อาทิตย์ที่แสนจะเหนื่อยหน่าย
27 ก.พ. 2009
ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรมีความรู้สึกเหมือนกับแบกโลกทั้งโลกอยู่บนบ่าตัวเองไม่มีอารมณ์อยากจะทำอะไรทั้งสิ้น เข้ามาใน blog ของตัวเองทั้งๆที่มีเรื่องอยู่อีกเยอะแยะในหัวสมองที่อยากจะเขียนแต่มันเขียนไม่ออกไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นด้วยอะไรดี สงสัยปีนี้คงจะเป็นปีซวยของเราก็อาจจะเป็นได้ จำได้ว่าอ่านเรื่องหมอดูใน bloggang นี่แหละแต่จำไม่ได้ว่าเป็นของใคร เค้าบอกว่าปีนี้ ปีวัวกับปีแพะไม่ถูกกัน เราเกิดปีแพะมิน่าเล่าไอ้เพื่อนร่วมงานคนใหม่เขาก็ปีวัว แฟนเราก็ปีวัว ดูท่าว่ามันจะไปไม่รอดซะแล้วปีนี้ พยายามอยู่ทุกวี่ทุกวันที่จะไม่เอ่ยคำพูดอะไรทั้งสิ้นถ้าไม่จำเป็น ตอนนี้จากที่นับ 1 ถึง 10 ก็เพื่มมาเป็น 1 ถึง 100 เพราะถ้าถูกถามว่าทำไมเราถึงไม่ตอบเมื่อถูกผู้ร่วมงานหรือแฟนถาม ก็ต้องแก้ตัวว่าตอนนี้หัวสมองกำลัง re-install a new version of thinking from Mars เพราะเมื่อคืนฝันไปว่าถูก Aliens มันมาดูดเอาหัวสมองเก่าออกไปเพราะฉะนั้น reaction มันคงอาจจะช้าไปหน่อย ทั้งนี้เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามคิดว่าเป็นเรื่องตลกไป
วันนี้ทานอาหารกลางวันที่ทำงานเพราะนัดกับเพื่อนร่วมงานที่แผนกเก่าก่อนที่จะย้ายไปทำที่ใหม่เพื่อที่จะระบายซึ่งกันและกันเกี่ยวกับเรื่องงานในแผนกที่ทำกันอยู่ บังเอิญได้เจอน้องคนไทยที่ทำงานอยู่ในห้องอาหารก็ทักทายไต่ถามถึงทุกข์สุขซึ่งสีหน้าของน้องเองก็ไม่ค่อยจะสบายเอาซะเลย น้องเขาก็ถามเราว่า " พี่...ไป holiday หรือหมู่นี้ไม่เคยเจอหน้าเลย" " เปล่าหรอก...พี่ก็มาทำงานทุกวันแหละแต่ตอนนี้ต้องประหยัดหน่อยก็เลยเอาอาหารกลางว้นมาทานเอง เพราะดูรายการอาหารทาง Intranet แล้วมันดูไม่ค่อยจะถูกปาก แต่วันนี้พี่มีนัดกับเพื่อนที่แผนกเก่าเลยลงมาทานที่นี่" " พี่....วันนี้มีผัดไทยนะ แต่จะเป็นผัดแบบไทยหรือแบบสวีดิชพี่..ไปชิมดูเอาก็แล้วกัน"
เราก็บอกกับน้องเค้าว่าเดี๋ยวถ้าวันไหนเห็นพี่นั่งคนเดียวถ้ามีเวลาก็มานั่งคุยกัน จากนั้นก็เดินไปจะตักอาหารดูที่ป้ายเค้าเขียนว่า Phad Thai ไอ้เราก็มองอีกรอบไปที่ป้ายเพราะไม่แน่ใจว่าเค้าจัดป้ายสับผิดที่หรือเปล่าเพราะที่เราเห็นคือเส้นบะหมี่เหลืองผัดกับผักต่างชนิดแล้วก็มีน้ำซ้อสอีกต่างหาก หลังจากที่ยืนงงได้ประมาณ 5 นาทีก็ได้ยินเสียงหัวเราะของน้องใกล้เข้ามา เราก็หันไปมองน้องเค้าก็เอ่ยขึ้นมาว่า
" นี่แหละพี่ ผัดไทยที่หนูบอก " เราก็เลยถามกลับไปว่า " แล้วหนูไม่ได้บอกกุ๊กคนทำหรือว่านี่มันไม่ใช่ผัดไทย ไหนใครเป็นหัวหน้ากุ๊กชี้ให้พี่ดูซิว่าใคร จะขอทำการเสวนาด้วยซักหน่อย" น้องเค้าเห็นเราท่าทางเอาจริงก็เลยบอกว่า " พี.. หนูไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวกับกุ๊กที่ทำอาหารร้อน พี่ไปส่ง complaint ในกล่องข้อความที่เค้าตั้งให้ดีกว่าเพราะหนูเองก็ไม่ชอบขี้หน้าไอ้หัวหน้าคนใหม่ มันปลดกุ๊กคนเก่าออก แล้วตอนนี้ตัวหนูเองก็ถูกลดระดับลงมาเป็นแค่ผู้ช่วยจากที่เคยเป็นตำแหน่งกุ๊กในด้านจัดอาหารจานเย็น ( คืออาหารประเภทสลัดและ sandwich )"
เราก็ถามน้องว่าถูกลดเงินเดือนรึเปล่า น้องก็บอกว่าเปล่า เราก็ได้แต่ปลอบน้องว่าชั่งมันเถอะตราบใดที่ยังมีงานทำก็นับว่าบุญแล้ว จากนั้นเราก็ไปนั่งทานอาหารกับเพื่อนแล้วก็เอ่ยว่า ชั้นเห็นเธอตักผัดไทยเหมือนกันแต่นี่มันไม่ใช่อาหารไทยนะ ตั้งแต่เกิดมาชั้นก็เพิ่งจะเห็นผัดไทยในสวีเดนเป็นแบบนี้แหละแถมมีน้ำซ้อสรสชาติเหมือนน้ำราดหมูสเต๊ะ นึกขึ้นได้ว่าน้องเค้าบอกว่ากุ๊กคนเก่าถูกออกแล้าคนใหม่ที่มาแทนเป็นคนมาเลเซีย เลยคิดว่าวันจันทร์จะต้องส่ง e-mail ไปที่ร้านอาหารผ่านทาง Intranet เพื่อที่จะให้เค้าได้รู้ว่าหรอกคนสวีดิชน่ะหรอกไปเถอะแต่ที่ทำงานนี้ก็ยังมีคนไทยอย่างชั้นที่ไม่อยากจะโดนหักเงินเดือนเพราะต้องมาเสียความรู้สึกกับอาหารกลางวันที่ทำงานที่จำเป็นต้องฝืนใจทาน
เนื่องจากที่ทำงานอยู่นอกเมือง พนักงานเกือบ 3000 คนเหมือนกับถูกบังคับอย่างตายตัวว่าจะต้องทานอาหารกลางวันที่ทำงาน ถ้าอยากจะทานอาหารข้างนอกก็ต้องขับรถหรือไม่ก็ต้องนั่งรถเมล์ไปอีกประมาณ 5 กิโลเมตร เพราะฉะนั้นที่ทำงานทุกวันนี้เหมือนกับคุกน้อยๆที่ต้องเดินเข้าเดินออกอยู่ทุกวันค่ะ เดี่๋ยววันหลังจะเอารูปที่ตึกที่ทำงานมาลงให้ดู
Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2552 |
|
3 comments |
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2552 7:47:55 น. |
Counter : 660 Pageviews. |
|
|
|