Ploy Journey Journal.........Welcome to my world
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2559
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
5 กรกฏาคม 2559
 
All Blogs
 

Portugal : Epi.1 Lisboa, Sintra, Cabo da Roca



สามารถติดตามฉบับเต็มได้ที่ https://ploy-journey-journal.blogspot.com/2015/12/portugal-lisboa-sintra-cabo-da-roca-and.html


Day 1: From Bangkok to Lisboa, วันที่ 21 ธันวาคม 2558:


ออกเดินทางจากสุวรรณภูมิ ด้วยสายการบิน Air France สู่สนามบินชาร์ลเดอโกล์-ปารีส และต่อเครื่องไปสนามบินลิสบอนพอร์ทเทล่าอีก 2.30ชม. ในที่สุดเราก็มาถึงลิสบอน  เวลาประมาณ 4ทุ่มครึ่ง สนามบินอยู่ในเมืองเลยใกล้มาก มีจองที่พักไว้อยู่แถวRossio เลยจับแท็กซี่ไป ราคาแท็กซี่ไม่แพงค่ะที่นี่ เมื่อเทียบกับเมืองใหญ่อื่นๆ


Rossio เป็นเขตเมืองเก่า มีโรงแรมมากมายให้เลือกสรรในแถบนี้ ขณะนี้เป็นฤดูหนาว แถมเป็นช่วงคริสต์มาสอีกต่างหาก ยายพลอยเลยไม่ได้หวังอะไรมากเท่าไหร่จากทริปนี้ ก็เป็นที่ทราบๆกันอยู่ว่า ช่วงเวลาคริสต์มาสเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข ที่คนยุโรปจะหยุดพักร้อนกลับไปหาครอบครัวกัน และเกือบจะทุกสิ่งส่วนใหญ่ก็จะปิดทำการในวันที่ 24 และ 25 กัน ... เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า


ก่อนอื่นขออธิบายคร่าวๆ เรื่องการเดินทางในเมืองลิสบอนก่อนนะคะ ที่นี่การเดินทางสะดวกทั้งทางรถไฟใต้ดิน (Metro), รถบัส, และ Tram เป็นเจ้าเดียวกันเราสามารถซื้อตั๋วใบเดียวแล้วใช้ได้ร่วมกันค่ะ ก่อนอื่นหากใครยังไม่เคยมีบัตร ต้องไปซื้อบัตรใหม่ก่อนจากห้องขายตั๋วหรือตู้ขายก็ได้ค่ะ  ค่าบัตร 0,50 ยูโร แล้วก็เติมเงินเข้าไปที่บัตร  ค่าโดยสารต่อเที่ยวเหมาจ่ายประมาณ 1.90 ยูโรค่ะ แต่ถ้าข้ามเขตต้องเช็คเป็นเขตๆไปค่ะ และมีแบบDay pass ให้เลือกสรรด้วยนะคะ ราคาน่าจะประมาณ 5-6 ยูโร รายละเอียดรถแต่ละสายตามลิงค์นี้นะคะ //www.carris.pt/  


วันนี้ก็ดึกมากแล้ว หลังจากที่แท็กซี่มาส่งถึงโรงแรม เช็คอินเสร็จ..ก็นิทรา ราตรีสวัสดิ์ก่อนนะคะ



Day 2: Sintra (Castillo de Los Moors, Pena National Palace, Cabo da Roca, ผ่าน Belem)


วางแผนเดินทางไปเมือง Sintra  เดินออกจากโรงแรมไปขึ้นรถไฟที่สถานี Rossio ตรงจุดนี้จะเป็นจุดต้นสายรถไฟไป Sintra ขอย้ำ..สถานีรถไฟนะคะ (ไม่ใช่ Metro มันอยู่คนละชั้นกัน) อยู่ชั้นบน สังเกตจากร้านกาแฟสลากเขียวก็ได้ค่ะ เดินเข้าไปตรงนั้น


สถานี Rossio เป็นอาคารที่สวยงามมากทีเดียว


by JotaCarmo2009 Flickr


ซื้อตั๋วรถไฟที่สถานีบอกเค๊าว่าจะไป Sintra เจ้าหน้าที่ก็จะเสนอตั๋วรถไฟแบบเหมาวันให้  ซึ่งรวมรถไฟและรถบัส ราคาประมาณ 12 ยูโร  ได้ตั๋วมาเรียบร้อย ก็ออกเดินทางกันเลย  นั่งรถไฟประมาณ 45 นาที เราก็ได้มาถึงสถานีสุดท้ายเป็น Sintra พอดี ลงไปถึงจะมี tourist information ไว้ ไปรับแผนที่มาติดกระเป๋าไว้ก็ดีนะคะ  ออกมาจากสถานี ก็ออกงงๆเล็กน้อยเพราะทั้งคนขายทัวร์ แท็กซี่ที่มายืนรอเรียกลูกค้าเต็มไปหมด แต่เราไม่ต้องสนใจค่ะ ออกจากประตูแล้วเดินไปทางขวามือค่ะ จะเจอป้ายรถเมล์อยู่ รอขึ้นรถเบอร์ 434 เพื่อไป Castillo de Los Moors




