Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2552
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
31 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 
Trip ล้างอาถรรพ์ที่ Egypt-Jordan ตอน 4: ความอลังการของสุสานฟาโรห์

ตอน 4: การเดินทางวันที่สี่ 22 Sep 08: ลักซอร์ - ไคโร
(Valley of the King / วิหารเดลบาฮารี (Deir El-Bahari) / รูปสลักหินเมมน่อน / วิหารคาร์นัค (Karnak)



วันนี้ก็เป็นวันที่รอคอยอีกวัน เพราะอยากไปเยี่ยมชม Valley of the King มั่กๆๆ ตื่นแต่เช้ามาทาน breakfast อย่างมีความสุข แล้วก็ถ่ายรูปวิวสวยๆ ที่โรงแรมเสียหน่อย เมื่อคืน เราพักกันที่ Nile Palace Hotel ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Nile สวยมากๆ นี่เป็นรูปที่ถ่ายจากระเบียงห้อง ตอนเช้าตรู่ งามมากๆ ฝั่งตรงข้ามถ้าจำไม่ผิดก็คือแถวๆ Valley of The King ที่เราจะไปเที่ยวกันวันนี้ Balloon ที่ลอยๆ อยู่ ก็ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปแหละ แต่เราไม่ได้นั่งหรอกน่ะ





หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ก็เดินถ่ายรูปกันต่อ
ประเดิมด้วยรูปเด็จพ่อที่เก็กให้เราถ่ายอยู่ ชอบป้ายห้องน้ำเจงๆ
รูปล่างซ้ายมือเป็นรูปโรงแรม ที่เค้ากำลังสร้างเพิ่มชั้นบนๆ อยู่


ลงมาเดินริมน่ำแหละ ลมเย็นอากาศดี ผิดกะตอนกลางวันเจงๆ



และแล้วก็ได้เวลาเดินทางไปที่แรกแล้ว Valley of The King ที่ต้องจัดไว้ไปตอนเช้า เพราะไม่งั้นอากาศจะร้อนตับแตกมากๆ เนื่องจากเป็นภูเขาทะเลทราย และที่สำคัญเราต้องเดินๆๆๆ มุดลงไปใต้ภูเขาซึ่งเป็นสุสานของฟาโรห์ทั้งหลาย

ก่อนที่จะมี Valley of The King สุสานและสมบัติจะถูกสร้างและเก็บไว้ในปิระมิด เนื่องจากปิระมิดเป็นสถานปัตยกรรมขนาดใหญ่ เป็นจุดเด่น ทำให้คนสังเกตุเห็นได้ชัดและทุกคนก็รู้ว่ามีสมบัติอยู่ข้างใน ทำให้มีโจรได้เข้าไปขโมยทรัพย์สมบัติในปิระมิด ดังนั้นเลยเปลี่ยนจากการสร้างปิระมิด มาเป็นสร้างสุสานในหุบเขาแทน โดยการขุดเข้าไปในภูเขา แล้วก็ปิดซ่อนทางเข้าไว้

Valley of the King เป็นหุบผาที่เก็บพระศพของฟาโรห์ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ที่ 18 – ราชวงศ์ที่ 20 เป็นการเจาะช่องเข้าไปในภูเขา ปัจจุบันพบหลุมศพทั้งหมดประมาณ 65 หลุม ในแต่ละวันเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมไม่เหมือนกัน เช่น วันนี้อาจเปิดให้เข้าไปชมหลุมศพของฟาโรห์รามเสสที่ 1, 3 และ 9 ก็จะสลับกันไป

ดูจากรูปด้านล่าง ซึ่งเค้าทำให้นักท้องเที่ยวดู เห็นได้ชัดเลยว่า สุสานอยู่จุดไหนบ้าง และแต่ละที่มีการขุดลึกลงไปเท่าไหร่ มีกี่ห้อง น่าสนใจมากๆๆ ว่าคนสมัยก่อนเค้าเจาะภูเขาทำเป็นห้องมากมาย และขนของไปเก็บกันได้เยี่ยงไร



รถคันนี้จะพาเราข้างไปด้านในกันค่ะ รถจะจอดให้เดินเข้าไปต่ออีกนิดนึง ซึ่งเราก็ต้องลงตามสุสานที่เค้าเปิดในวันนั้นๆ รูปขวาล่างจะเห็นคนต่อคิวลงไปด้านในสุสานอยู่



นี่เป็นสุสานแรกที่เราจะลงไป ก่อนลงไป Guide ก็จะอธิบายให้ฟังก่อน แล้วก็ต้องต่อคิวลงไปน่ะ เค้าจะให้เข้าเป็นชุดๆ มีทางเข้าและทางออก ด้านในห้ามถ่ายภาพ และต้องเดินตามๆ กันไป ด้านในนอกจากมีทำเป็นห้องหลายๆ ห้องไว้เก็บพระศพ เก็บสมบัติ ก็มีแกะสลักตามผนังและเพดานเต็มไปหมด เป็นการเล่าประวัติของฟาโรห์องค์นั้นๆ ด้านใน Valley of The King มีบริการห้องน้ำด้วยเน้อ แต่เราไม่ได้ใช้บริการ….



