Bloggang.com : สมาชิกหมายเลข 3271775 :

Portugal : Epi 2 Porto & Lisboa

สามารถติดตามฉบับเต็มได้ที่ https://ploy-journey-journal.blogspot.com/2015/12/portugal-lisboa-sintra-cabo-da-roca-and.html

ต่อจากEpi 1 นะคะ

Day 3-4: Porto

นำฝากสัมภาระไว้ที่ลิสบอน นำเพียงสิ่งของจำเป็นไปสำหรับ 2 วัน 1 คืน โทรเรียกแท็กซี่มารับไปส่งที่สถานีรถบัส เราสามารถเดินทางได้ทั้งทางรถบัส,รถไฟ, และเครื่องบิน แต่สรุปเราจะไปบัสกันเพราะสะดวกที่สุด เพียง 5 นาที จากโรงแรม แท็กซี่ก็บึ่งพาเรามาถึงสถานี ซื้อตั๋วแล้ว ไปกันเลยยย

เวลาผ่านไปประมาณ 3 ชม. เรามาถึง Porto โดยข้ามสะพาน 2 ชั้นเข้าเมือง รถยนต์จะใช้ถนนด้านบนส่วนด้านล่างจะเป็นรถไฟ

เมืองนี่ช่างมีสีสัน และดูโรแมนติกซะนี่กระไร

เทศบาลเมือง

ด้านล่างโรงแรมนี้มีร้านอาหารเย็นชื่อ DOP อร่อยมากทีเดียวอยู่ชั้น 1 Recommended มากๆ ค่ะ

เมืองน่ารักมาก

ตามตรอกเล็กๆ มีร้านน่ารักๆหลบมุมอยู่

สถานีรถไฟ Sao' Bento ถ้ามา Porto ทางรถไฟใช้สถานีนี้ค่ะ

ด้านในสถานี

ริมแม่น้ำยามพลบค่ำ

โบสถ์มากมาย มีมากมายกว่านี้ ด้านล่างแค่น้ำจิ้ม

Francisco Church

อนุเสาวรีย์ข้างโบสถ์ฟรานซิสโก

เมืองสวยจริงๆ ไวน์ก็เลิศรส คนโปรตุเกสจะมีความภาคภูมิใจกับไวน์Porto มาก ถือเป็น Signature ของเมืองเลยทีเดียว เค๊าบอกว่าดินที่นี่เป็นดินดำที่มีแร่ธาตุพิเศษไม่เหมือนที่ใดในโลกจึงปลูกองุ่นที่ให้ไวน์รสชาติดีมากๆ (เค๊าบอกมาด้วยความภาคภูมิใจนะคะ)

Day 4: Porto ล่องเรือ และตามหาร้านอาหารเก่าแก่ใน Porto

ในที่สุดก็ได้ไป Cruise และที่เฮงกว่านั้นคือ มันกลายเป็น Private Cruise (ซะงั้น)

แอบดีใจ 555 เห็นเรืออื่นมีคนเต็มๆลำแบบหนาแน่น แต่ไหงเรือเรา..... แต่ก็ดีแล้วแหละ

นอกจากแอบดีใจ ยัยพลอยแอบสงสารเจ้าของเรืออะ ออกเรือครบรอบแต่ได้ค่าโดยสารเฉพาะกลุ่มเรา จะขาดทุนมากไหมน๊า ทำอะไรไม่ได้เลยคิดเข้าข้างตัวเองซะว่าสงสัยฟ้าจะปลอบใจ จากการทำฝนตกหนักมะวาน ทำให้เราอดเที่ยวเลย ไปไหนไม่สะดวก แล้วแถมวันนี้เป็นวันคริสต์มาสอีก อะไรๆ ก็จะปิดหมด เลยให้ความสุขเต็มร้อยกะยายพลอยไปซักดอกซิ

