-'@'-Journey Of Love-'@'- เมื่อหัวใจเดินทาง
space
space
space
 
พฤศจิกายน 2567
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
space
space
3 พฤศจิกายน 2567
space
space
space

ทริปเดินขาลาก ญี่ปุ่น โอซาก้า - โตเกียว 14 วัน (2)
เมื่อได้วันที่เรียบร้อย ขั้นตอนถัดไปคือ เส้นทางการเดินทาง อยากไปไหน นอนที่ไหน ลงในปฏิทินไว้ก่อน เนื่องจากเป็นการเที่ยวแบบลากกระเป๋าขึ้นรถบริการสาธารณะ (Public Transportation) ตลอดการเดินทาง การวางแผนจึงค่อนข้างละเอียดยิบ
เริ่มตั้งแต่ ลงเครื่องบิน ต่อรถไฟเข้าเมือง การเดินทางไปแต่ละจุดท่องเที่ยว ต้องทำอะไร อย่างไรบ้าง ใช้ตั๋วแบบไหนคุ้มค่าสะดวกกับการเดินทางที่สุด
แล้วทำโปรแกรมเที่ยวตามมาตรฐานทัวร์ส่วนตัวออกมาเป็นรูปเล่มที่ระลึก
...
385385385
หลังจากได้ช่วงการเดินทางที่พึงพอใจแล้ว ก็เป็นการเตรียมจองห้องพัก เดินทาง ต.ค. แต่ทำการจองตั้งแต่ ม.ค. ล่วงหน้าสุดๆ เพราะช่วง ต.ค. เป็น High Season ถ้าไม่รีบกลัวไม่มีที่นอน อีกทั้งยังต้องใช้เครดิตเงินมัดจำค่าธรรมเนียมที่ AIRBNB คืนห้องช่วงโควิดมาให้หมด
+++ คืนค่าธรรมเนียม ไม่ใช่คืนค่าห้อง แล้วต้องใช้เป็นโค้ดส่วนลด!!! +++
ทางที่พักไม่สนใจว่าจะเกิดโควิด หรือ สายการบินยกเลิก โดยที่เราขอยกเลิกก่อนการเดินทาง 1 เดือน ประทับใจสุดๆ คิดว่าคงใช้บริการอีกแค่ครั้งนี้หมดเครดิตแล้วจบกัน


หลังจากวางแพลนเที่ยวว่าอยากไปไหน อยู่เมืองไหนกี่วัน ก็เริ่มเปิดเว็ป AIRBNB ส่องหาที่พักก่อน แล้วตามด้วยการจองผ่านเว็ป Agoda
หลักๆ ในการเลือกห้องพัก
- ห้องพักใกล้สถานีรถไฟ
- สะอาด สะดวก ปลอดภัย
- ราคาไม่แพง

Accommodation
1.BANGKOK 1 Nt = 893.03 THB (The Posh Phayathai By Benya)

2.HIROSHIMA 1 Nt = 2,288.45 THB (AIRBNB : SUMIYA Spa & Hotel)

3.KYOTO 4 Nts = 8,041.03 THB (AIRBNB : KUBO)

4.OSAKA 2 Nts  = 5,057.54 THB  (AIRBNB : SHIGE)

5.GOTEMBA 2 Nts = 4,932.72 THB (Toyoko Inn Gotemba Ekimae)

6.TOKYO 3 Nts = 28,822.00 JYP / 6,589.22 THB (Toyoko Inn Tokyo Asakusa่ Kuramae No.2)

7.NARITA 1 Nt = 8,494 JPY (Narita Tobu Hotel Airport)

8.BANGKOK 1 Nt = 1,051.80 THB (Top High Airport Link Hotel)
ได้ที่นอนเรียบร้อย ต่อไปก็เป็นรายละเอียดการเที่ยวแต่ละเมือง
----------
(หลังจากที่ปรับแก้ไขจนถึงที่สุด ก็ได้ออกมาหน้าตาประมาณนี้)


