จุดเริ่มต้น
จุดเริ่มต้น เรื่องมันเริ่มตั้งแต่ปีหนึ่ง วันเข้าค่ายรับน้องเด็กปีหนึ่งทุกคนต้องย้ายเข้าไปอยู่หอในมันเป็นกฎของมหาลัยแล้วทีนี้เนี่ยวันย้ายของเข้าหอ เราก็เด็กตจว.นะ พอแม่มาส่งแล้วแม่ก็กลับ เราก็เลยไปขลุกอยู่ห้องเพื่อนกับเพื่อนแล้วก็ชวนกันไปเดินตลาดนัดข้างๆศูนย์แพทย์ก็เดินๆๆกันไปจนเข้าไปถึงในส่วนที่มันเข้าไปอยู่ด้านในเลยค่ะก็เดินคุยกะเพื่อนเดินแบบไม่ทันมองคนนะ เลยเดินชนกับผู้ชายคนหนึ่ง ตอนนั้นใส่ชุดธรรมดานะแต่ว่าก็ดูดีเลยเราก็แบบยิ้มๆให้แล้วก็ขอโทษค่ะ แล้วก็เดินมาโดยที่ไม่ได้หันไปมองเลยนะ แต่เพื่อนเรามันหันไปมองตลอดเลยจนเหลียวหลังแล้วก็มาพูดปนหัวเราะประมาณว่า"แก ผู้ชายคนนั้นยังมองแกอยู่เลย" เราก็แบบ มองฉันหรอไม่มั้งมองแกมากกว่า (เพราะเราไม่เคยคิดว่าตัวเองสวยรึน่ามองเลยนะ ก็ไม่ได้ใส่ใจไงคะวันนั้นเดินวนอยู่ 2 รอบ จนกลับมาที่เดิมก็เลยได้ทันสังเกตว่า ผู้ชายคนที่เราเดินชนไปน่ะ พี่แกนั่งคุยอยู่กะแม่ค้าร้านหนึ่งที่คุณเพื่อนมันเล็งแว่นกันแดดเข้าไว้พอเห็นเพื่อนมันก็ถลาเข้าไปเลย เราก็ตามแรงเพื่อนไปสรุปว่าผู้ชายคนนั้นเป็นหลานชายแม่ค้าเพราะแกมาช่วยขายของด้วย จนกระทั่งสองวันถัดมา มันเป็นวันที่เข้าค่ายรับน้องของมหาลัยแล้ววันก่อนหน้านั้นเราดันป่วยเพราะแพ้ฝุ่นและไซนัสค่ะ ก็ลากสังขารไปทำกิจกรรมสองวันเต็มๆที่เข้าค่ายเลย คืนวันที่สาม มันดึกแล้วฝนมันก็ตกแบบหนักมากๆเลยทุกคนก็วิ่งหลบฝนกัน เราก็วิ่งนะ แต่ด้วยความที่เหนื่อยและป่วยก็วูบไปเลยทีนี้เลยมารู้สึกตัวอีกทีที่ห้องฉุกเฉินที่ศูนย์แพทย์ แบบว่าลืมตาขึ้นมางงๆเจ็บๆด้วยพอสติกลับมาครอบก็หันไปมองเห็นตัวเองโดนให้น้ำเกลืออยู่แล้วก็มีพยาบาลเดินมาวัดความดันมองเลยไปเห็นอะไรรู้มั้ย เราเห็นผู้ชายคนที่เดินชนเมื่อวันก่อนในชุดกราวน์แพทย์ในใจตอนนั้นเราคิดว่า ไม่น่ามาป่วยเวลานี้เลย พอเค้ามองเห็นเราได้สติเค้าก็เดินตรงมาถามๆๆๆๆถามไม่หยุดเลย เราก็ตอบไปแบบงงๆแล้วเค้าก็ให้พยาบาลไปตามรุ่นพี่กะเพื่อนเรามาบอกว่าคืนนี้เค้าจะให้เรานอนพักที่ศูนย์แพทย์ตอนแรกก็ไม่ยอมนะบอกว่าน้ำเกลือหมดขวดจะกลับ เถียงกะแกเลยแหละจนเพื่อน(คนเดิม)นั่นแหละต้องบอกว่า