...เมื่อกลัวสูญเสียสิ่งใด
แปลว่าเราเริ่มหลงรักสิ่งนั้น
ครั้งแรกที่ที่ทำให้ฉันเริ่มชื่นชอบนิ้วกลม คือการได้มีโอกาสได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งที่มีชื่อว่า ระยะทางอันห่างใกล้ ฉันไม่กล้าพูดว่าหลงรักนิ้วกลม เพราะรู้สึกว่าคำว่า หลงรัก นั้น ควรจะใช้กับอะไรที่ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับความคลั่งไคล้ แต่ความรู้สึกที่มีต่อนิ้วกลม ณ ขณะนี้ ยังไม่ใช่การหลงรัก...ยังเป็นเพียงความชื่นชอบเท่านั้น...และหวังว่าความชื่นชอบนี้ จะนำมาซึ่งการหลงรักในซักวัน
เราว่าความรัก (ณ ทีนี้)
คือความรู้สึกและอารมณ์โรแมนติก
เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว รุนแรงในเวลาไม่นานนัก
(หนึ่งปีนี้ ถือว่าเก่งมากแล้ว)
และจะค่อยๆ จางหายไปกระทั่งหมดลง
อาจเหลือ... นองอยู่เจิ่งๆ นิดๆ
เหมือนพื้นถนนหลังฝนตก
แต่สุดท้าย ถนนก็จะแห้งสนิท
หลังจากนั้นมันก็จะแปรเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่น
ที่...ถ้าไม่แข็งแรงขึ้น ก็อ่อนแอลง
นิ้วกลม
ระยะทางอันห่างใกล้
และด้วยความชื่นชอบนี้ จึงทำให้ฉันตัดสินใจที่จะลองหาหนังสือเล่มอื่นๆ ของนิ้วกลมมาอ่านดูบ้าง จากนั้นก็เริ่มการไล่หารายชื่อหนังสือของเขาในเนททันที แล้วไปสะดุดหยุดสายตาเข้ากับหนังสือเล่มหนึ่ง ... ถ้า Love at First Sightมีอยู่จริง ฉันจะขอใช้ประโยคแสนโรแมนติกนั้นกับหนังสือเล่มนี้ค่่ะ
อาจด้วยเพราะส่วนตัว เป็นคนชอบดูภาพวาดสีน้ำอยู่แล้ว พอเห็นหน้าปกก็ปิ๊งเลย หยดสีสามสีสามหยดจางๆ ถูกหยดลดหลั่นซ้อนกันอยู่ ไม่โดดเดี่ยวเดียวดาย เพราะสีกลุ่มจางๆ กลุ่มนั้นเกาะกันแนบแน่น และบางเบาด้วยการกระจายตัวของเม็ดสี ให้อารมณ์อุนนุนเหมือนชื่อหนังสือไม่มีผิด
แรกทีเดียวฉันไม่ชอบคำว่า อุนนุนเลย และไม่รู้ด้วยว่ามันแปลว่าอะไร และไม่ชอบคำๆนั้น เพราะรู้สึกว่าคำว่าอุนนุน เป็นคำที่ฟังไม่ไพเราะ ไม่น่าเป็นชื่อหนังสือซักเล่ม (ไม่ได้หมายความว่าหยาบคายนะคะ) แต่หมายความว่า มันฟังไม่สละสลวยและไม่รื่นหู...
แต่ฉันชอบอารมณ์ของคำว่าอุนนุน ...พออ่านคำนั้นออกมาจจากปาก มันให้อารมณ์ชิวๆ และอุ่นๆ เหมือนตอนกำลังนอนอยู่บนเตียงสีขาว ภายใต้ผ้านวมสีอ่อนๆ ผืนใหญ่ๆ ในวันที่มีฝนพรำอยู่ด้านนอก
ก็เป็นความรู้สึกที่แปลกดี...
