. . . จาก ไร่ องุ่น ถึง ฮานอย ตอนที่ 2 . . .
***คำเตือน*** บล็อกนี้ยาว และมีรูปประกอบเยอะ เนตไม่แรงขออภัยค่ะ
ต่อจาก ตอนที่1
ไม่รู้ว่าเราคิดถูกหรือคิดผิด เพราะทันทีที่ลงมา ก็โดนต้อนหน้าต้อนหลัง ปานเราเป็นไก่กุ๊กๆ ที่ต้องโดนต้อนให้เข้าฝูงเข้ากลุ่ม พี่ๆ แก เอาเก้าอี้มาให้นั่งกันครบ ทั้งๆ ที่บอกว่า ไม่เป็นไร เราพอใจจะยืน สุดท้ายขี้เกียจพูดมากเลยยอมๆ นั่งไปซะ รีบๆ ฟัง รีบๆ เจรจา รีบๆ จบ แบบว่าตรูหิวแล้ว ที่นี่น่ะอะไรๆ ก็ดีนะคะ พูดง่ายคุยง่าย แต่น้ำท่วมทุ่งชิบเป๋ง สงสัยไอ้น้ำที่มันท่วมๆ ไทยอยู่ตอนนี้จะไหลมาจากอีหนุ่มเวียดคนนี้นี่แหละ กว่าจะเข้าเรื่องกว่าจะเข้าประเด็นได้ แค่เสนอมาว่าทัวร์ตัวขายราคาเท่าไหร่ก็จบ เปล๊าา คุณพี่แกต้องไปเปิดเว็บอื่น นี่นะ เว็บนี้ขายเท่านี้นะ ของเราขายเท่านี้นะ แพงกว่าเขานะ แต่เราให้ส่วนลดได้นะ บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จนตรูแทบบ้าตาม - -
จนเราได้ข้อสรุปว่า เราตกลงซื้อทัวร์กับที่นี่ รวมๆ กับโรงแรมด้วย เพราะคิดสะระตะหลังจากรวมค่าห้องๆ ละ 10 เหรียญ และจากทีแรกที่ไม่มีอาหารเข้า ก็แถมอาหารเช้าให้ และลดเศษให้เราอีก ก็เท่าๆ กับเราไปเดินหาซื้อทัวร์เอง หาจองแท็กซี่วันกลับเอง เราเลยเลือกความสะดวก (จริงๆ ความงกมันเข้าตา บวกกับความหิว) ไอ้ทีแรกๆ ที่ยังลีลาปานตั๊กลีลานั่นก็ยื้อๆ อยู่นั่นแหละ พวกเรารึก็บอกว่าเราจะออกไปข้างนอกกัน ไปเดินเล่น หาของกิน หิวแล้ว ก็ยังยื้อยังดึงยังโม้ จนนังเจ็งฯ เริ่มชักสีหน้า จริงๆ เป็นคนสันดานเสียค่ะ เวลาเริ่มไม่พอใจเนี่ย สีหน้าท่าทางมันบอกไวมาก เป็นประเภทเก็บความโกรธไม่เก่งค่ะ แต่ปากแข็งน่ะไม่แพ้ใคร แหะๆ พี่แกคนที่เรียกเจ็งลี่ว่า brilliant miss รีบบอกว่า อ๊ะ กินน้ำก่อน please dont be hungry. นังนี่กำลังจะเริ่มๆ วีนเลยหันไปบอกคุณเธอว่า Im not angry but hungry. เหมือนได้ยินเสียงอะไรร่วงกราวก็ตอนนั้น คงรู้ตัวว่าพูดผิดไปแล้ว เลยหุบปากไปในบัดดล อ่า ตรูค่อยโล่งหูสักหน่อย กว่าจะตกลงกันได้ พวกเราก็จ่ายเงินกันไป 4 คืน รวม one day trip อีก 2 รายการ รวมค่าแท็กซี่มารับพวกเราไปสนามบินวันสุดท้าย คนละ 48 เหรียญค่ะ รู้สึกว่าคุ้มสุดๆ ค่าที่พัก ค่าทัวร์ รวมแท๊กซี่ จ่ายไป 48 เหรียญ จากการที่ต่อรองสุดฤทธิ์ แถมบลัฟกันสุดเดช ทำนองว่ารู้นะที่อื่นๆ น่ะ เขาซื้อทัวร์กันเท่านี้ คนอื่นซื้อมากันราคานี้ ไม่เห็นแพงแบบนี้เลย ฯลฯ จริงๆ จะโดนตื้อขาย city tour ให้ด้วย แต่อันนี้ด้วยความที่ทำการบ้านมาอย่างดี แน่นปึ้ก ไม่จำเป็นค่ะ แต่ก็ยังตื้อ เลยต้องอาศัยฮง ขอยืมชื่อ ฮง มาขายด้วยบอกว่า เนี่ยเพื่อนจะพาทัวร์เอง พวกคุณผู้ชายเลยสงบลงไปได้ รอดจากเรื่องนี้เพราะฮงแท้ๆ เชียว ซึ่งงานนี้เจ้าตัวไม่รู้เรื่องด้วยเลยสักนิด หุหุ
