Hell Boy II ตอน The Golden Army ไอ้ตัวแดง ๆ กลับมาอีกแล้วครับท่าน

Hell Boy II : The Golden Army

ตัวแดง ๆ กลับมาอีกแล้วครับท่าน

ด้วยตัวผู้กำกับนามว่า Guillermo del Toro ที่ชื่อได้รับการจับตามองกันพอสมควร เนื่องจากได้ไปดูในหลาย ๆ เว็บ ชื่อของเขาต้องเป็นตัวดึงดูดที่คอดูหนังหลาย ๆ คนต่างให้ความสนใจและติดตามหนังเรื่องนี้กันอย่างคึกคัก โดยส่วนตัวแล้วสำหรับผมเขาคนนี้ไม่ได้มีอะไรในใจเหรอว่าติดใจอะไรเป็นพิเศษ หากแต่เมื่อมาดูในประวัติย้อนหลังของตัวเขาแล้ว ผมกลับดีใจที่ว่า เขาคือผู้อยู่เบื้องหลังหนังหลายเรื่องที่ผมชอบ Mimic (1997),ฺBlade II (2002),Hell boy (2004) โดยที่หนังก่อนนั้นทั้ง 3 เรื่องผมเองก็ชอบหมดทุกเรื่องเลย ไล่ตั้งแต่ ไอ้แมลงสาบยักษ์ ที่เรื่องทำได้น่าสนใจและผมรู้สึกแย่ที่ภาค 2 มันคนละเรื่องละราวกันเลย แน่นอนว่า หนังชุด Blade คือหนังที่ผมเองก็ตามดูทั้งหมดเหมือนกัน แต่เมื่อมาค้นกันเข้าไปอีก ผมถึงได้เข้าใจว่า อ๋อออ นี้มันหนังของ del Toro จริง ๆ หล่ะ และจนภาคแรกของเจ้าตัวแดง รวมถึงภาคล่าสุดของเจ้าตัวแดง ผมจึงเห็นด้วยกับเพื่อน ๆ อย่างยิ่งว่า Guillermo del Toro คือผู้กำกับที่มีงานที่น่าสนใจอยู่ในหัวและในใจของเขาตลอดเวลาในการทำงาน


สำหรับเรื่องนี้แล้ว ตอนกองทัพทองคำ ผมขอข้ามเรื่องย่อไปเลยแล้วกันนะครับ

ภาคนี้คงแยกส่วนออกมาเยอะพอสมควร เพราะว่าอย่างหนึ่งแล้วคงต้องเอามาเปรียบกันกับภาคแรก อย่างจำเป็นอยู่แล้ว เพราะการนั่งแท่นผู้กำกับก็เป็นผู้กำกับคนเดียวกัน ทีมแสดงก็เป็นทีมเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก ถ้าจะเปลี่ยนจริง ๆ คนเป็นโครงเรื่องของภาคนี้ที่ไม่เหมือนภาคที่แล้ว และ บทที่เน้นจำเพาะในตัวบุคคลมากขึ้นและหนักอยู่ที่ตัวคน ๆ เดียว เป็นการท้าทายผลตอบรับจากแฟนๆเลยก็ว่าได้