จบพิธีการเรื่องที่หลับที่นอน ได้รับอีเมล์ Confirmation ครบทุกแห่ง ต่อมาคือ แหล่งท่องเที่ยวที่จำเป็น....เน้นว่า...."จำเป็น" ควรต้องจองล่วงหน้า

1. รถไฟสายโรแมนติก SAGANO ROMANTIC TRAIN สามารถจองล่วงหน้าได้ 1 เดือน และเริ่มเปิดให้จองในเวลาทำการของญี่ปุ่นเท่านั้น แต่การจะทำจองได้นั้น ต้องสมัครสมาชิกก่อน อันนี้ง่ายใช้ FACEBOOK หรือ GOOGLE หรือ EMAIL ได้รับข้อความจาก LINKTIVITY จัดการยืนยันก็เป็นอันเสร็จ จากนั้นก็รอให้ถึงวันที่ต้องจอง แต่ถ้าจองผ่านแอป Klook อันก็ได้ที่นั่งเหมือนกันแต่เป็นที่นั่งมีหลังคา มีหน้าต่างปิดแบบรถไฟปกติ

เราตั้งเตือนทั้งในปฏิทิน กากบาทใส่กระดาษแปะไว้ พอใกล้วันก็ตั้งนาฬิกาปลุก เพราะญี่ปุ่นเปิดให้จอง 08.00 น. แต่เมืองไทยเพิ่ง 06.00 น. เดี๋ยวพลาด พอถึงวันที่ต้องการปุ๊บ เข้าหน้าเว็ปตรง
https://ars-saganokanko.triplabo.jp/activity/en/LINKTIVITY-YRBTL

เลือกวันที่ต้องการ แล้วเลือกเส้นทาง ซึ่งมี 2 เส้น คือ ไป หรือ กลับ
Saga Station/Arashiyama Station → Kameoka Station
Kameoka Station → Saga Station/Arashiyama Station

เราเลือก Kameoka Station → Saga Station/Arashiyama Station จากนั้นก็กดจำนวนคน แล้วก็กดที่ Check-out
เลือกสถานีที่ต้องการจะขึ้น และลงรถ จากนั้นมันจะขึ้นขบวนที่สามารถจองได้
ของเราเลือกรอบ 10.30 น. 

ที่นั่งที่เราต้องการคือ Richcar ซึ่งจะมีแค่ 1 โบกี้ 60 ที่นั่ง นั่งฝั่งละ 4 คนหันหน้าหากัน เพิ่งจะ 08.10 น.ของญี่ปุ่น คือ ที่นั่งจองเกือบเต็ม!!! (แปลว่ายังมีที่นั่งจองได้) แต่ได้ที่นั่งแยกกันแค่ทางเดินกัน ก็โอเครีบกด ซึ่งตู้ Richcar เป็น Open-air car with no glass window ก็มีคำเตือนเกี่ยวกับสภาพอากาศ หากมีฝนตก หิมะตก ตัวเปียกอันนี้ไม่รับผิดชอบ และไม่อนุญาติให้กางร่มในขบวนรถไฟเด็ดขาด




2. รถไฟสาย Kyoto - Nara ขบวนพิเศษ Aoniyoshi คันสีแดงเลือดหมู
https://www.kintetsu.co.jp/foreign/english/aoniyoshi/
อันนี้มีเวลาให้เลือกแค่ 11.00 / 13.00 / 14.40 / 16.20
และเหมือนเดิม สามารถจองล่วงหน้าได้ 1 เดือน และเริ่มเปิดให้จองในเวลาทำการของญี่ปุ่นเท่านั้น ซึ่งเราต้องการรอบ 11.00 น. และแน่นอนว่า "เต็ม" ส่องไปทุกรอบวนย้อนกลับไปดูเผื่อมันจะว่าง จนในที่สุดต้องตัดใจ ไปจองขบวน VISTA แทน ก็ได้รอบ 08.55 น. ถึงนารา 09.30 น.

