มิงกาลาบา ทำบุญที่พม่า (วันที่ 1 พระมหาเจดีย์ชเวดากอง)
วันศุกร์ที่ 21 ก.พ.57
ทริปนี้ตั้งใจพาแม่ไปทำบุญ ไหว้พระธาตุประจำปีเกิดที่ พระมหาเจดีย์ชเวดากอง เลยถือโอกาสพาแม่ยายและน้องแฟนไปด้วย รวมทั้งทริป 5 ท่าน ไปกับทัวร์ แพลนเนท ฮอลลิเดย์ ทราเวิล ตามไปทำบุญด้วยกันครับ
เวลา 05.00 น. ถึงสนามบินดอนเมือง จะมีเจ้าหน้าที่มารอต้อนรับแจกเอกสารพร้อมกระเป๋าเดินทางใบเล็กและอาหารเช้าให้เราคนละ 1 ชุด (เป็นน้ำผลไม้ 1 กล่องกับแมคฟิชและพายสับปะรด) เอกสารครบเราก็ไปเช็คอิน รอขึ้นเครื่อง ออกเดินทางสู่กรุงย่างกุ้ง เวลา 07.15 โดยเที่ยวบินที่ FD2751 ของแอร์เอเชีย เวลา 08.00 น. เราถึง สนามบินมิงกาลาดง กรุงย่างกุ้ง (เวลาท้องถิ่นที่เมียนม่าร์ ช้ากว่าประเทศไทยครึ่งชั่วโมง) แอร์เอเชีย เที่ยวนี้ไม่มีงอแง บินตรงเวลา กรุ๊ปทัวร์ผมมีทั้งหมด 27 คนรวมทั้งไกด์ของบริษัททัวร์ 1 ท่าน กว่าจะผ่านด่านคนเข้าเมือง (ตม.พม่าน่ารักดีครับ ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดดูเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยว) พอลูกทัวร์รับกระเป๋าครบทุกท่านก็จะมีน้องแสง (ไกด์พม่าท้องถิ่น ผู้ชายพูดไทยได้ ซื่อดีพูดตรงๆชอบ) พาไปขึ้นรถโค้ชที่มารอรับหน้าสนามบิน แค่รถโค้ชก็ประทับใจแล้วครับ รถใหม่กิ๊ก เบาะใหญ่กว้างมาก ปรับนอนได้สบายไม่อึดอัดคนข้างหลังเลย แถมภายในรถมีปลั๊กไฟไว้ให้ชาร์ททุกที่นั่ง แจ่มมากกกกก ขึ้นรถได้ แลกเงินที่ไกด์ได้เลย ผมแลกเผื่ออีกนิดหน่อย ขึ้นไปชั้นสองไว้สำหรับเจ้าอาวาสมาทำพิธีสวดมนต์ แจกพระธาตุ แสดงพระพุทธรูป พระธาตุและจำหน่ายวัตถุมงคล ชั้นที่สามจะมีพระธาตุเต็มตู้เลยครับ ขึ้นไปอีกหน่อยจะเป็นห้องนอนเล็กๆ มีเตียงกับมุ้งไม่รู้ว่าใครนอน แล้วจะมีภาพต่างๆน่าจะมีความหมาย แต่ผมไม่ทราบว่าอะไรบ้าง ส่วนชั้นบนผมไม่ได้ขึ้นแล้วครับ คืนนี้พักที่โรงแรม Orchid Hotel ตั้งอยู่ในใจกลางกรุงย่างกุ้ง ห่างจาก Botabtaung Pagoda 950 ม.ห่างจาก BAK Shopping Centre 900 ม. และห่างจาก Mingaladon International Airport 14 กม. มีบริการรถรับส่งสนามบินเมื่อแจ้งความประสงค์ ภายในห้องมีอุปกรณ์ให้ครบ ตั้งแต่ไม้แปรงฟัน ยาสีฟัน สบู่ ตู้เย็น ทีวี แต่ห้องไม่ค่อยกว้างเท่าไหร่ เตียงแอบเล็กไปหน่อย น้ำแรงดี สำหรับผมแค่นี้ก็โอเค
ผมพักห้อง 309
