รักปัดฝุ่นปี 2 ณ สวรรค์บนน้ำ
. Maldives # ตอน 3: (Day 1) สำรวจเกาะ Centara Grand Island Resort & Spa
25 มีนาคม 2556
เรามาถึง Centara Grand พร้อมภาพที่สวยงาม
แต่อาจด้วยเพราะเหนื่อยจากการเดินทาง หรือารมณ์เสียเรื่องบ้านพัก ก็เลยไม่ว้าวสักเท่าไหร่ ตอนที่นั่งเรือมาก็มีถาม จนท ว่าเราได้บ้านพักเบอร์อะไร เพราะตอนทำเรื่องมี request ขอบ้านเบอร์ 60-70 ไป จนท บอกเราได้บ้านเบอร์ 48 ก็เริ่มเครียด มาเครียดหนักขึ้นตอนถึงที่พักและ จนท ชี้บ้านให้ดู โอ้ววว
.แม่จ้าว นี่มันวิวสาธรณะมากๆ ไม่อ้าววว รับไม่ด้ายยยย ชั้นไม่ได้จ่ายแพงๆ มาเพื่อสิ่งนี้ กรี้ดในใจนะ แต่หน้าพยายามนิ่งแต่หันไปวีนใส่สามีที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย 5555 จากรูปล่างจะเห็นชัดว่าห้องที่เราได้ทีแรกอยู่หลังที่ 2 จากริมสุด ซึ่งเป็นทางผ่านของเรือต่างๆ รูปที่เห็นถ่ายจากกล้องเลนส์ไวด์ ของจริงจะเห็นว่าใกล้กว่านี้
คุณสามีเห็นเราขุ่นมัว เลยเดินไปขอให้ จนท ช่วยหาห้องให้ใหม่ ทางเรารอได้ เราให้เหตุผลว่าเราอยากได้บ้านที่ดูเป็นส่วนตัวกว่านี้ บ้านที่จัดให้มันไม่ส่วนตัวเลย ทีแรก จนท ก็บอกว่าบ้านเต็มหมดแล้ว แต่คุณสามีไม่ยอมแพ้ ก็ขอให้เค้าช่วยดู ในที่สุดเค้าก็หาบ้านที่ดีกว่าเดิมให้ได้ เป็นบ้านเบอร์ 56 ในรูปหัวใจ ชีวิตเรากลับมามีความสุขทันที ^^
แต่บ้านนี้แขกเพิ่ง check-out เราเลยต้องรอให้เค้าทำความสะอาดก่อน ระหว่างที่รอ จนท ก็มาอธิบายพวกกิจกรรมและร้านอาหารต่างๆ พร้อมการจอง แต่มาวันแรกมึนมาก ทำอะไรไม่ถูกเลยไม่ได้จองอะไรเลย ระหว่างที่รอห้อง เราก็ survey โน่นนั่นนี่นิดหน่อยและไปกินข้าวกลางวันกัน Lobby ที่นี่อยู่ตรงกลางทางเชื่อมระหว่างทางเดินไป villa เราและเดินเข้าเกาะ สามารถมาสั่งเครื่องดื่มที่นี้ได้ตลอดทั้งวัน ใน package เราก็ดื่มได้หลายอย่างมีประเภท alcohol ด้วย
แผนที่ของเกาะนี้ ไม่ใหญ่ เดินรอบนึงสบาย
ที่นี่มีบ้านพักบนน้ำ 3 โซน จะเห็นในรูปที่ยื่นๆ ออกมาในน้ำ โซนที่เราพักคือ Luxury Senset Water Villas
โซนถัดจากเราคือ Deluxe Water Villa บ้านอยู่ด้านซ้ายในรูปค่ะ
อีกโซนนึงอยู่ตรงข้าม Spa คือ Deluxe Family Water Villas
นอกจากบ้านบนน้ำ ที่นี้มีบ้านที่อยู่บนเกาะด้วย มี 2 โซนคือ Beach Suite & Luxury Beach Front Pool Villa เรามี check ราคาเผื่อมานอนที่นี้คืนแรกแต่นอนเป็นบ้านแบบนี้ ตกคืนละ 3 หมื่น เลยหันหลังกลับไปนอน Male ตามแพลนเดิม 5555 หน้าตาบ้านน่าจะคล้ายกัน ต่างกันแค่มีสระน้ำส่วนตัว แต่เราว่านะ มาทั้งทีทุมนอนบนน้ำไปเล้ยยยย
