ะลาแบบน้อยวันแต่ไปเที่ยวยาวก็มีอยู่แค่ 2 ช่วงคะช่วงเมษา กับ พฤษภา คม

เครื่อง ออก 17.30 เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้เจอกันพร้อมหน้าพร้อมตาแก๊งสเมิฟกำลังจะบุกเนปาลข้อดีของการมากับสายการบินเนปาล คือ ไม่ต้องต่อแถว คนไม่เยอะ ไปถึงก็เช็คอินได้เลย

เครื่องบินเลทไป ประมาณครึ่งชม. ก่อนขึ้นเครื่องเราแอบเห็นกัปตัน สภาพของกัปตันทำให้เรากับออยหวั่นใจเล็กน้อยเหมือนลุงกัปตันเรา เดินเหินลุกนั่ง ก็ดูแลดูเหนื่อยแล้วบนเครื่องเป็นเครื่องบินรุ่นเก่าหน่อย ก็ออกไปทางหน่อยมาก เก่าขนาดที่มีที่เขี่ยบุหรี ตรงที่วางแขน กรี๊ดดด มันรุ่นอะ ไรกันนี่..

แต่ให้อภัยเพราะอาหารบนเครื่องอร่อยอยู่ ที่นั่งก็เต็มเกือบหมด ส่วนมากเท่าที่สังเกตจะเป็นเนปาลเป็นส่วนใหญ่คะ

เวลา เกือบ 2 ทุ่มเราก็ถึงเมืองกาฐมาณฑุเมืองหลวงของเนปาล พวกเราจองโรงแรม Khangsar ไว้ราคาห้อง ห้อง 3 คน 21 เหรียญห้อง 2 คน 18 เหรียญ

เราได้โรงแรมนี้มาจากรีวิวนี่แหละคะ 

โรงแรมนี้ฟรีรถรับส่งสนามบินแล้ว รวมอาหารเช้าแล้วคะ

//www.khangsarguesthouse.com/

รถโรงแรมที่มารับ เล็กมากเป็นรถตู้น้อย แต่ถึงจะน้อยจะเบียด เราก็ยัดกันไป 7 คนได้ เบียดขนาดหน้าของ พวกเราแทบจะแนบไปติดกระจกเรานั่งแบบเข่าเสยกัน ก็แค่ลงจากรถก็เข่าเสื่อมเล็กน้อย

ที่พักเราอยู่ย่าน ทาเมลทาเมลเป็นย่านคล้ายคล้าย ข้าวสารเรา แต่ระดับความใหญ่ใหญ่กว่ามาก มีเกสเฮาส์ ที่แลกเงิน ที่ซื้อของสำหรับ เทรคกิ้งรวมกันอยู่ย่านนี้ ร้านอาหารแถวนี้มีทุกชาติเลยคะ

ของอะไรขาดเหลือมาที่นี่ได้หมดคะ

เราไม่ได้ไปนอนที่ Khangsar เพราะโรงแรมนั้นเต็มแต่ เค้าให้ไปนอนโรงแรมของเค้าอีกอันที่เพิ่งเปิด เป็นห้องแถวเล็กๆที่ สภาพอาจไม่ได้หรูมากแต่ ก็นอนได้คะ 

ที่เนปาล ไฟติดติด ดับดับถามให้ดีว่าไฟจะเปิดเมื่อไหร่ จะได้วางแผนการชาร์ทแบตต่างๆๆได้

แต่ไฟตกตลอดเหมือนกัน

ห้องเราหรูสุดแล้ว เพราะต้องนอนกัน 3 คน มีห้องนั่งเล่น แล้วก็ห้องนอน ห้องที่เนปาล ถ้าไม่ได้หรูหรามากเขาก็จะไม่มีแอร์ให้นะคะ อาจจะมีแต่พัดลม แต่เราไปก็นอนได้ไม่รู้สึกร้อนอะไร