ส่วนปลั๊กไฟผมเอาไปเอง เต้าจะเป็น 3 ตาใช้ได้ทั้งแบบกลมและแบน ไม่ต้องแปลงไฟ เสียบแล้วใช้ได้เลย ไกด์ให้เวลา 15 นาทีเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บที่ห้องประมาณบ่ายสองครึ่งเราออกเดินทางจากโรงแรมไป เจดีย์โปตาทาวน์ ต่อ สร้างโดยทหารพันนายเพื่อบรรจุพระบรมธาตุที่พระสงฆ์อินเดีย 8 รูป ได้นำมาเมื่อ 2,000 ปีก่อน ในปี 2486 เจดีย์แห่งนี้ถูกระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรเข้ากลางองค์จึงพบโกศทองคำบรรจุพระเกศาธาตุและพระบรมธาตุอีก 2 องค์ และพบพระพุทธรูปทอง เงิน สำริด 700 องค์ และจารึกดินเผาภาษาบาลี และตัวหนังสือพราหมณ์อินเดียทางใต้ ต้นแบบภาษาพม่า ภายในเจดีย์ที่ประดับด้วยกระเบื้องสีสันงดงาม และมีมุมสำหรับฝึกสมาธิหลายจุดในองค์พระเจดีย์ (ข้อมูลจากเอกสารที่บริษัททัวร์แจก)
วันที่ผมไป เจดีย์กำลังอยู่ในช่วงบูรณะอยู่ครับ มาถึงเจดีย์โปตาทาวน์ประมาณบ่ายสามโมง ไกด์พาเราเข้าไปในเจดีย์โปตาทาวน์เพื่อไหว้พระเกศาธาตุ นักท่องเที่ยวชาวไทยและคนพม่ามาขอพรและไหว้พระธาตุเยอะมากครับ ถ้าเดินไปข้างหลังตามภาพข้างบนจะเป็นพระเกศาธาตุ ผมขี้เกียจเบียดคนเข้าไปดู เลยออกมาดูข้างๆแทน เหลืองอร่ามไปหมด
หน้าประตูกับข้างในเจดีย์
ไหว้เสร็จก็เดินออกจากเจดีย์ทางด้านซ้ายมือ (ถ้าหันหน้าเข้าเจดีย์ทางขวามือจะเป็นพระพุทธรูปจำลองพระพุทธรูปทองคำที่สร้างเหมือนของที่มัณฑะเลย์ ส่วนทางซ้ายมือเทพทันใจ หรือ ศาลโบโบยีนัต) เราไปไหว้พระพุทธรูปจำลองกันก่อนครับ
ไหว้เสร็จก็ไปขอพรจากเทพทันใจ ทางเข้าสวยงามครับ
วิธีขอพรเทพทันใจ
๑ สักการะด้วยดอกไม้ มะพร้าวอ่อน กล้วย หรือผลไม้อื่นๆ (ที่ศาลมีจัดเตรียมไว้ให้ราคาประมาณ 200 บาท) ๒ นั่งลงอธิษฐานขอพร จากนั้นกราบโดยไม่แบมือ ๓ นำธนบัตร(ดอลล่าร์ บาท หรือ Kyat ก็ได้) ม้วนเป็นกรวยใส่มือของนัตโบโบยี 2 ใบ ไหว้ขอพรอีกครั้ง แล้วดึงธนบัตร 1 ใบกลับไปเก็บไว้บูชา ๔ แตะหน้าผากกับนิ้วชี้ของนัตโบโบยี ๕ จับไม้เท้าของนัตโบโบยี โดยให้หน้าผากแตะไม้เท้าด้วย ๖ นำธนบัตรอีกใบหนึ่งใส่ตู้บริจาค ๗ พรที่ขอทั้งหมดต้องเป็นสิ่งเดียวกันและขอในสิ่งที่เป็นไปได้ เสร็จแล้วก็เดินข้ามถนนเพื่อไปสักการะ เทพกระซิบ ซึ่งมีนามว่า อะมาดอว์เมี๊ยะ ตามตำนานกล่าวว่า นางเป็นธิดาของพญานาค ที่เกิดศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า รักษาศีล ไม่ยอมกินเนื้อสัตว์จนเมื่อสิ้นชีวิตไปกลายเป็นนัต ซึ่งชาวพม่าเคารพกราบไหว้กันมานานแล้ว ซึ่งการขอพรเทพกระซิบต้องไปกระซิบเบาๆ ห้ามคนอื่นได้ยิน ชาวพม่านิยมขอพรจากเทพองค์นี้กันมากเช่นกัน การบูชาเทพกระซิบ บูชาด้วยน้ำนม ข้าวตอก ดอกไม้ และผลไม้
