สาวน้อยขี้โรค


Photobucket - Video and Image Hosting


สาวน้อยขี้โรค

                     หลังจากจบกิจกรรมเข้าค่ายรับน้อง ชีวิตนิสิตหอใน ก็เริ่มต้นขึ้นอย่างมึนๆงงๆ การปรับตัวใหม่เป็นเรื่องที่ยากและต้องอาศัยเวลาแต่สิ่งที่ไม่ต้องอาศัยเวลาคือ อาการป่วย มันนึกอยากจะป่วยเมื่อไรมันก็ป่วย แล้วยิ่งเปิดเทอมเดือนมิถุนาไม่ต้องพูดถึงเลย ฝนกระหน่ำยิ่งกว่าอะไรดี ตกมันทุกวัน แล้วมหาลัยก็กว้างงงงงงงงงโคตร จักรยานก็ปั่นไม่เป็น ไม่เคยหัดกะใครเค้า จะไปไหนแต่ละทีต้องเกาะเพื่อนไปจนสุดท้าย เพื่อนมันรำคาญ ไม่ต้องขอให้พาไป มันลากไปเอง

                     แต่ด้วยความที่กระหม่อมบางโดนฝนนิดๆหน่อยๆก็ป่วย เป็นหวัดบ้าง ไข้ขึ้นบ้าง แล้วก็ดื้อ ยามีก็ไม่กินชอบที่สุดก็คือ ปั่นจักรยานกับเดินตากฝน ยิ่งกว่านางเอกมิวสิคอีกจริงๆแล้วทำแบบนี้มันสบายดีออกนะ ปล่อยให้สายฝนเย็นๆมันล้างเอาเรื่องราวทุกอย่างออกไปจากใจเราซักพักหนึ่งก็ยังดี แล้วตากฝนเสร็จก็ไม่อาบน้ำสระผมด้วยปล่อยให้มันแห้งไปแบบนั้นแหละ หนักเข้าๆป่วยบ่อยๆเข้าพอไปเจออากาศที่มันเปลี่ยนบ่อยๆ จมูกเขียวเลย ปวดจมูกมาก ใครเป็นไซนัสน่าจะรู้ว่าเวลาปวดมากๆแล้วจมูกมันจะเขียวเป็นเรื่องปรกติ เป็นจนชิน แต่คนไม่เคยเจอ มันตกใจน่ะสิ

                    นั่งเรียนอยู่ดีๆคาบบ่าย ฝนตกพรำๆ ทำกิจกรรมไปเรียนไป ปวดหัวตึบๆ มึนๆ เบลอๆ อยู่ดีๆ แอร์ตกลงหัวงานเข้าทันทีเลย ปวดจมูกมาก มึนๆ เพื่อนหันมาเห็นเอามือถูจมูกพอดีเลย มันบอก

“จมูกเขียวเป็นอะไร”

“ไซนัส”

                     แค่นั้นแหละว่าที่คุณหมอทั้งหลายจัดแจงตะโกนบอกอาจารย์ แล้วก็หิ้วฉันไปโยนไว้ศูนย์แพทย์

                     บ่ายสามโมงเย็น ถึงห้องฉุกเฉินได้ด้วยความที่คุณพี่พยาบาลผู้น่ารักกลัวจะเป็นลม เลยจับดันขึ้นไปนอนรอหมอบนเตียงแล้วก็จัดแจงรูดม่านปิดให้ด้วยพร้อมสั่ง นอนพัก จะเป็นลมให้ตะโกนเรียก พออยู่คนเดียวเงียบๆ(จริงๆมันก็ไม่เงียบหรอกอิกลุ่มก๊วนเพื่อนมันก็จ้องแจ้กๆอยู่ข้างๆเตียงแหละ) ก็เริ่มคิด มันยังไม่เลิกเรียนนะแล้วหางตาก็เหลือบไปเห็น รุ่นพี่อินเทิร์นเดินเข้ามาไวๆ นึกในใจโลกมันจะกลมมั้ยวะเนี่ย อย่าให้เจอเลยเพี้ยงๆ

                     นอนอยู่ซักพักพี่พยาบาลเดินมาบอก ไปหาหมอทางโน้นค่ะ ไอ้เราก็หันหน้ามองเพื่อนงงๆขมวดคิ้วมุ่นๆถาม

