กุ๊ดจัง
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]




ไม่มีสาระ...จริงๆ นะ..

แต่ถ้าหลวมตัวมาแล้ว จะแอบอ่านก้อไม่ว่ากัน ถ้ารับแนวเถื่อนนิดๆ ถ่อยหน่อยๆ แต่จริงใจได้ ^_^

คิดถึง ถูกใจ ก้อเจิมกันสักนิดนุง แต่ถ้าไม่ถูกใจ มาทางไหนเชิญกลับไปทางนั้น ไม่ต้องเม้นไว้ให้เปลืองมือนะ ฮ่าๆๆ
HighStudio

สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์
บทความ โดย littlemiumiu.com อนุญาตให้ใช้ได้ตาม สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ต้นฉบับ.
อยู่บนพื้นฐานของงานที่ www.littlemiumiu.com.
การอนุญาตนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในสัญญาอนุญาตนี้ อาจมีอยู่ที่ www.littlemiumiu.com
Group Blog
 
 
ธันวาคม 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
23 ธันวาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add กุ๊ดจัง's blog to your web]
Links
 

 
ทริปขี้มูกยืด ตอนจบซะที

รวบยอดเอาให้จบซะทีละกัน...เดี๋ยวทริปใหม่จะเริ่ม มันจะยิ่งหมักหมมดองกันเข้าไป ฮ่าๆๆๆ

เช้าที่เชียงคานวันที่สอง ต่างจากเช้าเมื่อวานโดยสิ้นเชิง คงเพราะเมื่อวานอากาศร้อนๆๆ พอมาวันนี้ หมอกเลยลงจัดมากกก มองแทบไม่เห็นอะไรเลย..

หน้าต่างบานเดิม ที่เมื่อวานมองออกไป เห็นน้ำโขงถึงฝั่งลาว วันนี้ เห็นได้แค่ทางเดินเลียบแม่น้ำ ทั้งๆ ที่ตื่นสายแล้วนะนี่


หมอกหนาตึบ เลยเลิกถ่าย


เดินตะลุยหมอกจากโรงแรม ไปกินอาหารเช้าร้านสุวรรณรามา เป็นโรงหนังเก่าของเชียงคาน มีของตกแต่งเป็นโปสเตอร์หนัง ตั๋วหนัง (สมัยใบละ5 บาท) และอุปกรณ์การฉายหนังให้ดูเพลินๆ ระหว่างรออาหารเช้าที่ช้าตามสไตล์เชียงคาน (เวอร์ไปนั่นอะนะ..จริงๆหากินได้ทั่วไปล่ะ เมนูไช่กะทะ นี่อะ...ไข่ดาว หมูยอ กุนเชียง )



ท้องอิ่มไว้ก่อนค่อยว่ากัน...อุอุอุ
อนาคตเด็กม้วนฟิลม์...อิอิ


กินข้าวเสร็จ เดินเล่น กินลมชมวิว แพคของ บ๊ายบายเชียงคาน เพื่อจะมุ่งหน้ากลับไปทางภูเรือ ไม่ต้องร่ำลากันมาก..เพราะคิดว่าอีกหน่อยคงได้กลับมาเที่ยวอีก..

เชียงคานโดยรวมแล้ว เหมาะกับการมาพักผ่อนแบบเรื่อยเปื่อย นอนอึด ดูวิว อ่านหนังสือ ถ้าจะมาเพื่อหาที่เที่ยว หาของแปลก หาความตื่นเต้น ลืมไปได้เลย....เสียเวลานั่งรถ ขับรถมา เพราะ ไม่มีอะไร ไม่มีคลาดนัด ไม่มีตลาดกลางคืนขายของ ไม่มีแหล่งที่เที่ยว ช็อปปิ้ง สำหรับนักท่องเที่ยวมากนัก ที่พักถูก อาหารไม่แพง...แพงสุดคงจะเป็นค่ารถอะนะ..
ของฝากจากเชียงคาน คงจะเป็นผลิตภัณฑ์ผ้าฝ้าย ผ้าห่ม ผ้านวม ทำจากฝ้ายที่ชาวบ้านทอเอง...เราไม่ได้แวะดูเพระผ้าห่มที่บ้านเยอะมากกกอยุ่แล้ว ซื้อกลับมาโดนยายด่าแน่..หุหุ
มาถึงวันนี้ ตัวพ่อกะตัวแม่ เริ่มไอค่อกแค่กๆๆ กันเป็นแถบๆ ซัดพาราเป็นว่าเล่น ส่วนเจ้าตัวพาหะตัวดี...หายขี้มูกย้อยแล้ว เหลือแต่ไอค่อกๆ บ้างนิดหน่อย แต่รวมๆ ซ่าส์ได้เต็มพิกัดเหมือนปรกติ

