
 |
|
 |
 |
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | |
|
|
|
|
 |
 |
|
|
++เรื่องจริงผ่านจอประสบการณ์ระทึกขวัญบนเครื่องบิน+++
ขออนุญาตเล่าประสบการณ์ย้อนความไปตั้งแต่ตอนที่ผมขึ้นเครื่องที่สุวรรณภูมินะครับ
ผมนั่งเครื่องของ British Airway เที่ยวบินที่ BA10 ซึ่งจะออกจากกรุงเทพในเวลา 00.30
แต่เครื่องเกิด Delay ไป 1 ชม ผมจึงถามพนักงานฝ่าย Ground ว่าผมจะต่อเครื่องทันหรือไม่
เพราะผมมีเวลาเปลี่ยนเครื่องเพียง 2 ชม เท่านั้น
ทางพนักงานบอกว่า "ทันแน่นอน เพราะว่ากระเป๋าผมขึ้นList ของที่ต้อง Load ใต้ท้องเครื่องไปเที่ยวบินถัดไปแล้ว ยังไงเครื่องก็ต้องรอ"
ผมก็แอบใจระทึกนิดๆ ว่าจะทันจริงเหรอ แต่เมื่อทางนั้นยืนยันผมก็ไม่มีทางเลือก
เที่ยวบินที่ผมไปเป็นเครื่องลำค่อนข้างใหญ่ มีทีวีส่วนตัวให้ทุกที่นั่ง
พนักงานบนเครื่องบริการบนได้ดีมาก (รัก BA ขึ้นจมเลย อิอิ)
แต่ผมก็ยังอดระทึกขวัญไม่ได้ว่าจะไปต่อเครื่องทันรึเปล่า
ด้วยความไม่สบายใจผมเลยถามพนักงานบริการบนเครื่องว่าเครื่อง Delay ไป 1 ชม ผมจะต่อเครื่องทันรึเปล่า
พนักงานก็ยินยันครับว่า "ทันแน่นอน ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่มีปัญหา"
พอผมลงเครื่องผมก็รีบวิ่งเลยครับเพื่อที่จะไปอีก terminal นึงให้ทันในเวลาที่กำหนด
ซึ่งผมก็แอบถามพนักงานฝ่าย Ground ที่ลอนดอนอีกรอบว่า ผมจะไปทันรึเปล่าเพราะเหลือเวลาไม่ถึง 1 ชม
แถมยังต้องต่อรถอีกประมาณ 15 นาที
ซึ่งทางพนักงานก็ยังคงยืนยันว่า "ทันแน่นอน"
เมื่อผมไปถึง terminal 1 ผมเห็นคิวตรวจกระเป๋าที่ยาวมากๆ ซึ่งผมเหลือเวลาไม่ถึง 15 นาทีก่อนเวลาที่เครื่องจะออกแล้ว
ผมจึงถามพนักงานที่ Terminal 1 ว่า ผมขอเข้าไปตรวจในช่องของ First Class ที่ไม่มีคนแทนได้มั๊ย เพราะว่าเครื่องผมจะออกในอีก 15 นาทีแล้ว
ทางพนักงานก็บอกว่าไม่ได้ เพราะบัตรผมไม่ใช่ First Class ผมต้องต่อแถวตามปรกติ แต่เมื่อตรวจเสร็จแล้ว ให้ไปแจ้งกับหน่วยรักษความปลอดภัย ที่อยู่ปลายทางออกก่อนเข้าเกทด้วย
กระบวนการตรวจของที่นี่จะมีความแปลกอยู่อย่างหนึ่งคือ
คุณจะต้องเอาของทุกอย่างใส่เข้าไปในกระเป๋า 1 ใบให้ได้ ก่อนเข้าเครื่องตรวจ
