เช้าวันใหม่ที่บ้าน ผมนอนลืมตาบนที่นอนที่คุ้นเคยลมยังคงพัดแรง ลมทะเลหน้ามรสุมก็อย่างนี้ ดีที่ว่าบ้านผมห่างจากทะเลสักร้อยเมตรได้ แถมมีบ้านใหญ่อยู่ข้างหน้า ละอองน้ำเค็มจึงมาไม่ถึงบ้านฟ้าข้างนอกยังคงมืดสนิท ผมซุกตัวในผ้านวมผืนเก่าอย่างอิ่มใจ รู้สึกอบอุ่นมากกว่าครั้งไหนๆตั้งแต่ลมหนาวพัดมาเยือนผมได้ยินเสียงก๊อกๆแก๊กๆด้านล่าง จึงได้ขยับตัวขึ้นจากที่นอน คงมีใครสักคนตื่นแล้ว คงเป็นพ่อหรือไม่ก็พี่สาวของผมผมเดินลงไปชั้นล่างของบ้าน เห็นพี่สาวกำลังเสียบปลั๊กกาต้มน้ำ นั่นคือสิ่งที่บ้านเราทำกัน ใครตื่นเป็นคนแรกจะเป็นคนตั้งน้ำร้อนไว้เพื่อดื่มกาแฟกัน"หวัดดีปีใหม่ฮะ" ผมยกมือไหว้พี่สาวคนโตของบ้านพี่พยักหน้ารับ "หวัดดีปีใหม่จ้ะ" นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเรามาแต่ไหนแต่ไร เราไม่เคยนับถอยหลังเพื่อขึ้นปีใหม่ แต่เราจะทักทายคำแรกของวันแรกของปีแบบนี้คนอื่นๆในบ้านทยอยตื่นทั้งๆที่เวลาเพิ่งผ่านตีห้ามาได้ไม่นาน เราสวัสดีปีใหม่กันและกัน "อ่ะ (ชื่อผม) มาเอาข้าวเหนียวปิ้ง" พ่อเปิดประตูเข้ามาพอดีผมยกมือไหว้สวัสดีปีใหม่กับพ่อ พ่อยิ้มรับและบอกสวัสดีปีใหม่กับผมเช่นกันไม่นานแม่ก็ตื่นมา เดินออกมาพร้อมหลานตัวโตสองคน ผมยกมือไหว้แม่และกอดแม่แน่นๆรับปีใหม่ และรับไหว้และเคาะหัวเจ้าหลานทั้งสองคนเบาๆท้ายสุดพวกเราก็ตื่นมากันมาทั้งบ้าน เริ่มเช้าวันแรกของปีด้วยกัน พี่สาวชงกาแฟให้กับพี่เขย ในขณะที่ผมเองก็ชงกาแฟให้กับตัวเอง พี่สาวอีกสองคนกับเพื่อนพี่อีกคนก็นั่งล้อมวงอยู่ไม่ไกล ส่วนไอ้หลานตัวโตอีกสองคนก็กำลังเตรียมตัว"ว๊า ท้องฟ้าปิด" ผมบ่นงึมงำ ตอนที่ชะโงกหน้าออกไปนอกบ้าน ลมแรงข้างนอกตีผมซะกระเซิง "วันนี้เมฆเยอะ คงไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้น" พ่อบอกอย่างนั้น พ่อรู้ดีว่าผมชอบไปดูพระอาทิตย์ขึ้นริมทะเลผมบ่นงึมงำ แต่ก็เข้าใจดี ฤดูนี้ท้องฟ้าบ้านผมก็อย่างนี้ล่ะ แต่กระนั้นผมก็ไม่ย่อท้อหรอก ผมตั้งใจว่ากลับบ้านคราวนี้ผมจะไปขึ้นเขาสูงของบ้านเกิดให้ได้ผมเคยขึ้นเมื่อนานมาแล้ว และผมอยากจะขึ้นไปดูภาพเมืองเกิดของผมจากข้างบนอีกครั้ง ไม่ว่าผมจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆหรือไม่ก็ตามฟังดูออกจะเอาแต่ใจตัวเอง แต่เมื่อผมเปรยขึ้น หลายคนในบ้านก็มีความคิดและความตั้งใจแบบผมเช่นกัน ท้ายสุดก็ขึ้นกันเกือบทุกคน ยกเว้นพี่สาวที่กลัวความสูง และพ่อกับแม่ที่ร่างกายไม่เอื้ออำนวยอีกแล้วเราผ่านสามร้อยเก้าสิบห้าขั้นไปอย่างไม่ยากลำบากนัก