กุ๊ดจัง
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]




ไม่มีสาระ...จริงๆ นะ..

แต่ถ้าหลวมตัวมาแล้ว จะแอบอ่านก้อไม่ว่ากัน ถ้ารับแนวเถื่อนนิดๆ ถ่อยหน่อยๆ แต่จริงใจได้ ^_^

คิดถึง ถูกใจ ก้อเจิมกันสักนิดนุง แต่ถ้าไม่ถูกใจ มาทางไหนเชิญกลับไปทางนั้น ไม่ต้องเม้นไว้ให้เปลืองมือนะ ฮ่าๆๆ
HighStudio

สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์
บทความ โดย littlemiumiu.com อนุญาตให้ใช้ได้ตาม สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ต้นฉบับ.
อยู่บนพื้นฐานของงานที่ www.littlemiumiu.com.
การอนุญาตนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในสัญญาอนุญาตนี้ อาจมีอยู่ที่ www.littlemiumiu.com
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
1 พฤศจิกายน 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add กุ๊ดจัง's blog to your web]
Links
 

 
My heart at my seoul : พาทัวร์ Art and Soul

การเตรียมตัวเที่ยว ตอนแรก //www.bloggang.com/mainblog.php?id=nugade&month=29-10-2012&group=6&gblog=61


เช้าวันต่อมา เหมือนเป็นฟ้าหลังฝน หลังจากที่วันจันทร์ฝนตก มืดครึ้มทั้งวัน วันอังคารท้องฟ้าปลอดโปร่งสดใสมาก มีหลายที่ ที่อยากจะไปในวันท้องฟ้าสดใสแบบนี้ 

ไปวังดีกว่า...พระราชวังถ็อกซูกุง ไปแบบไม่ได้ตั้งความหวังอะไรมาก เพราะไม่ใช่วังไฮไลท์ที่อยากไป เช่น ชางด็อกกุง (World Heritage) แต่ด้วยความที่ไม่ได้ตั้งความหวังอะไร สิ่งที่ได้พบเจอ จึงเกินความคาดหมายไปอย่างยิ่ง





เด็กๆ ใส่ชุดฮันบกมาทัศนศึกษา น่าร๊ากกกก

ภายในวัง ซึ่งเป็นวังเก่า ไม่เหมือน เคียงบก ที่สร้างขึ้นมาใหม่แทนของเดิม การจัด display ที่เราคาดว่า วังจะต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้  มันจะต้องเก่าๆ เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ต่างๆนาๆ ที่สุดท้ายแล้ว นักท่องเที่ยวอย่างเรา คงไม่อิน สักเท่าไหร่ แต่ไม่เลย!!!  เค้ามีการนำเสนอเรื่องราวประวัติศาสตร์ ผ่านงานศิลปะ ได้อย่างน่าทึ่งและน่าสนใจมาก ทำให้คนที่ไม่รู้อย่างเรา ต้อง "หยุด" ที่จะอ่าน จะดู และตีความหมายด้วยความสนใจ ไม่ใช่การเล่าเรื่องความเป็นมา บลาๆๆ แต่ ใช้ "ความรู้สึก" มุมมองของคนธรรมดา ที่มีต่อประวัติศาสตร์ ตีความและถ่ายทอดออกมา ในรูปแบบเฉพาะตัว แน่นอนว่ากว่าจะได้ผลงานออกมา คนทำต้องศึกษาประวัติศาสตร์อย่างลึกซึ้งและตีความเพื่อถ่ายทอด จนเป็นตัวเป็นตนได้ออกมาจัดแสดงได้ขนาดนี้ เป็นความน่าภาคภูมิใจของศิลปินที่ได้รับการยกย่องคุณค่าของผลงาน เปรียบเสมือนพระราชวังเป็นฉากหนึ่งของการนำเสนองานศิลปะ เป็นแกลอรี่ขนาดใหญ่ เป็นผืนผ้าใบที่ใช้เล่าเรื่องราว  

