P a n g e a t a r o u n d
|
||||
ชัมบาลา ดินแดนที่ขอบฟ้าไม่ปรากฏ: Tibet Trip * ตอนที่ 3 เที่ยวลาซา ในที่สุดรถไฟก็ถึงสถานีลาซาอย่างปลอดภัย สถานีลาซากว้างโปร่งตา รู้สึกมึนหัวเล็กน้อยเพราะที่นี่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 3,490 เมตร เดินออกมาจากสถานีมีเจ้าหน้าที่เรียกตรวจเอกสาร ก้อยเดินเข้าไปยื่นเอกสาร สักครู่ก็ออกมาเราเดินออกไปที่ถนน มีไกด์หลายคนมายืนรอลูกค้าไกด์ของเราเป็นหนุ่มวัยรุ่นใส่เสื้อแจ็คเก็ตยีนส์ สวมหมวก นั่งรออยู่ 16:00น. อาคารแถบนี้มีรูปร่างแบบทิเบตล้วนใกล้โรงแรมเป็นย่านชุมชนอิสลาม น้องไกด์พาเราเดินเล่นรอบเมืองผ่านวัดโจคัง ซึ่งพรุ่งนี้เราจะได้เข้าไปชาวทิเบตจำนวนมากพากันเดินจงกรมไปตามถนนแปดเหลี่ยมรอบวัดมือถือกงล้อศักดิ์สิทธิ์และลูกประคำ ปากก็ภาวนาบทสวดมนต์ตลอดการเดินบ้างก็ก้มกราบอยู่หน้าวัด การกราบแบบชาวทิเบตคือการกราบแบบพุทธวัชรยาน เรียกว่า"อัษฎางคประดิษฐ์" ซึ่งเป็นการแสดงความเคารพด้วยวิธีนอนพังพาบเหยียดมือเท้า ออกไปจนสุด ให้อวัยวะทั้ง 8 ตำแหน่ง คือ หน้าผาก ฝ่ามือทั้ง 2 หน้าอก เข่าทั้ง 2 และปลายเท้าทั้ง 2 จรดพื้น เป็นการสักการะอย่างสูงสุดต่อพระรัตนตรัย ถนนมีเสาผูกธงมนต์และมีเตาเผาไม้อะไรสักอย่างกลิ่นคล้ายกำยานคลุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ น้องไกด์พาเราแวะที่ Spin Café เอเจนซี่ที่จัดโปรแกรมทัวร์ให้เราเพื่อจ่ายเงินค่าทัวร์ที่เหลือ 18:00น. เย็นนี้เรามากินอาหารกันที่Lhasa Kitchen ร้านอาหารที่น้องไกด์แนะนำร้านนี้ดังมากในหนังสือท่องเที่ยว ร้านอาหารค่อนข้างใหญ่ ชาวต่างชาติเพียบอาหารรสชาติอร่อยและไม่แพง แก๊งค์เนปาลเก่าร่ำร้องขออาหารเนปาลมากินให้หายคิดถึง เกือบสองทุ่มแล้วตอนที่เราเดินกลับมาที่พักฟ้ายังไม่มืดเลย เมืองทิเบตในสายตาเราคืนนี้เหมือนเมืองชนบทในนิทานฝรั่งอากาศเย็นเยียบ ผู้คนนุ่งห่มด้วยผ้าผืนยาวสีทึม เมืองเล็กๆ ที่มีภูเขาสูงล้อมรอบท้องฟ้าเป็นสีเทาด้วยเมฆยามค่ำและหมอกควันจากกำยาน คนทิเบตยังคงเดินจงกรมสวดมนต์ภาวนารอบวัดเหมือนเดิม จนฉันเริ่มสงสัยว่าเค้าจะเดินจนถึงกี่โมงกันแต่เราเริ่มเดินไม่ไหว เข้าที่พัก นอน 7 May 2014 โปรแกรมวันนี้เริ่มที่วัดโจคังหรือวัดต้าเจ้าซื่อวัดที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของนครลาซา เช้านี้ก็ยังคงเหมือนเดิมกับเมื่อวาน มวลมหาประชาชนชาวทิเบตยังคงมาเดินจงกรมบริเวณถนนแปดเหลี่ยมรอบวัดโจคัง เหมือนเดินมาทั้งคืนความพลุกพล่านของนักท่องเที่ยวและพ่อค้าแม่ขายที่ขายของ บริเวณรอบวัดไม่ได้ทำให้ความศรัทธาของชาวทิเบตลดลงไปเลยคนทิเบตช่างมีความศรัทธาต่อศาสนาอย่างน่าทึ่ง น้องไกด์พาเราเดินแทรกตัวเข้าไปปะปนกับคนทิเบตที่มาทำบุญในวัดภายในวัดค่อนข้างมืดทึบและเต็ม ไปด้วยกลิ่นควันจากการจุดบูชาและน้ำมันเนยในวัดแบ่งเป็นห้องเล็กๆ หลายห้องและมีหลายชั้นแต่ละห้องมีเทพเจ้าและพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่ ชาวทิเบตจะถือผ้าผืนเล็กๆลูกประคำและตะเกียงน้ำมันเดินเข้าไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในแต่ละห้อง จนครบคนมาวัดเยอะมากจนต้องต่อแถวยาวเพื่อที่จะเข้าแต่ละห้อง