ยกเว้นพี่สาวคนรองที่เจ็บหน้าอกผมใจหายเมื่อเห็นหน้าซีดๆของพี่ พี่ไม่เคยบอกผมว่าพี่จะมีปัญหาหากขึ้นไปยังที่สูง พี่บอกว่าไม่เป็นไร แต่ก็รับปากพวกเราว่าจะไปเช็คหัวใจให้ละเอียดอีกครั้งคราวที่แล้ว หมอบอกว่าหัวใจพี่ไม่มีปัญหา แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้พวกเราไม่ไว้วางใจอีกแล้ว เราจะเช็คมันอย่างละเอียด หัวใจของพี่นั่นน่ะ ผมไม่อยากให้มันเป็นอะไร "ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวก็ไปต่อได้" พี่ยังคงยืนยันคำเดิม พี่คงอยากขึ้นมาเห็นภาพบ้านเกิดของพวกเราจากมุมสูงอีกครั้งเหมือนผม ผมไม่รู้ว่าคนบ้านอื่นเป็นกันไหม แต่คนบ้านผม เราผูกพันกับเมืองๆนี้มาก ท้ายสุด พวกเราก็ขึ้นไปถึงข้างบนจนได้ ทุกคนสูดหายใจลึกกับอากาศด้านบนที่ไม่มีละอองน้ำเค็มปน ภาพข้างหน้าทำให้มีรอยยิ้มบนใบหน้าของทุกคนเราชี้ดูอ่าวนั้นอ่าวนี้ เกาะนั้นเกาะนี้ ก็บ้านผมน่ะมีถึงสามอ่าวเลยนะ ถ้าไม่ขึ้นมาดูด้านบนนี้ก็ไม่มีทางรู้หรอก เรือประมงที่ลอยเกาะกลุ่มกันหลังเกาะเพื่อหลบลม กลายเป็นเหมือนจุดเล็กๆเมื่อมองจากด้านบน เกาะแต่ละเกาะก็มีขนาดเล็กลง ทุกอย่างดูเหมือนเป็นแบบจำลองขนาดเล็ก น่ารักดี"สวัสดีปีใหม่" ผมตะโกนกรอกเสียงเข้ามือถือ เมื่อมันดังและผมเห็นว่าอีกปลายทางหนึ่งคือพี่ชายคนโตของผมที่ติดงานอยู่ที่อีกอำเภอหนึ่งพี่รับคำและถามผมว่าอยู่ไหน "กลับมาได้แล้ว หิวข้าวแล้ว" พี่บอก ผมเองก็ยังงงๆอยู่ว่า พี่หิวข้าวแล้วมันเกี่ยวอะไรกับผมที่อยู่นอกบ้าน ในเมื่อพี่อยู่ที่ทำงานอีกแห่งหนึ่งจนผมได้ยินเสียงหัวเราะของแม่ ผมถึงได้รู้ว่าพี่ขับรถมาบ้านตั้งแต่เช้ามืด ผมรีบบอกทุกคน พวกเราละสายตาจากวิวตรงหน้าและหันหลังเพื่อลงทันที ราวกับว่าข้างบนนั่นไม่มีอะไรให้สนใจอีกแล้วก็การอยู่ด้วยกันจนพร้อมหน้าพร้อมตาอย่างนี้ มันไม่เกิดขึ้นง่ายๆในครอบครัวขนาดใหญ่อย่างครอบครัวเรา และพวกเราก็รู้ดีว่าพี่ปลีกตัวจากงานมาเพื่อมาอยู่กับพวกเราโดยเฉพาะ การอยู่ด้วยกัน นั่นล่ะคือสิ่งที่มีค่าที่สุดพี่ชายหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเมื่อเห็นหน้าผม พี่ชอบหยอกผมเสมอ คงเป็นเพราะผมเป็นน้องคนเล็ก สายๆ พี่ชายคนที่สองกับครอบครัวที่อยู่อีกบ้านหนึ่งก็มาถึง แม้จะเป็นเวลาสั้นๆ แต่เราก็กินข้าวเช้าพร้อมหน้ากัน หัวเราะด้วยกัน พี่ชายคนโตไปกราบพระพร้อมพวกเรา และขอตัวกลับก่อนขณะที่พวกเราอยู่ทำบุญกันต่อ ผมเคยได้ยินว่า