Theme ในการนำเสนอ ทั้งหมด อยู่ภายใต้หัวข้อ  Deoksugung Project  19/9 - 28-10 2012 ปรกติ จะมีการหมุนเวียนเปลี่ยนหัวข้อ เปลี่ยนงานศิลปะที่ดิสเพลย์ในพระราชวังแห่งนี้ ทำให้รู้สึกว่า อยากจะกลับมาดูใหม่อีกครั้ง ว่าเค้าจะมีเรื่องราวอะไรเล่าให้เราฟังอีกบ้างนะ

บางอย่างไม่สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดได้ ความรู้สึกล้วนๆ แต่สามารถเข้าไปอ่านข้อมูลได้จากใน //www.moca.go.kr/engN/pop/exhibition/2012/09/13/detail1_eng.html

ภายในพระราชวังถ็อกซูกุงแห่งนี้ ยังมี National Art Museum อยู่ภายในอีกด้วย รวมอยู่ในค่าเข้าชม 8000 วอนแล้ว เป็นธีมเดียวกัน หลังจากดูจนถ้วนทั่ว ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเกาหลีถึงเจริญก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ไม่หยุดยั้ง ในขณะที่ ประเทศรอบข้างอย่างญี่ปุ่น เริ่มอยู่นิ่ง  ประเทศที่ให้ความสำคัญกับประวัติศาสตร์ และงานศิลปะ รวมไปถึงการนำเทคโนโลยีเข้ามาผสมผสานได้อย่างน่าทึ่ง ประเทศไทยยังห่างไกลมากโข บอกได้เลยว่า เราแทบจะไม่มีวัน เจริญก้าวหน้าทางศิลปะ และเทคโนโลยี ตามทันในระยะเวลาชั่วคนแน่ๆ


ดูเดะ ทำเอาเราใจหายใจคว่ำหลังจากกลับมาดูรูป เฮ่ออ


National Art Museum เจ๋งมากกกกกกอีกเหมือนกัน แต่เค้าห้ามถ่ายรูป สะเหร่อ ถ่ายมานิดนึง 

แบบเข้ามาอันแรก ก็ประทับใจ จนต้องยืนอ่านและยืนดูนานมากกกกก พอได้ยินทีแรก ว่า art museum แน่นอน ย่อมมีความคิดแว๊บบเข้ามาในหัว ว่า คงจะมีภาพวาดๆๆๆ รูปๆๆๆๆ อะไรเทือกนั้น ที่กุดูไปก็คงไม่รู้เรื่องละมั้ง แล้วประวัติศาสตร์เกาหลีอะไร ไม่รู้เรื่อง ยิ่งไม่อิน ผิด ผิด ผิด ผิดที่สุด

เดินเข้ามาห้องแรก เจอ Digital art มีจอขนาดใหญ่ 3 จอ เป็นจอพิเศษที่เค้าเรียกว่า Christie Micro Tile (Christie® MicroTiles® provide the capability to capture your audience’s attention your way, just as you envisioned it, without having to worry if there is a technology out there worthy of displaying your content. Uniting spectacular colors, superior image quality and modular flexibility like no other visual solution can; MicroTiles are designed to meet your needs)  แล้วภาพมันอะเมซซิ่งจริงๆ ว่ะค่ะ สิ่งที่เห็นเป็นภาพฟูกที่นอน 3 อันอยู่ในแต่ละจอ มีผู้ชาย ถอดเสื้อ นั่ง นอน เปลี่ยนอิริยาบทไปเรื่อยๆ ภาพในจอ ทั้ง 3 จะสัมพันธ์กัน 


Do Ho Suh ศิลปินเจ้าของผลงาน วิกิพีเดียบอกว่า เป็น korean sculptor and installation artist (หาผลงานดู แล้วก็อึ้ง ทึ่ง เสียวต่อไปได้อีกเหมือนกัน แนะนำให้ลองเซริชหาผลงานดูเถอะ สนุกมาก) ได้เลือกห้องนอนของพระราชาโกจอง ในสมัยปี 1987 ตีความออกมาเพื่อตีความและจัดแสดง 

"Do Ho Suh chose Hamnyeongjeon, the bedchamber built for King Gojong in 1897, as the basis for his creation and portrayed three digital art pieces resembling the three boryo (Korean mattresses) prepared for the King every night. In depicting the King Gojong’s restlessness on a bed, the artist drew inspiration from the inner conflicts and anxieties that the king went through during a tumultuous power struggle.

