเป็นระยะเวลา 1 เดือนเศษ ๆ เริ่มให้ผลแล้วค่ะ ... รู้สึกถึงร่างกายที่สดชื่น แข็งแรงขึ้น ตอนกลางคืนก่อนนอน จะนั่งสมาธิได้นานขึ้น แม้บางคืนจะรู้สึกง่วง แต่พอนั่งสมาธิ สติจะตั้งมั่นขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วเชียวค่ะ
แบ่งปันประสบการณ์ เล่าสู่กันฟังค่ะ ...อนุโมทนากับหมอเบียร์ น้องกิ๊ฟ และน้องแก้วด้วยนะจ๊ะ
พรุ่งนี้จะไปกราบลพ.จ้ะ ...แล้วจะนำบุญกุศลมาฝากจร้า