ลมหายใจของใบไม้
Group Blog
 
 
มีนาคม 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
4 มีนาคม 2553
 
All Blogs
 

:::ชำแหละทฤษฏี 2:::



3 มีนาคม 2553
ถึง เจ้าอ้ายที่รักยิ่ง

ชั้นก็นึกอยู่เหมือนกันว่านายจะต้องพูดประโยคนี้แหล่ะ "ไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่" ชั้นก็ฟังมาตลอดชีวิตเป็นครูภาษาอังกฤษ มันสะท้อนอะไรหลายๆอย่างนะ

แล้วนายเถียงไหมล่ะว่าทุกวันนี้มันสำคัญกับนาย สำคัญกับสังคมของนาย นายรับได้ไหมหากต้องเป็นคนแถวหลัง นายอยู่อย่างเป็นสุขไหมเล่าเมื่อลูกศิษย์นายไม่เป็นหนึ่งในสิบ

ต่อให้นายดิ้นตายไปต่อหน้า ชั้นก็ไม่เชื่อว่า ไม่อยากได้ ไม่อยากมี ไม่อยากเป็น ยิ่งมองเห็นเพื่อนรุ่นเดียวกันก้าวกระโดด คร้านจะเต้นเป็นเจ้าเข้า

เจ้าอ้ายเอ๋ย ความเป็น"ครูภาษาอังกฤษ" มันพล่านมาตั้งแต่วันที่นายปลงใจที่จะเลือกเรียนภาษาอังกฤษเป็นวิชาเอก ฉันเห็นเด็กๆมัธยมรุ่นๆกระต้อมห้อมหอครูอังกฤษและมองเห็นครูเป็นฮีโร่ นายเองก็เหมือนกัน ฉันรู้ว่าเด็กๆรักนาย ยังแอบปลื้มแทน

ในส่วนที่ด้อยไปบ้างก็เป็นธรรมดา จะให้ทุกคนเท่ากันหมดได้ไง เรื่องปัญหาทางบ้านมันก็มีเหมือนๆกันทั่วระแหงในประเทศไทย นายก็ทำงานตรงหน้านายให้ดีที่สุดก็น่าจะหรูแล้ว นายจะบ่นทำไม

พ่อแม่ก็มีส่วนสำคัญในการปลูกฝังเจตคติ เค้าก็มีสิทธิที่จะรักษาผลประโยชน์ของบุตรหลาน มันเป็นการลงทุนนะเว้ย..

สำหรับชั้นทุกวันนี้ก็ยังต้องเปิดตำราอยู่ "วิธีสอนภาษาอังกฤษสำหรับผู้เริ่มเรียน" และถลกหนังเสือกับประโยค "ไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่" อย่างเดียวกับนายแต่ดีหน่อยที่ฉันไม่ได้ขี่หลังเสืออย่างนาย

เจ้าอ้าย ก็ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากล ซึ่งมีผู้ใช้กันมากในการติดต่อกับคนต่างชาติ แม้จะมีอีกสารพันภาษาทะลักเข้ามาในวันนี้ แต่เราก็ต้องจับวิชาภาษาอังกฤษไว้ทั้งสองมือ

ถึงวันข้างหน้าคนไทยจะต้องมีการติดต่อกับคนในประเทศเพื่อนบ้านอีกสักกี่ประเทศทำการธุรกิจกับชาติใดใด ก็ยังต้องเป็นภาษาอังกฤษการสื่อความหมายทั้งในการพูด และ / หรือการเขียน ก็จำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษ หรือนายก็คิดจะให้ชาติไทยเป็นชาตินานาภาษากับเค้าด้วย ญี่ปุ่นที่ชื่นชมนักหนาว่ามันชาตินิยม เดี๋ยวนี้มันก็เรียนรู้ภาษาสากลอย่างภาษาอังกฤษ

การสอนทักษะในวิชาภาษาอังกฤษ ที่นายว่ามันผกผันน่ะ มันก็แน่นอน
อยู่แล้ว พื้นฐานเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่าว่าแต่มาจากคนละสถาบันเลย มันเรียนจากครูคนเดียวกันมันยังรับได้ไม่เท่ากัน แต่นายจะยึดเอาหลักการของนายเองก็ได้