ที่นี่ คืนนี้เราได้เจอกับ DEEP ผู้จัดการหนุ่มที่เป็นน้องชายเจ้าของ หนุ่มน้อยหน้าคมที่ ดูอ้อล้อสุดสุดคุยทีจมูกแทบมาอยู่ตรงหน้า ดีฟบอกไปเก็บข้าวเก็บของกัน แล้วลงมาคุยเรื่องแผนการเที่ยวกัน

พวกเราคุยกัน โดยจะซื้อแพคเกจกับเค้าทั้งหมด ตั้งแต่เที่ยวในเมือง เทรคกิ้ง จนวันกลับ

ข้อดีของการซื้อแบบนี้ คือสะดวกดีคะ แล้วเราก็ไม่ต้องไปหายิบย่อย ให้เหนื่อย แต่ข้อเสีย คือเราอาจจะได้ราคาแพงหน่อย

และในห้องนั้นการต่อรอง การคิดราคา เป็นไปอย่างจริงจังชิงไหวชิงพริบ ต้องขอบคุณ ก้อยกับปิ๊กทีทำให้เรา

ไม่โดนชาร์ทเพิ่มโดยดีฟแกล้งมึนเพิ่มไป 200 กว่าเหรีญ

แพคแกจทัวร์เรา รวมทุกอย่าง

ตั้งแต่ รถเที่ยวในเมืองสองวันวัน ละ 175 เหรียญ

รถบัสไป โพคารา 25 เหรียญ

ค่าที่พักที่โพคารา ห้อง 3 คน

ค่าลูกหาบ 3 คน 5 วัน 300เหรียญ

ค่าเครื่องบิน จากโพคารา กลับกาฐ 82 เหรียญ

ค่าที่พักที่กาณฐ ขากลับ อีก 1 คืน

ตกแล้ว คนละประมาณ 290 เหรียญ

ราคาไม่รวมค่าที่พักกับค่าอาหารระหว่าง Trekking

พวกเราจับเซ็นสัญญา อย่างรอบคอบถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน แล้วก็รีบเข้านอนเถอะ โปรแกรม 2 วันแรกเป็น

โปรแกรมในเมือง แล้วก็ซื้อของ

วันที่ 6 เมษายน

เช้าวันนี้เรานัดรถมารับตั้งแต่ ตี 4 เพราะเราจะไปเที่ยวนอกเมืองกันนากาก๊อต เมืองนี้มีชื่อเสียงเรื่อง จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยสุด บางคนถ้าเขาไม่มีเวลาไป Trekking 5 -11 วันก็มา Trekking ที่นี่ได้คะ ใช้เวลา 2-3 วัน 

พวกเรานอนหลับไปในรถขโยกขเยกไป ตามทาง 2 ชั่วโมง จากทาเมลก็ถึงจุดชมวิว

ปิ๊กบอกระหว่างทางที่พวกเราหลับเห็น พระอาทิตย์ ตรงภูเขาหิมะด้วย

ตรงจุดชมวิวหนาวยะเหยือก ลมแรงหนาวเกินกว่าจะหยิบกล้อง พวกเราเฝ้าคอย แต่ ฟ้าก็ปิดเกินกว่าจะเห็น อะไรหนาวจนทุกอย่างชาไปหมด แต่ถึงกระนั้น พระอาทิตย์ก็ขึ้นมาให้เราเห็นถึงจะไม่เห็นยอดภูเขาหิมะก็เถอะ แค่นั้นเราก็เก็บภาพในหนำใจแล้ว

สังเกตว่าฟ้าปิดมากมาก ที่จริงตรงที่พระอาทิตย์ ขึ้น คือ หลังภูเขาหิมะนะคะ

ตรงนั้นที่เราดูวิวมีร้านอาหาร ด้วย บรรยากาษเหมือนอยู่เมืองนอกเลย

เป็นวิววแบบ พาโนรามาเลย แต่ดูเหมือนจะแพง เรายังไม่อยากจะจ่ายเงินในวันแรกๆๆ

แวะกินอาหารเช้าที่ลุงคนขับบอกอาหารอร่อยและไม่แพง ..แต่ลุงลืมบอกข้อดีอีกอย่าง คือ เจ้าของหล่อออ

