-'@'-Journey Of Love-'@'- เมื่อหัวใจเดินทาง
space
space
space
 
พฤศจิกายน 2567
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
space
space
30 พฤศจิกายน 2567
space
space
space

ทริปเดินขาลาก ญี่ปุ่น โอซาก้า - โตเกียว 14 วัน (13)
ไปไหนก็ได้ขอแค่ให้มีรถสาธารณะไปถึง (7)
 
โปรแกรมวันนี้ชิลล์สุด เพราะแค่ย้ายไปโอซาก้า เที่ยวปราสาทโอซาก้า แล้วก็เดินเล่นแถวชินไซบาชิ นั่นคือความชิลล์ที่คิดไว้
 
แจ้งคุณคุโบะแล้วว่าจะออกจากที่พักตอน 9 โมงเช้า มีกระเป๋า 2 ใบน้อย 9 โมงตรงเป๊ะ คุณคุโบะก็มารอหน้าบ้านทันที โค้งคำนับขอบคุณที่ให้ความช่วยเหลือดีมาก แล้วขับรถพาไปส่งสถานีเกียวโต พอไปถึงคุณคุโบะก็มีขนมขบเคี้ยวเป็นของที่ระลึกให้นิดหน่อย ป๊อกกี้ ธัญพืชอบเกลือ ถ้ามาเที่ยวเกียวโตก็คงเลือกพักที่บ้านคุณคุโบะเหมือนเดิม
 
เลือกเวลาเดินทางให้พ้นช่วง Rush Hour หรือ ช่วงคนไปทำงาน 06.00 – 09.00 น. เวลาลากกระเป๋าขึ้นรถไฟจะได้ไม่เกะกะ คนไม่แน่นมาก ถึงแม้ขบวนที่จะไปโอซาก้ามีเยอะ แต่คนก็เยอะเหมือนกัน ใช้ตั๋ว Kansai Mini Pass 3 วัน ถึงสถานีชินโอซาก้าก็ลากกระเป๋าตามแผนที่ที่คุณชิเงะส่งมาให้ ถ้าตาม Google Map ก็เรียกได้ว่า ออกจากทางประตูตะวันออก ข้ามถนน เลี้ยวขวา จากนั้นเดินตามฟุตพาทตรงๆๆๆๆๆๆ 700 เมตร ใกล้ที่พักมี Family Mart, Lawson ร้านซักผ้าหยอดเหรียญขนาดใหญ่
 
ก่อนจะออกจากเกียวโตก็ทำการยืนยันเรื่องรหัสผ่านตู้เซฟเก็บกุญแจกับคุณชิเงะอีกรอบ และแจ้งเวลาที่คาดว่าจะเข้าห้อง ปกติจะให้เข้าพักช่วงบ่าย แต่บอกว่าขออนุญาตแค่วางกระเป๋าแล้วจะออกไปเที่ยวต่อ คุณชิเงะก็บอกว่าให้แค่ว่างกระเป๋าไว้ก่อนอย่าเพิ่งเปิดกระเป๋า เดี๋ยวจะมีแม่บ้านเข้าไปทำความสะอาดตอนสายๆ
 
เสร็จจากเก็บกระเป๋าเรียบร้อยก็ออกร่อนต่อ เดินย้อนกลับมาขึ้นรถไฟที่สถานีชินโอซาก้า อากาศแจ่มใสสุดๆ ท้องฟ้าสีสวยมาก ครีมกันแดด SPF50 PA+++++ อุณหภูมิหน้าเดินเล่น แค่ 30 องศานิดๆ เอง กลางเดือนตุลาคม ทำไมให้ความรู้สึกเหมือนมาเที่ยวช่วงโอบ้งเลย เป้าหมายคือ ปราสาทโอซาก้า ปรกติมากับทัวร์รถก็จะจอดที่ลานแล้วเดินมาที่ปราสาทไม่ไกลมาก แต่ต้องมาใช้รถไฟมันคือไกลสุดๆ ถ้าอากาศเย็นก็เดินชิลๆ ไปเรื่อย แต่นี่เดินกระโดดซ้ายทีขวาทีเข้าร่มเงา
 