น้องไกด์พาเราเดินเข้าออกตามห้องต่างๆอธิบายประวัติศาสตร์ความเป็นมาเป็นไปของประเทศทิเบต และศาสนาพุทธในทิเบตจนครบเกือบทุกห้อง ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างก็พยักหน้าเออออไปอย่าให้น้องเค้าเสียน้ำใจตามประสาพี่ไทยเรา
เสร็จจากวัดโจคังน้องไกด์พาเราเดินตัดถนนเข้าสู่ตัวเมืองอีกด้านเมืองด้านนี้มีรูปแบบเป็นเมืองทันสมัยเหมือนเมืองใหญ่ๆ ทั่วไป มีตึกรามอาคารต่างๆร้านรวง ซูเปอร์มาร์เก็ต รถราวิ่งขวักไขว่ เราเดินลงอุโมงค์ใต้ดิน ข้ามมาอีกฝั่งของถนน โผล่ขึ้นมาอีกทีก็อยู่หน้าพระราชวังโปตาลา เมื่อวานเราตกลงกันว่าจะไม่เข้าไปบ้างในเพราะค่าเข้าชมพระราชวังขึ้นราคาจาก 100 เป็น 200 หยวน เท่ากับประมาณ 1,000 บาท ไทยและที่น่าเจ็บใจคือมันเพิ่งขึ้นเมื่อวันที่ 1 พ.ค ก่อนหน้าที่เรามาไม่กี่วันเจ็บ...
พระราชวังโปตาลาดูสวยสง่างามและยิ่งใหญ่อลังการสมกับที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นไข่มุกแห่งหลังคาโลก พระราชวังโปตาลาถือว่าเป็นเพชรน้ำหนึ่งแห่งศิลปะสถาปัตยกรรมทิเบตจนได้รับการจัดให้เป็นมรดกโลกประเภทวัฒนธรรม ภาพพระราชวังสีขาวมหึมาตัดกับสีฟ้าจัดของท้องฟ้าในกล้องเราวันนั้นสวยไม่รู้ลืม
เมื่อไม่ได้เข้าชมข้างในพระราชวังเราก็เดินอยู่รอบนอกวัดยังมีผู้คนเดินสวดมนต์ภาวนาพร้อมหมุนกงล้อ ไปด้วยอยู่ตลอดทางรอบวัดมีทะเลสาบและสวนสาธารณะให้นั่งเล่นพักผ่อน ได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว ออยกับก้อยพยายามหาร้านHotpot ของจีนกินมาตั้งแต่เมื่อวานวันนี้เลยลองถามน้องไกด์ดู น้องไกด์บอกว่า ไอไม่รู้จักร้านอาหารจีนถ้าอยากกินร้านจีนก็ต้องไปถามไกด์จีน โอ้! น้องแรงเริ่มจับพลังได้ว่าหนุ่มชาวทิเบตผู้นี้คงเกลียดจีนไม่น้อยเลยทีเดียวคนทิเบตแท้ส่วนใหญ่ไม่ชอบคนจีน คงเป็นปกติของประเทศที่โดนยึดอำนาจย่อมเกลียดผู้รุกรานเป็นธรรมดา เรากล่าวขอโทษพร้อมสงบปากสงบคำ สุดท้ายน้องพามากินอาหารตามสั่งในร้านทิเบตแถวนั้น ตราบใดที่อยู่กับน้องเราจะไม่ได้กินอาหารจีนสินะ วันนี้หมดโปรแกรมเที่ยวเพียงเท่านี้น้องไกด์ลาจากเราพร้อมกำชับว่าคืนนี้ให้หลับพักผ่อนให้เต็มที่ เพราะพรุ่งนี้ต้องนั่งรถนานและต้องเปลี่ยนที่นอน เรารับคำและเดินช้อปปิ้งถ่ายรูปเล่นรอบเมืองต่อจนเริ่มเย็นย่ำ (ช่างเชื่อฟังน้องไกด์)เหล่าสมาชิกยังคงมีความพยายามในการหาร้าน Hotpot สำหรับมื้อเย็น เดินหาอยู่นานสองนาน ก็มาจบที่ร้านไก่ทอดDicos ลักษณะเหมือนแฝดผู้น้องของร้าน KFC บ้านเรา มันเหมือน Hotpot ตรงไหนเนอะเรากินไก่ไม่หมด แป้งเดินหอบถังใส่ไก่ที่เหลือกลับที่พักมองดูเหมือนนักท่องเที่ยวผู้หิวโหย
พรุ่งนี้เราจะออกเที่ยวนอกลาซากันแล้ว ไปดูทะเลสาบ yam drok กันคะ ตัวหนังสือเล็กไปหน่อยแป้ง
โดย: thekopliver วันที่: 3 มิถุนายน 2557 เวลา:17:29:11 น.
|
Pangeataround
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?] P a n g e a t a r o u n d FB: Pangeataround IG: Pangeataround
Group Blog
All Blog
Link |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |