กุ๊ดจัง
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]




ไม่มีสาระ...จริงๆ นะ..

แต่ถ้าหลวมตัวมาแล้ว จะแอบอ่านก้อไม่ว่ากัน ถ้ารับแนวเถื่อนนิดๆ ถ่อยหน่อยๆ แต่จริงใจได้ ^_^

คิดถึง ถูกใจ ก้อเจิมกันสักนิดนุง แต่ถ้าไม่ถูกใจ มาทางไหนเชิญกลับไปทางนั้น ไม่ต้องเม้นไว้ให้เปลืองมือนะ ฮ่าๆๆ
HighStudio

สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์
บทความ โดย littlemiumiu.com อนุญาตให้ใช้ได้ตาม สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ต้นฉบับ.
อยู่บนพื้นฐานของงานที่ www.littlemiumiu.com.
การอนุญาตนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในสัญญาอนุญาตนี้ อาจมีอยู่ที่ www.littlemiumiu.com
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
31 มีนาคม 2556
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add กุ๊ดจัง's blog to your web]
Links
 

 

Dialogue in Action: ความมั่นใจ vs. ความมั่นคง

วันนี้ ได้มีโอกาสไปร่วมวงไดอะล็อคจริงๆ นอกเหนือจากวงไดอะล็อคเบสิก ครั้งแรกที่เคยไปมาเมื่อเดือนก่อน กว่าจะจัดสรรเวลาได้ลงตัวก็เกือบจะถอดใจไปซะแล้ว 


วันนี้เป็นวันที่รถติดมากกกกกตั้งแต่ออกจากบ้าน ต้องพาเด็กไปฝากไว้บ้านลุง เตรียมอาหารให้เด็กกินตอนบ่ายหลังจากว่ายน้ำเสร็จ ไปวนหาที่จอดรถในห้างก็คนแน่นมากกก เนื่องจากสิ้นเดือนพอดี แค่จะซื้อแมคโดนัลเอง  T_T  ห้างที่ 1 ไม่มีที่จอด ห้างที่ 2 ก็ไม่มีที่จอด รถติดในลานจอดอีกแหนะ ..กว่าจะฝ่าฟันที่จอด และเดินตากแดดไปซื้อ กว่าจะพาเด็กไปส่ง เกือบจะบ่ายสองโมง สายแน่ๆ ไม่ชอบไปสาย ไม่ไปซะเลยดีกว่ามะ  ยืนลังเลๆ  ไปดีไม่ไปดี ไปดีไม่ไปดี....ถ้าไม่ไปครั้งนี้ สงสัยจะถอดใจเป็นแน่แท้ สุดท้าย เอาวะ สายครึ่งชั่วโมง ถ้าไปถึง เค้าเริ่มกันไปนานแล้ว อย่างมากก็แค่กลับ ถือว่านั่งรถเล่นละกัน  สละรถ โดดขึ้นแทกซี่ เพราะถ้าขับไปเอง สายหนักก่าเดิมแน่นอน  สรุปไปถึง เค้ายังไม่เริ่ม แฮร่...โชคดีจัง

พอนั่งอยู่ในวง ก็เกิดจำไม่ได้ขึ้นมาว่า ไดอะล็อคต้องทำไรบ้างนะ ต้องพูดเรื่องแบบไหนบ้างแบบไหนได้ หรือไม่ได้นะ....ลืมไปแร้ว 5555  -_-'' แต่ไม่เป็นไร มาฟัง ไม่ได้มาพูด ฟังไปก่อนละกัน วันนี้ จะฟังแบบมีสติ

คุณอ๊บเปิดประเด็นทบทวนวัตถุประสงค์ของการทำไดอะล็อคขึ้นมาอีกครั้ง.....  

วงไดอะล็อคจะเป็นพื้นที่ที่เรามีโอกาสจะได้ทบทวนตัวเอง ครุ่นคิด พูดถึงสิ่งที่เราได้เผชิญ หรือเจอมาอย่างเป็นปัจจุบัน ไม่ตัดสิน ไม่พาดพิง ช่วยให้เราได้ก้าวออกมาจาก comfort zone ที่ขวางกั้นตัวเราเองเอาไว้ สำหรับผู้ฟังนั้น เราเรียนรู้ที่จะเป็นพื้นที่แห่งการรับฟัง และ ฟังอย่างโอบอุ้ม  การฟังอย่างไม่ตัดสิน เราฝึกสติตัวเองให้ห้อยแขวนคำตัดสินเอาไว้ ถ้าหากใครที่สามารถฟังอย่างไม่ตัดสิน และฟังอย่างโอบอุ้มได้ คนคนนั้นจะมีพื้นที่ในการรับฟังขยายใหญ่ขึ้นๆ เรื่อยๆ เค้าจะสามารถยอมรับคนอื่นในแบบที่คนคนนั้นเป็น เค้าจะสามารถมีความสุขกับสถาณการณ์ต่างๆ ได้ และเผื่อแผ่ความสุขไปให้คนรอบข้างได้เช่นกัน