จากสถานีชินโอซาก้า Shin Osaka ขึ้นรถไฟมาลงสถานีโอซาก้า Osaka 1 สถานี แล้วเปลี่ยนไปสาย Osaka Loop Line ต่อไปลงที่สถานี Osakajo Koen จากนั้นก็เดินอีก 1.5 กม. เดินผ่านบริเวณโอซาก้า ฮอลล์ Osaka Hall กำลังจัดเทศกาล Craft Beer Holiday 2024 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายพอดี แต่เห็นคนทานเบียร์ตอนแดดร้อนเปรี้ยงน่ากลัวมาก ส่วนใหญ่มีแต่คนญี่ปุ่น ต่างชาติที่จะทานไม่ค่อยเยอะเท่าไร วันที่ 14 ตุลาคม เป็นวันหยุดราชการงานกีฬาสีด้วย ตอนเย็นคนอาจจะล้นทางเดินก็ได้  ตลอดทางเดินในลานเบียร์ก็จะมีเบียร์ท้องถิ่นยี่ห้อต่างๆ มาตั้งซุ้ม มีตั๋วค่าเข้างาน 1,700 เยน ได้คูปองดื่มเบียร์ 3 ใบ กับ ค่าตั๋ว 4,600 เยน ได้คูปอง 6 ใบ+แก้วเบียร์เฉพาะของงาน ยี่ห้อเบียร์ท้องถิ่นของแท้ โดยส่วนตัวไม่เคยได้ยินเลย มีมาจากนางาโน่ เกียวโต นารา อิบารากิ โอกินาวะ รวมประมาณ 20 ยี่ห้อได้  
 
ถัดจากลานเบียร์ก็เป็นลานกิจกรรมมีคนแต่งชุดคอสเพลย์ หรือชุดทีมสไตล์ญี่ปุ่น ที่มีผ้าคาดหน้าผาก ใส่ชุดฮาโอะริ Haori (เสื้อคลุมกิโมโน ถ้านึกไม่ออกให้นึกถึงเรื่อง One Piece) รองเท้าสาน บางส่วนก็คล้ายชุดเชียร์ลีดเดอร์เพื่อเข้าร่วมงาน Mecha Happy Matsuri เทศกาลแห่งความสุขพิเศษนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อประมาณ 25 ปีที่แล้วเพื่อเผยแพร่พลังและความสุขไปทั่วโลก ซึ่งเทศกาลนี้จะจัดขึ้นในสถานที่ต่างๆ ของโอซาก้า มีคนเข้าร่วมกิจกรรมแข่งเต้น ตั้งแต่รุ่นตัวน้อย จนถึงผู้ใหญ่มากๆ ดูแล้วน่ารักดี มีพัดลม พร้อมอุปกรณ์ช่วยปฐมพยาบาลครบ อยากจะควักกระปุกยาดมยื่นให้เหลือเกิน
 
เดินด๊อกแด๊กตามทางมาเรื่อยๆ ในที่สุดก็ถึงขอบกำแพงหินปราสาทจนได้ เดินวนจากด้านหลังมาถึงด้านหน้า นักท่องเที่ยวยืนเป็นแถวรอเข้าปราสาทไม่เยอะ แค่ไม่กี่ร้อยคนเอง ตัดสินใจนั่งพักใต้ร่มเงาชมวิวปราสาทก็เป็นอันว่า “มาถึงปราสาท” เป็นที่เรียบร้อย
 
อ่านข้อมูลแล้วก็ยืนฟังไกด์ของคนอื่นอธิบาย คร่าวๆ ก็จะได้ประมาณว่า โทโยโทมิ ฮิเดะโยชิ เริ่มสร้างปราสาทโอซาก้าในปีค.ศ. 1583 จนกระทั่งปี 1615 โทกุงาวะ อิเอยาสุ ได้เข้ามาปิดล้อมปราสาทหลังนี้ โค่นล้ม โทโยโทมิ ฮิเดะโยริ (ลูกของ โทโยโทมิ ฮิเดะโยชิ) และยึดปราสาทไว้ได้ ส่วนฮิเดะโยริ และมารดาก็ทำพิธีเซปปุกุ (คือการฆ่าตัวตายเพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุม และยังถือว่าเป็นการตายอย่างมีเกียรติ)  หลังจากนั้นก็ผ่านความขัดแย้งต่าง ๆ ถูกเผาและบูรณะอยู่บ่อยครั้ง ตัวปราสาทปัจจุบันถูกบูรณะในปีค.ศ. 1931 ปัจจุบันภายในปราสาทก็จัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์....จบด้วยประการฉะนี้แล เวลาฟังชื่อก็จะมึนๆ หน่อย