เดี๋ยวน้ำเกลือหมดขวดก็โทรหาละกันจะปั่นจักรยานออกมารับแล้วก็เอาโทรศัพท์เรายัดใส่มือ(ใช้คำว่ายัด)แล้วก็กลับไปเพราะตอนนั้นทุกคนชื้นฝนพี่หมอคนนั้นก็เลยเดินมาสั่งอะไรซักอย่างกับพยาบาล แล้วก็มาบอกเราว่า งั้นก็นอนพักไปก่อนก็แล้วกันน้ำเกลือหมดขวดจะมาดูอีกทีแล้วพยาบาลก็มาฉีดยาอะไรให้ไม่รู้ซักพักก็หลับ ทีนี้ยาวเลยค่ะ ตื่นมาอีกที 8โมงเช้าวันรุ่งขึ้นเลย เราก็แบบโมโหแล้วนะตอนนั้นเพราะหันมาดูน้ำเกลือที่แขนเฮ้ยมันขวดใหม่แล้วนี่(ที่รู้เพราะว่ามันจะมีกระดาษเขียนกำกับไง) แล้วที่สำคัญคือเราไม่ได้นอนอยู่ในห้องฉุกเฉินเหมือนเมื่อคืนเราย้ายนิวาสถานตัวเองมาอยู่ห้องพิเศษซึ่งงงมากเลยตอนนั้น ควานหาโทรศัพท์ก็ไม่เจอ ตื่นมาในชุดคนไข้ซะดิบดีอีกต่างหากหันไปเห็นชาร์ตคนไข้เสียงอยู่ปลายเตียงก็เลยหยิบมาอ่าน ลงชื่อพี่แกกำกับไว้ด้วยนะ ทำไงละทีนี้ก็เลยกดกริ่งเรียกพยาบาล ก็ซักกับพี่พยาบาลเลย พี่พยาบาลเค้าก็บอกว่า อ๋อ...เมื่อคืนหมอคนนั้นน่ะเค้าเซ็นแอทมิทเรียบร้อยแล้วแล้วก็ให้พยาบาลมาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ตอนเราหลับ - -ถ้าอยากคุยอะไรก็รอถามหมอเอาเองเดี๋ยวก็มา เพราะมีราวน์วอร์ดเช้า เราเลยถามเรื่องโทรศัพท์พี่พยาบาลบอกเค้าไม่เห็นนะ เดี๋ยวจริงๆ เพราะพอพี่พยาบาลเดินออกไปซักไมถึงห้านาทีพี่หมอแกก็เดินหน้านิ่งๆเข้ามาเลยมาเอาชาร์ตที่ปลายเตียงไปอ่าน แล้วก็บอกว่านอนพักซักคืนสองคืนให้ร่างกายมันหายดีก่อนแล้วค่อยกลับก็แล้วกัน เราเลยสวนกลับไปเลยว่าอ้าวแล้วรับน้องล่ะ เค้าก็บอกเดี๋ยวเซนต์ใบรับรองแพทย์ให้ แล้วก็เอาโทรศัพท์วางไว้ให้โต๊ะข้างๆเตียงแล้วก็หันมายิ้มให้เราก่อนจะบอกว่า อย่าทำหน้ายับ เดี๋ยวไม่สวย แล้วก็เดินออกไป เราก็เหวอกินสิ พอบ่ายวันนั้น น้ำเกลือหมดขวด ก็แผลฤทธิ์ขอหมอเวรบ่ายกลับเลยค่ะไม่อยู่แล้ว รู้สึกแปลกๆมากๆเลย ทั้งสายตาทั้งคำพูด แต่พอกลับมารับน้องเราก็แบบทำเป็นลืมๆไปซะ เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว นางมารน้ำผึ้ง
Create Date : 04 พฤษภาคม 2555 |
Last Update : 4 พฤษภาคม 2555 22:07:33 น. |
|
1 comments
|
Counter : 336 Pageviews. |
|
|