อีกฟากหนึ่งของPorto เป็นร้านค้า โรงบ่มไวน์ ด้านนี้มีกระเช้าให้ขึ้นไปชมวิว

ร้านMajestic เป็นCafeเก่าแก่ที่สุดของเมือง ขายอาหารและเครื่องดื่ม

อิ่มหนำแล้ว ไปต่อกันที่ Palace เก่า(เพราะตอนนี้ไม่ใช่แล้ว) ทั้งวิวเมืองและสวนที่นี่สวยมาก (แต่แนะนำให้ไปช่วงฤดูร้อน 555)

มีนกหลายชนิด เป็ดแมนดาริน และนกยูง ที่อยู่แบบธรรมชาติ เกี้ยวพาราสีกันให้เห็นทั่วไปได้ที่นี่

สวนน่านั่ง น่าPicnic บรรยากาศดี ชิวๆ

สวนจะสวยในฤดูร้อน

คุ้งน้ำที่งดงาม

วิวเมืองเมืองเมื่อมองจากปราสาท

Day 5: แถวบ้าน (Rossio), Vasco da Gama Bridge, and Oceana'rio de Lisboa

ถึงแม้ว่าวันนี้จะเป็นวันที่ 26 ธันวาคม แล้วก็ตาม แต่ยังถือว่าเป็นคริสต์มาสอยู่ ร้านค้าก็ยังคงปิดซะส่วนใหญ่ ถ้าเปิดก็เปิดสายมาก อาจจะให้ผู้คนตื่นสายหน่อย เพราะเหนื่อยจากงาน Party เมื่อคืน เมืองตอนเช้าเลยค่อนข้างร้างผู้คน

Dom Pedro IV Square ใครต้องการใช้บริการ Yellow Sightseeing bus สามารถมาซื้อตั๋วและขึ้นที่บริเวณจุดนี้ค่ะ

Monument แถวบ้าน ตรง Rossio

Martin Moniz

เครดิภาพLisboa: นายSuman (เพื่อนร่วมชะตากรรม) เพราะฮีเป็นผู้ถ่ายให้

ละแวกบ้านถัดเข้าไป 1 ซอยจะเป็นสถานที่ชมละคร, ร้านอาหารและโรงแรมอยู่มาก โรงละครย่านนี้ดูคล้ายแถว Moulin Rouge ที่ Paris ภาพนี้เป็นช่วงละครยังไม่เลิก ถ้าช่วงเลิกจะมีคนยืนขายของหน้าโรงละคร เป็นพวกของเล่น มายากล ขนม ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่ดูสนุกสนานอารมณ์ค้างจากละคร ก็ออกมาซื้อของเล่นและขนมกันหน้าโรงกันอย่างคึกคัก อยู่ให้อารมณ์แบบเวลาโรงหนังเลิกสมัยพ่อแม่พวกเรายังสาวอย่างไงอย่างงั้น

ต่อไปก็ออกเดินทางตามกำหนดการที่วางไว้คือไป Ocaeanario de Lisboa เดินทางสะดวกโดยใช้ Metro ไปลงที่สถานี "Oriente" ออกจากสถานีมา ด้านหน้าจะมี Mall ใหญ่ๆอยู่ เดินไปทางขวา ไปถึงแม่เจ้า!! เปิดบ่ายโมง (เฉพาะวันนี้) แต่ก็ยังโชคดีที่ยังเปิด เราก็เลยต้องฆ่าเวลาด้วยการเดินเล่นริมแม่น้ำTagus กัน นั่งชมวิวสะพาน Vasco Da Gama Bridge ในระยะไกลกันจนอิ่ม เพื่อรอเวลาเปิด

สะพาน Vasco da Gama เป็นสะพานแขวน 6 เลน ที่ยาวที่สุดในยุโรป มีความยาวทั้งสิ้น 17.2 กิโลเมตร เพื่อบรรเทาการจราจรบนสะพาน 25 Abril (สะพานที่มีสีและรูปแบบคล้ายสะพาน Golden Gate ที่ San Francisco) ซึ่งใช้เชื่อมต่อการเดินทางจาก เมืองหลวงLisboa กับเมืองทางใต้ของประเทศ คือเขต Almada สร้างเพื่อข้ามแม่น้ำ Tagus เริ่มก่อสร้างเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 1955 และเปิดใช้เมื่อ 29 มีนาคม 1998 ซึ่งเป็นปีที่มีการจัดงาน Expo 98 เพื่อฉลอง 500ปี การค้นพบเส้นทางทางทะเลจากยุโรปไปอินเดีย โดย Vasco da Gama