3. Universal Studio Japan อันนี้แต่ละวันราคาไม่เท่ากัน เราส่องเลือกเอาราคาต่ำสุด คือ Ticket Price C แต่เราไม่เลือกแบบเพิ่มพิเศษเข้า Express เพราะรู้อยู่แล้วว่าสังขารไม่เอื้อให้ไปโลดโผนเหมือนแต่ก่อน และก็ไม่สามารถไปยืนเข้าคิวไหว และก็คิดถูกที่ไม่ซื้อ เพราะวันที่ไป USJ คือ ร้อนมั๊กๆๆๆๆๆๆ คนเดินเป็นมด ไม่มีที่ให้นั่งเลย ร้านอาหาร หรือ รถเข็นคนต่อคิวไม่ต้องนับหัว ถึงขนาดเจ้าหน้าที่ต้องออกมาปิดคิวรอ

4. Warner Bros. Studio Tour Tokyo - The Making of Harry Potter ขนาดว่าจองล่วงหน้า 1 เดือน เวลายังเต็มแน่นเกือบทุกรอบ สุดท้ายได้รอบ 15.30 น. แต่เวลาที่ควรต้องไปยืนหน้าประตูทางเข้าเริ่มทัวร์ คือ 15.00 น. (อันนี้ซื้อตั๋วแถม eSim)

5. Tokyo Skytree [Early Bird] Tembo Deck (350m) & Galleria (450m) + Tokyo Subway Ticket (24 hours) รอบเต็มแน่นๆๆๆๆๆ เหมือนเดิม เรากดได้มารอบ 14.00 น. แต่เจ้าหน้าที่จะเรียกเข้าคิวตั้งแต่ 13.30 น. 

เดือนกันยายน คือ เดือนแห่งการจ่ายตังค์ของแท้ๆๆๆๆๆ เพราะโรงแรมที่จองก็เริ่มเก็บเงินค่ามัดจำ บัตรเข้าชม ตั๋วรถไฟ กด CVC จ่ายจนเก็บไปฝันเลย

นี่คือตั๋วหลักที่จองถ้ามีแพลนว่าจะเข้าแน่นอน เพราะคนมหาศาลโดยเฉพาะช่วง High-Season เพราะที่เห็นนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มีแต่คนญี่ปุ่น

119
ศึกษาเรื่องการเข้าเมือง ระบบใหม่ ที่ประกาศเริ่มใช้งานเมื่อตอน มี.ค. 2567
โดยทำการลงทะเบียนผ่านเว็ป https://www.vjw.digital.go.jp/main/#/vjwplo001
หรือค้นหาคำว่า Visit Japan Web มีให้เลือกภาษาญี่ปุ่น อังกฤษ จีน เกาหลี เวียดนาม (ทำไมไม่มีภาษาไทย ขนาดเว็ปของ JR ยังมีแนะนำเป็นภาษาไทยเลย)

สำหรับการทำลงทะเบียน ตม. ล่วงหน้า ไม่แน่ใจว่าสามารถทำล่วงหน้าได้กี่เดือน แต่โดยส่วนตัวก็ประมาณ 1 เดือน

Q => แล้วถ้าไม่ลงทะเบียนล่วงหน้าจะได้ไหม?
A => ได้ ไม่ผิดกฏหมาย เพียงแต่ก่อนเครื่องจะลง ก็ขอใบ ตม. มากรอกให้เรียบร้อยก่อน สำหรับคนที่ลงทะเบียนไว้แล้ว ก็จะสะดวกตอนยื่นพาสปอร์ตให้ เจ้าหน้าที่ก็จะได้ทำงานไวขึ้น
 
จากนั้นก็ทำการสมัครสมาชิก Sign up for a new account หลังจากลงทะเบียนเรียบร้อย ก็จะมีอีเมล์ [Visit Japan Web] Account Creation Notice จะได้รหัสเป็นเลข 6 หลัก เพื่อไปทำการ log in อีกครั้ง

ของผู้ร่วมทางที่เป็นคนในครอบครัวนามสกุลเดียวกัน สามารถลงทะเบียนในบัญชีเดียวกันได้ ไม่จำเป็นต้องสมัครแยก แต่ถ้าเป็นครอบครัวเดียวกันแต่คนละนามสกุลอันนี้ไม่แน่ใจว่าทำได้ไหม

