
 |
|
 |
 |
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | |
|
|
|
|
 |
 |
|
|
+++ประสบการณ์ระทึกขวัญในสนามบิน LHR Part2+++
ต่อจากคราวก่อนนะครับ
ก่อนที่จะไปผมก็ไม่ลืมถามพนักงานของ BA เรื่องกระเป๋าของผมว่ามันจะเป็นยังไงถ้าผมตกเครื่อง
เพราะอย่างที่หลายๆ คนคงทราบ คราวก่อนที่ผมตกเครื่องกระเป๋าผมหายไป 2 วัน
พนักงานบอกว่าถ้าผมตกเครื่องผมสามารถขอกระเป๋าไปโรงแรมด้วยได้
แต่ถ้าผมอยากให้กระเป๋าของผมเลือกปลายทางเป็นที่ London เค้าก็สามารถทำให้ได้
แต่ผมบอกพนักงานว่าผมขอเลือกให้ปลายทางเป็นกรุงเทพดีกว่า
เพราะเหตุผลหลักที่ผมตัดสินใจเลือทางนี้เพราะผมต้องการวัดดวง ว่าเครื่อง QF2 จะ Delay
หลังจากนั้นผมก็รู้สึกสบายใจขึ้นพอสมควร เลยตัดสินใจไปเดิน Shoping ในส่วน Duty Free เลยได้ Whisky มา 2 ขวด
ซึ่งเค้าก็ซิลในถุงพลาสติดใสเป็นอย่างดีให้ผม เพื่อจะได้ถือขึ้นเครื่องได้ \^0^/
ซักพักเครื่องบินผม ก็พร้อมออกเดินทาง ซึ่งจริงๆ แล้ว เครื่องออกช้ากว่ากำหนดเวลาเดิม 1 ชั่วโมงครึ่ง ไม่ใช่ 45 นาที ตามที่ประกาศไว้
และเมื่อเครื่องเดินทางไปถึง London Heathrow กัปตันก็ประกาศว่า
"ขออภัยผู้โดยสารทุกท่าน เนื่องจากตอนนี้สนามบิน LHR ค่อนข้างยุ่งมากๆ จึงไม่สามารถจัดช่องทางสำหรับผู้โดยสารลงให้เครื่องบินลำนี้ได้
ขอให้ผู้โดยสารทุกท่านนั่งรอบนเครื่องซักครู่"
ซึ่งผมว่าตัวกัปตันเองก็คงเซ็งเหมือนกัน เพราะเค้าคงไม่รู้ว่า "ซักครู่" ของ LHR มันจะคือ "1 ชม"
"1 ชม" ที่ต้องนั่งรอเฉยๆ บนเครื่องบินที่จอดอยู่ที่สนามบิน LHR แล้ว"
และอีก "3 ชม" ที่ต้องใช้กับการต่อแถวเพื่อติดต่อเรื่องต่อเครื่อง
(ชิ ตอนแรกอุตสาห์ย่ามใจว่าเราเดินเรื่องไว้ก่อนไม่น่าจะต้องมาต่อแถวอีก แต่ดันลืมไปว่าต้องให้ทาง LHR ออกบัตรฟรีให้อยู่ดี T_T)
เมื่อถึงคิวของผม ผมก็ได้่พบกับพนักงานสาวสวยของ BA ซึ่งผมก็ติดต่อขอตั๋วฟรีเรียบร้อย และก็ทราบว่าได้นอนพักที่โรงแรม Premier Inn
แต่เนื่องจากขณะนั้นเป็นเวลาตี 1 แล้ว จึงไม่มีรถบัสรับส่่ง เค้าจึงขอให้ผมนั่ง Taxi ไปเองแล้วเก็บบิลมาเบิกทีหลังได้
ซึ่งผมก็โอเคกับเรื่องนี้
สิื่งที่ผมต้องการอีกสิ่งก็คือกระเป๋าที่ผมโหลดไปใต้ท้องเครื่อง
เพราะใน Carry On ของผมมีแต่ของฝากกับของที่แตกหักง่าย
ซึ่งพนักงานปฏิเสธที่จะให้ผมเอากระเป๋าออกเพราะว่าวันนี้มีคนตกเครื่องเยอะมาก