หากเราทำบุญร่วมกัน ชาติหน้าเราจะเกิดมาเจอกันอีก อืมม .. ผมไม่รู้หรอกว่าชาติภพมีจริงไหม หากมันมีจริง ผมว่าชีวิตที่แล้วของผมคงจะทำบุญมาเยอะ ผมถึงได้เกิดมาในครอบครัวนี้ ทั้งๆที่พ่อและแม่คิดจะทำหมันตั้งแต่ลูกคนที่ห้าเกิด แต่พี่ชายของผมก็ขัดขวางภารกิจนั้น โดยการรีบออกมาดูโลกก่อนถึงสถานีปลายทางที่พ่อกับแม่จะไป แม่ต้องคลอดพี่ชายกลางทาง จึงไม่ได้ทำหมัน พ่อก็ไม่ได้ทำหมัน แน่นอนหลังจากนั้นลูกคนเล็กอย่างผมจึงออกมาลืมตาดูโลกอยู่ในปัจจุบัน ไม่รู้ว่ามันดีต่อโลกหรือเปล่า แต่ที่ผมรู้คือมันดีต่อผม และเพื่อไม่ให้การเกิดมาของผมเป็นการเพิ่มประชากรแบบรกโลก พ่อกับแม่จึงพร่ำสอนให้ผมเป็นคนดี หลังจากทำบุญเสร็จ พ่อกับแม่มักจะพาพวกเราไปบ้านญาติๆ ไปสวัสดีปีใหม่พร้อมของขวัญติดมือเล็กๆน้อยๆ จะว่าไปมันก็เป็นโอกาสเดียวที่เราจะไปเยี่ยมญาติอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ปีนี้เราก็ออกตระเวณกันอีกเช่นกันเราจบวันแรกของปีด้วยการกินข้าวด้วยกันในครอบครัว คราวนี้มีน้าอีกสองคนมาสมทบด้วย วงใหญ่เหมือนเดิม จะขาดก็แต่ครอบครัวพี่ชายคนโตที่ติดงาน ปีนี้พ่อให้โอวาทยาวกว่าทุกปีที่ผ่านมา พ่อจะบอกพวกเราเสมอว่า พ่อไม่รู้ว่าจะอยู่กับพวกเราได้อีกนานเท่าไร แต่สิ่งที่พ่ออยากให้เป็นคือ พ่ออยากให้พวกเรารักกันเหมือนที่รักกันในวันนี้ พวกเรารับปากกับพ่อว่าพวกเราจะรักกันมากๆ และไม่ทิ้งกันบางครั้งความรักของคนในครอบครัวผมก็ทำให้ผมอึดอัด แต่จะให้ผมเลิกรักพวกเขาน่ะรึ นั่นมันเป็นไปไม่ได้หรอก ผมจึงเห็นว่าพ่อไม่จำเป็นต้องกังวลใดๆเกี่ยวกับพวกเราหากพวกเราจะเลิกรักกัน เราคงเลิกรักกันไปแล้ว คงไม่รักกันมาจนพี่สาวคนโตอายุปาเข้าไปครึ่งชีวิตแล้ว แต่ผมก็เข้าใจพ่อและแม่ อนาคตไม่มีใครรู้ได้ แต่ว่าเราป้องกันสิ่งไม่ดีได้ หากเรามีความรักให้แก่กัน นั่นคงเป็นเหตุผลว่าทำไมพ่อกับแม่จึงพร่ำบอกให้พวกเรารักกันมากๆคืนนั้น ผมหลับตาลงด้วยความอิ่มเอมใจหลายคืน ที่ผมหลับตาลงด้วยความกังวลกับเรื่องต่างๆในหัว แต่อย่างน้อยในวันที่ผมอยู่กับครอบครัว ผมสามารถหลับตาลงได้อย่างสุขใจเรื่องต่างๆ กลายเป็นสิ่งที่ยังพอจะมีทางจัดการได้ อืมม นั่นละมั้งความรัก มันทำให้ผมมีกำลังใจมากขึ้นที่จะเดินในวันต่อไปก็ผมไม่ได้เดินคนเดียวนี่นะThis Way - DEPAPEPE Create Date : 04 มกราคม 2552 Last Update : 30 พฤศจิกายน 2552 21:28:49 น. 9 comments Counter : 366 Pageviews. ShareTweet
ไว้ค่อยมาลงรูปฮะ