Day 3: วันนี้เราจะไป Dijon และเลยไปเที่ยว Lyon จะได้ตามแผนหรือไม่มาลองดูกัน
จุดที่ชอบที่สุดของ 3 เมืองนะ
Lyon
Dijon
marseille
ไปรับรถที่เช่าไว้ที่ Gare Du Nord ตอนเช้า
อยู่กันอย่าเกเรนะจ๊ะ
ขับออกมาไม่ถึง 10 นาที มีไฟเตือนว่า น้ำมันเครื่องมีปัญหา ให้เข้าเช็ค จึงโทรเข้า Call Center สรุปว่าเค๊าให้เข้าไปที่สถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุดเพราะเค๊ามีสาขาบริการอยู่ที่นั่น แต่เมื่อเราเข้าไปที่ Gare De Lyon ปรากฏว่าเค๊าไม่มีรถให้เปลี่ยนแต่เค๊าเช็คให้ บอกว่าน้ำมันเครื่องไม่ขาด ขับไม่เห๊อะ เสียเค๊าก็มีรถมาเปลี่ยนให้ เค เค ไปก็ไป ตามนั้น... อิฉันก็ตุ๊มๆ ต่อมๆ เพราะว่าเราจะต้องอยู่ด้วยกันอีกเดือนนึงนะจา สงสัยไม่มีพวงมาลัยดอกรักมาเซ่นไหว้ อิอิ เลยทำตัวเกเร ขออยู่กันไปนานๆนะจ๊ะ
ไปต่อตามที่คุณลุงมาตรวจน้ำมันเครื่องบอก แต่รถเตือนตลอดเวลา และตลอดทาง
เราเริ่มเดินทางลงใต้ด้วยทางหมายเลข 3 ไปถึง Dijon ก็บ่ายๆแล้ว เพราะรถทำเราเสียเวลา
เดินทางลงใต้ไปเรื่อยๆ
enjoy กับวิวสองข้างทาง
เมื่อถึง Dijon เราไปตามหานกฮูกกันดีกว่า
อ๊ะๆ เดี๋ยวก่อน ไม่ใช่นกฮูกนี้ มันคือนกฮูกตัวนี้ต่างหาก นกฮูกด้านบน จะมีอยู่ตามทางเดินที่บอกจุดที่ควรจะเยี่ยมชมในเมือง นกฮูกตัวจริงเสียงจริงจะอยู่ตรงข้างโบสถ์ Notre Damn ของเมือง
เมื่อพบแล้วรออัลไล ขอพรสิคะ .. เค๊าลูบกันจบเลื่อมเลย หน้านกยังหายไป
เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ แต่น่ารักจริงๆเชียว
นกฮูกแต่ละเบอร์ก็ทำงานกันไป
Notre Damn de Dijon
ด้านหน้าโบสถ์
เมื่อมองขึ้นไปด้านบนมี Scrupture งามๆ เก่าๆ จะว่าไป คือเทพหรืออะไรก็ไม่สามารถระบุรูปได้แน่ชัด
แต่ว่างดงาม
ประตูเข้าด้านใน
ด้านในโบสถ์ แบบเรียบง่าย
ชองรูปนี้จัด อิฉันมองอยู่นานสองนาน ให้อารมณ์จริงๆ
จัตุรัสกลางเมือง
เมืองนี้มีขนมปังเอสคาโก ที่อร่อยใช้ได้เลยค่ะ
แต่สิ่งที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเมืองนี้ จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ Dijon Mastard มันมีร้านเก่าแก่อยู่หลายมุมของเมือง อิฉันชอบการจัดวางของร้านนี้และเมื่อเข้าไปแล้วให้อารมณ์แบบอยู่ในสมัยยุค 70 มีรสชาติให้เลือกมากมาย ด้านในมีให้หลายรสให้กดชิมตามชอบ
มีมุมเล็กๆโชว์วิธีการทำมัสตาด
เที่ยวและช๊อปเสร็จ ก็เริ่มเย็นแล้ว เราเลยออกเดินทางไป Lyon และคืนนี้เราจะพักที่เมือง Lyon
