ธันวาคม 2559

 
 
 
 
2
3
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
จิตที่เพลิน พร่ำถึง ดื่มด่ำ ในรูป


  จิตที่เพลิน พร่ำถึง ดื่มด่ำ ในรูป
จิตที่เพลิน พร่ำถึง ดื่มด่ำ ในวิญญาน
จิตที่เพลิน พร่ำถึง ดื่มด่ำ ในสัญญา
จิตที่เพลินพร่ำถึง ดื่มด่ำ ในสังขาร
จิตที่เพลินพร่ำถึง ดื่มด่ำ ในเวทนา
จิตจะเกิดอุปาทาน 
เกิด ภพ ชาติ ชรา มรณะ กองทุกข์
จิตที่เพลิน พร่ำถึง ดื่มด่ำ ในรูป
จิตที่เพลิน พร่ำถึง ดื่มด่ำ ในวิญญาน
จิตที่เพลิน พร่ำถึง ดื่มด่ำ ในสัญญา
จิตที่เพลินพร่ำถึง ดื่มด่ำ ในสังขาร
จิตที่เพลินพร่ำถึง ดื่มด่ำ ในเวทนา
จิตจะเกิดอุปาทาน 
เกิด ภพ ชาติ ชรา มรณะ กองทุกข์
จิตที่เพลิน พร่ำถึง ดื่มด่ำ ในรูป
จิตที่เพลิน พร่ำถึง ดื่มด่ำ ในวิญญาน
จิตที่เพลิน พร่ำถึง ดื่มด่ำ ในสัญญา
จิตที่เพลินพร่ำถึง ดื่มด่ำ ในสังขาร
จิตที่เพลินพร่ำถึง ดื่มด่ำ ในเวทนา
จิตจะเกิดอุปาทาน 
เกิด ภพ ชาติ ชรา มรณะ กองทุกข์

จิตไม่ที่เพลิน พร่ำถึง ดื่มด่ำ ในรูป
จิตไม่ที่เพลิน พร่ำถึง ดื่มด่ำ ในวิญญาน
จิตไม่ที่เพลิน พร่ำถึง ดื่มด่ำ ในสัญญา
จิตไม่ที่เพลินพร่ำถึง ดื่มด่ำ ในสังขาร
จิตไม่ที่เพลินพร่ำถึง ดื่มด่ำ ในเวทนา
จิตจะเกิดอุปาทาน ย่อมดับ
ภพ ชาติ ชรา มรณะ กองทุกข์ ย่อมดับหมดสิ้น



Create Date : 04 ธันวาคม 2559
Last Update : 4 ธันวาคม 2559 22:33:59 น.
Counter : 452 Pageviews.

2 comments
  
มรรค8 รู้หนทางแล้ว แต่ยังไม่รู้แจ้งแทงตลอด
นิโรธ ยังไม่ถึงพร้อมอริยมรรคสมังคีย์
โพฌชงค์ ไม่มีกำลังพอ ให้ถึงพร้อมโพธิปัฏขิยธรรม
จิตมีอารมณ์เป็ฌาณ สติปัฏฐาน4มีพร้อม
กายที่กาย เวทนาที่เวทนา จิตที่จิต ธรรมที่ธรรม
ถึงพร้อม เพราะอารมณ์ฌาณ สำรวม จิต ศีลเป็นอธิกศีล
กาย ขยับเคลื่อนไหวอย่างไรเห็นอยู่
เวทนาเกิด สังขารไม่ปรุงแต่ง ในสัญญา รู้อยู่
ความรู้สึก นี้ยังบริสุทธิ์ ไม่ได้ถูกสังขารไปปรุงแต่ง
จิตเกิดกิเลส เห็นอยู่ โกรธ โลภ หลง
ก็ดูรู้ว่า จิตไม่โกรธ ไม่โลภ ไม่หลง
ไม่ได้มีเจตนาไปคิดปรุงแต่ง ในสัญญา
ในวิญญารู้ก็ดูให้รู้ แล้ว วางลงไม่ไปยึดติด
โกรธมา โลภมา หลงมา เราก็ดู แต่ไม่มากระทบจิต
จิตไม่ดิ้นรน ไม่ร้อน ไม่กระสับกระส่าย
ไม่โหยหา ไม่อนาธร มันมาแล้วมันก็ไปเอง
ไม่รู้สึกว่า ถูกบังคับ ไม่รู้สึกว่าต้องสูญเสียอะไรเลย
ธรรมมารมณ์ ไม่ได้ไปปรุงแต่งอะไรเลย
มันจะมีก็เรื่องของมัน มันไม่เกิดก็เรื่องของมัน
ใจมันว่างๆ โล่งๆ เบาๆ สบายๆ ไม่กด ไม่ลำบาก
ไม่อึดอัด เวลาที่มานะผู้อื่นมากระทบ ไม่โต้แย้ง
ไม่ชื่นชม จิตเปิดเผย