ใช้เวลาเดินทางไม่นาน...ทางเรียบๆ ขึ้นเขาลงเขานิดหน่อย แต่โดยรวมเส้นทางทำเวลาได้ และมาหยุดแวะพักที่ปั้ม ปตท. ริมถนน 203 ก่อนถึงทางขึ้นภูเรือ นี่ใครๆ ก็ชอบแวะมาชมวิว......แดดอ่อนๆ ทำให้อากาศเย็นกำลังดี สบายๆ ไม่ต้องใส่เสื้อหนาว...แต่พอลมพัดเท่านั้นแหละ.....วิ่งหาเสื้อหนาวแทบไม่ทัน....ตุนเบียงจาก 7-11 ก่อนจะเข้าที่พัก ซึ่งห่างจาก ตัว อ.ภูเรือไปทาง อ.ด่านซ้ายอีก 22 กิโล พอดิบพอดี

วิวจากปั้ม ปตท



เราจองที่พัก ภูผาน้ำรีสอร์ท จากเว๊บไซท์ท่องเที่ยวและอ่านเจอคนแนะนำจากในเว๊บมาบ้างนิดหน่อย...
ราคาคืนละ 2000 นิดๆ จากปรกติ 3000 กว่าบาท (ห้องธรรมดา) ถ้าเป็นห้องวิวดีๆ ก็ 6-8 พัน ห้องสูท ก็หมื่นห้าอัพๆ ขอบอกว่า...ห้องพัก ก็โอเค แต่ที่ ชอบบบ และคิดว่าคุ้มค่า คือวิว ถ้ามีโอกาสคงจะกลับไปใหม่ตอนหน้าร้อนง่ะ

ตามชื่อรีสอร์ทเค้าเลย...โลเคชั่นติดถนนใหญ่ หาไม่ยาก...ไม่น่าเชื่อกับวิวด้านหลังรีสอร์ท
เดินเข้ามาเช็คอินที่ล็อบบี้ ก็ได้ยินเสียงน้ำตกดังกระหึ่ม แต่เป็นน้ำตกสร้างขึ้นมา มีบ่อปลาคาร์พ ชั้นเบสเม้นท์ของโรงแรม ประกอบกับการออกแบบทำให้เสียงน้ำตก ดังขึ้นไปถึงชั้นบนๆ ของโรงแรมเลยทีเดียว ฟังแล้วมันดูเย็นใจ รีแล็กซ์ดี ชอบๆ

ชั้น2 เป็น เทอเรซ ที่เดินออกไป จะเห็นวิวภูเขาสุดลูกหูลูกตา และห้องพัก เราลองไปสำรวจมาหมดแล้ว..ฮิฮิ ถ้าห้องพักด้านหน้า ชั้น 2 นี่ คืนละ 6 พันกว่า..แต่ วิวเริศมากกกกกกก มีกระจกบานใหญ่ๆ กับโซฟา ไว้นอนกินลม ชมวิวภูเขา และทะเลหมอกในตอนเช้าด้วย...ลืมตามา ก็เจอทะเลหมอกตรงหน้า แจ่มเนอะ

ถ่ายจากทางเดินหน้าห้องพักชั้น 3 มองลงไปเป็นระเบียงชั้น 2 เดินออกนอกประตูไป เป็นจุดชมวิว


ห้องพักราคาถูกของเรา อยู่บนชั้น 3 ด้านหลัง..เลยมองเห็นวิวการ์เด้นนิดหน่อย..ตกแต่งสไตล์ผสมญี่ปุ่นๆ พอโอเค...