เริ่มจากสิ่งแรกเลยแล้วกันนะครับ

บทหนังที่ภาคกองทัพทองคำ ได้ขยายความของตัวละคร ให้เด่นชัดมากขึ้นกว่าภาคแรก อย่างรับรู้ได้ เนื่องจากภาคแรกถ้าหลาย ๆ คนจำได้ ภาคแรก ดูแล้วออกจะเป็นขบวนการอะไรสักอย่างที่ทำงานรวมกันเป็นทีม แล้วพากันเดินไปพร้อม ๆ กัน แต่ภาคกองทัพทองคำ เน้นรายละเอียด ในส่วนตัวบุคคลเน้นหนักไปที่ตัว Red อย่างหนักแน่น และให้ความโดดเด่นจนลดภาพของภาคแรกอย่างเยอะมากที่เดียว ส่วนบทของตัวละครอื่น ๆ ก็เด่นขึ้นเช่นกันแต่จะลดลันกันลงไปตามความสำคัญของตัวละคร ซึ่งดูแล้วเหมือนลดความสัมพันธ์ในตัวละครลงไปเหมือนกัน มันทำให้เชื่อไม่ได้สนิทใจซะมากกว่า โดยส่วนตัวแล้วผมก็ชอบในบทที่วางให้ตัวละครมากกว่าภาคแรกแต่เรื่องความสัมพันธ์มันยังขัดกับภาพที่ตัวละครควรจะเป็นมากกว่านี้ ส่วนบทรองอื่น ๆ ก็เห็นได้ประปราย ไม่มีใครเด่นมากกว่ากัน ถ้าเป็นตามสถานภาพของตัวละครแล้ว ดูมันจะลงตัวดีแต่มีผลกับตัวละคร 1 กลุ่มคือกลุ่มของ กษัตริย์ นุอาล่า ที่ผมยังไม่อาจเข้าใจความมืดหม่นของตัวละครและการลุกขึ้นมาเพื่อ ? (สงสัยคงโกรธที่มนุษย์มีรถไฟฟ้าใช้) ประเด็นหลักเข้าใจแต่ประเด็นรองของตัว นุอาล่า ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีนั้นหล่ะ ยิ่งในตอนท้ายเรื่องฉากที่คิดว่าเป็นฉากเด็ดของเรื่องนี้ คือ การเปิดตัวของกองทัพทองคำ ผมว่าเขาก็ให้บทกับกองทัพทองคำได้ไม่ดีเอาซะเลย มาให้เห็นแค่ 5 นาทีแล้วก็ไม่มีอะไรเลย เอ้าพ่อคุณ เรื่องนี้ต้องแก้บทในตอนท้ายอีกนิดน่าจะทำให้บทรวมของหนังเรื่องนี้คงเป็นที่จดจำมากขึ้นกว่าที่เห็นกันอยู่



อย่างที่ 2 การเดินเรื่อง ดำเนินเรื่อง

การพาเรื่องให้คนดูได้ประทับใจโดนใจและมีอารมณ์ร่วม อารมณ์อยากค้น และอย่างเป็นส่วนหนึ่งของหนัง(ประมาณว่าอยากจะเป็นอยากจะมีบ้าง) ผมยังไม่ค่อยแน่ใจนักหรอกนะ ว่าหนังจะก้าวผ่านเรื่องนี้ไปได้เหรอเปล่า แต่สิ่งที่หนังนำเสนอเรื่องราวตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบ ต้องบอกได้เลยว่าเกือบสมบูรณ์แบบแล้วหล่ะ แต่ว่าสุดท้ายแล้วหนังก็ทำให้อารมณ์แตกซ่านไปซะสุดยอดเลย เริ่มจากตอนต้นเรื่องในการนำเสนอความเป็นตัวตนของ Red ผ่านการเล่าเรื่องของตัวละครที่มีน้ำหนักในการเดินเรื่องให้ได้ทราบถึงชื่อตอนผ่าการเล่าเรื่องส่วนตัวของ Red ในช่วงเด็ก ผมยกเครดิตช่วงนี้ให้กับผู้กำกับคนนี้ไปเต็ม ๆ เลย คุณสุดยอดหว่ะ... มันเป็นภาพที่ชัดและแน่นมาก จนผมหลงเลยหล่ะ มันใช้ได้มากเลยช่วงแรก พอเรื่องเดินมาเรื่อย ๆ จนถึงภาพของความมันในฉากการตามล่าและการต่อสู้ในตั้งแต่ใน พิพิธพัน จนมาถึงตลาดโทล และถึงรังของ Red ฉากการต่อสู่และการไล่ล่าผมว่ามันคือที่สุดในช่วงนี้แล้ว แน่นอนเมื่อกลางเรื่องมันโดดเด่นซะขนาดนั้น ตอนท้ายเรื่องเลยไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นหรือว่ากลบช่วงต้นและช่วงกลางเรื่องได้เลย จนถึงสุดท้ายฉากจบที่หวังว่าจะเห็นอะไรแปลก ๆ ก็ไม่ได้มีอะไรที่สวยงามมากนัก