 Each portrait features a 3-unit wide by 7-units high Christie MicroTiles installed on the wall while a mosaic display of 24 Christie MicroTiles illustrates the depth of the research and work undertaken by the artist. An additional four Christie MicroTiles installed in the corner of the four walls show an interview with the artist.“Inspired by the historical events leading to King Gojong being overthrown from his throne, I’ve created multi-media installation art project encompassing live performance, documentary film, site-specific installation and video/digital installation, based on a testimony record by King Gojong’s court ladies that the King used three mattresses arranged in a row for his bed. The project is to reinterpret his anxiety in those sleepless nights during his power struggle,” said Do Ho Suh "


ตัวอย่างผลงานของ Do Ho Suh เจ๋งไปป่าวนั่น


Ref : //madamepickwickartblog.com/2009/10/do-ho-suh-instant-karma/

แค่อันแรก ดิชั้นก็ยืนดูจนขาแข็งอยู่เป็น 10 นาที....ภาพเคลื่อนไหว ไม่มีเสียง แต่สิ่งที่สื่อออกมา แทบจะล้นทะลักออกมานอกจอ ยิ่งนึกถึงสถานที่จริงๆ ที่ไปดูมาก่อนหน้านี้ พร้อมกับคำบรรยาย ทำให้เข้าถึง ความรู้สึกจริงๆ ของพระราชาในสมัยนั้นได้อย่างดี ถึงแม้จะไม่รู้ประวัติศาสตร์ตื้นลึกหนาบางมาก่อนเช่นกัน....
(ลองเปรียบเทียบกับวิธีการที่เราเรียนประวัติศาสตร์ไทยมาดูละกัน เราเคยคิดเสมือนหนึ่งเราเป็นกษัตรย์ไปออกรบเองหรือเปล่า เราเคยคิดในแง่อื่นนอกจากการเรียนเพื่อให้รู้ เพื่อไปสอบ และยกย่องเทิดทูนบรรพบุรุษในประวัติศาสตร์ ที่เราหยิบยกตอนที่เรารบชนะขึ้นมาให้ลูกหลานเราเรียนจากใจจริงหรือเปล่า) 

อันนี้เป็นแค่เศษเสี้ยวหนึ่งของการจัดแสดง บางอัน เป็นการดิสเพลย์โต๊ะกินข้าวโบราณๆ ถ้วยไห หม้อชามกระเบื้อง แต่ การตีความและสื่อความหมาย หยุดตรึงเท้าเราเอาไว้ให้จำเป็นต้องหยุด ยืนอ่าน และพิจารณา  ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่ควรมา เพื่อให้ถึง "เกาหลี"   (จะได้รู้ว่า เกาหลีไม่ได้มีแค่เมียงดงนะ  5555)

ถนนเลียบกำแพงหิน ด้านข้างพระราชวัง สวยมากกก และคงจะสวยมากกว่านี้ ถ้าใบไม้เปลี่ยนสี เป็นแดงทองกันหมด แต่ในโซลฝนยังตกอยู่ทำให้ต้นแปะก๊วยเพิ่งจะเริ่มเหลืองประปราย ด้วยอากาศชีลๆ แดดอ่อนๆ ฟ้าใสๆ ฟินนนนน





ละแวกใกล้ๆ กัน มี Seoul Art Museum  ที่ไม่เสียค่าเข้าชม ขาพาไปตามใจคิด ไม่นานนักก็มายืนอยู่ด้านหน้ามิวเซียมแล้ว ขาเข้าชมฟรี เปิด  10.00-20.00 น. ปิดทุกวันจันทร์