สัมมัปปทาน4 ก็มี จิตที่เป็นกุศล
แต่ปัจจุบัน ดีจิตมันเฉย
ชั่วจิตก็เฉย ไม่ไปยึด มันไมมากระทบจิต
ไม่ไปปรุงแต่งว่าดีแบบไหน ชั่วแบบไหน
ความดี ความชั่วเป็นธรรมชาติ
ดี อยู่ที่ใจ ชั่วอยู่ที่ใจ แต่ใจไม่เห็นความดีความชั่ว มาเป็นอารมณ์
อิทธิบาท มีอยู่ แต่แรกที่เริ่มทำสมาธิ
มีฉันทะมาก มีวิริยะมาก มีใจจดจ่อมาก ชอบธรรมะมาก
อินทรีย์5 พละ5 ยังไม่สมดุลย์พร้อม สติ และ ปัญญายังอ่อนอยู่
กำลังยังไม่พอเพราะ มีห่วง ทำให้ขาดกำลัง ที่จะมุ่ง
โพชฌงค์ ได้มุ่งไปถึงอุเปกขาสัมโพชฌงค์
เห็นญาณ วิปัสสนาญาณ9 แต่กำลังไม่พอไม่กล้าไปต่อ เนื่องจากมีห่วง
จึงติดอยู่ตรงนี้ สังโยชน์ เลยไม่ดับ เป็นประสบการณ์ ที่พบมาไม่รู้ว่า
มีสิ่งไหนคลาดเคลื่อน แต่รู้ว่า อิทรีย์ กับพละ ไม่พร้อม
ถ้าท่านเห็นว่าควรแก้ไขได้โปรดชี้แนะ ขอบคุณ
โดย: มรรค8 รู้หนทางแล้ว (สมาชิกหมายเลข 3481473 ) วันที่: 16 ธันวาคม 2559 เวลา:22:01:19 น.
  