1 บัญชี สามารถมีใส่สมาชิกได้ถึง 10 คน ซึ่งจะเป็นการบันทึกสำหรับการใช้เดินทางเข้าญี่ปุ่นในครั้งถัดไปได้ด้วย

ขั้นตอนนี้ให้เตรียมพาสปอร์ตของคนที่จะลงทะเบียนไว้ด้วย เพราะต้องใช้ข้อมูลและถ่ายหน้าพาสปอร์ต แนะนำให้ทำการลงทะเบียนบนมือถือ เวลาถ่ายรูปหน้าพาสปอร์ตจะค่อนข้างง่ายกว่า และที่อยู่ของโรงแรมคืนแรกที่จะพำนัก ควรมีให้ครบถ้วน พร้อมเบอร์โทรศัพท์ ถ้ามีรหัสไปรษณีย์ด้วยจะสะดวกมาก

ผ่านการล็อคอินครั้งแรกแล้วก็จะเป็นการลงทะเบียน เริ่มจากการใส่ข้อมูลของตัวเอง จะเป็นคำถาม YES / NO ก็ติ๊กๆๆ
ข้อ 1 พาสปอร์ตออกโดยรัฐบาลของญี่ปุ่นใช่หรือไม่
ข้อ 2 พำนักอาศัยในประเทศญี่ปุ่นและต้องการจะเดินทางเข้าอีกเป็นกรณีพิเศษใช่หรือไม่
ข้อ 3 ต้องการใช้ Tax Free QR Code หรือไม่ (ถ้าตอบ "ไม่" แล้วมาแก้ไขทีหลังก็ได้)

กด Next จะเป็นขั้นตอนสแกนพาสปอร์ต หรือ เลือกกรอกข้อมูลด้วยตนเอง
ใส่ชื่อ นามสกุล หมายเลขพาสปอร์ต สัญชาติ อาชีพ ที่อยู่ปัจจุบันในประเทศไทย 

หลังจากกรอกข้อมูลส่วนตัว ถ่ายรูปครบถ้วนทั้งของตัวเองและคนที่เดินทางร่วมครบทุกคนแล้ว ค่อยทำขั้นตอนถัดไป

ถัดมาจะเป็นการกรอกข้อมูลความประสงค์จะเดินทางเข้าญี่ปุ่น (ยกเว้นวีซ่าสำหรับการพำนักไม่เกิน 15 วันตามข้อตกลง) เลือก Register new plan entry/return ใส่วัตถุประสงค์เป็น Leisure Trip หรือ Tourism หรือคำบรรยายใดๆ สั้นก็ได้ 
ใส่วันที่ถึงประเทศญี่ปุ่น / กดเลือกสายการบิน / ไฟลท์เลขที่ (ใส่เฉพาะตัวเลขเท่านั้น / พิมพ์ชื่อเมืองต้นทางที่ออกเดินทาง เช่น พิมพ์ B ก็จะมีชื่อ Bangkok ขึ้นมาให้เรากดเลือก

หน้าต่อไปจะเป็นการกรอกที่อยู่คืนแรกในญี่ปุ่น แค่ใส่รหัสไปรษณีย์ที่เราเตรียมไว้ ก็ขึ้นพื้นที่ ถนนให้เสร็จ เหลือแค่ช่องใส่ชื่อของโรงแรม กับเบอร์โทรศัพท์ ที่ต้องกรอกเพิ่ม เป็นอันเสร็จสิ้น

ถึงหน้าสุดท้ายก็เป็นการติ๊กชื่อผู้ร่วมทริปแล้วกดยืนยัน กลับสู่หน้าแรกได้เลย เลื่อนลงด้านล่าง เลือก Immigration clearance and Customs declaration