อาหารเนปาลมื้อแรก อร่อยจริงร้านน่ารัก ... ให้คะแนนไปซะทุกอย่าง

เราขอประเดิม ด้วยโมโม โมโมก็เป็นคล้ายๆเกี๋ยวซ่าเลยคะ แต่น้ำจิ้มจะเป็น เครื่องเทศหน่อย

อันนี้แป้งไม่หนามากดีนะคะ บางร้านแป้งหนาไม่อร่อย

เมนูต่อมาของเราเราติดใจตั้งแต่อินเดียคะ เป็น Sizzler เขาจะเสริฟมากับกะทะร้อน  คล้ายๆเสต็กแต่กลินเนยยหนักๆ หน่อย

 ตบท้ายด้วยชา มาซาลา อร่อย

ที่เที่ยวต่อไป เมืองภักตปูร์ (เค่าเข้า 750รูปี)

นครโบราณ 1 ใน 3 ของหุบเขากาฐมัณฑุที่มีอดีตอันยาวนานได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีความสมบูรณ์ที่สุดทางด้าน

ศิลปะ และ สถาปัตยกรรมอีกทั้งได้เห็นชีวิตของชาวเนปาลที่ยังใช้ชีวิตร่วมกับมรดกโลกได้อย่างกลมกลืน จะ

ถูกยกย่องว่าเป็น Living Heritage อันดับต้นๆ ของโลก ชม

• พระราชวัง 55พระแกล (The Palace of 55 windows) สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่18เป็นพระราชวัง

ที่มีหน้าต่าง 55 บานอยู่บนกำแพงอิฐมีความโดดเด่นในด้านการแกะสลักไม้

• ประตูทองคำ (GoldenGate) เป็นทางเข้านำไปสู่ลานของพระราชวัง 55 พระแกลเป็นประตูที่มีการ

แกะสลักที่งดงามและสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกโดยสลักเป็นลวดลายของเหล่าเทพและอสูร

• วัดไนยาโตโปละ(Nyatapola Temple) เป็นมณฑปที่สูงที่สุดในเนปาลนอกจากนี้ภายในวัดยังมี

วิหารหลังคา 5 ชั้นซ้อนตามบันไดทางขึ้นทั้งสองข้างจะมีประติมากรรมเหล่าเทวดาคอยปกปักรักษา

อยู่

หมู่บ้านเครื่องปั้นดินเผา (Potters Square) ชมวิธีการปั้นเครื่องปั้นดินเผาตามแบบฉบับของคน

ท้องถิ่นและสามารถเลือกซื้อของที่ระลึกราคาถูกที่ทำจากดินเผาได้ในย่านนี้

ที่นี่

พอเราลงรถก็มีพี่คนหนึ่งมาเสนอเป็นไกด์ให้เรา 2 ชม 1000รูเปีย แต่พวกเราต่อเหลือ 800 ยังไปต่อเค้า

ที่นี่กว้างใหญ่ มากข้อดีของการมีไกด์คือ เรา จะรู้ประวัติ สนุกดี เดินแล้วดูมีอะไรมากกว่า

เราชอบที่นี่นะคะ เพราะดูเป็นสัดเป็นส่วน มีอะไรให้ดูเยอะ 

ที่เนปาลน้ำสะอาดยังหายากอยู่คะโรงแรมที่เราไปอยู่ ส่วนมาน้ำก็ไม่แรงมากคะ แล้วน้ำบางทีก็มีกลิ้นนิดหน่อยตามบ่อน้ำประจำหมู่บ้านเราจะเห็นภาพนี้ตลอด แต่เราก็งงทำใมมีแต่ผู้หญิง