จากประสบการณ์ไปเยือน national art museum ตอนเช้าไปแล้วนั้น ดิชั้นก็อดใจเต้นระทึกไม่ได้ว่า ด้านใน seoul art museum แห่งนี้ จะมีอะไรรออยู่บ้างนะ ภายในอาคารขนาดใหญ่ 4  ชั้นแห่งนี้ 

แวะหยิบโบรชัวร์ด้านหน้า...อืมมม "Spell on you" แค่ชื่อก็ หน่ะ..... ขอเป็นต้องมนต์สะกดหนุ่มเกาหลีแทนได้มะ 555555

ภายในมิวเซียม แน่นอน ถ่ายรูปไม่ได้อีกตามเคย แต่ขอบอกว่า ถ้าใครชอบงานศิลปะ ไม่ควรพลาด !!! งานศิลปะในที่นี้ ไม่ได้หมายความถึงเฉพาะ ภาพวาด แต่เป็นสื่อผสม comtemporary art/modern art  ที่มีการใช้เทคโนโลยี กับศิลปะ มาสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างลงตัวมากมาย หนังสั้น แสงเลเซอร์ กล้องถ่ายรูป ปืนยิงเพนบอล แสง สี เสียง คอมพิวเตอร์ พิมพ์ดีด ปริ้นเตอร์ ทวิตเตอร์ เฟสบุ๊ค ถูกนำมาใช้ผสมผสานกันออกมา

ชั้น 1 เป็น Media Theatre : Everything will be alright
ชั้น 2 Thousand Spells : On Transmigration of unknown friends
ชั้น 3 Crosstalking : Invisible but 'Hello'
ชั้น 4 Patterns of cloud : Getting to know what the world Feels

ดิชั้นใช้เวลาอยู่ในสถานที่นี้นานมากกกก ด้วยความรู้สึกต่างๆที่พรั่งพรูยากจะบรรยาย ทำให้ค้นพบโลกในอีกแง่มุมนึง (เวอร์ไปไม๊) 
ทำให้เรียนรู้จากสิ่งที่เราประสบ พบเจอ สิ่งที่เราพร่ำสอนลูกต่างๆ นาๆ บางครั้ง เป็นสิ่งที่ล้วนแล้วแต่เกินความจำเป็นในบางที
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนโลกใบนี้ คือ จินตนาการ และความฝัน
ดังนั้นสิ่งจำเป็นที่เราต้องสอนลูกเราคือ เราจะสอนลูกให้หยิบเครื่องมือแบบไหนขึ้นมา เพื่อแปลงจินตนาการและความฝันที่มีอยู่ในตัว ออกมาสู่ความเป็นจริงต่างหาก 

เครื่องมือที่เราหยิบยื่นให้ลูก อาจจะเป็นคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ คอมพิวเตอร์ เครื่องดนตรี ดินสอ ปากกา สี เม็ดดิน เม็ดทราย หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่ช่วยเติมเต็มจินตนาการและความฝันให้คงอยู่ แปรเปลี่ยนออกมาเป็นรูปร่างที่จับต้องได้ ไม่ใช่เรียนไปเพื่อสอบ เรียนไปเพื่อปากท้อง เรียนไปเพื่อให้คนอื่นบอกว่า เราเก่ง


เนื่องจากไม่มีรูปในมิวเซียม เลยไปจิ๊กมาจาก facebook ของ mediacityseoul แทน

ตัวกล้องอยู่บนหลังคาอาคาร และปริ้นเตอร์เครื่องนี้ พิมพ์รูปภาพท้องฟ้า และถุยออกมาทุกๆ 5 นาที (ต้องใช้คำว่าถุยออกมาจริงๆ เพราะพ่นพรืดด ออกมา และกองเกลื่อนกระจายเต็มห้อง  555) เป็นเรื่องที่เหมือนจะง่าย แต่เมื่อเราเห็นภาพท้องฟ้าในเวลาที่แตกต่างกัน จากมุมๆ เดียวกัน เป็นร้อย เป็นพันรูปกองอยู่ตรงหน้า ให้ความรู้สึกแปลกๆ ดีนะ