พี่ๆ หลายคน แชร์เรื่องราวต่างๆ ประเด็นวันนี้ วนเวียนอยู่กับเรื่องของ ความมั่นใจ และความมั่นคง
มีพี่คนนึง ตั้งคำถามมาไว้ในวงว่า ความมั่นใจในตัวเอง กับความมั่นคงในตัวเอง เหมือนกันหรือต่างกัน

เป็นคำถามน่าคิดชวนมึนได้ทีเดียว....ความเห็นคุณอ๊บตอนนึงน่าสนใจมาก ที่ว่า

คนเราอาจจะแสดงออกว่ามั่นใจ เพื่อกลบเกลื่อนว่าลึกๆ นั้น ตัวเองไม่มีความไม่มั่นคงในจิตใจก็เป็นได้

คนเราอาจจะพยายามสร้างความมั่นใจในตัวเอง ได้ด้วยการซื้อเสื้อผ้าราคาแพง หิ้วกระเป๋าแบรนด์เนม เราอาจจะสร้างความมั่นใจด้วยการพูดจาเสียงดัง ทำท่านักเลง หรือ สร้างความมั่นใจด้วยการสูบบุหรี่ คิดว่าเท่ห์ละ...ที่ทำไปทั้งหมดเพื่อเรียกความมั่นใจเราออกมา เพราะเราไม่มีความมั่นคงในจิตใจนั่นเอง ถ้าหากเราขาดสิ่งต่างๆ ที่ช่วยสร้างความมั่นใจแล้วล่ะก็ เราจะรู้สึกไม่มั่นใจ และไม่มั่นคง  แต่ถ้าหาก คนที่มีความมั่นคงในอารมณ์ เขาจะไม่โอนเอนไปกับสิ่งต่างๆ รอบตัว หวั่นไหวต่อคำนินทา คำวิจารณ์ สายตาที่คนอื่นมอง และตัดสินตัวเรา เพราะ เขาจะรู้ได้ด้วยตัวเองว่า ตัวเขานั้นเป็นอย่างไร

ความมั่นคงของคนคนนึง เกิดจากอะไร เป็นคำถามน่าคิด
หลังจากพี่ไหม และพี่ๆในวง ช่วยกันแชร์ เรื่องราวของตัวเอง  กราบบบงามๆ สำหรับทุกเรื่องราว 

จากความเห็นที่ว่า ถ้าหากการที่เรายอมรับตัวเอง ในแบบที่เราเป็น ไม่ว่า เราจะเป็นคนที่ดี ดีมากในบางเรื่อง หรือ ห่วย ห่วยมาก ในหลายเรื่อง การที่เรายอมรับกับตัวเองได้ว่า เรานั้นไม่เพอเฟค เรามีเรื่องที่เราทำได้ไม่ดี เรื่องที่ห่วยๆ พอๆ กับที่คนอื่นก็เป็นคนที่ไม่เพอเฟคเช่นเดียวกันกับเรานั้น จะช่วยให้เรามีความมั่นคงมากขึ้นได้  ฟังง่าย ทำยาก  และยังเจอคำถามนี้เข้าไปอีก

คำถามต่อมาในทางกลับกันคือ เคยคิดบ้างไหม ว่า อะไร สิ่งใด ที่เมื่อเราขาดสิ่งสิ่งนั้นไป เราจะขาดความมั่นคง หรือรู้สึกไม่มั่นคงอีกต่อไป เราจะต้องตายแน่ๆ แย่มากๆ ชีวิตชั้นจะจบสิ้น ฟ้าดินทลายทันที เมื่อขาดสิ่งนั้น

บางคนอาจจะเป็นรูปธรรม เป็นตัวบุคคล เช่น พ่อ แม่ ลูก คนสำคัญในชีวิต อวัยวะ แขนตา หน้าตา บางคนอาจจะเป็นนามธรรม เช่น ความคิด ความรัก ความเข้าใจ