Vasco da Gama

(cr.: https://en.wikipedia.org/wiki/Vasco_da_Gama_Bridge)

สะพาน Vasco da Gama

ที่มาภาพ://travel.smart-guide.net/tag/lisbon

ได้เวลา Aquarium เปิด ไปเข้าคิวซื้อตั๋ว ยาวมากๆขอบอก เราสามารถซื้อตั๋วบนหน้าเวปของอควาเรี่ยมได้โดยตรง หรือถ้าซื้อล่วงหน้าจะมีส่วนลด 10% ค่าเข้าชม 15,30 ยูโร สำหรับผู้ใหญ่อายุ 13-64 ปี เด็กต่ำกว่า 3 ขวบ เข้าชมฟรี และมีตั๋ว Family Ticket จะเป็นผู้ใหญ่ 2 และเด็ก 2 คน ราคา 44,00 ยูโร (ถ้าต้องการเพิ่มตั๋วเด็ก +5,50/คน) สามารถเข้าชมได้ทั้ง 2 แทงค์ แต่แนะนำให้เข้าไปดูแทงค์(พี่)ใหญ่ก่อน คือ Permanant Exhibition เพราะต้องใช้เวลาในการชมเยอะกว่า

(Linkจำหน่ายตั๋ว //www.oceanario.pt/en/visit/tickets)

ไปดูกันดีกว่าว่ามีอะไรน่าสนใจ

"Sun Fish" พี่ใหญ่ใจดีของเด็กๆ ที่เป็นพระเอกของแทงค์ก็ว่าได้

ขนาดของพี่แกทำเอาปลาอื่นๆกลายเป็นปลาซิวปลาสร้อยหมดเลย

ดูขนาดของปลาอื่นที่ยายพลอยบอกว่าขนาดเป็นปลาซิวของพี่ Sun Fish

ปลาดาว น่ารักทั้งสีและรูปทรง ขนาดใหญ่มาก

ดูเหมือนเห็ดเข็มทองม๊ะ

เจ้า Sea Otter สุดฟิน

แมงกระพรุนสุดน่ารัก แต่ถ้าโดนถูกมันคงไม่น่ารักอย่างที่คิด

เวลาไปดำน้ำชอบที่จะดูเจ้า 2 ตัวนี้จัง

พี่ Sea Anemone และประการัง เจ้าOctopus มันซ่อนตัวอยู่ในซอกปะการัง ดูได้แต่ตายังแทบมองไม่เห็น ก็พลางตัวเก่งซะขนาดนั้น

โซน Amphibians ก็มีทั้งกบ ทั้งงูสายพันธ์ุแปลกๆ

หนำใจแล้วเราไปต่อกันที่ Temporary Exhibition เป็นแทงค์สวนน้ำจืด ของเฮีย Takashi Amano (1954-2015) ชายชาวญี่ปุ่น ซึ่งเป็นช่างภาพที่เดินทางไปถ่ายรูปป่ามาแล้วทั่วโลก รักธรรมชาติ

จัดสวนผสมผสานในแบบ Wabi Sabi เป็นการผสมระหว่างความงาม ความเรียบง่าย และความไม่สมบูรณ์ เข้าไว้ด้วยกัย ให้เป็นความลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ

สัตว์เล็กๆในแทงค์น้ำจืด

Day 6: Bye Bye Lisbon.....

Very nice to meet you. Hope to see you again real soon. I still miss so many of you. Need to be back!!

Next Destination... "Paris"

พลอย

สามารถติดตามฉบับเต็มได้ที่ https://ploy-journey-journal.blogspot.com/2015/12/portugal-lisboa-sintra-cabo-da-roca-and.html

Create Date : 29 มิถุนายน 2559

0 comments

Last Update : 5 กรกฎาคม 2559 16:22:47 น.

Counter : 1188 Pageviews.