อย่างที่ 3 การตกแต่งตัวละคร เอฟเฟค และ ดนตรีประกอบ

งานด้านศิลปในเรื่องนี้สามารถการันตีได้เลยว่าเป็นงานศิลปที่สร้างสรรค์ออกมาได้อย่างมีเสน่ห์และลงตัวกับเรื่องของตัวละครอย่างที่สุด สำหรับคนที่ตามงานของ del Toro ก็จะทราบว่าเรื่อง Pan’s Labyrinth สร้างภาพกลุ่มตัวละครในจินตนาการได้อย่างสุดสวยและเข้าถึงเรื่องราวได้อย่างดีเยี่ยม เรื่องนี้ก็ไม่พ้นอิทธิพลของตัวละครที่ส่งถึงการแสดงออกภาพการตกแต่งที่สุดเทห์ ด้วยการันตี ภาพทางด้านตกแต่งจากเรื่องดังกล่าว เรื่องนี้จึงได้เห็นการตกแต่งตัวละคร ที่ดูแล้วมันสมเหตุสมผล และสวยงามไปด้วย ฉากและการเล่นสี ดูแล้วมันหลากหลายอารมณ์ในช่วงเปลี่ยน เน้นสีสันที่ดูแล้วสว่างตาหรือสีร้อนซะมากกว่า ทำให้หนังดูมีพลังและสว่างขึ้น ส่วน CG ก็ทำออกได้ดีตามแบบฉบับของ del Toro เพราะเขาเป็นทั้งคนตัดต่อเขียนบท กำกับเอง จะหนีไปไหนเสียหล่ะ ในส่วนนี้คือส่วนที่ผมเองมองว่าเป็นส่วนที่ลงตัวที่สุดของหนังเรื่องนี้ ส่วนดนตรีประกอบเรื่องนี้ก็ทำให้ฉากดูอลังการดี อย่างฉากเปิดตัวที่ซ้อนของกองทัพทองคำ ว้าวววว เออ 70 แถว 70 ตอน มันดูใหญ่และน่ากลัวจัง



โดยส่วนตัวทั้งหมดที่พูดมา Hell Boy II : The Golden Army หรือไอ้ตัวแดงตอนหุ่นยนต์ทองคำ 4900 ตัว เป็นหนังในเทศกาลซัมเมอร์ที่ให้ Entertain คนดูได้ในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่ถึงกับดีที่สุด หากจะเทียบกับภาคแรกแล้วมันดีกว่ากันไหม ส่วนตัวผมคงให้ระดับที่ใกล้เคียงกันคือเป็นหนังที่ไม่ตกขอบจากภาคแรกและก็ไม่ได้มีอะไรดีกว่าภาคแรกมากมายนัก สิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกคนที่กำลังจะตัดสินใจไปดูหนังเรื่องนี้ ถ้าได้อ่านบทความของคนอื่น ๆ หรือว่าบทความของผมแล้วก็ตาม อย่าคาดหวังกับหนังเรื่องนี้จนมากเกินไป เลือกที่จะเก็บรายละเอียดพองาม อย่าลงลึกหรือว่าแยกภาพออกมาอย่างละเอียดมากมาย เพราะว่าจะไม่ได้อะไรกลับมาเลย ถ้าให้จะบอกนิยามของหนังเรื่องนี้หล่ะก็คงต้องบอกได้ว่า เมื่อคิดว่ามันดีมันก็ดี เมื่อคิดว่ามันแย่มันก็แย่ เท่านี้หล่ะครับ

Create Date : 14 กรกฎาคม 2551		0 comments
Last Update : 14 กรกฎาคม 2551 12:06:45 น.
Counter : 1642 Pageviews.
Share Tweet