ตกลงกันได้ จ่ายเงินเสร็จ เราก็พากันเดินออกมา ไม่ได้ถามทางจะเดินไปทะเลสาบ เราก็เดินย้อนไปตามเส้นทางที่จำได้จากการนั่งรถแท็กซี่เข้ามา ซึ่งเพิ่งมารู้ทีหลังในอีก 2 วันต่อมาว่า โง่กันถ้วนหน้า มันมีทางที่เดินได้ใกล้กว่าเป็นไหนๆ แม่เจ้า ขาแทบหลุด - - เราเดินออกมากัน ได้เจอขนมหน้าตาท่าทางคล้ายๆ กับไข่หงส์และโดนัทเสียบไม้ เลยซื้อมากระแทกปากเพื่อบรรเทาอาหารหิวของเราไปพลางๆ ก็กว่าจะถึงทะเลสาบก็เล่นเอาแฮ่กใช่ย่อยเลยละค่ะ เราเดินไปเรื่อยๆ จนถึงทะเลสาบ เพื่อจะหาดูว่ามีอะไรบ้าง มองหาของกิน 36 streets บ้าง หา water puppets show บ้าง หากันตาแทบหลุด ด้วยความที่เอ๋อๆ เป๋อๆ กัน ผ่านโรงละครไปเฉย จนต้องอ้าปากถามทาง ถึงรู้ว่า ตรูเดินเลยมาแล้วนี่หว่า แต่อนิจจา บุญมีแต่กรรมบัง ตั๋วเต็ม เราก็เลยอ๊ะ วันอื่นๆ ก็ได้ สุดท้ายเราไปชอปปิ้งรองเท้าได้คนละคู่ ในสนนราคาที่น่าพึงพอใจ ใครเห็นราคาแถวนั้นคงตกใจ เพราะถามปุ๊บบอกมาเลยว่า หกแสน แม่เจ้า เดินหนีทันที คว้ามือปั๊บ จะเอาเท่าไหร่ ยอมค่ะยอม ขอให้ซื้อ ถ้ายังไม่ได้ราคาที่พอใจ เดินหนีเลยค่ะ แล้วเดี๋ยวเขาตามเอง เว้นแต่ไม่ได้จริงๆ นั่นแหละถึงจะไม่ตาม ซื้อของแถวนี้ต้องเล่นตัวค่ะ ในฐานะที่อาวุโสสุดในทริป และเตรียมตัวเรื่องพวกนี้มากสุด ก็เป็นหน้าที่ของนังเจ็งฯ ที่จะต่อรองราคา ก็บอกว่า ดั๊ดล้ำ แพงไป จากหกแสน ลดฮวบเหลือครึ่งหนึ่งค่ะ แต่ยังไม่เป็นที่พอใจสำหรับเรา (เพราะรู้มาว่าควรได้ในราคาเท่าไหร่) ด้วยความภูมิใจเราปิดการขายในราคาคนละแสนสี่ โฮะๆ รู้สึกกระหยิ่มใจในชัยชนะ (ต่อของได้แค่นี้ รู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง เจ็งฯ เอ้ยยย)
ขนมที่ขายข้างทางหน้าตาคล้ายซาละเปา ทอดก่อนขาย ไส้ข้างในเป็นหมูสับผสมหอมซอยกับวุ้นเส้น หอมพริกไทยอร่อยดีค่ะ
เราเดินเล่นเดินวนอยู่ใน 36 Streets และแถวๆ ทะเลสาบ เดินเรื่อยเจื้อยไปจนถึงแถวตลาดไม่รู้ตัว พยาธิในท้องเริ่มออกอาการ เมื่อไหร่จะหาอาหารมาเซ่นไหว้ซะทีฟะ เราก็เริ่มรู้ตัว เดินไปเรื่อยๆ ตกลงใจกันไม่ได้ว่าควรจะหาอะไรมาสนองพระเดชพระคุณในกระเพาะน้อยๆ ของพวกเราดี ผ่านแผงผลไม้ หน้าตาโคตรจะน่ากิน ผลไม้ที่เวียดนามนี่อร่อยแทบจะทุกอย่างเลยค่ะ โดยเฉพาะส้มและสาลี่ อ้อ ลืมแตงโมด้วย ราคาไม่แพง แล้วเนื้อหวานกรอบ เสียดายที่มัวแต่กิน จนกลับมาถึงเมืองไทยถึงนึกได้ว่า เราไม่ได้ถ่ายรูปผลไม้ไว้เลย ^^ สรุปว่าคืนแรกของเรา เราได้หม่ำเฝอไก่เป็นครั้งแรกค่ะ หลังจากเลือกอยู่นาน ทฤษฏีที่ว่าร้านไหนคนเยอะ ร้านนั้นอร่อยแน่ๆ นี่ใช้ได้ผลจริงๆ นะคะ เฝอไก่ของเขาน้ำซุปอร่อยมากกกกกกก นึกถึงแล้วยังอยากกลับไปกินอีกจริงๆ เลย >_<
ร้านเฝอทั่วๆ ไปค่ะ
เรากินกันที่ร้านนี้ ถ่ายรูปหน้าตาอาหารมาไม่ได้ เพราะคนนั่งกันแน่นเกรงใจเขาค่ะ^^"
อิ่มแล้วเดินต่อกันได้ เราเดินกันไปเรื่อยๆ ด้วยว่าตั้งใจจะหา minimart / supermarket ที่เราจะซื้อน้ำได้ เพราะที่ฮานอยนี่น้ำหากินลำบาก มีก็ราคาแพงจากห้างถึงเท่าตัว อย่างที่โรงแรมเราพัก ขายขวดละ 25 บาทไทย สามหมวยรับไม่ไหวฮ่ะ เลยเดินเสาะหาไปเรื่อยจนถึงห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง แว้บๆ ว่าจะชื่อ Trang Hi หรืออะไรสักอย่าง ขออำภัยที่จดจำรายละเอียดมาไม่หมดเจ้าค่ะ เห็นห้างนี้ เราก็คิดว่าต้องมีซุปเปอร์ให้เราเข้าไปชอปแน่ๆ เราเดินดุ่มๆ เข้าไปทันที พยายามมองหา ชั้น G เพราะปกติซุปเปอร์ที่ไหนๆ ก็จะอยู่ชั้นนี้ แต่เปล่าค่ะ เดินวนกันนาน มะงุมมะงาหรา หาไม่เจอจนต้องเอ่ยปากถามพี่ยาม ได้ความมาว่า อยู่ชั้น 4 ชั้นบนสุดค่ะ โอ้ ค่อยหายโง่ขึ้นมาหน่อย เราช่วยกันหอบหิ้วตะกร้าเดินเลือกซื้อน้ำ และมองดูสินค้าอื่นๆ เป็นที่สังเกตว่า ถึงจะอยู่ฮานอย แต่ภาษาไทยก็ยังมีให้เห็นค่ะ เพราะสินค้าอุปโภคบริโภคหลายอย่างเป็นของไทย น้ำผลไม้ยี่ห้อคุ้นตาเราก็เห็นที่โน่น นมบ้าง ยาสระผมก็มี ขนมอีกหลายอย่างด้วยค่ะ แถมด้วยพรีเซนเตอร์หน้าคุ้นอีกหลายคน ไปไหนไม่ไกลบ้านจริงๆ ด้วย ^^
ละลายทรัพย์กับห้างฯ นี้หมดกันเกือบแสน เราก็มุ่งหน้ากลับโรงแรมกันตอนประมาณเกือบๆ 4 ทุ่ม เวลาของฮานอยกับที่ไทยเท่ากันค่ะ ซึ่งก็ดี เพราะไม่ต้องปรับเวลาให้ยุ่งยาก ถึงห้องเราจัดการเรื่องน้ำ และผลไม้ที่ซื้อมา แล้วก็รีบนอน เพราะพรุ่งนี้เราต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปฮาลองเบย์กัน
ขนมที่ซื้อมา
รสแก้วมังกร เป็นไงหว่า
จบวันแรกที่ฮานอยด้วยความอ่อนล้า แกมสนุกกับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ค่ะ แล้วเดี๋ยวจะพาไปฮาลองเบย์นะคะ
Create Date : 20 ตุลาคม 2549 |
|
13 comments |
Last Update : 23 ตุลาคม 2549 13:21:09 น. |
Counter : 1711 Pageviews. |
|
|
|
เน้นดูภาพเป็นหลักนะครับ