กดเลือกอาชีพ พนักงานบริษัท / ท่านประธานใหญ่ / พนักงานรัฐ / เจ้าของธุรกิจ / คุณครู / นักเรียน / ไม่มีงานทำ / อื่นๆ
(แก่แล้ว ไม่มีงานทำ แต่น่าจะเป็นคำว่า Retired มาให้เลือกเนอะ
ส่วนข้อมูลในช่องอื่นๆ ก็เป็นที่เรากรอกมาแล้วก่อนหน้านี้ ก็ตรวจดูความถูกต้องอีกครั้ง

หน้า 3 ก็เลือก Tourism ช่องล่างสุดจะเป็นจำนวนวันที่เราอยู่ในญี่ปุ่น

หน้า 4 ก็จะเป็นคำถามว่า เคยโดนส่งกลับประเทศไหม / ถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีอาญาในประเทศญี่ปุ่นหรือในประเทศอื่นหรือไม่ / มียาเสพติด กัญชา ฝิ่น สารกระตุ้น หรือสารควบคุมอื่นๆ อาวุธปืน หน้าไม้ ดาบ วัตถุระเบิด หรือรายการอื่นๆ ที่คล้ายกันอยู่ในครอบครองหรือไม่

หน้า 5 แจ้งรายการทรัพย์สินส่วนตัวที่ติดตามมาและสิ่งของที่ไม่ได้ติดตามมาของสมาชิกในครอบครัวที่ติดตามมาพร้อมกันหรือไม่ (อันนี้ตอบ YES รับผิดชอบทั้งหมดของครอบครัวตัวเองได้อยู่แล้ว)

หน้า 6 นำสิ่งต่อไปนี้เข้ามาในประเทศญี่ปุ่นหรือไม่ จำพวก ยาเสพติด อาวุธ ระเบิด เงินปลอม บัตรเครดิตปลอม สื่อลามก และสิ่งของที่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ (อันนี้สำคัญนะ เพราะบางคนหิ้วกระเป๋าแบรนด์เนมปลอม โทษในญี่ปุ่นหนักมาก)

หน้า 7 อาวุธปืนล่าสัตว์ หรือ BB Gun / สัตว์สงวน จระเข้ งูเห่า เต่า งาช้าง ชะมด ต้นกระบองเพชร / ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ (รวมถึงไส้กรอก) ผัก ผลไม้ ข้าว (ตรงนี้ใครกินอาหารบนเครื่องไม่หมด แล้วคิดว่าจะพกติดกระเป๋าลงมาด้วย อันนี้อย่าทำเด็ดขาด แฮมเบอร์เกอร์ แซนด์วิช ข้าวเหนียวหมูทอดที่ซื้อมาจากเมืองไทยแล้วยังไม่ได้ทาน ก็ต้องทานให้หมด หรือทิ้งให้หมดกระเป๋าก่อนลงจากเครื่อง)

หน้า 8 ได้พกทองคำแท่งมาหรือเปล่า (สร้อยทอง 1 สลึงยังไม่มีใส่เลย 111)

หน้า 9 สินค้า (ซื้อ ของที่ระลึก ของขวัญ) ที่เกินเกณฑ์ยกเว้นอากรศุลกากร โดยเฉพาะ เหล้า (3 ขวดๆ ละไม่เกิน 760 มล.) / บุหรี่ (1 คอตตอน=10 ซอง) หรือ ซิการ์ (50 มวน) / น้ำหอม 2 ออนซ์ = 56 มล) / สิ่งของที่มีมูลค่ามากกว่า 200,000 เยน 

หน้า 10 สินค้าเชิงพาณิชย์หรือตัวอย่าง จำพวกเอาร่วมงานแสดงโชว์ หรือนำเสนอขาย

หน้า 11 สิ่งของใดๆ ที่คุณได้รับการร้องขอจากบุคคลอื่นให้เอาเข้ามาในประเทศญี่ปุ่น

หน้า 12 เงินสด เช็ค หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าเกิน 1,000,000 เยนหรือเทียบเท่า (มีใครพกโฉนดที่ดินไปเที่ยวบ้างไหม) หรือ ทองคำแท่งที่มีน้ำหนักเกิน 1 กิโลกรัม

