:::ชำแหละทฤษฏี 2:::
3 มีนาคม 2553ถึง เจ้าอ้ายที่รักยิ่งชั้นก็นึกอยู่เหมือนกันว่านายจะต้องพูดประโยคนี้แหล่ะ "ไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่" ชั้นก็ฟังมาตลอดชีวิตเป็นครูภาษาอังกฤษ มันสะท้อนอะไรหลายๆอย่างนะแล้วนายเถียงไหมล่ะว่าทุกวันนี้มันสำคัญกับนาย สำคัญกับสังคมของนาย นายรับได้ไหมหากต้องเป็นคนแถวหลัง นายอยู่อย่างเป็นสุขไหมเล่าเมื่อลูกศิษย์นายไม่เป็นหนึ่งในสิบต่อให้นายดิ้นตายไปต่อหน้า ชั้นก็ไม่เชื่อว่า ไม่อยากได้ ไม่อยากมี ไม่อยากเป็น ยิ่งมองเห็นเพื่อนรุ่นเดียวกันก้าวกระโดด คร้านจะเต้นเป็นเจ้าเข้า เจ้าอ้ายเอ๋ย ความเป็น"ครูภาษาอังกฤษ" มันพล่านมาตั้งแต่วันที่นายปลงใจที่จะเลือกเรียนภาษาอังกฤษเป็นวิชาเอก ฉันเห็นเด็กๆมัธยมรุ่นๆกระต้อมห้อมหอครูอังกฤษและมองเห็นครูเป็นฮีโร่ นายเองก็เหมือนกัน ฉันรู้ว่าเด็กๆรักนาย ยังแอบปลื้มแทน ในส่วนที่ด้อยไปบ้างก็เป็นธรรมดา จะให้ทุกคนเท่ากันหมดได้ไง เรื่องปัญหาทางบ้านมันก็มีเหมือนๆกันทั่วระแหงในประเทศไทย นายก็ทำงานตรงหน้านายให้ดีที่สุดก็น่าจะหรูแล้ว นายจะบ่นทำไม พ่อแม่ก็มีส่วนสำคัญในการปลูกฝังเจตคติ เค้าก็มีสิทธิที่จะรักษาผลประโยชน์ของบุตรหลาน มันเป็นการลงทุนนะเว้ย..สำหรับชั้นทุกวันนี้ก็ยังต้องเปิดตำราอยู่ "วิธีสอนภาษาอังกฤษสำหรับผู้เริ่มเรียน" และถลกหนังเสือกับประโยค "ไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่" อย่างเดียวกับนายแต่ดีหน่อยที่ฉันไม่ได้ขี่หลังเสืออย่างนาย เจ้าอ้าย ก็ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากล ซึ่งมีผู้ใช้กันมากในการติดต่อกับคนต่างชาติ แม้จะมีอีกสารพันภาษาทะลักเข้ามาในวันนี้ แต่เราก็ต้องจับวิชาภาษาอังกฤษไว้ทั้งสองมือถึงวันข้างหน้าคนไทยจะต้องมีการติดต่อกับคนในประเทศเพื่อนบ้านอีกสักกี่ประเทศทำการธุรกิจกับชาติใดใด ก็ยังต้องเป็นภาษาอังกฤษการสื่อความหมายทั้งในการพูด และ / หรือการเขียน ก็จำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษ หรือนายก็คิดจะให้ชาติไทยเป็นชาตินานาภาษากับเค้าด้วย ญี่ปุ่นที่ชื่นชมนักหนาว่ามันชาตินิยม เดี๋ยวนี้มันก็เรียนรู้ภาษาสากลอย่างภาษาอังกฤษ การสอนทักษะในวิชาภาษาอังกฤษ ที่นายว่ามันผกผันน่ะ มันก็แน่นอนอยู่แล้ว พื้นฐานเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่าว่าแต่มาจากคนละสถาบันเลย มันเรียนจากครูคนเดียวกันมันยังรับได้ไม่เท่ากัน แต่นายจะยึดเอาหลักการของนายเองก็ได้ ทักษะคือความสามารถที่จะกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งด้วยความชำนาญ คล่องแคล่วว่องไว โดยที่ผู้ปฏิบัติไม่ต้องเสียเวลาคิดหรือเตรียมตัว พวกขับขี่จักรยานหรือว่ายน้ำ ผู้ที่ขับขี่จักรยานและว่ายน้ำเป็น จะไม่คิดเลยว่าก่อนที่จะขึ้นจักรยาน ว่ายน้ำนั้นจะต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง ในการพูดภาษาไทยซึ่งเป็นภาษาของเราเองนั้น เราก็ไม่เคยคิดว่า ในประโยคหนึ่ง ๆ ที่เราต้องการพูด คำใดจะต้องมาก่อน คำใดจะต้องมาหลัง การขับขี่จักรยาน การว่ายน้ำ และการพูดภาษาไทยเท่าที่ร่ายมานี้ล้วนแต่เป็นทักษะของผู้ปฏิบัติทั้งสิ้น ผู้ที่จะมีทักษะได้นั้นจะต้องได้รับการฝึกหัดหรือปฏิบัติบ่อย