ซึ่งผมก็โอเคกับเรื่องนี้นะ เพราะถ้าให้ได้คนนึง คนอื่นก็ต้องให้ได้
แต่ผมก็ไม่ลืมที่จะถามพนักงานว่าถ้างั้น Whisky ตรูที่ซื้อมาจาก Duty Free จะเอาขึ้นเครื่องพรุ่งนี้ยังไงดี
พอผมถามปุ๊บผู้โดยสารคนอื่นที่อยู่ในแถวก็ฮาครืนเลยพร้อมกับช่วยหนับหนุน อีกแรงว่า
"เรื่อง Whisky มันเป็นเรื่องใหญ่นะนั่น"
พนักงานเค้าก็แอบอมยิ้มให้แล้วบอกว่าไม่น่าจะเอาขึ้นได้นะ คุณคงต้องกินให้หมดในคืนนี้ O_o;
ผมก็บอกว่าไม่มีใครกิน Whisky หมด 2 ขวด ตอนตี 2 ด้วยตัวคนเดียวได้หรอก ผมขอฝากคุณไว้ได้มั๊ยอะ Please please Please
พนักงานก็พยักหน้าหงึกๆ เป็นเชิงเห็นด้วย แล้วก็บอกว่า
"งั้นเดี๋ยวดิฉันจะลองหาวิธีช่วยคุณดูนะ"
หลังจากหายไปพักนึงเค้าก็กลับมาบอกข่าวร้ายกับผมว่า
"ส่ิงที่ดีที่สุดที่เราทำได้คือเราสามารถให้คุณนำ Bill มา Claim กับ BA ได้ และภาวนาให้คุณได้เพิ่อนร่วมดื่มที่น่ารัก :)"
ท่าทางพนักงานสาวสวยคนนี้จะเป็นคอเหล้าเหมือนกันนะ
คุณลุงฝรั่งคนที่ช่วยหนับหนุนผมเมื่อกี้ก็ยกนิ้วโป้งให้ผม พร้อมทั้งบอกว่า
"หวังว่าเราคงได้อยู่โรงแรมเดียวกันนะ ^_^b"
จากนั้นผมก็ออกมาตากอากาศหนาวรอ Taxi ตอนตี 1 ฝ่าๆ พร้อมกับได้เพื่อนใหม่ที่ร่วมเดินทางไปด้วย 3 คน
เป็นหญิงสาวชาว Hongkong 2 คน
ส่วนอีกคนเป็นหนุ่มชาวไทย \^_^/
ไม่อยากบอกว่าผมดีใจแค่ไหนที่ผมได้เจอคนไทยที่นั่น ในสถานการณ์แบบนั้น
ระหว่างที่รอ Taxi ในคิวอันแสนยาวผมก็เหลือบไปเห็นลุงฝรั่งกับชาวคณะคุณลงคุณป้าเดินออกมา
ผมก็เลยเดินไปหาคุณลุงเพื่อสอบถามว่าแกพักที่ไหน ซึ่งก็ต้องผิดหวังที่แกพักคนละที่กับผม
และแกกับชาวคณะต้องติดอยู่ที่นี่อีกประมาณ 3 วัน
ผมเลยตัดสินใจยกเหล้าผมให้แก 1 ขวดฟรีๆ เพื่อเป็นของขวัญโทษฐานที่รู้จักกัน อิอิ
จากนั้นผมก็นั่งรถ Taxi London สุดหรูของลอนดอนเป็นครั้งแรก รู้สึกสบายดีเหมือนกัน
แต่ผมได้นั่งแค่ 5 นาทีเท่านั้นเพราะที่พักผมไม่ไกลจากสนามบินเท่าไร
แวบแรกผมเสียดายน่าจะได้นั่งนานๆ เพราะว่าเบิกได้
แต่พอเห็นบิลผมก็ต้องเปลี่ยนใจ
5 นาทีประมาณ 20 ปอนด์ (1,400 บาท)
จึสสสส จะแพงอะไรขนาดนั้น!!!
โรงแรมที่ผมพักเป็นโรงแรมประมาณ 3-4 ดาว มีอ่างอาบน้ำ พร้อมอาหารเช้าให้แต่หมด 10.30น
แต่เหลือห้องว่างเพียงแค่ 2 ห้อง โชคดีมากที่คณะของเราเป็นชาย 2 หญิง 2
เพราะห้องที่ว่างทั้ง 2 ห้องเป็นห้องเตียง Double!!!
