พฤศจิกายน 2559

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
อภิธรรมจักพึงเป็นปิฎกหนึ่ง หรือ


 ถ้าอภิธรรมจักพึงเป็นปิฎกหนึ่ง  และเป็นพระพุทธพจน์จริงแล้วไซร้  ไฉนในสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค  มหาปรินิพพานสูตร  เมื่อพระบรมศาสดาแสดงมหาปเทส  ๔  สำหรับให้พุทธบริษัทสอบสวนพระธรรมวินัยว่า   อันใดเป็นพุทธพจน์   อันใดมิใช่พุทธพจน์   ตรัสว่าให้สอบว่าเข้ากันได้กับพระสูตร  ลงกันได้กับพระวินัย เป็นใช้ได้ ว่านั่นคือพุทธพจน์  แต่ไม่เห็นมีว่าให้สอบเข้ากันได้กับอภิธรรมเลย  ดังพระพุทธพจน์ว่า  “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พึงกล่าวอย่างนี้ว่า ในอาวาสชื่อโน้น มีสงฆ์อยู่  พร้อมทั้งพระเถระ พร้อมทั้งหัวหน้า,  ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วต่อหน้าสงฆ์   ข้าพเจ้ารับมาแล้วต่อหน้าสงฆ์นั้นว่า  ‘นี้ธรรม นี้วินัย นี้คำสอนของพระศาสดา’  ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอไม่ควรรับรอง  ไม่ควรคัดค้านคำของภิกษุนั้น  พวกเธอมิได้รับรอง  มิได้คัดค้านแล้ว   พึงเรียนบทพยัญชนะนั้นให้ดี  แล้วสอบสวนในพระสูตร  เทียบเคียงในพระวินัย  ถ้าลงในพระสูตรไม่ได้ เทียบในพระวินัยไม่ได้   พึงสันนิษฐานอย่างนี้ว่า  ข้อนี้มิใช่คำของพระผู้มีพระภาคนั้นแน่นอน    เป็นคำของที่ภิกษุนี้จำมาผิด   ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย !  พวกเธอพึงทิ้งข้อนี้เสีย  ด้วยประการดังนี้   แต่ถ้าว่าสอบสวนลงได้ในพระสูตร  เทียบเคียงได้ในพระวินัย   ก็พึงสันนิษฐานในข้อนั้นว่า   นี้เป็นคำของพระผู้มีพระภาคนั้นแน่นอน   และภิกษุนี้จำมาได้ดีแล้ว——–”   ก็ถ้าอภิธรรมปิฎกพึงเป็นพระพุทธพจน์แล้ว  พระองค์จักพึงตรัสว่าให้สอบลงในพระสูตร  เข้ากันได้กับพระอภิธรรม  และเทียบกันได้กับพระวินัยเป็นแน่  ไฉนในมหาปเทสจึงมิได้ปรากฏอภิธรรมเลย



Create Date : 19 พฤศจิกายน 2559
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2559 18:33:35 น.
Counter : 121 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



New Comments
MY VIP Friends