ๆ นานเข้าก็เกิดความคล่องแคล่วและเคยชินในสิ่งนั้น ๆ จนในที่สุดก็สามารถปฏิบัติได้โดยอัตโนมัตินายก็รู้วิชาภาษาอังกฤษเป็นวิชาประเภททักษะ ผู้เรียนก็จะต้องฝึกทักษะในการใช้เครื่องมือซึ่งปรากฏเป็น 2 ลักษณะ คือในลักษณะคำพูด และในลักษณะตัวอักษร เมื่อใช้คำพูดเป็นเครื่องมือสื่อความหมาย ผู้ที่จะติดต่อกันก็จะต้องใช้การพูดและการฟังเป็นเครื่องสำคัญ ถ้าใช้ตัวอักษรเป็นสื่อผู้ที่จะติดต่อกันก็จะต้องรู้จักและเข้าใจตัวอักษรนั้นคือ จะต้องอ่านออกและเข้าใจความหมายและจะต้องสามารถถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดของตนออกเป็นตัวอักษรให้ผู้ที่ตนติดต่อนั้นเข้าใจด้วยจากเครื่องมือ 2 ลักษณะเท่าที่กล่าวมานี้จะเห็นได้ว่า ผู้เรียนจะต้องมีการฝึกทักษะ 4 อย่างให้สัมพันธ์กันทักษะในการฟัง พูด อ่าน และเขียน ชั้นให้ความสำคัญเท่ากันแต่เน้นเรื่องการอ่าน เพราะพื้นฐานจริงๆแล้วเด็กมันต้องรักการอ่านเพื่อเลี้ยงตัวมันให้รอดในวันข้างหน้า ถ้ามันไม่สนใจอ่านสักอย่างเดียวมันก็เหมือนคนตาบอดเลยนายทักษะในการเรียนภาษาสำหรับชั้น ชั้นเล่นตามขั้นตอนเพื่อไม่ให้งงเอง (ก็คนวัยนี้) เริ่มแรกชั้นจะฝึกทักษะในการฟังและพูดเสียก่อน เมื่อนักเรียนแม่นแล้วจึงฝึกทักษะอ่านและเขียน เพื่อจะให้เป็นไปตามธรรมชาติของการเรียนภาษาของมนุษย์ อย่างที่เป็นการเรียนภาษาโดยกำเนิดของเด็กจะเห็นว่า ก่อนที่เด็กจะพูดนั้น เด็กได้ยินผู้ที่อยู่ใกล้ชิดพูด ในขั้นแรกเด็กจับความหมายไม่ได้เมื่อได้ยินซ้ำ ๆ เข้าพร้อมกับได้เห็นอาการกิริยาต่าง ๆ ก็เกิดความเข้าใจความหมาย และเริ่มเลียนเสียงด้วยคำสั้น ๆ ง่าย ๆ ก่อน ต่อมาจึงพูดคำยาว ๆ และยากขึ้นตามลำดับ เด็กเริ่มหัดอ่านและเขียนเวลาเข้าโรงเรียน เพราะงั้นจึงมั่นใจได้ว่าธรรมชาติแห่งการเรียนภาษานั้นต้องเริ่มจากฟังแล้วจึงพูด เมื่อพูดได้แล้วจึงอ่านและเขียน วิธีการเรียนภาษาอังกฤษก็ควรจะเป็นทำนองเดียวกันกับการเรียนภาษากำเนิดก็ภาษาพ่อภาษาแม่ ที่นายว่านั่นแหละ คือเรียนตามลำดับขั้นของการสอนทักษะทั้ง 4 ในการสอนคำและรูปประโยคภาษาอังกฤษจะต้องเริ่มด้วยการให้นักเรียนได้ฝึกฟังให้ได้ยินและเข้าใจความหมายให้ถูกต้องเสียก่อนแล้วจึงให้พูด เมื่อพูดได้ถูกต้องแล้วจึงอ่านและเขียน ในการสอนทักษะทั้ง 4 นี้ จะต้องให้สัมพันธ์กันไปตลอดเวลา จะแยกเป็นประโยคและคำศัพท์พวกหนึ่งไว้สอนและพูด และอีกพวกหนึ่งไว้สอนอ่านและเขียนไม่ได้ มันไม่เป็นธรรมชาติ หรือนายไม่เห็นด้วยการสอนประโยคของชั้นก็เริ่มต้นตั้งแต่ให้ฝึกฟังแล้วให้ฝึกพูดและฝึกอ่านเขียน แต่ที่ปวดกระโหลกมากตอนนี้ก็คือเวลาที่เด็กอยู่กับเรามันน้อยลง ถ้าไม่เตรียมรับสถานการณ์นี้ไว้ ที่สอนๆมาตั้งปีไม่ได้ผลหรอกนายเอ๋ย กว่าจะมาปัดฝุ่นอีกทีไอ้ที่มันเรียนแบบจับยัดไว้มันก็ลืมหมดแล้วตอนนี้ชั้นก็พยายามทำบทเรียนให้จบให้ได้ในแต่ละพีเรียดกับทำยังไงก็ได้ให้เด็กรักการเรียนรู้ด้วยตัวเอง มีชิ้นงานมาอวดกันเพื่อการประเมินตัวชี้วัดประจำวันอย่าเครียดกับผลที่คาดหวังมาก บางวันชั้นก็แอบพูดในใจเหมือนนาย "ภาษาพ่อแม่มันยังเอาดีไม่ได้" เซ็ง..เรยย.. คิดถึงนายวันละหลายมื้อเจ้าเอื้อยเพลงประกอบ: QUANDO QUANDO