หน้า 13 มีการส่งสัมภาระหรือสิ่งทางไปรษณีย์ล่วงหน้ามาหรือไม่ สิ่งของที่ไม่ได้มาพร้อมตัว บางคนมาเรียนต่อหรือย้ายบ้านก็อาจจะมีการส่งล่วงหน้ามา

หน้า 16 (ไม่ผิด จากหน้า 13 กด Next มันจะมาเป็นหน้า 16) จะเป็นการสรุปที่เราตอบคำถามทั้งหมด บรรทัดสุดท้ายก็กดติ๊กถูก ยืนยันว่าเป็นความจริงทุกประการ

จบแบบยังไม่จบ เพราะยังเหลือขั้นตอน Display QR Code
กดเลือก Agree and Display QR Code จากนั้นก็ทำการแคปหน้าจอ กดเลือกชื่อแคปให้ครบ หรือจะทำการปริ้นต์ใส่กระดาษขนาด A6 แปะไว้หน้าพาสปอร์ตของแต่ละคนก็ได้

++++++++++

ก่อนการเดินทาง 2 อาทิตย์ ก็ทำการซื้อประกันภัยการเดินทาง เลือกแผนที่ใช่ เลือกราคาที่ชอบ โดยส่วนตัวใช้อยู่แค่บริษัทเดียว โลโก้เหลือง พื้นเขียว เลยไม่ต้องเปรียบเทียบค่าเบี้ยให้ปวดหัวเล่น เคลมง่าย เอกสารไม่วุ่นวาย คือ หลักการสำคัญ

กรอกข้อมูลเสร็จ ก็มีอีเมล์เด้งปั๊บ แจ้งผลการลงทะเบียนเพื่อซื้อประกัน เมื่ออ่านรายละเอียดครบถ้วนถูกต้อง ค่อยกดคำสั่งซื้ออีกรอบ ตอนถึงหน้าจะชำระเงิน อย่าลืมใส่โค้ดส่วนลดต่างๆ ที่มีด้วย จากนั้นก็จะมีอีเมล์ยืนยันการรับชำระเงินตามใบสั่งซื้อ แนบเอกสารตารางกรมธรรม์ เป็นอันจบอีก 1 ภารกิจ

มีโปรส่วนลดค่าเบี้ยประกันจากบัตรเครดิต หรือจะสมัครผ่านแอปก็ได้ส่วนลดเยอะด้วยนะ 

ประกันภัย = ยันต์คุ้มครอง มีไว้อุ่นใจค่ะ อีกอย่างในการกรอก ตม.ของญี่ปุ่นก็มีช่องแนะนำเรื่องประกันภัยการเดินทางด้วย

การสื่อสารในโลกปัจจุบัน ไม่มีอินเตอร์เน็ตเหมือนจะขาดใจ ยิ่งเดินทางต่างประเทศ Google Map, Navitime, SmartEx App มีอะไรที่จะช่วยเหลือได้ โหลดมาให้หมด
แต่เวลาใช้จริงอย่าเชื่อตามที่มันแนะนำทั้งหมด บางทีเสียเวลาเกินจากความเป็นจริงไปเยอะมาก

ตอนนี้มี eSim เพื่อการใช้งาน สะดวกไม่ต้องหาเข็มมาจิ้ม เปลี่ยน Sim Card ทำถาดร่วง Sim หายอีกต่อไป เพียงแค่ทำตามขั้นตอนก็มีอินเตอร์เน็ตใช้ทันทีที่เปิดสัญญาณ

ตอนซื้อตั๋วเข้าชมสถานที่บางแห่งผ่านแอป ก็มีแถม eSim 30 วัน 3 GB ให้ทำการ Activate ก่อนวันที่ 11 เม.ย. 2568 