“ไปทางไหนคะ”แล้วพี่แกก็ชี้ๆไปส่งๆ ก็เดินงงๆไปกันสามคน ก็เจอหมอนั่งอยู่ก็สวัสดีแบบงงๆแล้วพี่แกก็ หยิบชาร์ตคนไข้มาเปิดดู แล้วก็จดๆอะไรไม่รู้ ซักพักเปิดย้อนกลับไปหน้าเก่าๆ แล้วกดโทรศัพท์แล้วก็พูดอะไรไม่รู้ไม่ทันฟัง จากนั้นก็บอกเดี๋ยวน้องกลับไปนั่งรอที่เดิมก่อนนะ เดี๋ยวพี่ตามไป

                     อ่านไม่ผิดค่ะเพราะคนที่ตรวจน่ะ เป็นนิสิตแพทย์ปี 4 ชื่อวิชา คลินิก นิสิตแพทย์เค้าจะขึ้นเวรที่ห้องตรวจคนไข้ต่างๆสลับวอร์ดกันไป เพราะงั้นบางคนจึงแทนตัวเองว่าพี่กับนิสิตซึ่งเป็นคนไข้ บางคนเป็นอาจารย์แล้วยังเรียกแทนตัวเองว่าพี่เลยเคยแอบได้ยินมา กร๊ากกกกก

lozocat

                     นั่งรอไปรอมามันปวดทั้งหัว ปวดทั้งจมูก แล้วด้วยความที่ไม่ชอบรออะไรก็เอาล่ะ เริ่มหน้านิ่วคิ้วขมวด ตาจิก องค์เริ่มจะลงละ หันไปคว้ามือถือในมือเพื่อนมากด จิ้มๆไปสองสามทีได้ยินเสียงคนเดินมาเพื่อนมันก็สะกิดแล้วก็

“เมิงๆหมอเมิงมาละ” ด้วยความโง่ ไม่ทันฟังให้ที ได้ยินเพื่อนบอก หมอมาแล้วก็ส่งมือถือคืนเพื่อน แล้วก็หันไปมองหน้าหมอ หมอก็ถาม ทำไมทำหน้าแบบนั้น ปวดมากแอทมิทมั้ย เราก็ยืนยัน ไม่ค่ะ เสียงแข็งมากเลยตอนนั้น แล้วหมอก็นั่ง บอก

“รอเดี๋ยวนะตาหมออีกคนอยู่” เราก็งง ตามทำไมวะคะ แล้วก็ได้ยินเสียงประตูห้องฉุกเฉินเปิดมาคือตอนนั้น ข้างนอกฝนตกแล้ว มองลอดกระจกออกไปเห็นเลยว่าฝนกระหน่ำมากหันไปเห็นอิคนที่เพิ่งวิ่งฝ่าฝนเข้ามา เกิดอาการ ไม่มองหน้าใครเลยตอนนั้น คิดในใจอุส่าห์ว่าจะรอดแล้วเชียวนะ เฮ้อ มาถึง คนเหมือนจะตัวเปียกก็เดินดุ่มๆตรงมาหาพี่หมอคนที่ตรวจเราอยู่ก่อนเลยแล้วก็เอาชาร์ตคนไข้ไปดู เราก็ไม่ถามนะ แต่มองด้วยความสงสัยแผดเผาไปทะลุท่านทั้งสอง สุดท้าย ก็มีคนทนไม่ไหว

“พอดีในชาร์ตมีประวัติเคยแอทมิทเลยตาหมอเจ้าของไข้คนเก่ามาดู” อืม เหตุผลพอฟังได้

“ปวดมากมั้ย”คนมาใหม่ถาม ส่วนคนไข้ก็ตอบหน้านิ่งๆค่ะ

“มากค่ะแต่ขอยากินแล้วกลับเลยได้มั้ย” เมื่อเจอถ้อยคำที่แสนจะไม่น่ารัก(เพื่อนด่ามา)แล้วสองคุณหมอก็หันไปมองหน้ากันพลางหัวเราะ แล้วก็กระซิบกันจับใจความได้ประมาณว่า

“แล้วแต่พี่นะคราวก่อนเขามาเพราะไข้ ความดันต่ำบวกเป็นลม เลยแอทมิท”

“งั้นเอายาไปกินก็แล้วกันกลับไปนอนพักเยอะด้วยนะ”

              โอเคจบซะทีสั่งยาเสร็จ ก็เดินมึนๆ หัวเบาๆออกไปจากห้องตรวจเดินช้าจนเพื่อนต้องจับยัดลงเก้าอี้แล้วไปเอายามาให้ ฝนมันก็ตก มองหน้ากันละทีนี้ตอนมา มากันได้ ปั่นจักรยานมาสามคัน ขากลับ ฝนมันตกอิคนป่วยไม่เจียมสังขารก็จะแย่ละ เอาไงดีละทีนี้