ห้องอาหารที่นี้มี 3 ที่ มีมากกว่านี้หรือเปล่าไม่แน่ใจนะ แต่ที่เราไปทานได้มีแค่นี้ ที่แรกคือ Reef Restaurant เสริฟ์อาหารสไตล์ buffet 3 มื้อ walk-in ได้เลย มื้อเย็นจะเปลี่ยนธีมไปเรื่อยๆ
สำหรับเรา เราไม่ค่อยชอบอาหารที่ร้านนี้ line อาหารน้อย และหลายอย่างเราทานไม่ได้ ถ้าเจอเนื้อวัวปุ้ป จบเลย รสชาติอาหารก็ไม่อร่อยสำหรับเรา
ร้านนี้ค่อนข้างกว้างเพราะคนส่วนใหญ่ต้องมาทานอาหารที่นี้ มีที่นั่งด้านในและด้านนอก ตอนกลางคืนนั่งด้านนอกจะสวยมากๆ
ใกล้ๆ Reef Restaurant จะเป็น center ของกิจกรรมหลายๆ อย่าง ทั้งสระว่ายน้ำกลาง Dive school & gyme และมี coral bar ให้นั่ง drink ชิวๆ ด้วย
ร้านที่ 2 ร้านอาหารไทย แอบงงตัวเองหารูปหน้าร้านไม่เจอแหะ มีแต่รูปในร้าน ได้กินแค่มื้อเย็นครั้งเดียวเพราะสามีบอกว่ากลับไปกินที่เมืองไทยก็ได้ 5555 Lotus Restaurant มื้อกลางวัน walk-in ได้เลยแต่มื้อเย็นต้องจองล่วงหน้า และมีคิวจำกัด ดังนั้นถ้าอยากทานก็ต้องจองกันแต่เช้า ร้านนี้จะเปลี่ยน set menu ทุกวัน เสริฟ์เป็นคอร์สๆ ไป สำหรับเรา เราว่ารสชาติดี อร่อย ถูกปากค่ะ ^^
ร้านที่ 3 ที่ชอบมากๆ เป็นร้านอาหารอิตาเลียน Azzuru Mare อยู่ตรงข้าม Lobby เลย ร้านนี้ต้องจองก่อนทั้งมื้อกลางวันและมื้อเย็น เราได้ฝากท้องร้านนี้ไป 2 มื้อ เค้าให้เราเลือกอาหารจากเมนุได้เลย เป็น appetizer, main dish & dessert รสชาติดี ปริมาณก็เยอะมากกกกก ร้านนี้วิวสวยด้วย
ที่นี้มีกิจกรรมต่างๆ ให้ทำมากมาย ซึ่งต้องจองล่วงหน้าทั้งสิ้น กิจกรรม snorkeling น่าจะเป็น basic activity ที่ทุกคนต้องทำ ในบ้านจะมีเสื้อูชีพให้ 2 ตัว ส่วนแว่นดำน้ำและตีนกบมายืมได้ที่นี่ อยู่ใกล้ๆ Lobby
และในบริเวณนี้ก็เป็นศูนย์รวมกิจกรรมทางน้ำสนุกๆ มีให้เล่น Troop หรือ Banana Boat ได้ ขอบอกว่ามันส์มากกกกกก มีเรือให้พายเล่น หรือเป็นแบบถีบก็มี มี slider ด้วยนะเออ ซึ่งเรา 2 คนก็อาศัยช่วงปลอดเด็กไปแอบเล่นมาเหมือนกัน 5555
กิจกรรมอื่นๆ ที่ที่นี้มีให้ยังอีกเพียบ มีนั่งเรือไปเที่ยวหมู่บ้านที่เกาะอื่น ไปดำน้ำลึกดูปลาฉลามวาฬ ซึ่ง 2 อันนี้เราไม่ได้ทำ ที่เรามีทำคือ Sunset Cruise นั่งเรือไปดูพระอาทิตย์ตกและเผื่อฟลุ้กเจอปลาโลมา เราไม่ได้เจอแต่ก็สวยดี
และก็มี Spa ด้วย มาทะเลใครจะทำ เรานี่แหละทำ จะบอกว่าทำวันท้ายๆ work มากเพราะร่างกายล้าจากการดำน้ำพอดี Packake ของเราจะได้ทำ spa วันละ 30 นาที ได้ทั้งหมด 2 ชั่วโมง และเอามารวมกันได้ เราทำวันที่ 3 ไป 1 ชั่วโมง เลือกแบบ body & foot massage สบาย ตัวเบา ^^
ตาม package ทุกอย่างเริ่มได้ตอนเที่ยง ดังนั้นพอเที่ยงปุ้ปเราก็ไปกินข้าวกลางวันที่ Reef Restaurant กันเลย วันที่ไปแดดแรงมากกกก อาหาศร้อน จริงๆ เหมาะแก่การถ่ายรูปสุดๆ แต่ตอนนั้นมันเหนื่อยๆ และกังวลเรื่องห้อง เลยรมณ์ บ่ จอย มาคิดย้อนหลังก็เสียดาย
มื้อแรกดูตักอาหารกันเยอะ เพราะหิวและไม่รู้ว่ารสชาติจะอร่อยเยี่ยงนี้ เหอ เหอ มื้อต่อๆ มาก็เลยกินกันน้อยเชียว กินแต่สลัด ปลอดภัยสุด (- -*)
ทานอาหารเสร็จก็บ่ายโมงเอง เดินเล่นโน่นนั่นนี่จนยอมแพ้แดด กลับไปนั่งรอห้องต่อที่ Lobby จนบ่าย 2 นิดๆ จนท มาบอกว่าห้องพร้อมแล้ว เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไปกันเล้ยยยย รูปจากกล้อง 2 ตัว ต่างวันต่างวาระ สีของฟ้าและน้ำเปลี่ยนไปตามความแรงของแดด
เดินเลี้ยวไปทางซ้าย ผ่านบ้านเบอร์ 48 ที่เราได้ตอนแรก มองไป วิวสาธรณะสุดๆ เป็นบุญที่ขอเปลี่ยนได้
แต่ถ้าบ้านเบอร์ 56 ที่เราได้ วิวที่เห็นจะเป็นทะเลสุดลูกหูลูกตา
เดินผ่านบั้นท้ายบ้านทุกหลัง
ถึงห้องเราแล้ว ^^
เปิดประตูเข้าไป ผั้ว!! สุขสมอารมณ์หมาย ^^ ห้องไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็แบ่งสัดส่วนได้ดี มีมุมนั่งเล่น โต๊ะทำงานซึ่งได้ใช้นั่งทำงานด่วนด้วยนะเออ
ห้องน้ำใหญ่มาก เปิดเข้าได้ 2 ทาง มีอ่างตรงกลางซึ่งก็ได้นอนแช่น้ำอุ่นด้วย สบายอ่า มีห้องอาบน้ำและห้องส้วมอยู่ริมๆ สามารถมองวิวทะเลตอนปลดทุกข์ได้ด้วย 555
ที่นี้ก็มี amenities ให้พร้อมทุกอย่างตามมาตรฐานโรงแรม
มาดู mini bar หน่อย ก็มีน้ำดื่มให้ 4 ขวด เติมทุกวัน มีชา กาแฟ เครื่องทำกาแฟ และน้ำ ขนมในตู้เย็นหรือในห้อง ทานได้ฟรีทุกอย่าง
โทรทัศน์ที่นี้ดูช่อง 3 บ้านเราได้ด้วยนะ ไปช่วงบ่วงบาปจะจบพอดี ปกติไม่ได้ดูหรอก แต่ก็แอบ in trend จะได้ไปเมาท์ตอนจบกะเพื่อนๆ ได้ อิ อิ
สำหรับสภาพบ้านพัก เราว่ามันโทรมนะสำหรับ resort ที่เปิดใหม่มา 3 ปีเอง มีร่องรอยพื้นแตก ผนังลอก ไรงี้ แต่ก็ไม่ได้เป็นสาระสำคัญ เพราะที่เรามานี่ หัวใจสำคัญคือสิ่งนี้ต่างหาก ได้เวลาออกไปพบ highlight ของงานนี้กันแล้ว