ซึ่งรวมถึงหนังสืออ่านเล่น กล้องถ่ายรูป กระเป๋าถือผู้หญิง และ คอมพิวเตอร์ Notebook
เท่าที่ผมคุยกับผู้โดยสารท่านอื่น สนามบินต้นทางของหลายๆ ประเทศที่พวกเค้าเดินทางมา
จะไม่นับรวมของเหล่านี้เป็น Carry On
โดยเฉพาะNotebook จะนับแยกให้อีก 1ใบ
เพราะทางสายการบินจะไม่รับผิดชอบความเสียถ้าคุณเอา Notebook ใส่ไว้ใต้ท้องเครื่อง
นอกจากนี้ทุกคนถอดรองเท้าเพื่อนำเข้าเครื่อง x-ray ด้วย เพื่อความปลอดภัย
กระบวนการตรวจกระเป๋าจึงเป็นไปด้วยความล่าช้าเพราะผู้โดยสารหลายๆ ท่านต้อง pack กระเป๋าใหม่ในบริเวณนั้น แถมยังต้องเสียเวลาถอดรองเท้าอีกพอสมควร
โดยส่วนตัวผมไม่มีปัญหาเรื่องเหล่านี้เท่าไร เพราะว่าผมเคยมีประสบการณ์ต้องทิ้งหนังสือ 1 เล่ม เพราะใส่กระเป๋าไม่ลงมาแล้ว ก็เลยรอดตัว (ควรดีใจมั๊ยเนี่ย)
หลังจากผ่านกระบวนการตรวจที่แสนยาวนานผมก็เดินไปหาพนักงานรักษาความปลอดภัยตามที่ได้รับแจ้งไว้ เพื่อได้รูความจริงว่าเครื่องผมออกไปนานแล้ว
ใช่ครับ ผมตกเครื่องที่ลอนดอนโดยสาเหตุคือ
กระบวนการตรวจสัมภาระในลอนดอนใช้เวลานานกว่า 2 ชมครึ่ง
ส่งผลให้มีคนร่วมตกเครื่องบินกับผมมากกว่า 300 คน
หลังจากที่ผมรู้ว่าผมตกเครื่องผมก็ปฏิบัติตามกระบวนที่กำหนดไว้คือ ไปติดต่อหน่วยงานรับจองตั๋วใหคนตกเครื่อง
ซึ่งจากการสอบถามทำให้ผมรู้ว่ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นแทบทุกวัน และจะมากเป็นพิเศษในวันที่เครื่อง Delay
คิดง่ายๆ เลยนะครับ เครื่องผม delay ไป 1 ชม + เวลาเก็บกระเป๋าออกจากเครื่องและต่อรถไป Terminal 1 อีก 45 นาที ตรวจกระเป๋าอีก 2 ชมครึ่ง รวมแล้วเป็น 3 ชม 45 นาที
ถ้าคุณบินมาพร้อมผม และใช้เวลารอเปลี่ยนเครื่องน้อยกว่า 4 ชม รับรองคุณตกเครื่องแน่นอน
แต่ถ้าคุณไม่ได้บินเที่ยวเดียวกับผม คนต้องใช้เวลาเปลี่ยนเครื่องขั้นต่ำ 3 ชม ถึงจะขึ้นเครื่องถัดไปทัน
(นี่ขนาดผมบินมาถึงลอนดอนตอน 7 โมงเช้า ซึ่งเป็นช่วงที่คนค่อนข้างน้อยแล้วนะ)
แล้วถ้าคุณเป็นนักเรียนที่เตรียมตัวจะไปเรียนต่อต่างประเทศ แล้วต้องต่อเครื่องที่ลอนดอนล่ะ คุณจะทำยังไงกับ notebook ของคุณ?