นั่งคิดมองหน้ากันสามสี่คนจนปัญญา ซักพักนึง คนในห้องฉุกเฉินเดินออกมา เดินเลยผ่านไปทำเป็นไม่สนใจเราด้วยนะ เราก็ อะไรวะคะ ผ่านไป ฝนกำลังจะเริ่มซาเมฆยังครึ้มจำได้ติดตา คนบางคนเดินกางร่มมากลับเข้ามาแล้วเดินมาบอก

“เดี๋ยวไปส่ง”เท่านั้นแหละ อิคุณเพื่อนที่รักกันม๊ากก็รีบจับฉันยัดใส่รถเค้าทันที (อิพวกใจง่ายไม่ได้ห่วงสวัสดิภาพกันเลยนะ) พอขึ้นรถเสร็จ มันก็หนาว หันไปมองหน้า จะบอกดีมั้ยวะเอามือลูบแขนสองที คนขับก็หรี่แอร์แล้วพี่แกก็ขับรถช้าได้ยิ่งกว่าเต่าขาหักพยายามหัดเดินเสียอีก ว๊ากจากศูนย์แพทย์ถึงหอพัก ปรกติระยะเวลาไม่เกิน 10 นาทีก็ถึง นี่ฝนก็ซาแล้วถึงจะเม็ดใหญ่และเมฆครึ้มก็เถอะ ขับรถปาเข้าไปเกือบครึ่งชั่วโมงพอถึงหอเท่านั้นแหละ กวาดข้าวของอันได้แก้ กระเป๋าสะพายกับถุงใส่ยาสีขาวสะอาดตาไปกองรวมไว้มือหนึ่ง อีกมือก็เปิดประตูรถกำลังจะก้าวลงจากรถ หูก็พลันได้ยินเสียงอะไรแว่วเลยนิ่งฟัง

“อากาศมันแย่ดูแลตัวเองด้วยล่ะ” แล้วก็รีบยกมือไหว้ขอบคุณ จากนั้นก็วิ่งแนบขึ้นห้องไปเลย

lozocat

เขียนในวันฝนพรำ ความทรงจำยังคงไม่ลืมเลือน

นางมารตัวน้อย




 

Create Date : 08 พฤษภาคม 2555    
Last Update : 8 พฤษภาคม 2555 14:23:03 น.
Counter : 770 Pageviews.  

จุดเริ่มต้น

จุดเริ่มต้น

                 เรื่องมันเริ่มตั้งแต่ปีหนึ่ง วันเข้าค่ายรับน้องเด็กปีหนึ่งทุกคนต้องย้ายเข้าไปอยู่หอในมันเป็นกฎของมหาลัยแล้วทีนี้เนี่ยวันย้ายของเข้าหอ เราก็เด็กตจว.นะ พอแม่มาส่งแล้วแม่ก็กลับ เราก็เลยไปขลุกอยู่ห้องเพื่อนกับเพื่อนแล้วก็ชวนกันไปเดินตลาดนัดข้างๆศูนย์แพทย์ก็เดินๆๆกันไปจนเข้าไปถึงในส่วนที่มันเข้าไปอยู่ด้านในเลยค่ะก็เดินคุยกะเพื่อนเดินแบบไม่ทันมองคนนะ เลยเดินชนกับผู้ชายคนหนึ่ง ตอนนั้นใส่ชุดธรรมดานะแต่ว่าก็ดูดีเลยเราก็แบบยิ้มๆให้แล้วก็ขอโทษค่ะ แล้วก็เดินมาโดยที่ไม่ได้หันไปมองเลยนะ แต่เพื่อนเรามันหันไปมองตลอดเลยจนเหลียวหลังแล้วก็มาพูดปนหัวเราะประมาณว่า"แก ผู้ชายคนนั้นยังมองแกอยู่เลย" เราก็แบบ มองฉันหรอไม่มั้งมองแกมากกว่า (เพราะเราไม่เคยคิดว่าตัวเองสวยรึน่ามองเลยนะ ก็ไม่ได้ใส่ใจไงคะวันนั้นเดินวนอยู่ 2 รอบ จนกลับมาที่เดิมก็เลยได้ทันสังเกตว่า ผู้ชายคนที่เราเดินชนไปน่ะ พี่แกนั่งคุยอยู่กะแม่ค้าร้านหนึ่งที่คุณเพื่อนมันเล็งแว่นกันแดดเข้าไว้พอเห็นเพื่อนมันก็ถลาเข้าไปเลย เราก็ตามแรงเพื่อนไปสรุปว่าผู้ชายคนนั้นเป็นหลานชายแม่ค้าเพราะแกมาช่วยขายของด้วย