ทักษะคือความสามารถที่จะกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งด้วยความชำนาญ คล่องแคล่วว่องไว โดยที่ผู้ปฏิบัติไม่ต้องเสียเวลาคิดหรือเตรียมตัว พวกขับขี่จักรยานหรือว่ายน้ำ ผู้ที่ขับขี่จักรยานและว่ายน้ำเป็น จะไม่คิดเลยว่าก่อนที่จะขึ้นจักรยาน ว่ายน้ำนั้นจะต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง ในการพูดภาษาไทยซึ่งเป็นภาษาของเราเองนั้น เราก็ไม่เคยคิดว่า ในประโยคหนึ่ง ๆ ที่เราต้องการพูด คำใดจะต้องมาก่อน คำใดจะต้องมาหลัง การขับขี่จักรยาน การว่ายน้ำ และการพูดภาษาไทยเท่าที่ร่ายมานี้ล้วนแต่เป็นทักษะของผู้ปฏิบัติทั้งสิ้น ผู้ที่จะมีทักษะได้นั้นจะต้องได้รับการฝึกหัดหรือปฏิบัติบ่อย ๆ นานเข้าก็เกิดความคล่องแคล่วและเคยชินในสิ่งนั้น ๆ จนในที่สุดก็สามารถปฏิบัติได้โดยอัตโนมัติ

นายก็รู้วิชาภาษาอังกฤษเป็นวิชาประเภททักษะ ผู้เรียนก็จะต้องฝึกทักษะในการใช้เครื่องมือซึ่งปรากฏเป็น 2 ลักษณะ คือในลักษณะคำพูด และในลักษณะตัวอักษร เมื่อใช้คำพูดเป็นเครื่องมือสื่อความหมาย ผู้ที่จะติดต่อกันก็จะต้องใช้การพูดและการฟังเป็นเครื่องสำคัญ ถ้าใช้ตัวอักษรเป็นสื่อผู้ที่จะติดต่อกันก็จะต้องรู้จักและเข้าใจตัวอักษรนั้นคือ จะต้องอ่านออกและเข้าใจความหมายและจะต้องสามารถถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดของตนออกเป็นตัวอักษรให้ผู้ที่ตนติดต่อนั้นเข้าใจด้วยจากเครื่องมือ 2 ลักษณะเท่าที่กล่าวมานี้จะเห็นได้ว่า ผู้เรียนจะต้องมีการฝึกทักษะ 4 อย่างให้สัมพันธ์กัน

ทักษะในการฟัง พูด อ่าน และเขียน ชั้นให้ความสำคัญเท่ากันแต่เน้นเรื่องการอ่าน เพราะพื้นฐานจริงๆแล้วเด็กมันต้องรักการอ่านเพื่อเลี้ยงตัวมันให้รอดในวันข้างหน้า ถ้ามันไม่สนใจอ่านสักอย่างเดียวมันก็เหมือนคนตาบอดเลยนาย

ทักษะในการเรียนภาษาสำหรับชั้น ชั้นเล่นตามขั้นตอนเพื่อไม่ให้งงเอง (ก็คนวัยนี้) เริ่มแรกชั้นจะฝึกทักษะในการฟังและพูดเสียก่อน เมื่อนักเรียนแม่นแล้วจึงฝึกทักษะอ่านและเขียน เพื่อจะให้เป็นไปตามธรรมชาติของการเรียนภาษาของมนุษย์ อย่างที่เป็นการเรียนภาษาโดยกำเนิดของเด็กจะเห็นว่า ก่อนที่เด็กจะพูดนั้น เด็กได้ยินผู้ที่อยู่ใกล้ชิดพูด ในขั้นแรกเด็กจับความหมายไม่ได้เมื่อได้ยินซ้ำ ๆ เข้าพร้อมกับได้เห็นอาการกิริยาต่าง ๆ ก็เกิดความเข้าใจความหมาย และเริ่มเลียนเสียงด้วยคำสั้น ๆ ง่าย ๆ ก่อน ต่อมาจึงพูดคำยาว ๆ และยากขึ้นตามลำดับ

เด็กเริ่มหัดอ่านและเขียนเวลาเข้าโรงเรียน เพราะงั้นจึงมั่นใจได้ว่าธรรมชาติแห่งการเรียนภาษานั้นต้องเริ่มจากฟังแล้วจึงพูด เมื่อพูดได้แล้วจึงอ่านและเขียน วิธีการเรียนภาษาอังกฤษก็ควรจะเป็นทำนองเดียวกันกับการเรียนภาษากำเนิดก็ภาษาพ่อภาษาแม่ ที่นายว่านั่นแหละ คือเรียนตามลำดับขั้นของการสอนทักษะทั้ง 4