พนักงานฝ่าย Ground บอกผมว่าเที่ยวบินที่ผมจะนั่งต่อไป Edinburgh เต็มเกือบหมด เค้าจึง Stand by ให้ผมไปก่อน ซึ่งกว่าตั๋วเครื่องเที่ยวถัดไปจะว่างก็อีก 6 ชมขั้นต่ำ ซึ่งเค้า book ให้แล้ว (พนักงานคนนี้แสนดีมากๆ ขอชื่นชมจากใจจริง)
พร้อมกันนี้ทางพนักงาฝ่าย Ground ก็ได้ให้คูปองค่าอาหารและเครื่องดื่มมูลค่า 5 ปอนด์ เพื่อชดเชยค่าเสียเวลา
เมื่อทำใจรับสภาพได้ผมก็ไปนั่งหม่ำแซนด์วิชราคา 3.5 ปอนด์ กับกาแฟแก้วละ 1.75 ปอนด์ แก้เครียด (อ้าวจ่ายเกินมา 0.25 ใครรับผิดชอบเนี่ย อิอิ)
ถ้าคุณเดาก็ถูกครับ เครื่องที่ผมรอ Stand by เต็มหมด ทำให้ผมต้องนั่งรอประมาณ 6 ชม เพื่อที่จะได้เครื่องที่ book ไว้
ซึ่งก่อนขึ้นผมก็ไม่ลืมที่จะถามพนักงานออกตั๋วว่า "แล้วกระเป๋าตรูล่ะ ตอนนี้อยู่ไหน จะมาด้วยกันรึเปล่า หรือล่วงหน้าไปก่อนแล้ว"
พนักงานออกตั๋วก็ยืนยันเสียงแข็ง(อีกแล้ว)ว่า "กระเป๋าจะไปพร้อมคุณแน่นอน"
เพราะกระเป๋าของสายการบินนี้จะใช้ระบบ barcode ในการ Track กระเป๋า
ซึ่งตอนนี้แจ้งสถานะว่าอยู่ที่ ฮีทโทรว์ ลอนดอน
และเค้าก็ได้ key ข้อมูลในระบบให้กระเป๋าเดินทางไปพร้อมผมเรียบร้อยแล้ว
ด้วยความระแวงผมก็ไม่ลืมที่จะเช็คกับพนักงานตรวจตั๋วก่อนเข้า Gate อีกครั้งว่า "กระเป๋าผมล่ะ"
ทางพนักงานหน้า Gate ก็เอา barcode อันเดิมไป Scan แล้วบอกว่า สถานะของกระเป๋าตอนนี้จะไปพร้อมคุณแน่นอน
เริ่มสบายใจขึ้นแล้วสิ 
พอขึ้นเครื่องก็ได้เรื่องอีกแล้วครับ
เพราะเหมือนเครื่องลำนี้จะมีปัญหาเร่งความเร็วไม่ขึ้น
ทำให้กว่าจะใช้เวลาออกตัวได้ก็เกินครึ่ง ชม (ระทึกอีกแล้วตรู)
พอเครื่องออกได้กัปตันก็เริ่มไต่ระดับความสูงไปเรื่อยๆ จนถึงระดับที่ค่อนข้างคงที่บรรดาพนักงานสาวสวยก็เริ่มเข้ามาแจกอาหารและเครื่องดื่ม
แต่เรื่องมันยังไม่จบแค่นั่น เพราะพอพนักงานแจกอาหารไปได้ 2 แถว ก็มีผู้ชายคนนึงเกิดอาการป่วยอย่างรุนแรง จนคนนั่งข้างๆ ต้องตะโดนเรียก แอร์!!! (สาบานได้ว่าเรื่องจริงไม่ใช่โคนัน)
แอร์ก็รีบวิ่งไปเอาถึง O2 มาครอบหน้าและให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้น จนคนป่วยอาการเริ่มดีขึ้น
แต่แล้วก็มีเสียงประกาศจากกัปตันบอกว่า เนื่องจากเครื่องมีคนป่วยเราจึงขออนุญาตบินกลับสนามบิน ฮีทโทรว์ ที่ลอนดอน!!!