ไม่ได้เรียนอภิธรรม ไม่เคยเรียนภาษาบาลี ไม่ได้เรียนทางธรรม
ที่พูดได้ เขียนได้ ก็เรียนมาทางโลก แต่ปฏิบัติของจริง
จากพระท่านสอนมา เริ่มต้นให้ทำอานาปานสติกรรมฐาน
ดูลมหายใจเข้าออก ให้มีสติระลึกรู้ว่า ลมหายใจเข้า ยาวออกยาว
เข้าสั้นออกสั้น ให้รู้เป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติ
เป็นธรรมดาเป็นอย่างไร ทุกคนมีลมหายใจแต่ไม่มีสติรู้ลมหายใจ ว่าขณะนี้ตนมีลมหายใจยาว สั้นอย่างไร ต้องรู้ทุกขณะจิตที่มีอารมณ์ ว่าหายใจยาว สั้นมีอารมณ์เป็นอย่างไร
เห็นลมเป็นธรรมชาติเป็นอย่างไร สติรู้ลมหายใจที่เป็นธรรมชาติ ตนไม่เคยดูไม่เคยสยใจ
มัวแต่สนใจ กิเลส ตัณหา ราคะ ว่าวันนี้จะทำอะไรดี จะเที่ยวที่ไหนดี จะกินอะไรดี
สติไม่รู้ว่าธรรมชาติการหายใจของตนเองเป็นอย่างไร เวลาโกรธ ธรรมชาติของลมหายใจ จะแรงหยาบ เร็ว ธรรมชาติของการหายใจจะมีอยู่
การดูลมหายใจ ก็จะเป็นการดูกายที่กาย ในสติปํฏฐาน4
เห็นลมหายใจใน16ขั้นตอนได้ในขณะที่ หนึ่งรอบการหายใจ
จิตเป็นฌาณ เกิดญาณ ทั้งวันทุกอริยาบท เมื่อวิญญาณ รับรู้ผัสสะ ในสฬายตนะ
จิตมีกิเลส วิญญาณรับรู้เวทนา มีปัจจัยปรุงแต่งในธรรมารมณ์
ในชั่วขณะที่ลมหายใจ จิตจะเห็นธรรมะที่เกิดได้ชัดเจนแจ่มแจ้งทันที
เนื่องจากจิตเป็นฌาณเกิดญาณ ตลอด จืตเร็วกว่ากิเลสมาก
กิเลสเกิดปุบ จิตจับปับ เห็นกิเลส เห็นเวทนา เห็นธรรมารม์ทันที
จิตโกรธปุบ สติจับปับ เกิดเวทนา เกิดปรุงแต่ง ชอบไม่ชอบ รู้ ปับ
อุปาทานไม่มี เพราะจิตรู้ทันในความโกรธ ความโกรธดับ ตนไม่ไปยึกติดความโกรธ
เห็นว่าความโกรธไม่ใช่ตน
จิตเห็นความอยาก พอรู้ว่าจิตมีกาม สติรู้ปับ ความยึดติดในกามไม่มี เพราะจิตรู้ทันในกาม
ความอยากในสิ่งนั้นดับโดยที่ปัจจัยปรุงแต่ยังไม่ทันได้ปรุงแต่ง
ที่ว่ามาไม่ได้ว่าตามตำราว่ามาจากปัญญา จากญาณที่เห็นเป็นเช่นนี้
ธรรมะนี้ไม่ได้แต่งเป็นโวหาร ไม่ต้องการความสละสลวย ให้คนมาสรรเสริญ
พูดภาษาชาวบ้านชัดๆๆ ใครจะเข้าใจไม่เข้าใจเป็นเรื่องของ ขันธ์5
ที่ไม่มีตัวตน เป็นอนัตตา ไม่ใช่คน สัตว์ สิ่งของ(ขอยืมภาษาเขามาใช้เดี๋ยวหาว่าล้าสมัย)
จิตมีอิทธิบาท4 มีความอยากทำสมาธิ มีความเพียร ที่จะทำฌาณ
จิตมีสติเป็นสติปัฏฐาน4ๆๆ จะต้องรู้ในขณะที่จิตเป็นฌาณ มีวิปัสสนาญาณ
รู้นาม รูป เห็นนามรูป แยกจากกัน เห็นปัจจัยให้เกิดนามรูป เห็นไตรลักษณ์
จิตจะเป็นกุศลโดยแท้จริง เกิดสัมมัปปทาน4 จิตเกิดปัญญาในอินทรีย์5 พละ5
เกิดสัมโพชฌงค์ เห็นอริยมรรคสมังคีย์ เห็นได้ตามนี้ที่เห็นได้โดยโสฬสญาณ
เมื่อเห็นยังไม่รู้ไม่ได้คิดว่าเป็นอะไร รู้อย่างเดียวว่าอารมณ์ละเอียดมาก ไม่รู้ปริยัติ
ว่าอารมณ์ที่เกิด ในแต่ละฌาณในญาณที่มีอารมณ์เป็นอย่างไร ไม่รู้อภิธรรม
ไม่รู้ ไม่เคยอ่านพระไตรปิฏก รู้อย่างเดียวคือ อริยสัจจ์4 เพราะเรียนมาสมัยอยู่ชั้นป.4
เรียนพระพุทธศาสนา โรงเรียนวัดใกล้บ้าน ว่าทุกข์ ควรกำหนดรู้ สมุทัยควรละ
นิโรธ ควรทำให้แจ้ง มรรคควรทำให้เจริญ แล้วก็มรรคมี8ข้อ มีอะไรบ้าง
ทำข้อสอบตกตอบไม่ได้ แต่พอมาทำสมาธิได้ จิตเห็นธรรมเหล่านี้ชัดเจนแจ่มแจ้ง แทงตลอด
ที่รู้ว่าเป็นโพธิปัฏขิยธรรม ก็เพราะเกิดความสงสัย ในอารมณ์ฌาณ ในญาณที่เกิดในโสฬสญาณ
จึงได้ค้นหาตำรามาอ่านเปรียบเทียบอารมณ์ดูว่าขณะที่เห็นแบบนี้ เขาเรียกทางโลก หรือทางปริยัติ เขาสมมุติว่าอะไร จึงเข้าใจได้ว่าเป็นแบบนี้ที่พระพุทธเจ้าสอนเป็นจริง ไม่มีใครนำมาแต่งเอง โพธิปัฏขิยธรรม37ประการเป็นธรรมที่แท้จริง
โดย: ธรรมะที่แท้จริง (สมาชิกหมายเลข 3481473 ) วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา:14:56:27 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



New Comments
MY VIP Friends