หลังจากเราลงกันครบทั้ง 3 ที่ ก็เหลือเวลา ทำให้น่าเสียดายจริงๆ เพราะเราอยากเข้าไปชมสุสานของฟาโรห์ตุตันคามุนกันมากๆ แต่ต้องซื้อตั๋วแยกต่างหากจากด้านหน้าโน่นเลย ทีแรกเรากลัวไม่ทัน กลัวคนอื่นจะไม่รอ เลยไม่ได้ซื้อ ปรากฎเหลือเวลา จะขอซื้อตั๋วด้านในก็ไม่ได้ เลยได้แต่เข้าไปอ่านและดูภาพบรรยายสุสานตามภาพด้านล่าง



สุสานขององค์ฟาโรห์ตุตันคามุนยังไม่ถูกบุกรุกโดยโจรขโมยสมบัติน่ะ ฟาโรห์พระองค์นี้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก เนื่องจาก โฮเวิร์ด คาร์เตอร์ ภายใต้การสนับสนุนของลอร์ด คาร์โนวอล ขุดพบสุสานของพระองค์ในสภาพที่สมบูรณ์ และสมบัติอยู่ครบ พระศพของท่านก็อยู่ด้านในนี้ด้วย แต่สมบัติอื่นถูกเก็บไว้ที่ Museum ซึ่งเราได้มีโอกาสไปชมมากะตา ขอบอกว่าทึ่งโคดๆๆ โดยเฉพาะหน้ากากทองคำที่เลื่องลือ

อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ฟาโรห์พระองค์นี้มีชื่อเสียงโด่งดังก็คือความเชื่อเรื่อง คำสาปฟาโรห์ ที่จารึกอยู่บนผนังสุสานในทำนองที่ว่า หากผู้ใดรบกวนการหลับไหลของฟาโรห์จะได้รับโทษทัณฑ์อย่างสาสม ซึ่งหลังจากการเปิดสุสาน ผู้ที่เกี่ยวข้องในการเปิดสุสานของกษัตริย์หนุ่ม ต่างก็ตกตายไปตามกันในเวลาอันไม่ห่างกันนัก ซึ่งไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องบังเอิญ หรือ เกิดจากคำสาปก็ดี แต่องค์ประกอบทั้งหมด ต่างก็ทำให้พระนามของ ฟาโรห์ ตุตันคามุน นี้มีชื่อเสียงระบือไปทั่วโลกหลังจากกว่าสามพันปีที่พระองค์สวรรคต


สถานที่ต่อไปที่เราไปกันคือ วิหารเดลบาฮารี (Deir El-Bahari) เป็นวิหารที่พระนางฮัทเชปซุท สร้างไว้เพื่อเป็นหลักฐานเพื่อพิสูจน์ว่าพระนางสืบเชื้อสายมาจากเทพ และสามารถขึ้นเป็นฟาโรห์ได้

ฮัตเชปซุตเป็นที่รู้จักกันดีในนาม “ราชินีมีเครา” เพราะตลอดเวลาที่ปรากฏตัวต่อสาธารณะ พระนางทรงเครื่องทรงของบุรุษ และมีเคราปลอมสวม เพื่อความสะดวกในการขึ้นเป็นฟาโรห์ปกครองอาณาจักรอียิปต์ในช่วงปีที่ 1479-1458 ก่อนคริสต์ศักราช (ประมาณ 3,500 ปีก่อน) หลังฟาโรห์ทุตโมซิสที่ 2 (Tuthmosis II) ซึ่งเป็นทั้งน้องชายต่างมารดาและพระสวามีสิ้นพระชนม์ลง

“ฮัตเชปซุต” สถาปนาตัวเองเป็นฟาโรห์หญิงองค์แรกและองค์เดียวของอียิปต์ นับเป็นสตรีผู้ทรงอำนาจคนแรกแห่งโลกโบราณ มีอิทธิพลมากกว่าราชินีเนเฟอร์ติตี (Nefertiti) เสียอีก

สวยเนอะ แต่เหนื่อยแฮ่กมากๆ กว่าจะเดินไปถึง


ภายในมีรูปวาดเกี่ยวกับการที่พระนางมีบิดามารดาเป็นเทพ และสืบเชื้อสายมาโดยตรง นอกจากนี้ยังมีรูปปั้น (รูปแกะสลักหิน) เป็นรูปพระนางอยู่ในท่ายืนเอามือวางบนหน้าอก เหมือนที่ฟาโรห์องค์อื่นๆสร้าง เพื่อเป็นการยืนยันการเป็นฟาโรห์ของพระนาง