บนชั้น Transmigration of an unknown friends มีงานชิ้นนี้อยู่
แมลงวันถูกขังอยู่ในรูปทรงกลมพร้อมคีบอร์ดอยู่ตรงกลาง บินไปมา เกาะตรงโน้นตรงนี้ เมื่อมันเกาะบนคีบอร์ด ตัวหนังสือจะถูกส่งไปเก็บไว้ จนครบ 140 ตัวอักษร และอัพขึ้นทวิตเตอร์
ใครสนใจ ตามทวิตเตอร์จากแมลงวัน เชิญที่ https://twitter.com/flycolony


อีกหนึ่งงานที่เราถึงกับต้องจดชื่อเจ้าของผลงานหน้าห้องกลับมาไว้ติดตาม  Ryota Kuwakubo 
ณ จุดที่ย่างก้าวเดินเข้าไปในห้องที่มืดมิด มีแค่เงาวูบผ่านหน้าไปมา แต่เงานั้น ทำให้เรารู้สึกเหมือนกับว่าเป็นส่วนหนึ่งของห้องมืดๆ นั้น... เราช่างตัวเล็กนิดเดียวซะนี่กระไร เทียบกับเงาในห้อง แต่ เมื่อมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แล้วก็ wordless เพราะอะไร ลองดูจากในคลิป

การใช้วัสดุง่ายๆรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นไม้หนีบผ้า ฝาชี เก้าอี้ซักผ้า ถังขยะโลหะ แกนกระดาษ พร้อมด้วยรายละเอียดเล็กๆ ที่เจ้าของผลงานไม่พลาดไปแม้แต่น้อย background /fore ground / lighting ช่างสร้างความอัศจรรย์ใจได้อย่างรุนแรง

ทิ้งท้ายไว้ด้วยผลงานของ  Floris Kaayak ใน Seoul Art Museum อีกหนึ่งคนที่ทำให้เราต้องจดชื่อกลับมาเซริชหาในกูเกิ้ล


สุดยอดใช่ไม๊ล่ะ!!!!!


มามะพาไปตะลุยงานศิลปะกันต่อ วันถัดมา เราถ่อไป พาจู เที่ยว Heyri Art Valley  แต่เช้า นั่งรถไฟใต้ดินไปลงสถานนีฮับจอง ต่อรถเมล์สาย 2200 ที่หน้าสถานนี ทางออก 2 ใช้เวลา ประมาณ 45 นาที
(รูปตามในทู้นี้เลย เหมือนเป๊ะ //www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11377180/E11377180.html)

เดินขึ้นมาจากรถไฟใต้ดิน เจอแถวรอรถเมล์ยาวมว๊ากกกกกกก รอกันเกือบครึ่งชั่วโมงท่ามกลางอากาศหนาว....เอาวะ ไปก็ด่ะ  ก่อนขึ้น บอกคนขับว่าให้ช่วยบอกด้วยนะถ้าถึงเฮริ ต้องยืนบนรถเมล์ประมาณ 20 นาที กว่าคนจะทะยอยลงและมีที่นั่งว่าง โฮวว...


นั่งรถไปเรื่อยๆ ระหว่างทางรอบนอกโซล ใบไม้เปลี่ยนสีหมดแล้ว ถ้าไม่ต้องมัวแต่พะวักพะวง จะถึงรึยัง คงชีลมาก วิวข้างทางสวยแปลกตา บนรถเมล์ เสียงประกาศว่าถึงป้ายไหนๆ เป็นภาษาเกาหลี จะมีบางป้าย ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า ที่มีพูดภาษาอังกฤษต่อท้าย จนรถเลี้ยววว...เสียงบอกว่า เฮริ แต่จำได้ว่าอ่านจากหนังสือมามันไม่ได้บอกให้ลงป้ายชื่อเฮรินินา ชื่ออะไรสักอย่างยาวๆ....เพิ่งนั่งมาได้ 40 นาทีเอง ในหนังสือบอก ประมาณ ชม.นึง น่าจะยังไม่ถึงแฮะ  นั่งต่อไปรถจอดอีกหลายป้าย จนเสียงประกาศว่า English Village อ้าว เฮ้ยย งั้นก็เลยแล้วเสะ.....กระโดดผึงไปถามคนขับ อิคนขับทำหน้าตาหงุดหงิดใส่ พูดเป็นภาษาเกาหลีที่เดาได้ว่า ก็อิป้ายที่เลยมานั่นไง เขาก็ประกาศอยู่ว่าเฮริ ทำไมไม่ลง  