ในการสอนคำและรูปประโยคภาษาอังกฤษจะต้องเริ่มด้วยการให้นักเรียนได้ฝึกฟังให้ได้ยินและเข้าใจความหมายให้ถูกต้องเสียก่อนแล้วจึงให้พูด เมื่อพูดได้ถูกต้องแล้วจึงอ่านและเขียน ในการสอนทักษะทั้ง 4 นี้ จะต้องให้สัมพันธ์กันไปตลอดเวลา จะแยกเป็นประโยคและคำศัพท์พวกหนึ่งไว้สอนและพูด และอีกพวกหนึ่งไว้สอนอ่านและเขียนไม่ได้ มันไม่เป็นธรรมชาติ หรือนายไม่เห็นด้วย

การสอนประโยคของชั้นก็เริ่มต้นตั้งแต่ให้ฝึกฟังแล้วให้ฝึกพูดและฝึกอ่านเขียน แต่ที่ปวดกระโหลกมากตอนนี้ก็คือเวลาที่เด็กอยู่กับเรามันน้อยลง ถ้าไม่เตรียมรับสถานการณ์นี้ไว้ ที่สอนๆมาตั้งปีไม่ได้ผลหรอกนายเอ๋ย กว่าจะมาปัดฝุ่นอีกทีไอ้ที่มันเรียนแบบจับยัดไว้มันก็ลืมหมดแล้ว

ตอนนี้ชั้นก็พยายามทำบทเรียนให้จบให้ได้ในแต่ละพีเรียดกับทำยังไงก็ได้ให้เด็กรักการเรียนรู้ด้วยตัวเอง มีชิ้นงานมาอวดกันเพื่อการประเมินตัวชี้วัดประจำวันอย่าเครียดกับผลที่คาดหวังมาก บางวันชั้นก็แอบพูดในใจเหมือนนาย "ภาษาพ่อแม่มันยังเอาดีไม่ได้" เซ็ง..เรยย..


คิดถึงนายวันละหลายมื้อ
เจ้าเอื้อย



เพลงประกอบ: QUANDO QUANDO





 

Create Date : 04 มีนาคม 2553
0 comments
Last Update : 25 กรกฎาคม 2553 6:14:29 น.
Counter : 547 Pageviews.


Peakroong
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]





"หากต้องตัดสินใครสักคน

เริ่มจาก "ทำไม"คงจะดีกว่า"อย่างไร"

เพราะสิ่งที่มองเห็นไม่แน่ว่ามีอยู่จริง

สิ่งที่มองไม่เห็นใช่ว่าไม่มี

สิ่งที่คิดว่าใช่อาจไม่ใช่

สิ่งที่ไม่คิดว่าใช่สำหรับคุณ

มันอาจใช่เลยสำหรับใครอีกคน"


"
๐ ให้ลมหายใจของใบไม้เป็นบันทึกคนกล่อง
คำเขียนของคนล้มลุกคลุกคลาน
แต่ยังมีลมหายใจเป็นของตัวเอง
แม้ไม่ใช่ทุกอย่างที่มีหากเป็นทุกอย่างที่เป็น
เก็บความว่างเปล่าไว้เติมเต็ม..

๐ ขอบคุณตัวละครทุกตัว
ทั้งที่มีอยู่จริงและที่ไม่มีตัวตน
ขอบคุณวันเวลา-ครูบา-อาจารย์
ที่สอนให้เก็บเกี่ยว ฝึกให้คิด สอนให้เขียน

๐ ขอบคุณเพื่อนเพื่อนชาวไซเบอร์
ที่กรุยทางให้สร้างสรรรค์บล็อคได้เท่าใจ
ขอบคุณทุกภาพงดงามจากบล็อกน้องญามี่ขอบคุณ https://www.thaipoem.com
ที่ให้เพลงประกอบเป็นอมตะนิรันดร์กาล

๐ ขอบคุณความเป็นเธอ..
ที่ส่งผ่านการ"ให้"มาเสมอฝัน
ขอบคุณความเป็นฉัน..
คนเกี่ยวประสบการณ์ระหว่างวันมาถักทอ


'ปีฆรุ้ง
27 มกราคม 2553


Friends' blogs
[Add Peakroong's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.