ห้องนอนไม่ได้ถ่าย...เพราะทำรกไปซะแล้น ถ่ายมาแต่ ห้องน้ำ



กะนางแบบที่ลั่นล๊ามากก...อาบน้ำตอนบ่ายๆ เพราะเมื่อเช้าซักแห้ง


เก็บข้าวเก็บของ ออกเดินสำรวจบริเวณรอบๆ
มีกรงนกใหญ่ บะเร่ิม..เราสามารถเดินเข้าไปได้ มีนกเงือก อยู่หลายตัวเลย..(มันสัตว์ป่าสงวนไม่ใช่หรอฟระ) นกยูง นกแก้ว และอื่นๆ (ที่ไม่รู้จัก) หงส์ สนุกสนามเจ้ามิวมิวเค้าล่ะ


มีจักรยาน มีคายัค มีฟิตเนส มีนวด มีสปา มีซาวน่า..และ...มีออนเซน...ทะด๊า...มาเพราะอันนี้นี่แหละ..ฮิฮิฮิฮิ 300 บาท ต่างหาก สำหรับ นวด/1 ชม และ 300 บาท ต่างหากสำหรับ ออนเซน/1 ชม. น้ำอุ่นกำลังดี แยกห้อง ญ/ช แต่ถ้ามาเป็นครอบครัว แล้วบังเอิญไม่มีแขกมาใช้บริการ จะรีเควสขอเข้าด้วยกัน เค้าก็ไม่ว่า...


โซนนวด ฟิตเนส สระว่ายน้ำ ออนเซน นี่ ต้องเดินลงบันไดเหล็กที่เค้าจัดไว้ ก็สบายดี(ไต่ลงเขา) หรือ ปั่นจักรยาน (พอเมื่อยน่อง) หรือ ขับรถลงมา เพราะ โซนนี้จะอยู่ระดับต่ำกว่าห้องพัก


จากสระว่ายน้้ำมองขึ้นไปเห็นตัวโรงแรม...






แต่ว่า..วิวน่ะ...เห็นแล้ว ร้องอู้หู..นี่ถ้ามาหน้าร้อน กระโดดสระว่ายน้ำแบบไร้ขอบ ที่มองไปจนสุดเป็นวิวภูเขา สุดลูกหูลูกตา คงจะสุขดีพิลึก

(รีวิวเหมือนว่าได้ค่าโคสะนามางั้นแหละตรู..เหอะๆๆๆๆ)
พอสำรวจแล้ว เราก็ออกไปหาข้าวกินร้านแถวๆ ตัว อ. ภูเรือ และกลับมาใช้ facilities รร. ให้คุ้ม...
รร. นี้จัดสวนสวยดีนะ..ชอบ



เด็กขี้แยคนนี้ โดนพ่อกะแม่ทิ้งไปนอนนวดอยู่ริมหน้าผา...ฮิฮิฮิ




ค่ำๆ แถวนี้ มืดมากกกกกกกกก...เพราะออกไปจะหาข้าวกิน ปรากฏ เงียบ มืด ขับไปตั้งไกล ไม่มีร้านไรเปิดเลย (หรือเปิดแต่ดูไม่น่ากินอะนะ) ตอนกลางวันเล็ง ชาโต เดอ เลย เอาไว้...กะว่า จะกินข้าวชิลๆ จิบไวน์ ซะหน่อย...ปรากฏ ไม่เปิดตอนกลางคืนง่ะ...ต้องโซซัดโซเซกลับมากินข้าวที่ รร. ซึ่ง ก็ไม่แพงมาก อร่อย และบริการดี ทุกระดับประทับใจ ก่อนจะกลับห้องเข้านอนเอาแรงไว้ตื่นแต่เช้า ไปดูทะเลหมอกบนภูเรือ