จริงๆแล้วมีหลายที่ ที่น่าไปแต่เนื่องด้วยเวลามีจำกัดก็เลยต้องเลือกเฉพาะที่ ที่แรกเราจิ้มไปที่ Castillo de Los Moors ก่อน



ขึ้นรถ ที่ประตูหน้ารถตรงคนขับเท่านั้น และเตรียมลงป้ายที่ 2 ตรงประตูกลางรถ  ที่บอกคือเรื่องมีอยู่ว่า ให้ระวังอย่าใจดีแบบอิฉันนะคะถ้าท่านซื้อตั๋วรายเที่ยว เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน..  พอดีอิชั้นและเพื่อนๆ ได้ที่ยืนขวางตรงประตูกลางทางลงพอดี ด้วยเพราะคนแน่นมากๆ เบียดกันเหมือนBTS บ้านเราเวลายามเย็นยังไงยังงั้น ไอพวกเราทั้งหมดก็เห็นว่าคนลงไม่สะดวก ก็เลยลงรถให้ผู้โดยสารอื่นลงก่อน แต่พอจะขึ้นเท่านั้นแหละ คนขับรถตะโกนมาบอกว่าไม่ให้ขึ้นจร้าา...บอกให้มาซื้อตั๋วใหม่ด้านหน้า ถึงแม้จะอธิบายแต่ฮีก็ไม่สน โชคดีที่พวกเราซื้อตั๋ววันไปก็เลยไม่ต้องจ่ายเงินแค่สแตมป์ตั๋วใหม่  


ลงรถแล้ว ไปซื้อตั๋วที่ ticket office ด้านหน้า พนักงานจะให้แผนที่มาด้วย ค่าเข้าปราสาท 2 แห่ง Moors และ Pena ราคา 14 ยูโร ถ้าซื้อแยกก็แพงกว่าตามระเบียบ 


Castillo de Los Moors สร้างในสมัยศตวรรตที่ 8-9 เป็นปราสาทของพวกชาวอาหรับมัวร์



ภายในมีพิพิธภัณฑ์ ที่บอกเล่าความเป็นมาและ แบบจำลองของปราสาท



วิวเมืองจากบนปราสาท




สามารถมองเห็น Pena National Palace จาก Castillo de Los Moors




จากพิพิธภัณฑ์ เดินต่อไปด้านบนจะเป็นกำแพงหินๆ ดูคล้ายกำแพงเมืองจีน แต่อลังน้อยกว่า



ป้อมและกำแพงเมือง




กว่าจะมาถึงจุดนี้ เดินเหนื่อยได้เหงื่อเลยทีเดียวถึงแม้ว่าจะเป็นอากาศของเดือนธันวาคมก็ตาม ถ้าใครจะไปที่นี่ขอให้ฟิตร่างกายให้พร้อมนะคะ


เบื้องหลังก่อนขึ้นถึงด้านบน รูปนี้ผ่านพิพิธภัณฑ์มาแล้วนะคะ


ผิวหนังต้นไม้ของที่นี่ ลายคุ้นๆไหมคะ สงสัยเสื้อผ้าลาย Camouflage ที่เราใส่ๆกันจะมีที่มาจากลายบนต้นพันธุ์นี้(อันนี้ล้อเล่นนะคะ เห็นลายมันเหมือนมาก) Chic จริงต้นไม้ที่นี่



ด้านบนป้อม



เรียบร้อยจาก Castillo de Los Moors เราก็เดินเท้ากันต่อ ไปที่ Pena National Place ถนนเดินขึ้นฮิลล์เล็กน้อย เหนื่อยเลยต้องขอพักนิดนึง

ปล.นั่งรถบัสก็ได้นะคะ 1 ป้ายแต่ดูเวลาแล้วรอนานมาก เรามีเวลาน้อย และค่อนข้างรีบ เลยขอเดินดีกว่า



จุดต่อไปแวะที่ Pena National Palace เป็นปราสาทที่สร้างผสมผสานทั้งแบบ Neo-Gothic, Neo-Manueline, Neo-Islamic and Neo-Renaissance. ดูคล้ายปราสาทเทพนิยายในการ์ตูนดิสนีย์ยังไงอย่างงั้น จึงพาลทำให้นึกไปถึงปราสาท Neuschwanstein ที่ตั้งอยู่ในแคว้นบาวาเรีย ของเยอรมัน 