สำหรับตัวเราเอง  หลังจากใคร่ครวญผ่านหลายคำตอบของคนอื่นๆในวงไดอะล็อค  มองตัวเองผ่านคำตอบคนอื่น.....
- ถ้าเราขาดพ่อแม่พี่น้องคนที่เราคิดว่าเรารักมากไป เราจะสูญเสียความมั่นใจ รู้สึกชีวิตนี้ไม่อยากอยู่ต่อไปไม๊...ไม่ แม่ก็ตายไปแล้ว ถึงจะรู้สึกว่ามีหลายอย่างที่เรายังทำได้ไม่ดีพอ หลายเรื่องที่ทำผิดพลาดแต่ถ้าไปติดกับอดีต ที่กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ก็ไม่รู้จะคิดทำไม 
- ถ้าเราพิการ แขนด้วน ขาขาด ตาบอด เราจะรู้สึกแย่ไม๊...สำหรับเรา ไม่เลย แต่กลับกัน ดันคิดว่า ถ้าเราขาดสิ่งเหล่านั้นไป ชีวิตอาจจะสนุกก็ได้ ถ้าสมมติ เราใช้ชีวิตแบบมองไม่เห็น....เราอาจจะได้เห็นโลกในมุมที่แปลกๆ ไปก็ได้นะ หนังสืออักษรเบลก็มีให้อ่าน ไม่ใช่ตาบอดแล้วจะอ่านหนังสือไม่ได้....ฟังเพลงก็ยังฟังได้อยู่ คนหูหนวกสิ ไม่มีโอกาสได้ฟังเพลงซะด้วยซ้ำ เราอาจจะได้ค้นพบศักยภาพตัวเองที่เราไม่เคยรู้มาก่อนก็ได้นะ ถ้าเราพูดไม่ได้ แต่มีภาษามือนี่นา เราอาจจะได้เข้าใจคนอื่น ที่เค้าเป็นแบบนี้  เราจะทำโน่นนี่นั่น เขียนหนังสือดีมะ...หรือเป็น speaker ดี....สอนคนตาบอดถ่ายรูปดีป่าว...ว่าไปโน่น... ประกอบกับเรื่องราวที่คนอื่นแบ่งปันมา เช่น โดนอัญเชิญออกจากงาน ลองคิดดูว่า ถ้าสถาณการณ์แบบนั้นเกิดกับเรา มันคงรู้สึกแย่มากแน่ๆ 
คำตอบของตัวเอง ก็มาจบตรงที่...อันที่จริง ฉันต้องการให้คนอื่นยอมรับในตัวฉัน  เราจะรู้สึกแย่ ถ้าโดนปฏิเสธไม่ว่าอะไรก็ตาม ลึกๆแล้วความต้องการ needs ที่ขับเคลื่อนพฤติกรรม สิ่งที่เราพยายามทำหลายๆ อย่าง เพื่อเป็นการแสดงออกว่า ยอมรับฉันสิ ยอมรับฉันสิ.....ฉันเก่งนะ   จนบางครั้ง มีพี่ที่เคารพคนนึงบอกว่า เราคิดว่าตัวเองเก่ง จนมองข้ามหัวกะบาลคนอื่นไปเลยล่ะ ไม่ให้ความสำคัญกับคนอื่นเลย (เอาจริงๆ นะ ชื่อกะหน้าก็ยังไม่จำ ว่างั้นเหอะ) 

ยกตัวอย่างที่เรื่องที่เพิ่งคิดได้ เราไม่เคยนึกภาพตัวเองนั่งง่อยเลี้ยงลูกอยู่บ้านไปวันๆ เป็นแม่บ้าน รอแบมือขอเงินคนอื่นใช้เลยนะ เพราะรู้สึกว่า ไร้ค่ามาก ถ้าลองตีโจทย์นี้ออกไป มันก็จะวนกลับไปสู่คำตอบเดิม เป็นแม่บ้านอยู่บ้านเนี่ย รอสามี(ในฝัน)กะลูกมาให้การยอมรับแค่นั้นเองอะหรอ ศักยภาพคนเราเกิดมา มีแค่เนี๊ยยยย??? ไม่ละ ต้องทำอย่างอื่นที่มีคนยอมรับมากกว่านี้ 
ในหัวเรานี่ คิดว่าพนักงานตำแหน่งแม่และแม่บ้านนี่ไม่ได้สร้างความมั่นคงทางจิตใจได้เลยนะ เอาชีวิตมาฝากไว้กะคนคนเดียวที่วันนึงจะเลิกกันเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นทำไงล่ะ เราเอาเหตุการณ์ของคนอื่นๆในอดีตมาตัดสินตัวเองและคนอื่นไปแล้ว  และก็ไม่เคยเข้าใจว่าคนที่ใช้ชีวิตแบบนี้ได้ อยู่ได้ไง ถึงแม้จะดูเป็นชีวิตคุณนายน่าอิจฉาก็ตาม 