                       จนกระทั่งสองวันถัดมา มันเป็นวันที่เข้าค่ายรับน้องของมหาลัยแล้ววันก่อนหน้านั้นเราดันป่วยเพราะแพ้ฝุ่นและไซนัสค่ะ ก็ลากสังขารไปทำกิจกรรมสองวันเต็มๆที่เข้าค่ายเลย คืนวันที่สาม มันดึกแล้วฝนมันก็ตกแบบหนักมากๆเลยทุกคนก็วิ่งหลบฝนกัน เราก็วิ่งนะ แต่ด้วยความที่เหนื่อยและป่วยก็วูบไปเลยทีนี้เลยมารู้สึกตัวอีกทีที่ห้องฉุกเฉินที่ศูนย์แพทย์ แบบว่าลืมตาขึ้นมางงๆเจ็บๆด้วยพอสติกลับมาครอบก็หันไปมองเห็นตัวเองโดนให้น้ำเกลืออยู่แล้วก็มีพยาบาลเดินมาวัดความดันมองเลยไปเห็นอะไรรู้มั้ย เราเห็นผู้ชายคนที่เดินชนเมื่อวันก่อนในชุดกราวน์แพทย์ในใจตอนนั้นเราคิดว่า ไม่น่ามาป่วยเวลานี้เลย พอเค้ามองเห็นเราได้สติเค้าก็เดินตรงมาถามๆๆๆๆถามไม่หยุดเลย เราก็ตอบไปแบบงงๆแล้วเค้าก็ให้พยาบาลไปตามรุ่นพี่กะเพื่อนเรามาบอกว่าคืนนี้เค้าจะให้เรานอนพักที่ศูนย์แพทย์ตอนแรกก็ไม่ยอมนะบอกว่าน้ำเกลือหมดขวดจะกลับ เถียงกะแกเลยแหละจนเพื่อน(คนเดิม)นั่นแหละต้องบอกว่า เดี๋ยวน้ำเกลือหมดขวดก็โทรหาละกันจะปั่นจักรยานออกมารับแล้วก็เอาโทรศัพท์เรายัดใส่มือ(ใช้คำว่ายัด)แล้วก็กลับไปเพราะตอนนั้นทุกคนชื้นฝนพี่หมอคนนั้นก็เลยเดินมาสั่งอะไรซักอย่างกับพยาบาล แล้วก็มาบอกเราว่า งั้นก็นอนพักไปก่อนก็แล้วกันน้ำเกลือหมดขวดจะมาดูอีกทีแล้วพยาบาลก็มาฉีดยาอะไรให้ไม่รู้ซักพักก็หลับ ทีนี้ยาวเลยค่ะ ตื่นมาอีกที 8โมงเช้าวันรุ่งขึ้นเลย เราก็แบบโมโหแล้วนะตอนนั้นเพราะหันมาดูน้ำเกลือที่แขนเฮ้ยมันขวดใหม่แล้วนี่(ที่รู้เพราะว่ามันจะมีกระดาษเขียนกำกับไง) แล้วที่สำคัญคือเราไม่ได้นอนอยู่ในห้องฉุกเฉินเหมือนเมื่อคืนเราย้ายนิวาสถานตัวเองมาอยู่ห้องพิเศษซึ่งงงมากเลยตอนนั้น ควานหาโทรศัพท์ก็ไม่เจอ ตื่นมาในชุดคนไข้ซะดิบดีอีกต่างหากหันไปเห็นชาร์ตคนไข้เสียงอยู่ปลายเตียงก็เลยหยิบมาอ่าน ลงชื่อพี่แกกำกับไว้ด้วยนะ ทำไงละทีนี้ก็เลยกดกริ่งเรียกพยาบาล ก็ซักกับพี่พยาบาลเลย พี่พยาบาลเค้าก็บอกว่า อ๋อ...เมื่อคืนหมอคนนั้นน่ะเค้าเซ็นแอทมิทเรียบร้อยแล้วแล้วก็ให้พยาบาลมาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ตอนเราหลับ - -ถ้าอยากคุยอะไรก็รอถามหมอเอาเองเดี๋ยวก็มา เพราะมีราวน์วอร์ดเช้า เราเลยถามเรื่องโทรศัพท์พี่พยาบาลบอกเค้าไม่เห็นนะ