Pena Palace ได้รับการลงทะเบียนให้เป็นมรดกโลก และเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโปรตุเกส


อยากให้เพื่อนๆได้เห็นภาพเต็มๆเลยขอยืมภาพมาจากวิกินะคะ กล้องอิฉันไม่สามารถค่ะ


ที่มาของภาพ: https://en.wikipedia.org/wiki/Pena_National_Palace#/media/File:Sintra_Portugal_Palácio_da_Pena-01.jpg



เริ่มแรกปราสาทเป็นเพียงโบสถ์เล็กๆที่ตั้งอยู่บนยอดเนินเขาซินทรา เกิดแผ่นดินไหวหลายครั้งทำให้โบสถ์เสียหายมาก โดยเฉพาะในปี 1755 ที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดของลิสบอน หลังจากนั้นเจ้าชาย Ferdinand II ของเยอรมัน จึงดำริให้ปรับปรุงและสร้างเป็นวังที่ประทับในฤดูร้อน



ภายในจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้








หลังคา.. มันแกรนด์มาก




โบสถ์เดิมภายในวัง





หอนาฬิกา















































เค๊าว่านี่เป็นสัญญลักษณ์ของการสร้างโลก  ขอบประตูหนามๆทำคล้ายประการัง



ชัดๆ




ระเบียงที่ Pena 




รบกวนจินตนาการตาม เพราะกล้องของอิฉันมิสามารถจริงๆ


ส่วนด้านบน

ช่วงล่าง


ด้านข้าง



ชมกันพอหอมปากหอมคอ ท้องเริ่มประท้วง ด้านบนมีcafeteriaอยู่เพียงร้านเดียว ขายอาหารง่ายๆ พวกแซนวิช (แบบที่เห็นในมือคุณเพื่อนนั่นหล่ะ), Snack พวกมันฝรั่งทอด, เครื่องดื่มต่างๆ รวมถึงชากาแฟ และมีที่นั่งOutdoor 360 องศาให้นั่งทานไปพร้อมซึมซับบรรยากาศ วิวรอบปราสาท ท้องฟ้า และอากาศที่แสนจะสดชื่น



มีอาหารพอตกถึงท้องบ้างแล้ว ออกเดินทางกันต่อเถอะ 


นั่งบัสด้านหน้าปราสาทไปจุดชมวิวที่แหลม Cabo da Roca เป็นจุดที่ตะวันตกที่สุดของแผ่นดินยุโรปพบกับแผ่นมหาสมุทรแอตแลนติก


Cabo da Roca, where the Atlantico meet Europa




Lighthouse



อนุเสาวรีย์



บอกพิกัดที่ตั้ง ละติจูด ลองติจูด เพื่อ Certify ว่าแหลมนี้เป็นแผ่นดินยุโรปที่ยื่นมากที่สุดพบแผ่นแอตแลนติกจริง



เราจะไปชมพระอาทิตย์ตกดินกันที่นี่



ความงามของท้องฟ้า พระอาทิตย์ และแผ่นมหาสมุทร



ไป Explore Belem กันต่อ พลอยไปโฉบเฉี่ยวแต่กลับมาดันหารูปไม่เจอ ต้องขอโทษด้วยค่ะ 




พื้นที่ไม่พอ โปรดติดตามได้ที่ Epi 2 Porto และ Lisbon


Obligato... Ploy Journey Journal




 

Create Date : 05 กรกฎาคม 2559
0 comments
Last Update : 15 กรกฎาคม 2559 14:33:22 น.
Counter : 1215 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สมาชิกหมายเลข 3271775
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Hi guys, I'm "Ploy" who always have full of bucket list. It is because the world is gigantic, so step out 'n explore its. I write, i-dive, i-trek, i-run, i-yoga, i-blog, and I love good food. Let's follow the dream. สวัสดีค่ะ ชื่อ"พลอย"ค่ะ เป็นพวกชีวิตมีแต่บวก ไม่มีลบ Bucket list เต็มตลอดเวย์ อะไรๆก็เป็นลิสต์ที่ต้องทำก่อนตายสำหรับยัยพลอยทั้งนั้น (ก็โลกนี้มันกว้างใหญ่จะตายไป!) ไหนๆก็ได้เกิดมาบนโลกสวยงามใบนี้แล้วหนิ คิดแล้วจะรออะไร...เก็บกระเป๋า ก้าวเท้าออกมา โลกรอเราอยู่ (หรือความอยากรอเราอยู่) พลอยชอบขีดๆเขียนๆ, วิ่ง, โยคะ, ดำน้ำ, เทรค, และทุกทริปจะขาดไม่ได้เลยคือ อาหารอร่อย. มาออกเดินทางตามความฝันกับ "พลอย เจอนี่ เจอนั่น" ด้วยกันนะคะ... : )
New Comments
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 3271775's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.