ระหว่างทางก็จะมีร้านขายของที่ระลึกเยอะแยะเลยคะกว่าจะถึงก็ เพลินเลย

ชุดนักเรียนที่นี่ดูเก๋ อะดูแล้วเหมือนบริทเนีย สเปียร์ ชุดแรกเลยอะ

เราเห็นตามวัดตามถนนคนเขาออกมาเดินเยอะนะคะ มานั่งมาคุยกัน เหมือนเราไปห้างอะแต่เขาจะมาตามวัดนั่นนี่ นั่งคุยกับเป็นกลุ่ม ผู้ชายที่นี่ เดินจับมือกับกุ๊กกิ๊ก เป็นเรื่องธรรมดา

เราเห็นบางคู่ก็มากกว่าคำว่าเพื่อนแน่ 

ตามวัดจะมีคนมาทำพิธี สวดมนต์โปรยข้าว คนก็มารุมเยอะเลยคะ 

ที่เที่ยวสุดท้ายของวันนี้

สถูปสวะยัมภูนาถ (Swayambhunath) หรือวัดลิง เป็นเจดีย์ของชาวพุทธ (BuddhistChaityas) ที่

ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของโลกกล่าวกันว่าน่าจะมีอายุถึง 2,000 ปี เลยทีเดียว สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้ามานะ

เทวะ ในปี พ.ศ.963 สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดคือส่วนตรงฐานของสถูปซึ่งมีดวงตาเห็นธรรม หรือ Wisdom

Eyes ของพระพุทธเจ้าอยู่โดยรอบทั้ง4 ด้าน

สถูปสวะยัมภูนาถตั้งอยู่บนยอดเขาห่างจากกรุงกาฐมาณฑุไปทางทิศตะวันตก3 กิโลเมตรตัวสถูปตั้งอยู่บน

เนินเขาเล็กๆประมาณ 77 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลของหุบเขากาฐมาณฑุ จึงทำให้เห็นทิวทัศน์เหนือหุบเขาที่

แสนงดงามสถูปแห่งนี้เป็นสถูปที่เก่าแก่ที่สุดของเนปาล อีก ทั้งยังเป็นสถานที่ที่มีการผสมผสานระหว่าง

ศาสนาพุทธกับฮินดูโดยองค์การยูเนสโกได้ทำการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี พ.ศ. 2522

วัดลิงคนเยอะมากเหมือนเค้ามีงานเทศกาลอะไรสักอย่าง คนมกาศาล มีบันได ให้ขึ้นพอเหนื่อย

บนวัดมีลิงเต็มไปหมดเราไม่ค่อยถูกกับลิงเท่าไหร่เลยแต่ถ่ายรูปอยู่ห่างๆ ข้างบนจะเห็น วิว เมือง กาฐมัณฑุ

ทั้งเมือง อ่านจากรีวิว เก่าเค้าเห็นเอเวอเรสต์ จากมุมนี้ด้วย แต่ที่เราไปฟ้าปิด เลย เห็นได้แค่เมืองเมืองเค้าใหญ่เอาการอยู่

กลับที่พักพวกเรารีบเก็บกองแล้วก็เดินช๊อปปิ้งกันในทาเมล์ คนเดินเขาเยอะมาก พวกเราขาดนู่นขาดนี่ตลอด

....กว่าจะเริ่มได้เดินก็ กระเป๋าปริพอดี

จบ รีวิวตอน 2 แค่นี้นะคะ รีวิวตอนต่อไปจะไปเที่ยวในเมืองกันต่อแล้วก็ไปต่อที่โพคาราเพื่อ เตรียมขึ้นเขากันเถอะจบ รีวิวตอน 2 แค่นี้นะคะ รีวิวตอนต่อไปจะไปเที่ยวในเมืองกันต่อแล้วก็ไปต่อที่โพคาราเพื่อ เตรียมขึ้นเขากันเถอะ