เคยพูดเสมอว่าฉันเป็นคนชอบรูปแบบของหนังสือแนวนี้ คือมีภาพประกอบน่ารัก ประโยคไม่ยาวมาก สวยๆ สั้นๆ และก็คมๆ...พื้นที่สีขาวว่างเปล่า มีเอาไว้ให้จดให้บันทึกได้ แต่ฉันไม่เคยขีดเขียนตัวหนังสือลงไปในเล่มอื่นเลยซักครั้ง เพราะรู้สึกเสียดายและไม่อยากทำให้มันต้องเลอะ เปลอะเปื้อน...
แต่ดูเหมือน อุนนุน จะโชคดี โชคดีมากถึงขนาดเละเลยทีเดียว 555+ เพราะฉันคันไม้คันมือ อยากแสดงความรู้สึกเต็มแก่ เมื่อได้อ่านมัน...
อีกส่วนที่ชอบมากเลยก็คือนี่ค่ะ ภาพประกอบสีสันสดใส น่ารักจริงๆ แต่มีน้อยมาก รู้สึกจะมีอยู่แค่สามภาพเองมั๊ง....แต่ภาพพู่กันเดียวสีดำที่ประกอบในทุกหน้า อันนั้นฉันไม่ชอบ เพราะตีความไม่เป็นและมองไม่เห็นถึงความสวยของมัน
คุณนิ้วกลมบอกว่า การกอดที่แน่นเกินไปไม่ใช่ความรัก...อันนี้ฉันไม่รู้สึกเห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์ซักเท่าไหร่ เพราะสำหรับฉันแล้ว การกอดที่หลวมเกินไป ก็ไม่น่าจะใช่ความรักเช่นกัน
บางคนอาจจะชอบกอดหลวมๆ เพราะจะได้รู้สึกถึงความสบายและไม่อึดอัด ในขณะที่บางคนจะชอบกอดแน่นๆ เพราะมันทำให้สัมผัสได้ถึงความใส่ใจอย่างมาก แต่ความรักที่แท้จริงน่าจะเป็นความรู้สึกที่ทำให้คนๆ นั้นมีความสุข... ณ ขณะรักมากว่า...
แต่จริงๆ ประโยคของคุณนิ้วกลมก็ไม่ผิดหรอกนะ ที่ว่ากอดที่แน่นเกินไปมันไม่ใช่ความรัก ...สิ่งที่ฉันคิดไม่รู้ว่าจะเหมือนที่คุณนิ้วกลมต้องการสื่อหรือไม่ สิ่งที่ฉันอยากจะบอกก็คือ...ถ้าคนเรารักกันจริงๆ แล้วนั้น มันไม่มีกอดที่หลวมหรือแน่นเกินไปหรอก...ถึงจะกอดหลวมหรือแน่น ถ้าเพียงมีหัวใจที่รักกันเท่านั้น...กอดแบบไหน มันก็คือความพอดี ให้ความรู้สึกที่พอดีทั้งนั้น
เมื่อไหร่ที่คนเราเริ่มรู้สึกว่า กอดที่ตนเองได้รับ มันไม่ให้ความรู้สึกพอดีอีกแล้ว มันให้ความรู้สึกหลวมหรือแน่นเกินไปหรืออึดอัดเกินไป...ถึงตอนนั้นเมื่อไหร่ อาจจะต้องหันมาสำรวจหัวใจตัวเองเสียแล้ว...ว่ามัน ยังคง ใช่ความรักอยู่หรือไม่
ปล.หนังสือเล่มนี้ชื่อว่า...อุนนุนหมายเลข1...สิ่งที่ค้นพบระหว่างนั่งเฉยเฉย
ทั้ง
กอดที่แน่นเกินไปไม่ใช่ความรัก
และ
กอดที่หลวมเกินไป ก็ไม่น่าจะใช่ความรัก
เพราะแท้ที่จริงแล้ว มันก็แทบจะไม่สามารถเรียกว่าการกอดได้เลยใช่หรือเปล่าล่ะค่ะ
ตอนนี้อยู่ในช่วง กอดคนบางคนด้วยความรู้สึกค่ะ
หวานไปไหม