จกสปาเก็ตตี้เช่นเคย...อร่อยใช้ได้


----------------------------------------------------------------
ตอนเช้า ตื่นกันตั้งแต่ตีห้า น้ำไม่อาบ เตรียมพร้อมขึ้นภูเรือ จากรีสอร์ทใช้เวลาประมาณ 20 นาทึ ถึงตีนทางขึ้นภูเรือ หมอกลงจัดมากก..เห็นทางแค่ระยะจากหน้ารถประมาณ 2-3 เมตรเท่านั้น ยิ่งตอนขึ้นภูเรือ..ดีว่า มีรถขับตามๆ กันไป 2-3 คัน ก็มองเห็นแค่ท้ายรถคันหน้าน่ะแหละ...หนทางขึ้น ถนนสภาพโอเค ทางคดเคี้ยวพอได้...แต่ ชันอย่างต่อเนื่องเรื่อยๆ เลย..แทบจะไม่มีจังหวะแวะพักทางราบเลย...(คิดถึงสภาพตอนลงแล้วกัน ว่าเบรคจะทำงานหนักแค่ไหน ถ้าขับไม่เป็นเบรคอาจจะไหม้เกินกว่าจะห้ามล้ออยู่อะนะ)

พอขึ้นไปถึงจุดจอดรถ...จะมีทางเดินเท้าต่อไปอีก 900 เมตร หรือ..เลือกขึ้นสองแถว คนละ 10 บาท
นาทีนั้น..อยากเอามันส์ ..ทำเป็นไม่มองรถสองแถว..

900 เมตรเอง..ไหวน่ะ
เราแบกเจ้ามิวมิวใส่เป้..ป๊ามิวแบกขาตั้งกล้อง
หมอกลงจัดจนแทบไม่เห็นทาง ต้องใช้ไฟฉายส่อง หนาวพอประมาณ ไม่มากอย่างที่คิดไว้
เราใส่เสื้อยืดพอดีตัว คอเต่า แจ๊กเก๊ตแขนยาว บางๆ และ..โค้ท อีกตัว
เจ้ามิวมิว ใส่บอดี้สูท ชุดนอน แขนขายาว เสื้อคอเต่า+กางเกงสำลี และทับอีกที ด้วยกางเกงยีนส์ และเสื้อกันหนาวสำลีมีฮู๊ด กันเหนียว พกผ้าห่มไหมพรมผืนเล็กๆไปอีกผืน บ้ามาก

ที่ไหนได้..ซำแฮก ดีๆ นี่เอง

เดินไปสัก 500 เมตร..อิแม่เริ่มหน้าเขียว...ร้อนน..หายใจไม่ออก เพราะ เป็นทางเดินขึ้นเขา อากาศเบาบาง คุณลูกในบีจอน ก็หนัก..กดลิ้นปี่ หายใจไม่ออก...จะตายยยยยย

ระหว่างนั้น...สองแถวแซงหน้าไป...เอ่อ..ไม่น่าเปรี้ยวเลยกรู..ขึ้นสองแถวป่านนี้สบายไปแระ
ก่อนถึงยอดภูเรือ...เสื้อโค๊ทชั้นนอก นี่แบบอยากจะโยนทิ้ง..(แต่ทิ้งไม่ได้ เพราะยืมเค้ามา..ฮ่าๆๆ) เหงื่อแตก..ร้อนนน..อึดอัดดดดด...

พอขึ้นไปถึงข้างบน..มีศาลาชมวิว คนตรึม..แต่ยังพอมีที่ เพราะเป็นวันธรรมดา
ความหนาว นี่ไม่เท่าไหร่..แต่ที่หนักคือหมอกลงจัด ไอน้ำกลั่นตัวเป็นน้ำ น้ำค้างหยดแหมะๆ ลงหัว ก็ฝนดีๆ นี่เอง!!!

ลองนึก ยืนอยุ่ยนยอดดอย..หนาว(ไม่เท่าไหร่) แต่ลมพัด และฝนตก...
เวรละ...เตรียมมิวมาเจอความหนาว แต่ไม่ได้เตรียมตัวมายืนริมผา ลมพัดฝนสาดใส่หน้าใส่หัวแบบนี้...เสื้อหนาวธรรมดา กันได้แค่ความหนาว ไม่ได้กันฝนนี่นา...