แต่เราไม่ได้ใช้มือถือรุ่นใหม่ที่รองรับการใช้ eSim จะลงทุนซื้อเครื่องใหม่ก็กระไรอยู่  เลยต้องซื้อแพ็กเกจ Roaming 15 วัน 8 GB ราคา 949 บาท (ไม่รวมภาษี) สามารถกำหนดวันที่ และเวลาที่ต้องการใช้งานได้ล่วงหน้าได้ 1 เดือน หากไม่ได้ใช้งานภายใน 60 วัน จะยกเลิกและไม่มีค่าบริการ

ถามว่า 8 GB สำหรับ 15 วันพอไหม บอกเลยว่าเหลือใช้ เพราะในญี่ปุ่นมีจุดรับ wifi free เยอะมาก ทั้งในสนามบิน บนรถไฟชินคังเซ็น โรงแรม ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว

ตั๋วเครื่องมีแล้ว384
โรงแรมมีแล้ว341
ประกันภัยมีแล้ว107
แพ็คเก็จโรมมิ่งสมัครเรียบร้อย 119

ต่อไปเรื่องเงินสดที่จะใช้ อันนี้หลายคนก็อาจจะเลือกใช้บริการ Travel Card คือ บัตรเดบิต หรือ บัตรเติมเงิน (Prepaid Card) รูปแบบหนึ่ง ที่สามารถใช้แลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศได้ สามารถรูดจ่ายค่าสินค้าและกดเงินจากตู้ ATM ต่างประเทศได้เหมือนบัตรเอทีเอ็มและบัตรเครดิตทั่วไป โดยมีค่าธรรมเนียมหรืออัตราแลกเปลี่ยนในราคาพิเศษ เหมาะสำหรับนักเดินทางที่ไม่มีบัตรเครดิต หรือคนที่ไม่อยากพกเงินสดจำนวนมาก ไม่ต้องเสียเวลาไปแลกเงินบ่อยๆ ซึ่งจะสามารถใช้จ่ายทั่วโลกได้สะดวกขึ้นด้วยบัตรใบเดียว

แต่เนื่องจากเราเป็นคนจากยุคโบราณ เลยใช้วิธีแลกเป็นเงินสด ตั้งลิมิตไว้ว่าสามารถใช้จ่ายสำหรับกิน ช้อปปิ้ง รวม 14 วัน สำหรับ 2 คน ไม่เกิน 200,000 เยน
การเติมเงินเข้าบัตร Suica และ ICOCA สามารถเติมได้สูงสุดไม่เกิน 20,000 เยน/ใบ โดยสามารถเติมเงินได้ตาม ตู้เติมเงินในสนามบิน สถานีรถไฟ Family Mart, 7-11

เวลาจ่ายชำระค่าบริการต่างๆ ก็จะมีบันทึกไว้ในบัตรด้วย โดยสามารถดาวน์โหลดแอป CardReader (ฟรี) เปิดระบบ NFC แล้วเอาบัตรไปแตะที่โทรศัพท์ก็จะเด้งข้อมูลให้ว่าใช้อะไรที่ไหน เท่าไร ถ้าขยันหน่อยเวลาใช้ก็สามารถเปิดแอปลงบันทึกการใช้งานเพิ่มได้ กดด้านข้าง > แล้วมันจะขึ้น Memo ให้เราบันทึก กินอะไร ร้านไหน ซื้ออะไรบ้าง ขึ้นรถบัสที่ไหน ขึ้นรถไฟจากสถานีอะไรถึงสถานีอะไร

ซึ่งบัตรของเรานี้มีอายุ 10 ปี นับจากการใช้งานครั้งสุดท้าย จะไม่เหมือนบัตร Welcome Suica ที่มีอายุ 1 เดือน ร้านค้าบางแห่งไม่ได้รับบัตรทุกอัน สามารถสอบถามพนักงานว่าใช้บัตรใบไหนได้บ้าง โชว์บัตรอย่างเดียวไม่ได้ต้องบอกยี่ห้อบัตรด้วย





Create Date : 03 พฤศจิกายน 2567
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2567 11:11:21 น. 0 comments
Counter : 92 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
space

Poonchayapich-N
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Welcome to My Home...L'Amour De Ma Vie

space
space
[Add Poonchayapich-N's blog to your web]
space
space
space
space
space