จัดการสภาพตัวเองเรียบร้อยก็ลากกระเป๋าใหญ่-เล็ก ไปขึ้นรถไฟ Airport Rail Link ต่อ จัดการเช็คอินกระเป๋าให้หมด โดยการ Online Check-in ได้ล่วงหน้า 24 ชม. แคปหน้าจอไว้ แล้วไปเข้าแถวช่องที่เป็น Self Bag Drop เพื่อสแกน QR Code แต่เนื่องจากเห็นว่ามี เจ้าหน้าที่นั่งว่างอยู่ที่เคาน์เตอร์ เลยเดินยิ้มไปให้ช่วยโหลดแทน ก็จะได้ตั๋วใบยาวๆ มาด้วย กำจัดภาระชิ้นใหญ่ออกหมด แล้วค่อยไปหาข้าวกินชั้นล่าง หมดสภาพหิวสุดๆ
แนะนำสำหรับผู้เดินทางที่มาเป็นกลุ่มครอบครัว แต่ไม่แชร์น้ำหนัก สามารถทำ Self Bag Drop ได้แบบรายบุคคล ซึ่งน้ำหนักกระเป๋ารวมต้องไม่เกินที่สายการบินกำหนด แต่ถ้ามีกระเป๋า 1 ใบ ที่มีน้ำหนักเกิน ควรใช้วิธีแชร์ และต้องไปที่เคาน์เตอร์เช็คอินปกติเพื่อทำการโหลดแบบครอบครัว
ตอนปริ้นต์ Bag Tag ควรที่จะดูชื่อบนหางกระดาษด้วยว่า ตรงกับชิ้นที่ต้องการโหลดหรือไม่ บางคนชื่อเดียวแต่มีกระเป๋าโหลด 2 ใบ น้ำหนักรวมอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด แต่เอา Tag ไปติดกระเป๋าใบอื่น จาก 1+2 = 25 Kg กลายเป็นน้ำหนักเกิน 1+3 = 40 Kg อันนี้ต้องระวังด้วย ไม่งั้นจะโหลดไม่ผ่าน
ตอนติด Tag ก็แค่แกะปลายกระดาษด้านหนึ่ง ไปแปะไว้ตรงที่เขียนว่า Stick Here ลูบให้สติ๊กเกอร์เรียบ แล้วแกะสติ๊กเกอร์ตัวเลขตรงปลายหางเล็กๆ ติดที่กระเป๋าอีกทีด้วย ส่วนที่เหลือเก็บไว้เป็นหลักฐานเวลารับกระเป๋า เป่ามนต์คาถาขอให้กระเป๋าเดินทางอย่างสวัสดิภาพ ไม่เจ็บ ไม่ป่วย ไม่หนีไปเที่ยวที่อื่น แล้วค่อยยกกระเป๋าเข้าช่องสายพาน บะบาย...เจอกันที่ปลายทางเด้อ...