เรากะพี่สาวโดนผู้ชายคนนี้มาหลอกทำเป็นใจดี มาโพกหัวให้ ถ่ายรูปคู่ด้วยและพาไปขอพร โดยสอนทำท่าเหมือนรูปขวาล่าง และแล้วก็จบด้วยการขอเงิน พอให้ไปรอบแรก มีไม่พอน่ะ ขอเพิ่มด้วย เลยต้องให้ไปตัดรำคาญ




จากที่นี้ เราก็แวะไปถ่ายรูปกับ รูปสลักหินเมมน่อน ซึ่งเป็นรูปสลักหิน 2 ตัวอยู่ในท่านั่ง เชื่อว่าเป็นรูปสลักของเมมน่อนที่ไปรบและเสียชีวิตในสงครามที่ทรอย เมื่อแม่ของเขารู้ก็เสียใจมาก จึงภาวนากับเทพเพื่อให้เจอลูกอีกครั้ง เทพจึงประทานให้ได้เจอกับที่นี่ แม่ของเจาจึงสร้างวิหารไว้เป็นการบูชาเทพ แต่ปัจจุบันพังทลายจนเหลือแค่รูปสลัก 2 ตัวนี้เท่านั้น จริงๆ เป็นวิหารของฟาโรห์อเมนโฮเทปที่ 3 ที่ทรงสร้างไว้ประกาศความยิ่งใหญ่ของพระองค์ แต่ปัจจุบันส่วนที่เป็นวิหารไม่มีแล้ว เหลือแค่รูปสลัก 2 ตัวนี้เท่านั้น




และที่สุดท้ายที่เราไปกันวันนี้ (อย่างเหนื่อยแฮ่ก) คือ วิหารคาร์นัค (Karnak) เป็นวิหารสไตล์อียิปต์โบราณ สร้างขึ้นถวายเทพอามุน – รา โดยกษัตริย์หลายพระองค์ เช่น ฟาโรห์เซติที่ 1, ฟาโรห์รามเสสที่ 2, พระนางฮัทเชปซุท ด้านหน้ามีถนนสฟิงค์หัวแกะ ยาว 3 กิโลเมตร เชื่อมระหว่างวิหารคาร์นัคและวิหารลักซอร์ ในบริเวณวิหารมี pylon และเสาโอเบลิสก์หลายแห่ง แต่เกิดน้ำท่วมแม่น้ำไนล์ในช่วงปี 1800 ทำให้วิหารเสียหาย ปัจจุบันได้บูรณะขึ้นมาใหม่แล้ว






คืนนี้เราจะบินกลับไปเที่ยวที่ไคโรกัน แต่ก่อนจะไปทานข้างเย็นและขึ้นเครื่อง เราไปแวะดูการทำกระดาษปาปิรุสกันก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าทึ่งอีกแล้ว ว่าคนสมัยก่อนทำไมถึงได้ช่างคิดกันนัก เพราะมันไม่ได้ทำง่ายๆ เลย จำไม่ค่อยได้แล้ว เอาแบบคร่าวๆ น่ะ เค้าจะเอาไอ้ต้นเขียวๆ เนี่ย มาลอกออกเป็นเส้นๆ เอาไปแช่น้ำให้พอง แล้วเอามาตากให้แห้ง หลังจากนั้น ก็เอามาต่อกันหลายๆ แผ่นแล้วทับให้มันรวมเป็นแผ่นใหญ่ๆ ซึ่งก็กลายเป็นกระดาษ



แหม…ไปไหนก็ต้องเจอเครื่องหมาย Ramadan เราก็อดถ่ายรูปคู่ไม่ได้ ทำท่าว่าห้ามกินน่ะ ไม่ใช่ห้ามคุย ไปถึง Airport แล้วเจอเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้น นั่นคือไฟดับซะงั้น




ต่อตอน 5 ที่นี้เลย
ตอน 5: กลับ Cairo ชม Museum และล่องแม่น้ำไนล์


Create Date : 31 พฤษภาคม 2552
Last Update : 1 มิถุนายน 2552 6:13:00 น. 1 comments
Counter : 1314 Pageviews.

 
ดีจังเลยรูปสวยมากเลยคร้าบบบบบบบ


โดย: huda IP: 115.67.161.169 วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:23:12:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

จ้าว..จอม
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]




เมื่อชั้นอยาก

"บอกรักลูกผ่านตัวหนังสือ"

blog นี้จึงได้บังเกิดขึ้นมาเพื่อหมูเรย์ของหม๊ามี๊


Lilypie Premature Baby tickers


วันนี้คุณ "ใจเย็น" แล้วหรือยัง?

อิ อิ ตอนนี้ทำไอติม homemade เสริฟ์ด้วยน่ะเพื่อนๆ
แวะมาใจเย็นกันได้น่ะจ้ะ จุ้บ จุ้บ :)

Friends' blogs
[Add จ้าว..จอม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.