ส่วนสถานที่ที่ฮิเดะโยริและมารดาทำพิธีเซปปุกุ อยู่ด้านหลังปราสาท ถ้ามาจากทางโอซาก้าฮอลล์ข้ามสะพานมาแล้ว ตะกายขึ้นบันได เดินทางตามทางจะเห็นกองหินตัดอยู่ขวามือ ให้หันไปทางซ้าย จะเป็นทางเดินแยกออกไปประมาณ 50 เมตร จะเป็นป้ายหินเล็กๆ และป้ายบรรยายภาษาอังกฤษ และภาษาญี่ปุ่นอยู่ Place where Hideyori Toyotomi and Yodo-dono comitted suicide (โปรดอย่าจับผิดว่าเราเขียนผิดนะ เพราะลอกตามที่เห็นบนป้ายมาเลย)
 
จากนั้นก็เดินวนไปแวะเช็คอินที่ไทม์แคปซูล เอ็กซ์โป 70 คลับคล้ายว่าเคยดูพิธีการเปิดไทม์แคปซูลครั้งแรกเพื่อบรรจุของเพิ่มเติมเมื่อนานมาแล้ว น่าจะเป็นช่วง Y2K ซึ่งทั่วโลกกังวลเกี่ยวกับการทำงานของคอมพิวเตอร์ระบบเวลาที่มันจะรวน กลัวกันถึงขนาดช่วงเปลี่ยนผ่านข้ามปี งดการใช้บริการทุกประเภท คนแห่ถอนเงินจากธนาคาร แม้แต่ลิฟต์ยังไม่กล้าเข้า
 
ไทม์แคปซูลเริ่มฝังส่วนที่ 1 เมื่อวันที่ 20 มกราคม 1971 จากนั้นก็ทะยอยฝังส่วนที่เหลือลงไป จนถึงวันที่ 17 มีนาคม 1971 เป็นพิธีเปิดงาน Japan World Exposition 1970 หรือเรียกว่า Expo'70 อย่างเป็นทางการ ภายในแคปซูลแต่ละส่วนจะบรรจุสิ่งของ เมล็ดพันธุ์พืช ข้อมูลเกี่ยวกับญี่ปุ่นเกือบทุกประเภท แผ่นบันทึกเสียงที่ทันสมัยที่สุดในปี 1970 มากกว่า 2000 ชิ้น โดยมีเงื่อนไขในการเปิดคือ ช่องเก็บของส่วนล่างจะเปิดเมื่อครบ 5000 ปี หรือเปิดในปี ค.ศ. 6970 และแคปซูลส่วนบนจะเปิดทุก 100 ปี เพื่อนำสิ่งของในช่วงเวลานั้นๆ เก็บรักษาไว้ เปิดครั้งถัดไปก็ปี 2100
 
ดื่มด่ำบรรยากาศของปราสาทโอซาก้าเพียงพอจนหน้าไหม้ก็เดินออกทางด้านหน้าปราสาทเพื่อไปขึ้นรถไฟที่สถานี โมริโนมิยะ Morinomiya ซึ่งสถานีนี้เป็นสถานีที่มีทั้ง JR และ Metro แต่กว่าจะเดินถึงสถานีนี้ก็เอาขาแทบหลุดเหมือนกัน ระยะทางประมาณ 1.5 กม. นับจากกำแพงหินปราสาทโอซาก้า
 
ตามแผนที่ระยะทางไม่ไกล แต่ไปเดินวนรอบงานแถว Osaka Hall รวมอีก 500 เมตร


จุดหมายถัดไปคือย่านชินไซบาชิ ดังนั้นต้องลงบันไดเพื่อขึ้นรถไฟใต้ดิน แค่ 5 ป้ายก็ถึงแล้ว พยายามหาทางออกหมายเลข 5 หรือ 6 โผล่ขึ้นมาก็จะเป็นห้างไดมารู เส้นช้อปปิ้งหลัก เดินตรงดิ่งก็จะเป็นสะพานกูลิโกะ เน้นถ่ายรูปกับเดินส่องไปเรื่อยๆ เพราะยังอีกหลายวันกว่าจะกลับบ้าน ไว้ไปซื้อช่วงวันสุดท้ายในโตเกียว จุดเช็คอินคือ สะพาน เอบิซุ Ebisubashi หรือ สะพานกูลิโกะ ลงบันไดไปถ่ายรูปริมแม่น้ำคนจะน้อย