                เดี๋ยวจริงๆ เพราะพอพี่พยาบาลเดินออกไปซักไมถึงห้านาทีพี่หมอแกก็เดินหน้านิ่งๆเข้ามาเลยมาเอาชาร์ตที่ปลายเตียงไปอ่าน แล้วก็บอกว่านอนพักซักคืนสองคืนให้ร่างกายมันหายดีก่อนแล้วค่อยกลับก็แล้วกัน เราเลยสวนกลับไปเลยว่าอ้าวแล้วรับน้องล่ะ เค้าก็บอกเดี๋ยวเซนต์ใบรับรองแพทย์ให้ แล้วก็เอาโทรศัพท์วางไว้ให้โต๊ะข้างๆเตียงแล้วก็หันมายิ้มให้เราก่อนจะบอกว่า “อย่าทำหน้ายับ เดี๋ยวไม่สวย” แล้วก็เดินออกไป เราก็เหวอกินสิ พอบ่ายวันนั้น น้ำเกลือหมดขวด ก็แผลฤทธิ์ขอหมอเวรบ่ายกลับเลยค่ะไม่อยู่แล้ว รู้สึกแปลกๆมากๆเลย ทั้งสายตาทั้งคำพูด แต่พอกลับมารับน้องเราก็แบบทำเป็นลืมๆไปซะ

เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว

นางมารน้ำผึ้ง




 

Create Date : 04 พฤษภาคม 2555    
Last Update : 4 พฤษภาคม 2555 22:07:33 น.
Counter : 334 Pageviews.  

ชี้แจงแถลงไข

ข้อตกลงและคำชี้แจงในการอ่าน

เนื้อหาในส่วนของ Diary of mind และ คำให้การของนางมารร้าย เป็นส่วนหนึ่งที่เราคัดลอกมาจากเล่มไดอารี่ที่เขียนในชีวิตประจำวันจริงๆเพราะฉะนั้น มันอาจจะมีสาระ และไม่มีสาระในบางครั้งและหลายๆครั้งๆ ดังนั้นแนะนำว่า อย่าอ่านเอาสาระ เพราะชีวิตในทุกวันนี้มันเครียดพอแล้วเราจึงตั้งใจจะเขียนให้มันไม่เครียด เนื้อหานั้นถูกถ่ายทอดจากมุมมองของเราเองกรุณาอย่าเอาส่วนใดส่วนหนึ่งไปคัดลอก ดัดแปลง ใดๆทั้งสิ้นอ่านแล้วก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน เราคงบังคับใจใครไม่ได้

อ่านแล้ว ชอบใจ ไม่ชอบใจคอมเม้นท์กันได้เต็มที่ ไม่มีการต่อว่าด่าทอใดๆแน่นอนเพราะทั้งหมดมันเป็นเพียงอดีตไปแล้ว

โปรดใช้หัวใจและความรู้สึกอ่านเพราะถ้าเอาสมองอ่าน 

คุณจะมองว่าทั้งหมดนั้น ไร้สาระ

นางมารร้ายเจ้าเก่าขาประจำ




 

Create Date : 04 พฤษภาคม 2555    
Last Update : 4 พฤษภาคม 2555 18:17:28 น.
Counter : 358 Pageviews.  


~PerSepHoneY~
Location :
สุพรรณบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]









“กุหลาบแดง” แต่งวาจา พาตอกย้ำ

ดังถ้อยคำ พร่ำรักไว้ ให้ชวนฝัน

หลงกลิ่นหอม หวนกลิ่นเจ้า เฝ้ารำพัน

คืนเปลี่ยนผัน กุหลาบนั้น ...พลันโรยลา



แต่กุหลาบ ดอกหนึ่ง คงหยัดยืน

ยังเฝ้าฝืน กลืนรอยช้ำ ร่ำเรียกหา

ผ่านสายลมพรมพร่างพรางน้ำตา

เวลาผัน “กุหลาบดำ” ยังทนทาน



กรุ่นกลิ่นชวน หวนหอม ตรอมอุรา

ยังตรึงตรา จารึกคำ พร่ำเพรียกขาน

ฝังอารมณ์ จมรากไว้ ในสายกาล

มอบวิญญาณ พลีหัวใจ ...ไว้ชั่วกัลป์



กุหลาบดำ จำวาจา เจ้าฝากไว้

กุหลาบไซร้ คือรักแท้ ที่เฝ้าฝัน

สีดำหรือ คือความรัก จักคงมั่น


“กุหลาบดำ” จึ่งแทนคำ...”รักนิรันดร์”








Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ~PerSepHoneY~'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.