ไม่รู้แม่ผมขอพรอะไร ถามก็ไม่ยอมบอก กระซิบซะนานเลย ประมาณสี่โมงเย็นก็ออกเดินทางไปช้อปปิ้งที่ตลาดโบโจ๊ก อองซาน (Bogyoke Aung San) หรือ ตลาดสก๊อต (Scot Market) ระหว่างทางก็ถ่ายรูปบ้านเมืองเค้า ตลาดโบโจ๊ก ออนซาน เป็นตลาดเก่าแก่ของชาวพม่า สร้างขึ้นโดยชาวสก๊อตในสมัยที่ยังเป็นอาณานิคมของอังกฤษ เป็นลักษณะอาคารเรียงต่อกันหลายหลัง สินค้าที่จำหน่ายในตลาดแห่งนี้มีหลากหลายชนิด เช่น เครื่องเงิน ที่มีศิลปะผสมระหว่างมอญกับพม่าภาพวาด งานแกะสลักจากไม้ อัญมณี หยก ผ้าทอ เสื้อผ้าสำเร็จรูป แป้งทานาคา เป็นต้น (หากซื้อสิ้นค้าหรืออัญมณีที่มีราคาสูงควรขอใบเสร็จรับเงินด้วย ทุกครั้ง เนื่องจากจะต้องแสดงให้ศุลกากรตรวจ) ถึงตลาดไกด์จะพามายังจุดนัดพบของทัวร์ไทย ส่วนมากจะกรุ๊ปทัวร์เดิมๆ เจอกันตามวัดตอนเช้ากันบ้างแล้ว ตรงนี้ไกด์ให้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หลังจากนัดเจอตรงจุดนัดพบก็ได้เวลาเดินสำรวจตลาดกันแล้ว ขนมครกข้างทาง น่ากินเหมือนกันแต่ไกด์เตือนระวังท้องเสียเลยอดชิม ชอบตาชั่ง บ้านเราสมัยนี้ใช้กันไม่เป็นแล้วมั่ง พอห้าโมงเย็นออกเดินทางไปไฮไลท์ของทริปนี้เลย พระมหาเจดีย์ชเวดากอง(Shwedagon Pagoda) พระเจดีย์ทองคำคู่บ้านคู่เมืองประเทศพม่าอายุกว่าสองพันห้าร้อยกว่าปี เจดีย์ทองแห่งเมืองดากอง หรือ ตะเกิง ชื่อเดิมของเมืองย่างกุ้ง มหาเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในพม่า สถานที่แห่งนี้มี ลานอธิฐาน จุดที่บุเรงนองมาขอพรก่อนออกรบ ท่านสามารถนำดอกไม้ธูปเทียน ไปไหว้ เพื่อขอพรจากองค์เจดีย์ชเวดากอง ณ ลานอธิษฐานเพื่อเสริมสร้างบารมีและสิรมงคล นอกจากนี้รอบองค์เจดีย์ยังมีพระประจำวันเกิดประดิษฐานทั้งแปดทิศรวม 8 องค์ หากใครเกิดวันไหนก็ให้ไปสรงน้ำพระประจำวันเกิดตน จะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต พระเจดีย์นี้ได้รับการบูรณะและต่อเติมโดยกษัตริย์หลายรัชกาลองค์เจดีย์ห่อหุ้มด้วยแผ่นทองคำทั้งหมดน้ำหนักยี่สิบสามตันภายในประดิษฐานเส้นพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวนแปดเส้นและเครื่องอัฐะบริขารของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนทั้งสามพระองค์ บนยอดประดับด้วยเพชรพลอยและอัญมณีต่างๆ จำนวนมาก และยังมีเพชรขนาดใหญ่ประดับอยู่บนยอดบริเวณเจดีย์จะได้ชมความงามของวิหารสี่ทิศ ซึ่งทำเป็นศาลาโถงครอบด้วยหลังคาทรงปราสาท ซ้อนเป็นชั้นๆงานศิลปะและสถาปัตยกรรมทุกชิ้นที่รวมกันขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของพุทธเจดีย์ล้วนมีตำนานและภูมิหลังความเป็นมาทั้งสิ้น ทางเข้าพระมหาเจดีย์ชเวดากองจะมี 4 ประตู ผมไม่รู้ว่าขึ้นประตูไหน รู้แต่ว่ารถโค้ชมาส่งตรงทางที่มีลิฟต์ สะดวกดีครับ ตรงนี้ไกด์จะพามาตรงจุดนัดพบแล้วปล่อยเราไหว้พระมหาเจดีย์อิสระจนถึงหนึ่งทุ่ม แล้วมาเจอตรงจุดนัดหมาย แต่ไกด์จะบอกจุดสำคัญๆเราไว้ ถ้าไม่เดินตามไกด์ ชอบตรงที่นักศึกษา พนักงานบริษัท ชาวบ้าน เค้าจะมาช่วยกันกวาดตรงลานเจดีย์ รอบๆมหาเจดีย์จะมีพระประจำวันเกิดให้บูชา
พระประจำวันเกิดผม
พระมหาเจดีย์ชเวดากอง ยิ่งใหญ่จริงๆครับ ทองเหลืองอร่ามทั้งเจดีย์ แค่นี้แม่ผมก็ปลื้มใจ อิ่มบุญแล้ว
ชาวพม่าส่วนมาก จะชอบเข้าวัดทำบุญ เห็นมานั่งสมาธิ กราบไหว้บูชาอย่างตั้งใจเห็นแล้วศรัทธาเลยครับ ยิ่งดึกคนยิ่งเยอะครับ ไกด์พาชมระฆังใบใหญ่ที่อังกฤษพยายามจะเอาไปแต่เกิดพลัดตกแม่น้ำย่างกุ้งเสียก่อนอังกฤษกู้เท่าไหร่ก็ไม่ขึ้นภายหลังชาวพม่า ช่วยกันกู้ขึ้นมาแขวนไว้ที่เดิมได้ จึงถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความสามัคคีซึ่งชาวพม่าถือว่าเป็นระฆังศักดิ์สิทธิ์ ให้ตีระฆัง 3 ครั้งแล้วอธิษฐานขออะไรก็จะได้ดั่งต้องการ ตรงนี้ผมมได้ถ่ายรูปมานะครับ หลังจากนั้นไกด์พาชมแสงของอัญมณีที่ประดับบนยอดฉัตรโดยจุดชมแต่ละจุดท่านจะได้เห็นแสงสีต่างกันออกไป เช่น สีเหลือง, สีน้ำเงิน, สีส้ม, สีแดง เค้าจะมีตัวย่อภาษาอังกฤษมาร์คไว้เป็นจุด ถ้าเราไปยืนตรงจุดก็จะเห็นตามสีเลยครับ อัศจรรย์มาก เราอยู่ชมพระมหาเจดีย์จนอิ่มใจ ก็ได้เวลากลับแล้วครับ ขอลาด้วยภาพนี้แล้วกัน ประมาณทุ่มครึ่ง ได้เวลาไปกินข้าวมื้อเย็นแล้วครับ ตอนอยู่พระมหาเจดีย์ไม่หิว พอรถออกมาได้แค่นั้นแหละแสบท้องกันทั้งคันรถเลย
มื้อเย็นเราฝากท้องไว้ที่ร้านอะไรก็ไม่รู้ แต่อาหารอลังการมาก แอบถ่ายตอนกินเกือบหมดแล้วครับ ที่จริงยกออกไปสองอย่างแล้ว เหลือที่เห็นในภาพนั้นแหละครับ
อิ่มเสร็จก็ได้เวลากลับเข้าที่พัก คืนนี้ลาด้วยภาพประทับใจสำหรับวันแรก พรุ่งนี้ค่อยไปสักการะพระธาตุอินทร์แขวน คลิ๊กเลย
Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2557 |
Last Update : 29 พฤษภาคม 2562 14:24:07 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1031 Pageviews. |
|
|
ปล.คุณแม่พี่ต้องดูหน้ามีความสุขมากๆเลย