จากนั้นก็เช็คอินป้ายปูยักษ์ร้านคานิโดราคุ Kani Doraku แต่ที่ต้องชิมเมื่อมาโอซาก้า คือ “ทาโกะยากิ” และเพื่อให้เชื่อว่าเป็นไส้ปลาหมึกก็ต้องซื้อที่ซุ้มหน้าร้านที่มีปลาหมึกยักษ์เป็นสัญลักษณ์ ตรงนี้มีร้านขายทาโกะยากิหลายร้าน แต่เลือกซื้อร้านนี้เพราะมีที่นั่งทานในร้านด้วย ขึ้นไปชั้นบน ทางเดินจะแคบหน่อย ตอนเพื่อนญี่ปุ่นมาเที่ยวไทย ก็พาไปกินปลาหมึกย่างเหมือนกัน เรียกว่า อิกะยากิ แต่ย่างเตาถ่าน แล้วบดๆๆ ยืดๆๆ ชุบน้ำจิ้มใส่ถั่ว แบบว่า สุโค่ยๆๆๆ (ทาโกะ ใช้เรียกปลาหมึกยักษ์ ส่วนอิกะ จะใช้เรียกปลาหมึกตัวเล็ก แบบ หมึกหอม หมึกกล้วย)

ตอนแรกตั้งใจจะทานข้าวเย็นร้านหลิวเต้อหัว เจริญการค้า Ryu Ter Hau เป็นร้านอาหารไทย อยู่แยก ฮะจิมันโจ Hachimanjo จากถนนช้อปปิ้งหลัก Midosuji หันหน้าไปทางสะพานเอบิซุ หัวมุมจะเป็นร้าน Gu Uniqlo ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ 80 เมตร อยู่ขวามือ
 
แต่ด้วยเป็นช่วงเวลาเย็นคนล้น จบมื้อที่ร้านโยชิโนะยะ Yoshinoya ซึ่งวิธีการสั่งอาหารของที่นี่จะเป็นแบบ Self-service: セルフサービス เข้าคิว หยิบถาด หยิบจาน หยิบอาหารที่ต้องการทาน จะมีราคาบอกไว้ จะมีอุด้ง หรือ ข้าวหน้าหมู หน้าเนื้อ เวลาบอกขนาด ถ้าอยากลองภาษาก็บอกเลย
ชามเล็ก (โช Shou 小 / ฉิไซ Chiisai 小さい / เอสุ ไซซึ S size エス サイズ
ชามกลาง = ขนาดปกติ (ฉู Chuu 中 / นามิ Nami なみ / เอมุ ไซซึ M size エム サイズ)
ชามใหญ่ = พิเศษ (ได Dai 大 / พิเศษ = โอโอโมะริ Oomori 大盛り / เอรุ ไซซึ L size エル サイズ )

โดยบอกกับพนักงาน เช่น สั่งข้าวหน้าเนื้อชามใหญ่พิเศษ 1 ชาม ก็ กิวด้ง ฮิโตะทซึ โอโอโมะ เดะ โอเนะไงชิมาซึ Gyudon Hitotsu Oomo de Onegai shimasu (ประมาณว่าสั่งก๋วยเตี๋ยวธรรมดา 50 / พิเศษ 70)

แล้วก็เดินขยับๆ เข้าไป รับของครบหมดก็จ่ายตังค์ หาที่นั่งทาน โดยส่วนใหญ่ร้านอาหารญี่ปุ่นจะมีน้ำดื่มฟรีบริการ เพราะราคาเครื่องดื่มทั่วไปในร้านอาหารจะค่อนข้างแพง
 
กินอิ่มเดินย่อยกลับที่พักได้ เดินมาลงรถไฟใต้ดินที่สถานี นัมบะ Namba ขึ้นรถไฟสายมิโดซุจิ ยาวไปลงสถานีชินโอซาก้า ไม่ต้องรอฟ้ามืดแล้ว คำว่า เดินชิลล์ๆ ไม่มีอยู่จริง
 
สิ้นสุดการเดินวันนี้ที่ 25,000 ก้าว (1 เมตรประมาณ 3 ก้าว)


Create Date : 30 พฤศจิกายน 2567
Last Update : 2 ธันวาคม 2567 13:09:41 น. 0 comments
Counter : 233 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณ**mp5**


ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
space

Poonchayapich-N
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Welcome to My Home...L'Amour De Ma Vie

space
space
[Add Poonchayapich-N's blog to your web]
space
space
space
space
space