Group Blog
|
นิกายในพระพุทธศาสนาอื่น ๆ จึงมีอภิธรรมปิฎกไม่เหมือนกัน ถ้าพระอภิธรรมพึงเป็นพุทธพจน์แล้ว ก็เหตุไร นิกายในพระพุทธศาสนาอื่น ๆ จึงมีอภิธรรมปิฎกไม่เหมือนกัน แม้แต่ชื่อคัมภีร์ก็เรียกไม่ตรงกัน นิกายในพระพุทธศาสนาในที่นี้ ข้าพเจ้าขอเว้นไม่กล่าวถึงอภิธรรมฝ่ายมหายาน เอาเพียงนิกายในเครือฝ่ายสาวกยานด้วยกันก็พอ คือ ในพุทธศตวรรษที่ ๑ ที่ ๓ สังฆมณฑลในอินเดียเกิดแตกนิกายออกถึง ๑๘ นิกาย และแต่ละนิกายยังมีกิ่งนิกายย่อยอีกมาก ซึ่งท่านผู้สนใจในด้านประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา จะหาอ่านรายละเอียดได้ในหนังสือประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาภาค ๑ ของข้าพเจ้า มีจำหน่าย ณ มหามกุฏราชวิทยาลัย ในจำนวน ๑๘ นิกายนั้น ปรากฏว่านิกายใหญ่ ๆ ที่มีอิทธิพล และมีอภิธรรมปิฎกของตนเองไม่ซ้ำกับของใคร ก็คือ นิกายเถรวาท, นิกายมหาสังฆิกะ, นิกายโคกุลิกะ, นิกายสรวาสติวาทิน, นิกายวัชชีบุตร. นิกายเถรวาทซึ่งนับถือภาษาบาลีเป็นภาษาถ่ายทอดพระพุทธวจนะ มีอภิธรรม ๗ ปกรณ์ คือ ก. ธรรมสังคณี ข. วิภังคะ ค. ธาตุถถา ง. ปุคคลบัญญัติ จ. ยมก ฉ. ปัฏฐานะ ช. กถาวัตถุ เป็นหนังสือพระไตรปิฎกฉะบับสยามรัฐ พิมพ์ครั้งแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๗ รวม ๑๒ เล่ม รายละเอียดของอภิธรรมบาลีมีอย่างไร ข้าพเจ้าไม่จำต้องพรรณนา เพราะท่านผู้ฟังที่สนใจ อาจจะศึกษาได้จากสำนักเรียนอภิธรรมหลายแห่ง เช่นที่พุทธสมาคมแห่งประเทศไทยเป็นต้น แต่ข้าพเจ้าจะนำหลักธรรมฝ่ายอภิธรรมของนิกายอื่น ซึ่งยังไม่เคยปรากฏแก่นักศึกษาอภิธรรมฝ่ายบาลีเลย มาแสดงไว้ ณ ที่นี้ เพื่อท่านจะได้อาศัยเทียบเคียงกันดู ในบรรดานิกายพระพุทธศาสนาเหล่านั้น มีอยู่ ๒ นิกาย ที่บูชานับถืออภิธรรมปิฎกเป็นชีวิตจิตต์ใจ ยิ่งกว่าปิฎกอื่น ๆ คือ ก. นิกายโคกุลิกะ ในตำนานสํสกฤตชื่อเภทธรรมมติจักรศาสตร์ และอรรถกถาแห่งคัมภีร์นั้น ชื่อ อี้ปู้จงหลุงหลุ่นซุกกี่ แต่งโดยพระคณาจารย์กุยกี เมื่อพุทธศตวรรษ์ที่ ๑๑ เล่าว่า นิกายนี้นับถืออภิธรรมปิฎกหนักหนา มีคติถือว่าพระพุทธพจน์ที่ลึกซึ้งมีอยู่ในอภิธรรมเท่านั้น ส่วนวินัยปิฎกและสุตตันตปิฎกเป็นเพียงอุบายธรรมซึ่งพระบรมศาสดาสอนสัตว์โดยลำดับเพื่อให้เข้าถึงอภิธรรม เพราะฉะนั้นภิกษุในนิกายนี้เลยดูหมิ่นพระวินัยและพระสูตร เห็นการปฏิบัติเคร่งครัดในวินัยเป็นเรื่องรุงรัง ข้อสำคัญให้แตกฉานเข้าถึงอภิธรรมเป็นใช้ได้ เห็นพระสูตรเป็นเรื่องหญ้าปากคอกไม่จำเป็นต้องรู้ คณาจารย์ผู้ให้กำเนิดนิกายโคกุลิกะว่าเป็นบุคคลในวรรณะพราหมณ์ ที่แยกเป็นนิกายออกมาก็เพราะประสงค์แต่จะแผ่อภิธรรมปิฎก ๆ เดียว ข้าพเจ้าขอเรียกนิกายนี้ว่า อภิธรรมสรณะนิกาย จะเหมาะสมอย่างยิ่ง และปรากฏว่าในเมืองไทยเรามีนักอภิธรรมบางท่าน มีความคิดเห็นคล้ายคลึงกับคติของนิกายนี้มาก คือเห็นอภิธรรมปิฎกวิเศษปิฎกเดียว ถึงกับกล่าวว่าถ้าผู้ใดไม่ได้เรียนรู้อภิธรรม เป็นไม่สามารถบัลลุมรรคผลนิพพานได้ ซึ่งข้าพเจ้าเห็นว่าท่านผู้มีความเห็นอย่างนี้ ควรสมัครเป็นลูกศิษย์นิกายโคกุลิกะจะเป็นกิ่งทองใบหยกงามสมพิลึก แต่น่าเสียใจที่ว่านิกายโคกุลิกะสาปสูญเลิกล้มไปแล้วช้านาน เห็นจะเป็นเพราะความเป็นอภิธรรมสรณะนิกายนี่เอง เลยถูกนิกายอื่น ๆ เขม่นเอา ฉะนั้นอภิธรรมปิฎกของนิกายโคกุลิกะมีลักษณะหลักธรรมฉันใด จึงไม่มีทางจะทราบได้ ข. นิกายสรวาสติสาทิน นิกายนี้นับถือยกย่องอภิธรรมปิฎกเป็นเลิศเหมือนกัน แต่ไม่รุนแรงอย่างนิกายโคกุลิกะ คือพร้อมกับการเผยแผ่อภิธรรมก็ได้รักษาวินัยเคร่งครัด และศึกษาเล่าเรียนพระสูตรกำกับกันไปด้วย นิกายสรวาสติวาทินจึงสามารถธำรงตัวอยู่ตลอดเวลากว่าพันปี และมีอิทธิพลแพร่หลายทั่วไปในอินเดีย, อาฟฆานิสตาน, เตอรกีสตาน แล้วเข้าไปรุ่งเรืองในประเทศจีนอยู่ระยะหนึ่ง นิกายสรฺวาสติวาทินต้องเลิกล้มสาปสูญไปพร้อมกับนิกายพระพุทธศาสนาอื่น ๆ ทั้งสาวกยานและมหายานในสมัยที่กองทัพอิสลามเข้ามารุกรานอินเดีย เพราะฉะนั้นคัมภีร์ต่าง ๆ ทั้งพระวินัย, พระสูตร, พระอภิธรรมของนิกายสรวาสติวาทินจึงยังมีเหลือยู่ทั้งในประเทศจีนและประเทศธิเบตแต่ได้แปลสู่ภาษาจีนแล้วในสมัยโบราณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอภิธรรมปิฎกของนิกายนี้ ได้มีแปลเป็นภาษาจีนโดยสมบูรณ์ทั้งปิฎก ซึ่งข้าพเจ้าได้อาศัยศึกษาจากฉะบับพากษ์จีนนี่เอง อภิธรรมปิฏกของนิกายสรวาทินได้ใช้ภาษาสํสกฤตแทนภาษาบาลี และบอกไว้ว่าเป็นรจนาของพระมหาสาวกที่มีชีวิตอยู่ครั้งพุทธกาล และหลังพุทธกาลหลายร้อยปี ก็ถ้าอภิธรรมปิฎกจะเป็นพุทธพจน์แล้ว นิกายเหล่านี้จะต้องเรียกชื่อตรงกัน และจะต้องเป็นคัมภีร์นับถือบูชาร่วมกัน นี่กลับเป็นว่าต่างนิกายต่างมีของตนไม่ซ้ำกัน ผิดกับสุตตันตปิฎกและวินัยปิฎก โดยเฉพาะคือวินัยปาฏิโมกข์ ต่างนิกายมีลักษณะตรงกัน จะผิดกันก็เรื่องปลีกย่อยเล็กน้อยและเป็นเรื่องไม่สำคัญ นี่ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า อภิธรรมปิฎกมิใช่พุทธพจน์ เพราะหากใช่แล้วต่างนิกายต้องรับรองนับถือเหมือนพระสูตรกับพระวินัย |
Link
|