Bloggang.com : แมวเซาผู้น่าสงสาร : ย้อนรอย Endorphin Pro รองเท้าเทพตัวแรกของค่าย Saucony

Saucony ก่อตั้ง ณ เมือง Kutztown รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา เมื่อปี ค.ศ.1898 ซึ่งเป็น 2 ปีหลังจากมีการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งแรก และ 1 ปีหลังบอสตันมาราธอนครั้งแรก จึงน่าจะเป็น brand รองเท้ากีฬามาตรฐานที่เก่าแก่ที่สุดในโลก

Saocony อ่านออกเสียงว่า ซอค-คือ-นี่ มาจาก Saucony Creek ลำธารอันเป็นที่ตั้งของโรงงาน ตามภาษาชนเผ่าอินเดียแดง Saconk แปลว่า ที่ที่แม่น้ำสองสายมาบรรจบกัน ดังเห็นได้จากโลโก้ที่ออกแบบเป็นรูปสายน้ำไหลผ่านก้อนหิน 3 ก้อนที่โผล่พ้นผิวน้ำขึ้นมา

รองเท้าวิ่งหลากหลายรุ่นของ Saucony ได้รับความนิยมมาโดยตลอด จนในปี 2017 ยักษ์ใหญ่ Nike ได้ทิ้งห่างชาวบ้านด้วยรองเท้าวิ่ง super foam ติด carbon plate จนค่ายอื่นหัวปั่นต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีในการวิ่งให้ทัน ถ้าเป็นในบ้านเราผมจำได้ว่าเจ้าต่อมาที่ติด carbon plate น่าจะเป็น Hoka One One ที่ออกรุ่น Carbon X มีการโปรโมทใหญ่โต แต่ความจริง performance ยังห่างไกล Nike Vaporfly 4% และ Next% จนกลางปี 2020 ค่าย Saucony นี่แหละได้ออก Endorphin Collection มาทาบรัศมี (บ้านเราวางจำหน่ายกลางเดือนกรกฎาคม 2563) นวัตกรรมชุดนี้ชูเทคโนโลยี speed roll ออกแบบทรงรองเท้าให้มีความโค้งสามารถวิ่งทะยานไปข้างหน้าได้อย่างไหลลื่น มีให้เลือก 3 รุ่น 1.Endorphin Shift เป็น daily trainer ที่เน้น support เต็มให้ซ้อมวิ่งสบาย ๆ 2.Endorphin Speed ตัวรองสำหรับซ้อมทำความเร็วติด nylon plate และ 3.Endorphin Pro ตัว top สำหรับใช้แข่งขันที่ติด carbon plate

spec รองเท้าคร่าว ๆ midsole ใช้โฟมแนว PEBA ที่ใกล้เคียงกับ Pebax ของ Nike ขนาด 9US หนัก 213 กรัม แผ่นคาร์บอนเต็มแผ่น stack height : ส้นเท้า 35.5 มม. ปลายเท้า 27.5 มม. drop 8 มม.

แน่นอนตัวแทนจำหน่ายบ้านเราทุ่มทุนโปรโมท ผมหลวมตัวซื้อมาใช้งานทั้ง 3 รุ่นเลย ส่วนตัวคิดว่า ในด้านประสิทธิภาพ Endorphin Pro ได้ประมาณ 80% ของ Next% ความนุ่มเด้งดีดส่งยังเป็นรอง เด่นตรงโฟมไม่ยวบ ออกตัวได้ไวติดแนว racing flat เล็กน้อย ถ้าจะใช้วิ่งถึง 42 กิโลฯ ต้องขาแข็งพอสมควร ระยะทำการที่ไม่หนักหนาเกินไปคือ half marathon แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยมของค่าย Saucony จนต่อยอดเป็น super shoes รุ่น Endorphin Pro 2-3 และ Elite ออกมา