ถึงแม้อยากจะมีชีวิตแบบนี้นะ สบายดีออก นอกเสียจากประเด็นเรื่องความมั่นคงทางการเงินว่า สามี(ในฝัน) จะเป็นแหล่งที่พึ่งรายได้ทางเดียวที่แม่บ้านสามารถฝากไว้ได้ เรื่องอื่นก็ไม่เห็นน่าจะมีเรื่องไรน่าปวดสมอง   เมื่อเราลองมองดูอีกแง่มุมนึง หลายคนที่อยู่บ้านเฉยๆ ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด เขาก็แฮปปี้ในแบบของเขา ไม่ต้องรอให้ใครมายอมรับ ไม่ต้องคิดเหมือนเราก็ได้ ชีวิตเขาก็มีค่าในแบบของเขาเอง เราจะไปตัดสินคุณค่าของชีวิตคนอื่นเพื่ออะไร (ปล. อันที่จริงทางเลือกแม่บ้านก็ไม่มีให้เลือกอยู่แล้วน่ะน่ะ ไม่มีคนหาเลี้ยง แค่ลองคิดดูจากเรื่องใกล้ตัวเฉยๆ)


ก่อนหน้านี้ เราเคยกังขาว่า คนที่คิดว่าตัวเองมั่นใจ มั่นคง เป็นน้ำเต็มแก้วป่าววะ ถ้าเป็นสมัยก่อนอาจจะตัดสินไปก่อน ว่า พวกคนที่มั่นใจว่ากูทำถูก ทำดีนี่ ต้องมั่นใจแบบน้ำเต็มแก้วแน่ๆ ใครว่าอะไรไม่ได้ ติอะไรไม่เข้าหู ไม่เอากลับไปคิด ถึงได้ไม่รับฟังความคิดเห็นคนอื่น 
เราเคยคิดว่าการที่มีคนตำหนิเราแสดงว่าเราต้องมีข้อพกพร่องอะไรแน่ๆ เขาถึงได้มาว่าเรา เราต้องทำตัวเองให้ดีขึ้นสิ ดีขึ้นสิ....แต่ มันเหมือน เรามีหน้าตาและพฤติกรรม ของ คนในอุดมคติอยู่แบบนึง คนในอุดมคติคนนั้น จะเป็นแม่นางฟ้า เป็นเจ้านายที่ดี ทำงานเก่ง เป็นเมียที่ดี เป็นลูกที่กตัญญู แต่ในความจริงตัวเราเองเป็นอีกแบบหนึ่ง  แล้วเมื่อเราเป็นไม่ได้อย่างที่เราคิด เราจะรู้สึกไม่ stable ไม่มั่นคง ไม่พอใจ เฝ้าหาวิธีที่จะเป็นคนในอุดมคติคนนั้นต่อๆ ไป   แต่ ก่อนที่เราจะก้าวไปข้างหน้าได้ เราไม่ได้ยอมรับความห่วยของตัวเองอย่างแท้จริง ยอมรับว่า เราอาจจะยังไม่ได้ทำเต็มที่ ยอมรับว่า เราไม่สามารถ perfect ได้ เราไม่สามารถทำให้คนทุกคน ยอมรับเราได้  ละในความจริงยิ่งกว่า คือ คนในอุดมคติของเรา แบบที่เราอยากมี อยากเป็นนั้น สุดท้าย มันอาจจะมีหน้าตา รูปร่างแบบอย่าง ต่างจากคนในอุดมคติของคนอื่นก็ได้!  