เปิดออกไประเบียง ในความเป็นจริง พอเข้าบ้านเรา 2 คนกระโดดไประเบียงเรียบร้อยแล้ว 555 ระเบียงมี 2 steps ออกไปเป็นที่ร่มก่อน มีโต๊ะให้นั่งเล่น ซึ่งเราใช้ตามผ้า
ชะเง้อไปมองวิวจากระเบียงแว่บนึงก่อนปีนขึ้นไประเบียงชั้นสอง
มีบันไดให้ขึ้นไปชมวิวจากมุมสูง ซึ่งเราชอบการออกแบบนี้มาก เพราะวิวจากมุมสูงเป็นอะไรที่โคตรสวย
ดูวิวจากมุมสูงนะ สวยค่อดๆๆๆ เห็นสีตัดกัน 2 สี ตรงเข้มๆ เป็นปะการังทั้งหมด น้ำใสมาก แต่มีคลื่นตลอดทำให้ถ่ายรูปมามองไม่เห็นด้านล่างชัดเท่าเวลามองด้วยตาเนื้อ ;P
จะบอกว่านอนถ่ายรุปมุมนี้ทุกวัน หน้าใหม้ก็ไม่แคร์ 5555 วิวบ้านข้างๆ แบบทั้งหลัง
วิวทะเลสวยๆ ที่เป็นทะเลของเรา ไม่มีอะไรมาทำให้เกะกะสายตา ^^
ที่ระเบียงชั้นล่างมีบันได้ให้ลงไปดำน้ำ
เห็นน้ำแบบนี้ใครจะไปอดใจไหวละคะ โดดลงน้ำทั้ง 2 คนผัวเมียเลยค่ะ
น้ำใสแจ๋ว
. ^^ ได้ประเดิมใช้กล่องใต้น้ำ ซึ่งวันแรกที่ใช้ รูปเสียตรูม 5555
วันแรกที่ลงน้ำ บอกตรงๆ ว่ากลัว คือปะการังเยอะมากกกกกก ปลาก็หน้าตาแปลกๆ เต็มไปหมด แถมที่แค่เรา 2 คนที่ดำน้ำ มันดูเว้งๆ เราโดนปลาตอดด้วย มาตอดที่ไฝ จนหลังๆ ต้องดำน้ำไปปิดไฝไป กร้ากๆๆ วันแรกที่ลงน่าจะไม่ถึงชั่วโมง ว่ายไปไม่ไกลมาก กลัวอ่า แต่สวยนะ ปลาเยอะ แต่ถ่ายรูปมาทำไมมองไม่ค่อยเห็น 55555
ขึ้นจากน้ำมาก็นั่งชิวนอนชิวรอพระอาทิตย์ตกค่อยไปกินข้าว วันนั้นเมฆเยอะ เลยไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ตกน้ำแต่หายวัวไปกับเมฆ
หลังดื่มด่ำกับบรรยากาศ sunset เราก็ไปทานอาหารเย็นที่ Lotus Restaurant กัน เค้าจะจัด menu set เปลี่ยนไปทุกวัน วันที่เราไปกินเป็น set นี้ค่ะ
เริ่มด้วยไก่สะเต๊ะเป็น appetizer รสชาติดี อร่อย ตามด้วยแกงจืดเต้าหู้
กับข้าวมี 3 อย่างเป็นปลาผัดพริก เกียงเขียวหวาน ผัดผัก รสชาติดีทุกอย่าง ให้ปริมาณเยอะ กินจนพุงกางเลย
ตบด้วยของหวานเป็นข้าวเหนียวมะม่วง แต่มันต้องขโมยการออกแบบมาจากข้าวเหนียวทุเรียนแน่เลย น้ำกะทิท่วมซะ คุณสามีขอลอง Sparkling Wine แต่นะ สงสัยบ้านเราแพ้ alcohol ดื่มกันไม่เป็นจริงๆ
กลับบ้านหลับสบาย มีความสุขที่สุด รู้สึกแล้วว่าเหลืออีกแค่ 2 วันเองหรือนี่ 5555
ราตรีสวัสดิ์ ฟากฟ้า ทะเลฝัน และวันดีๆ ของเรา 2 คน :)
Create Date : 03 พฤษภาคม 2556 |
|
4 comments |
Last Update : 3 พฤษภาคม 2556 12:36:28 น. |
Counter : 5230 Pageviews. |
|
|
|
เห็นแล้วอยากกระโดดน้ำตามเข้าไปในรูปจริงๆ
รอตามไปเที่ยวต่อนะคะ :)