เราเลยปล่อยตัวพ่อไปถ่ายรูป(ที่ถ่ายไรไม่ได้เลย เพราะ หมอกเยอะเกิ๊นน) และเราแอบอยู่ในศาลา (ที่มีแต่คนมอง..ส่งสายตา..ว่า อินี่เอาลูกมาทรมาน ถึงปากจะบอกว่า อุ้ย ตัวเล็กเก่งจัง ไม่หนาว)
แรกๆ เราว่ามิวไม่หนาว เพราะตัวติดกะเรา ได้ไออุ่น เราเอาผ้าห่มช่วยกันลมกันละอองน้ำค้างให้อีกที..แต่มันอึดอัด เพราะตัวมันกลมมากก ...และต้องอยู่ในเป้ แถมตื่นเช้าเกินอีก หงุดหงิดๆ

ไม่นานเท่าไหร่..วงเริ่มแตก...เพราะชีแหกปากร้อง..จนเราต้องพาเดิน..พอเดินออกมา ก็เจอลมและละอองน้ำ..สรุป..ตัวแม่ขอถอยทัพ...ไม่เอาแล้ว...หนักหนาเกินไปสำหรับเด็ก วัย 1 ขวบ 4 เดือน ถ้าแค่หนาวเฉยๆ เราโอเค..เด็กๆ พอจะทนได้ภายใต้เครื่องป้องกัน..แค่แบบนี้ อยู่นานๆ มีปอดบวม เสียค่าหมอไม่คุ้มกันแน่ๆ

สารรูปเพิ่งตื่นกันทั้งแม่ทั้งลูก


ขากลับ ไม่เปรี้ยวแล้ว..ฮ่าๆๆ สองแถวโลด

บนสองแถว..เจ้ามิวมิวปากเขียว งอแงหิวนม

เรากะเชี่ยวนี่แบบ..รู้สึกผิดอย่างแรง น่าจะคิดได้ตั้งนานแล้ว รีบลงมาตั้งแต่ลูกเริ่มงอแง แต่น่ะ...พอได้กินนม เจ้าตัวก็หลับปุ๋ย สักพัก ก็กลับสู่สภาวะปรกติ

กลับรีสอร์ท กินอาหารเช้า...เจอคนที่มาเที่ยวด้วยกันทักทาย เพราะจำเราได้จากบนภูเรือ..ความเห็นเดียวกัน คือ หมอกลงจัดมากกจนมองไม่เห็นอะไรเลย จนพระอาทิตย์โผล่มาทีแดงแจ๋แล้วน่ะแหละ...เค้าก็เลยกลับลงมาเช่นกัน

ที่รีสอร์ท ก็มีทะเลหมอกให้ดู...หนาวน้อยกว่า สวยด้วย..ถ่อ..อุตส่าขึ้นไปทรมาน ที่แท้ใกล้ๆ นี่ก็สวยไม่แพ้กัน

กินอาหารเช้า...ริมผา ดูทะเลหมอก เคล้าเพลงแจ้ส เริศมากก....



วันนี้ ไร้โปรแกรม(จริงๆ ขับรถวนไปวนมาจากด่านซ้ายไปภูเรือ ก็จะมีพวกสวนดอกไม้ ขายต้นไม้ เห็ดหอมสด พุทรานมสด ของฝากต่างๆ รายทาง ให้แวะดูแวะเที่ยว มีวัด มีน้ำตก อะไรแบบนี้..แต่เราขี้เกียด) แถมต้องเช็คเอ้าท์...ไม่รู้จะทำไร..เลยขับรถไป อ. ท่าลี่ สะพานมิตรภาพไทยลาว เล่นๆ ระยะทางประมาณ 60 กม. จากชายแดนจุดนี้ ไปถึงหลวงพระบางต้องขับรถไปอีก 360 กว่าโล..(แต่รถที่จะข้ามไปต้องมีพาสปอร์ตด้วยน่ะ)

ถนนไม่ค่อยดี..ไม่มีคนใช้เส้นทางนี้เท่าไหร่ อยู่ดีๆ ถนนหายไปดื้อๆ แหว่งเว้า ละด้านข้างเป็นเหวอะนะ...เอากรวยมากั้น เอาป้ายมาปัก แค่นั้น...อตร. นิดนึง ขับกลางวันพอไหว ขั้นเขาลงเขา ไม่คดเค้ียวมาก แต่ชัน..เหมือนเล่นโรลเลอร์โคสเตอร์เลย...วิวข้างทาง...สวยมากกกกกกกกกกกกกก.....แค่นี้ก็รู้สึกว่าได้มาเที่ยวแล้วอะ ขี้เกียดขวยขวายหาที่เที่ยว นั่งรถกินลม ชมวิวสวยๆ แบบนี้ ก็คุ้มค่าแระสำหรับเรา



สามคนพ่อแม่ลูก พกพาสปอร์ต ทำเรื่องข้ามไปฝั่งลาว เสียค่าสองแถวรอบละ 20/คน...ข้ามไปเจอร้านค้า สิบกว่าร้าน ขายพวก ของกิน ของใช้จากจีน เหล้า ไวน์ บุหรี่ ได้ขนมกลับมานิดหน่อย พอให้รู้สึกว่าคุ้มที่ขับมาตั้งไกล...5555

ไม่มีวิวจากลาวมาฝาก...เพราะ ขึ้นสองแถว ขับไป 5 นาที ลงสองแถว เดินอยู่สิบนาที แห้งแล้งทุรกันดาร ขึ้นสองแถวกลับ..นี่ล่ะ การมา ตปท.ครั้งแรกของลูกอิชั้น...พาสปอร์ตมีตราประทับ ลาว ละนะ...

จากนั้นใช้เส้นทางเดิม แวะกินสเต็ค ร้าน Hi-fine ก่อนถึงภูเรือ (ถ้ามาจากเลย) ไม่แพง..และ อร่อยยยย..ซอสครีมนี่ มันๆ ครีมมี่ กินกะปลา อร่อยดี
วิวสวย อากาศดี เจ้ามิวมิวไปวิ่งไล่พุดเดิ้ลของเจ้าของร้านซะหางจุก ไม่กล้าเข้าใกล้อีกเลย ฮ่าๆ


ขากลับ แวะซื้อต้นไวท์คริสมาสต์ ต้นเล็ก 10 บาทเอง..เลยซื้อมาซะหลายต้น ไม้ดอกล้มลุก สวยๆ ต้นละ 3-4 บาท..ซื้อกลับมาเท่าที่จะขนได้ แวะไปฝากยายที่เพชรบูรณ์ นอนค้างคืนนึง ก่อนจะกลับ กทม.

และทริปทรหด ก็จบลงเอาดื้อๆ แบบนี้แล....แฮกๆๆๆๆๆๆ ต้องรีบปั่น ก่อนทิตย์นี้จะลงใต้อะนะ..

ไปล่ะ สวัสดี ขอบคุณที่ติดตามอ่าน...








Create Date : 23 ธันวาคม 2551
Last Update : 3 มกราคม 2552 22:04:57 น. 3 comments
Counter : 2211 Pageviews.

 
อุ๊ยตาย ว๊ายกรี๊ด ได้มาเจิมเป็นสิริมงคลแก่ตนเองเปงคนแรก // อยากพาปลาวาฬไปเที่ยวไกล ๆ มั่ง แต่ติดญาติผู้ใหญ่ที่บ้านไม่ยอม เซ็งเลย เพราะจิงๆ อิแม่อยากเที่ยว 555 ไม่ได้เจอกันต้งนาน จะหนีเที่ยวอีกแล้วเหรอเนี่ย


โดย: แม่ปลา IP: 58.9.59.171 วันที่: 25 ธันวาคม 2551 เวลา:23:24:16 น.  

 
ตัดสินใจได้แล้ว เราจะไปเชียงค่านวันที่ 1แหละ ไม่รู้จะมีที่พักเปล่า แต่อยากไปมากกกกก


โดย: ไผ่ไร้กอ IP: 58.8.167.11 วันที่: 26 ธันวาคม 2551 เวลา:21:03:13 น.  

 
เห็นแล้วอยากไปจังครับ...ทั้งที่เที่ยวและที่พัก ถ้ามีโอกาสคงได้แวะ รีวิวได้ดีจังชอบนะ ...


โดย: smile IP: 125.24.173.219 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:10:40:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.