ภาวะตลาดวานนี้ ดัชนีมีแนวโน้มคึกคักสวนทางปัญหาน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง โดยมีแรงขับมาจากการซื้อของนักลงท
ภาวะตลาดวานนี้ ดัชนีมีแนวโน้มคึกคักสวนทางปัญหาน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง โดยมีแรงขับมาจากการซื้อของนักลงทุนต่างชาติ
และการดีดตัวขึ้นแข็งแกร่งของตลาดหุ้นในภูมิภาค ท่ามกลางความหวังของตลาดที่ว่าการประชุม สุดยอดผู้นำสหภาพอียูจะมีข่าวดี ขณะที่หุ้นพลังงาน แบงก์ ปิโตรเคมี กลับมานำตลาดอย่างโดดเด่น โดยดัชนีปิดที่960.17 จุด พุ่งขึ้น 21.49 จุด หรือ +2.29% มูลค่าซื้อขาย 30,470 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,200 ล้านบาท
ภาวะตลาดวันนี้ หลังจากที่ SET สามารถปรับตัวขึ้นได้อย่างเหนือการคาดหมายอย่างมากในสัปดาห์นี้ และมีโอกาสที่ดัชนีจะปิดตัวสูงสุดในรอบหนึ่งเดือน หากดัชนีสามารถยืนเหนือระดับ 973 จุดได้ ซึ่งมีความเป็นไปได้มากที่ เดียวที่จะเป็นเช่นนั้น เพราะการปรับตัวขึ้นที่แข็งแกร่งของตลาดหุ้นทั่วโลก ขานรับผลการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรป(อียู) ที่ลงมติใช้มาตรการควบคุมวิกฤตหนี้สาธารณะ อย่างการปรับลดมูลค่าพันธบัตรกรีซลง และการเพิ่มขนาดของกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ในวงเงิน 1 ล้านล้านยูโร หรือ 1.4 ล้านล้านดอลลาร์
นอกจากนี้เศรษฐกิจโลกก็มีความผ่อนคลายมากขึ้น จากตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ของสหรัฐที่ขยายตัว 2.5% ซึ่งทำให้ดูเหมือนว่าเศรษฐกิจกำลังอยู่ห่างจากภาวะถดถอยมากยิ่งขึ้น ขณะที่ SET เองก็แสดงให้เห็นว่าจะยึดทิศทางการเคลื่อนไหวของปัจจัยภายนอกเป็นเกณฑ์มากกว่าที่จะกังวลกับปัญหาน้ำท่วม ซึ่งอาจจะขัดแย้งกับความรู้สึกไม่น้อยเนื่องจากปัญหาน้ำท่วมจะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยหดตัว รวมทั้งผลประกอบการไตรมาส 4 แต่ก็อาจจะเกิดจากการที่ตลาดรับรู้เรื่องดังกล่าวมาพอสมควรแล้ว และยังคาดหวังถึงกำลังซื้อ การซ่อมแซมที่จะเกิดขึ้น หลังน้ำลด ที่จะพลิกทำให้การค้าการขายคึกคักขึ้นก็เป็นได้ และที่สำคัญเราเชื่อว่านักลงทุนต่างชาติจะยังซื้อต่อเนื่อง ดังนั้น ไม่แน่ในรอบนี้ ดัชนีอาจไปได้ถึงระดับ 1000 จุด แม้ว่าจะค้านสายตานักลงทุนรายย่อยอยู่ก็ตาม
กลยุทธ์การลงทุน จึงคงต้องเล่นตามน้ำไปกับกระแสตลาด โดยเลือกขายทำกำไรถ้าดัชนีไม่ผ่าน 973 จุด แต่ถ้าดัชนีผ่านขึ้นไปได้เฉยๆ เลยนักลงทุนสามารถถือหุ้นต่อได้ หรือซื้อเก็งกำไร แบบคุมจุดขายให้ดี อย่างไรก็ตาม เราไม่ทราบว่าน้ำท่วมกรุงครั้งนี้จะรุนแรงระดับไหน เพื่อปกป้องความเสี่ยง ไม่ว่าดัชนีจะอยู่เหนือ 973 จุดหรือไม่ ก็ควรแบ่งขายทำกำไร ถือบางส่วนไว้ลุ้นต่อก็ไม่เสียหาย ส่วนหุ้นที่ควรให้ความสนใจจะยังอยู่ในกลุ่มที่ได้ผลเชิงบวกจากวิกฤติน้ำท่วม อย่าง กลุ่มค้าปลีก(CPALL, MAKRO) กลุ่มอาหาร (CPF, GFPT) หุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการป้องกัน/ฟื้นฟูจากน้ำท่วม(กลุ่มวัสดุก่อสร้างและเกี่ยวเนื่อง อาทิ SCC, TASCO, DCC, HMPRO, GLOBAL) ขณะที่หุ้นพลังงานเลือก PTTEPกับ PTTGC และ ICT อย่าง ADVANC กับ DTAC
TTW กำไรไตรมาส 3/54ใกล้เคียงกับที่คาด: TTW มีกำไรสุทธิ 553 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 0.14 บาท) ใน 3Q54เพิ่มขึ้น 9%YoY และ 1%QoQ แม้ว่าปริมาณขายน้ำประปาในไตรมาสเพิ่มขึ้นน้อย แต่ราคาขายเฉลี่ยที่สูงขึ้นตาม อัตราเงินเฟ้อส่งผลต่อการเติบโตของกำไรสุทธิ แม้ระยะสั้นบริษัทฯจะได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม แต่กำไรสุทธิจะกลับมาเติบโตอีกครั้งจากผลของการปรับลดอัตราภาษี เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” โดยให้ราคาเป้าหมาย 12 เดือนข้างหน้าที่ 6.05 บาท (อิง PER 10.5 เท่า)
Create Date : 28 ตุลาคม 2554 |
|
0 comments |
Last Update : 28 ตุลาคม 2554 16:11:38 น. |
Counter : 420 Pageviews. |
|
|
|