ส่วนอิชั้นก็เพลีย ตอนขึ้นรถอุตส่าพูดช้าๆ ว่าถ้าถึงให้บอกด้วย ไม่เห็นเมิงจะบอกเลย  แงงงง...สรุป ต้องลงรถ ข้ามถนนไปรอฝั่งตรงข้ามนั่งย้อนกลับไปอีกครั้ง เวิ้งว้างกลางป่ามากเหอะ.....รถเมล์ก็นานน๊านนนนจะมาสักคัน จะได้โบกรถไม๊นั่น >_<

สุดท้าย นั่งรถสายเดิมกลับมาที่เฮริ จนได้  ลงรถเดินย้อนกลับมาที่ art valley เจอความเวิ้งว้าง..แงง...คนร้างมากกกกก เพราะเป็นวันธรรมดา แถมยังเช้าอีก ถึงกระนั้น ก็ไม่ควรจะรู้สึกเหมือนไซเรนฮิล ขนาดเน้ ใบไม้ร่วงเกลื่อนเต็มพื้น เก่าๆ โทรมๆ มีคนเดินสวนมาสองคน ดีใจน้ำตาไหลพรากกกก....

เดินเล่นโต๋เต๋ มีตึกรูปร่างแปลกๆ แกลอรี่ติดๆ กันเต็มไปหมดแต่ปิด หรือบางอันเปิดรึเปล่า ไม่กล้าเข้า กลัวเปิดไปแล้วมีซอมบี้ สายหน่อยเริ่มมีเด็กๆมาทัศนศึกษาเป็นกลุ่มๆ (มีไรให้ดูวะ) นานๆ ครั้งจะมีคนโผล่ออกมาให้เห็น  มีมิวเซียม จัดแสดงของเก่าๆ ที่เป็นของสะสมของคุณลุง ย้อนนนไปรมณ์ประมาณเพลินวาน+บ้านไม้ชายน้ำ แต่ของเยอะกว่ามากก จัดแสดงไว้เฉยๆ เสียค่าเข้าชม เรายืนจดๆจ้องๆอยู่นานว่าจะเข้าไปดีไม๊ อยากอุดหนุนเจ้าของแกลอรี่  พอมองเข้าไปข้างใน เห็นของเยอะๆ น่าจะขี้ฝุ่นตรึม ไม่เอาดีกว่า กัวแพ้ฝุ่นจามไม่หยุด >_<



ในตึกนี้มีร้านอาหาร สวยมากกกกกกกกกกกกกกกกก เค้ายังไม่เปิด ถ้านั่งดินเนอร์ในร้านหลังคาสูงๆ ผนังเป็นไม้สีอ่อน มีกระจกที่แสงแดดลอดส่องผ่านเข้ามา ผ้าม่านห้อยยาวจากด้านบนถึงพื้น  ต้นไม้สีเขียวตามมุมต่างๆ เริ่ดดดดดอะ 


คำเตือนคือ ถ้าใครจะไป Heyri น่าจะมาช่วงบ่ายๆ หรือมาวันเสาร์อาทิตย์ที่มีคนครึกครึ้นจะดีกว่านะ  11 โมงกว่าของวันนั้น เราออกจากเฮริ แบบมึนๆ นั่งรถเมล์กลับเข้าโซล เพื่อไปเกาะนามิต่อ แฮร่....