สิ่งสำคัญ คือ เราสามารถยอมรับตัวเองในแบบที่เราเป็น ไม่ดีก็รู้ว่าไม่ดี ดี ก็รู้ว่าดี ในบรรทัดฐานที่เป็นกลางกับตัวเองและผู้อื่น ถ้าไม้บรรทัดเราบิดเบี้ยว ไม่ได้สเกล พอเราออกไปเจอโลกภายนอก โลกภายนอกจะช่วยบอกว่า ไม้บรรทัดเธอไม่ตรงนะ เบี้ยวนะ สเกลเพี้ยนนะ  เสียงเหล่านั้นอาจจะช่วยกลึงเกลาไม้บรรทัดของเรา หรือพาเราไปสู่ที่ที่เราควรจะอยู่ ผู้คนที่มีไม้บรรทัดสเกลเดียวกัน ตาม Law of attraction ก็ได้ และเมื่อเรามั่นคงจากภายใน เรารู้ตัวเองว่าเป็นยังไง ดี หรือไม่ดีตรงไหน เรามีสติอยู่กับสิ่งที่เราเป็น สิ่งที่เราทำ เรารู้ว่าเราทำมันอย่างเต็มกำลังความสามารถและความพยายามแล้ว สิ่งที่ให้ความมั่นใจ มั่นคงและปลอมประโลมได้ที่ที่สุด ก็คือตัวเรานั่นเอง

พี่ไหมบอกว่า เมื่อไหร่ที่เรายอมรับตัวเอง และเติมเต็มตัวเองแล้ว เมื่อเรามีเหลือจนมากล้น เมื่อนั้นแหละ เราจะมีเหลือเผื่อแผ่ไปให้คนอื่นๆ รอบตัวเรา สิ่งต่างๆรอบตัวเราจะเปลี่ยนไปเอง

ปิ้ง แว๊บ เรื่องราวของตัวเอง ที่เราดำริได้ว่า ความมั่นคงของเรานั้น มาจากการที่เราต้องการให้คนอื่นยอมรับ เชื่อมโยงไปสู่เรื่องของ NVC  สิ่งที่เราได้ค้นพบสาเหตุที่ตัวเองเป็นแบบนี้ คิดแบบนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการเลี้ยงดู เราถูกเลี้ยงดูมาในครอบครัวที่ ต้องเรียนเก่ง ต้องตั้งใจเรียน ต้องอยู่ในระเบียบ ห้ามไปสาย ต้องตรงเวลา ต้องจับดินสอมือขวาเท่านั้น เจอผู้ใหญ่ต้องยกมือไหว้....
ถ้าไม่ทำ เป็นไงหรอ.....ไม่ทำแล้วจะไม่ได้รับการยอมรับไง 
ถ้าเรียนไม่เก่ง ไม่ได้แสดงความสามารถออกมา ถ้าแสดงความสามารถออกมาคนไม่เห็น ถ้าฉันไม่ได้เป็นที่ 1  ฉันจะไม่ได้รับการยอมรับ ฉันจะไม่ได้รับความรัก ฉันจะต้องทำเพื่อให้ใครๆมองว่าฉันดี

ภาพเหล่านี้ ผุดๆๆๆ ขึ้นมา จากพฤติกรรมตัวเอง และ เดจาวูมาก เมื่อเวลาเห็นมิวมิว ที่เราปล่อยไว้กับคุณยาย กำลังถูกเลี้ยงดูมาด้วยค่านิยมในแบบที่เราโตมา  เรารู้ว่า ถ้าถูกเลี้ยงมาแบบนี้ โตมา เป็นแบบกรูแน่ๆ มิวโดนบังคับให้ไหว้สิ ไหว้ ยกมือไหว้ก่อนออกจากบ้าน ถ้าวันไหนมิวไม่มีรมณ์ เสียงบ่นจะตามไล่หลังมาติดๆ ว่า โตขึ้นไม่ไหว้ผู้ใหญ่ ไม่มีสัมมาคาราวะ เนี่ย บอกลูกให้หัดไหว้คนอื่นบ้าง (เอร่ออ..แล้วที่คุณยายพูดอยู่ มิวก็ได้ยิน แล้วมิวไม่ทำ มันจะต่างอะไรกับแม่บอกอะ) เนี่ย มิวจับดินสอมือหงิกๆ งอๆ เพราะแม่มันให้ระบายสีน้ำจับพู่กันก่อน แทนที่จะให้ใช้ดินสอไม้ จะได้หัดจับได้ถูกต้อง ทีนี้เลยจับดินสอเหมือนพู่กันเลยเป็นไง  เนี่ย หัดให้ลูกนอนแต่หัวค่ำๆ บ้าง...บางทีกลับบ้านก็ 3-4 ทุ่มละ มิวก็รอที่จะเจอเรา ไม่ยอมนอน จะหัดยังไงไม่ทราบ โหวว...อะไรๆ ก็ตรูผิดสินะ  ถึงจะพยายามมองในแง่ดีก็แล้ว คิดบวกก็แล้ว ดิชั้นก็ยังปริ๊ดแตก หรือต้องเดินหนีทุกครั้ง เวลาตัวเอง หรือลูกตกอยู่ในสถาณการณ์แบบนี้ 