อีกเรื่องที่ผมไม่ลืมทีจะถามคือผมต้องเช็คเอาท์ก่อนกี่โมง เพราะในความเป็นจริงผมเป็นไข้หนักจนแทบจะเดินไม่ไหวมา 2 วันแล้ว
พนักงานก็บอกว่าแค่ก่อนเที่ยงก็โอเคแล้ว
ดังนั้นผมเลยวางผมว่าคืนนี้จะดื่มนิดหน่อยพอไม่ให้เสียดายของ (ป่วยแล้วยังซ่า)
จากนั้นก็ตื่นซัก 9 โมงไปทานข้าว แล้วกลับมานอนต่อ
แล้วค่อยออกจากที่นี่ซักเที่ยงไปสนามบินก่อน
จากนั้นนั่งรถใต้ดินกลับเข้าไปในเมืองไปดูละครรอบบ่าย 2 แล้วค่อยกลับมา นั่งรอที่สนามบิน
(ไหนๆ ก็ได้อยู่ลอนดอนอีกวัน เอาให้คุ้มหน่อย แล้วค่อยนอนบนเครื่องแทน อิอิ)
แต่จากการสอบถามชาวคณะของผม 4 คนได้กลับตอนเที่ยงหมดยกเว้นผม อ้าว O_o"
เพราะน้องคนไทยเค้าได้กลับ TG แทน เพราะเค้ามีสอบในวันที่ 4 รู้งี้ขอเปลี่ยนบ้างดีฝ่า T__T
ส่วน 2 สาว(น้อย) ชาวฮ่องกง ก็ท่าทางจะอายุไม่ถึงเกณฑ์ที่จะดื่มเหล้าได้
ผมก็เลยได้เปิดขวดจิบเหล้าพอเป็นพิธีไป 1 แก้ว ก่อนจะยกที่เหลือให้พนักงานของโรงแรมฟรีๆ ในวันรุ่งขึ้น
และผมก็เปลี่ยนแผนออกแต่เช้ามาเดินทางไปสนามบิน Heathrow กับน้องเค้าตอน 10 โมงด้วย เพราะตอนนั้นรู้สึกว่าอาการดีขึ้นหน่อยๆ แล้ว
(อย่างน้อยก็จะได้่มีเพื่อนคุยด้วยอีกพัก กับได้ไปฟัดแย่่งตั๋วราคาถูกก่อนใครเค้า)
หลังจากไปส่งๆ น้องๆ 3 คนที่ Terminal 3 ผมก็ลงไปซื้อตั๋วรถใต้ดินแบบ All Day Zone 1-6 ในราคา 6.7 ปอนด์ (เพราะผมขึ้นจากสนามบินที่ Zone 6 และจะไปเที่ยวที่ Zone 1)
โดยตอนแรกผมตั้งใจจะจับรถสาย Piccadilly ไปลงที่ Leicester Square เพื่อไปซื้อตั๋วละคร
แต่อยู่ๆ ผมก็วูบหลับไปไม่รู้ตัวไปเกือบ 30 นาที
ทำให้ผมรู้ว่าอาการผมน่าจะหนักกว่าที่คิด
ผมเลยตัดสินใจเปลี่ยนไปลงที่ South Kensington
เพื่อไปนอนใน Museum ที่ผมชอบมากที่สุด Victoria & Albert Museum
ไปถึงผมก็จัดแจงฝากกระเป๋า (ซึ่งผมเข้าใจว่าฝากฟรี) ที่จุดรับฝาก
แต่ไอ้มืดตัวใหญ่ที่มันรับกระเป๋าผมไปถือผมบอกว่ากระเป๋าผมโคตรหนักเลย ถ้าผมจะฝากผมต้องบริจาคให้ Museum ด้วยนะ (มีงี้ด้วยเหรอฟะ)O_o
และแล้วผมก็ได้เข้าไปหลับในห้องนอนที่เงียบ ใหญ่ และแสนสบาย ที่สุดของผม เป็นเวลาเกือบ 3 ชั่วโมง
เมื่อผมตื่นขึ้นมาก็ยังไม่รู้สึกดีขึ้นเท่าที่ควร ไม่รู้เพราะนอนกลางวันหรือว่าหิว
ผมเลยตัดสินใจนั่งรถไฟ 5 ป้าย ไปกินข้าวหน้าเป็ด Four Season ที่ Leicester Square
ซึ่งมีชาร้อนๆ ให้่กินฟรีไม่อั้น แถมเค้ายังแถมซุบให้ผมอีกถ้วยด้วยเนื่องจากตอนนั้นเป้นมื้อหลังเที่ยงแล้ว
แต่เนื่องจากผมคงไม่สบายหนักมากเกินไป ผมเลยทานได้ไม่ถึงครึ่งจาน เลยตัดสินใจเปลี่ยนแผนว่าจะกลับสนามบิน
ไปขอ Stand by Flight ที่กลับได้เร็วขึ้นแทนน่าจะดีกว่าอยุ่รอถึง 4 ทุ่ม
ซึ่งผมไม่รู้เลยว่านั่นจะไปจุดเริ่มต้นของฝันร้ายที่ผมจะจดจำไปชั่วชีวิต
(ยังมีต่อ)
Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2551 |
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2551 18:22:19 น. |
|
0 comments
|
Counter : 715 Pageviews. |
|
 |
|
|
| |
|
น้ำค้างในยามเช้า |
 |
|
 |
|