ฟ้าฝนเริ่มตั้งเค้า
แพลนว่าจะเข้าไปเก็บของที่ที่พักและไปเที่ยวชมเมืองยามค่ำของ Lyon แต่ปรากฏว่าไม่เป็นตามคาดเพราะฝนเทกระหน่ำมากๆ ถึงแม้จะเทกระหน่ำแต่ภาพที่เห็นตรงหน้าก็ยังสวยงามเสมอ
เราเลยเปลี่ยนแผนกลับไปพักผ่อนนอนหลับแทน เมื่อก้าวเข้าไปในบ้านที่เราเช่าไว้ คือดีงาม
ครัวเหมาะกับการมีอาหารมื้อดึกมิใช่น้อย
หลังใหญ่ไฟกระพริบ มีสระว่ายน้ำใหญ่ด้านนอก แต่ฝนจ๋า ไม่หยุดซะที
ด้านข้างบ้านมีแปลงผักปลูกไว้ทำอาหารให้ผู้มาพักทาน เลิดดดดดมาก
เดินเล่นริมน้ำ
เดินเมืองเก่า
อีกสักพักเราจะขึ้นไปบนโน้นกัน
เดินเล่นที่เมืองเก่าสักพักก่อน
นาฬิกาเก่าแก่
it seem to be a perpetual calendar
ขึ้นกระเช้าไปชม Roman Theatre
มี 2 Stop stop แรกเป็น roman theatre
เค๊ากำลัง set up concert กัน
ที่นั่งเป็นหินตามสไตล์ roman theatre
เมื่อเดินออกไปทางด้านหลัง มีหินที่หัก แต่มีตัวอักษรตามภาพวางเรียงรายอยู่มากมายจากการหักโค่นของมัน ที่แน่ๆมันเป็นของ Original
จริงๆแล้วเราจ่ายค่ากระเช้าขึ้นไปถึงข้างบน Notre Damn de Lyon.. แต่เราเดินไปแทน
สวยจริงๆ
มี Arcangel อยู่ด้านบนด้านนี้
มีพระแม่มารีองค์สีทองด้านบน
รูปเยอะหน่อยนะคะ เพราะขอบอกว่าเป็น Notre Damn ที่รู้สึกประทับใจมากที่สุดเท่าที่เคยไปมาก็ว่าได้
บ่องตง มันวิจิตรมากกก
คือมันสวยแบบ never ever seen เลยอะ
ตอนขาลงปรากฏกระเช๊าเจ็งเค๊าเลยให้นั่งบัสลงไปจนถึงที่ที่Funicular วิ่งได้ เราก็คิดว่ามันน่าจะเป็นตรงกลางทาง ประมาณ Roman Thetre ที่เราลงมาตอนแรก เลยคิดว่าจะออกกำลังกายเดินเล่นๆลงมา แต่ปรากฏว่ามันไม่ใช่อย่างที่คิด มันคนละฟากฝั่งกันเลย แทบกรี๊ดกว่าจะเดินกลับมาหารถได้ หมดไปเกือบชั่วโมง เลยต้องหาที่หยุดพักแพรบ Eric Kayser จะช่วยเยียวยาทุกสิ่ง ณ บัดนาว
ไปเดินช๊อปปิ้งอีกฝั่งเมือง..
ที่วงเวียน รอบๆร้านช๊อปปิ้ง
ฝนเทกระหน่ำอีแล๊วว เคร เคร ไม่ช๊อปก็ได้ ไป Marseille กันดีกว่า
ระหว่างทางไป
อารมณ์ของสองข้างทางก็เปลี่ยนไปหน่อยๆ เป็นเขาซะส่วนมาก
เราจะอยู่ที่นี่กันอีกหลายวัน
ภาพเย็นๆของ Marseille
Viex Port พื้นที่นี้ ส่วนตัวชอบเป็นพิเศษ อยู่แถวนี้มันทุกคืน
นอนแถวนี้ กินแถวนี้ หน้าบ้าน
ร้านชอบๆ
เรื่อยๆ วนไป พิซซ่าแถวนี้ก็ยัมมี่นะตัวเทอ
กินเยอะไปแล้วนะตัวเธอ... ไปพักก่อนนะ
แล้วเดี๋ยวเราไปเที่ยวที่อื่นต่อผ่าน "Ploy Journey Journal" กันนะคะ