ยิ่งเมื่อเรามองเห็นข้อบกพร่องของตัวเอง ที่เราเองยังแก้ไม่ได้ เรามองเห็นอนาคตว่า ถ้าเราปล่อยลูกเราไว้แบบนี้ แย่แน่....ซวยละสิ ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี เชื่อว่า หลายๆๆบ้าน ที่มีลูก แล้วไม่สามารถเลี้ยงลูกเองได้ตลอดเวลา ต้องอาศัยพ่อแม่ ปู่ย่าตายายช่วยเลี้ยง เรามองเห็นอะไรหลายๆ อย่าง ขัดหูขัดตา ขัดใจ แต่ทำอะไรไม่ได้.....ภาวะที่ทำอะไรไม่ได้ มันเป็นภาวะที่น่าอึดอึดใจมากเป็นที่สุด  การพยายามใช้  NVC กับคนแก่ ที่อีโก้สูงๆ ยากกกกก กว่าเด็ก หลายร้อยเท่านัก ตามที่เขาว่า ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยากนั่นแหละ

วันนี้ ได้ข้อคิดดีๆ จากคุณอ๊บมาฝาก ทำไมคิดเองไม่ได้นะ 5555 บางครั้ง ถึงแม้เราจะพยายามมองโลกแง่บวก....บวก สิบวก....มันเหมือนงูกินหาง ว่ายวนอยู่ในอ่าง ก็ยังดีนะ ที่เรามีคนช่วยเลี้ยงลูกที่ไว้ใจได้ ไม่ต้องจ้างพี่เลี้ยง ถึงยังไง ปู่ย่าตายาย ก็ยังรักลูกเรา หวังดีกับลูกเราอย่างแท้จริง เรื่องอื่นๆ หลับตาข้างนึงไปละกัน แต่ในบางครั้ง เหตุการณ์มันก็ ชวนจิ๊ดดดดด เมื่อหาทางออกไม่ได้ คนที่จะประสาทแดรก ก็เป็นตัวเราเอง

โลกเรากำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนถ่ายการให้คุณค่าความสำคัญของความแตกต่างของแต่ละบุคคล จากที่แต่ก่อน คนรุ่นพ่อแม่ปู่ย่าตายายเรา เค้าให้ความสำคัญกับ การเป็นที่ 1 ต้องเป็นที่ 1 เท่านั้น ถึงจะมีที่ยืนในสังคมนี้ มองในแง่ดีว่า ลูกเรานั้นโชคดี ที่มีแม่แบบเรา และมีคนรุ่นปู่ย่าตายาย ไว้เป็นตัวอย่าง ให้เราได้สอน ให้เค้าได้เรียนรู้ เจอโลกทั้ง 2 แบบ ไปพร้อมกัน ตั้งแต่วัยเด็กโดยที่เราผู้เป็นแม่สามารถชี้ให้เค้าเห็นว่า สิ่งใดเป็นยังไง ถ้าเราเลี้ยงลูกในแบบของเราเองอย่างเดียว เค้าอาจจะได้เจอแต่สิ่งที่ดีๆ ในขณะเดียวกัน โลกแห่งความเป็นจริง ยังมีคนรุ่นปู่ย่าตายาย หรือคนที่ถูกเลี้ยงดูมาอีกแบบหนึ่ง เขาให้คุณค่า ให้ความสำคัญของการเป็นที่ 1 และการยอมรับจากคนอื่นเหมือนเป็นโลกคู่ขนานกันไป  เพื่อที่จะให้ลูกเราสามารถเข้าใจโลกนี้ได้มากยิ่งขึ้น และเรียนรู้การให้คุณค่าความแตกต่าง และยอมรับความแตกต่างนั้นไปพร้อมๆ กัน 

ขอบคุณพี่ไหม และพี่ๆ น้องๆ ในวงไดอะล็อค ที่มาแชร์ เรื่องราวต่างๆ ขอบคุณคุณอ๊บที่สละเวลา และ ข้อคิดที่ดี

เจอกันใหม่ เดือนหน้าค๊าบบบบบบบ.......Smiley





 

Create Date : 31 มีนาคม 2556
0 comments
Last Update : 22 มิถุนายน 2556 0:15:14 น.
Counter : 482 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.