ที่เล่าให้ฟังนี่เป็นแค่ "เศษเสี้ยว" ของงานที่ดิสเพลย์อยู่ในมิวเซียม ถึงแม้ย้อนหลังประวัติศาสตร์เกาหลี ที่ล้มลุกคลุกคลาน โดนคุกคามจากทั้งญี่ปุ่น จีน ณ ปัจจุบัน กลับกลายมาเป็นแรงผลักดันให้ประเทศเจริญก้าวหน้าไปไกล เค้าให้ความสำคัญกับ ศิลปะและจินตนาการ ไม่ว่าจะเป็น ร้าน ตรอก ซอก ซอยต่างๆ ของโซล ล้วนแฝงไว้ด้วยงานดีไซน์ที่คิดมาเป็นอย่างดี กุ๊กกิ๊ก น่ารัก เต็มไปหมดดดด เดินผ่านละเลือดกำเดาแทบกระฉูด 5555   แกลอรี่แสดงผลงาน เจอในทุกย่านชุมชน  ศิลปะที่ไม่ได้มีแค่ภาพวาด แต่ส่งผ่านออกมาเป็นข้าวของเครื่องใช้  ป้ายร้าน ป้ายชื่อ ของแต่งบ้าน interior/exterior design รวมไปถึงหนัง ละครดราม่า และเทคโนโลยี  ทำให้เราหันกลับมามองตัวเอง มองประเทศของเราว่า  เรามัวแต่ทำอะไรกันอยู่  เราให้ความสำคัญกับอะไร สังคม สิ่งแวดล้อม เด็กๆ ของเรา จะโตมาด้วยสภาวะแวดล้อมแบบไหน จินตนาการของเด็กๆ ถึงจะถูกแปลเปลี่ยนออกมาเป็นผลงาน แต่ถ้าอยู่ในประเทศที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้ กว่าจะได้เกิด จะแก่หัวหงอกก่อนไม๊

ถ้าเคยไปญี่ปุ่น ก็อาจจะพอเปรียบเทียบให้ฟังได้ แต่ไม่เคยไป แฮร่....แต่ ณ จุดนี้ แค่เกาหลีก็ฟินแล้ว ญี่ปุ่นหยอดกระปุกรอไปก่อนนะ กลัวไปแล้วต้องกลับไปอีกหลายครั้ง T_T



Create Date : 01 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2555 23:45:50 น. 4 comments
Counter : 3975 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะคุณแม่น้องมิว

เป็นคุณแม่ขา (หนีลูก) เที่ยวเหมือนกันเลยค่ะ
ปีก่อนตอนใบไม้ร่วงเราก็แว้บไปเที่ยวเกาหลีคนเดียวเหมือนกัน
และก็ไปเดินที่ Jeongdong-gil กะ Seoul Museum of Art มาด้วย
มาอ่านบล็อคคุณแม่แล้วช่างโดนใจ เหมือนได้กลับไปอีก ^^
เดี๋ยวจะรออ่านต่อจนจนทริปเลยนะคะ ชอบๆๆ

ว่างๆ นัดกันหนีลูกเที่ยวเกาหลีหน่อยมั้ยคะ 55


โดย: Onion Admirer IP: 58.137.1.154 วันที่: 2 พฤศจิกายน 2555 เวลา:8:40:58 น.  

 
There is noticeably a lot to realize about this. I believe you made certain good points in features also.
Cheap Ray Bans //www.spftransfer.com/


โดย: Cheap Ray Bans IP: 94.23.252.21 วันที่: 4 สิงหาคม 2557 เวลา:5:41:42 น.  

 
Wow, marvelous blog layout! How long have you been blogging for? you make blogging look easy. The overall look of your website is excellent, as well as the content!
Cheap Louis Vuitton backpack //www.led-ropelights.org/


โดย: Cheap Louis Vuitton backpack IP: 94.23.252.21 วันที่: 4 สิงหาคม 2557 เวลา:8:03:16 น.  

 
I'm gone to say to my little brother, that he should also pay a quick visit this webpage on regular basis to obtain updated from most up-to-date news.
cheap genuine ugg boots //vsvanity.com/wp-content/plugins/cheapugg.html


โดย: cheap genuine ugg boots IP: 192.99.14.34 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2557 เวลา:3:46:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.