แล้ววันนี้ตรูจะได้ไป Edinburgh มั๊ยเนี่ย 
คนเคยอ่านเรื่องตลกเกี่ยวกับคนพยายามว่ายน้ำข้ามเจ้าพระยามั๊ยครับ
เรื่องมีอยู่ว่าชายคนนึงพยายามว่ายข้ามเจ้าพระยาให้ได้
แต่พอว่ายมาได้ครึ่งทางก็หมดแรง
ก็เลยพยายามว่ายกลับจนถึงฝั่งได้สำเร็จ
ตอนนั้นผมคิดถึงเรื่องตลกเรื่องนี้มาก
พอกัปตันประกาศว่าจะเอาเครื่องกลับ แอร์คนนึงก็พูดขึ้นมาเบาๆ ว่า "นี่มันบ้าเกินไปแล้วนะ"
เธอจึงเดินไปที่ห้องกัปตัน ทั้งๆ ที่สัญญาณไฟใฟ้คาดเข็มขัดนิรภัย แดงขึ้นทั้งเครื่อง เพราะเครื่องบินกำลังพยายามบินเปลี่ยนทิศกลับไปทางเดิม
หลังจากเธอเปิดประตูเข้าไปในห้องนักบินได้ไม่ถึงนาที ก็มีเสียงประกาศดังขึ้นว่า
เรายกเลิกแฟนการลงกลับแล้ว และกำลังจะเตียมตัวลงจอด ที่สนามบิน Edinburgh!!!
แวบแรกผมคิดว่า เฮ๊ย ตรูฟังผิดรึเปล่าวะ
จึงถามฝรั่งคนที่นั่งข้างๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น ใช่อย่างที่ผมคิดหรือเปล่า
เค้าก็ตอบว่าคุณเข้าใจถูกแล้ว นี่มันเป็นเรื่องบ้าชัดๆ
ตั้งแต่ที่กัปตันประกาศว่าจะลงจอด สัญญาณรัดเข็มขัดไม่เคยดับ และเคยบินไม่เคยหยุดสั่นอีกเลย
ผู้โดยสารส่วนใหญ่รวมทั่งผมต่างนั่งเงียบ ผู้โดยสารส่วนที่เหลือ ลืมเล่าเรื่องโจ๊กเกี่ยวกับเครื่องบินตก (กรรมแล้วมั๊ยนั้น -__-")
สุดท้ายเครื่องก็ลงจอดที่สนามบิน Edinburgh โดยสวัสดิภาพ
โดยที่ผมใช้เวลาบินจาก London มา Edinburgh ด้วยเวลาเพียงครึ่งเดียวของที่ต้องใช้จริง!!!
มาถึงตอนนี้ทุกคนที่อ่านคงจะเดาได้แล้วใช่มั๊ยครับ ว่าเรื่องไม่จบแค่นี้
ใช่ครับกระเป๋าผมหายและเกือบทุกคนที่บินมาในเที่ยวบินนี้ก็กระเป๋าหายเหมือนกันหมด!!!
หลังจากผมรู้ว่ากระเป๋าผมหาย ผมก็ไปติดตามเรื่องตามกระบวนการที่ได้รับแจ้งไว้ โดยหลังจากรอ 1 วันครึ่ง ผมก็ได้รับกระเป๋าคืนโดยไม่มีอะไรสูญหาย แต่มีของเสียหายบ้างเล็กน้อย (ซึ่งแค่นี้ผมก็ดีใจแล้วล่ะ)
ซึ่งจากการคุยกับเพื่อนๆ ของแฟนที่มาเรียนที่นี่ทำให้ได้รู้ว่ามีหลายๆ คน ที่มาต่อเครื่องที่ลอนดอนเจอเหตุการณ์แบบนี้มาแล้ว
บางคนต้องทิ้งสัมภาระบางอย่างไว้ที่สนามบิน เพราะจำนวนกระเป๋าเกิน
บางคนกระเป๋าหายไปนานกว่า 1 เดือนครึ่ง
บางคนกระเป๋าโดนงัด และมีของหาย
บางคนของที่เอามาด้วยเสียหายร้ายแรง (หม้อหุงข้าวบุบจนไม่สามารถใช้งานได้)
ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ ถ้าคุณคิดจะมาเรียนต่อต่างประเทศ พยายามอย่านั่งสายการบินที่ต้องมาต่อเครื่องที่อังกฤษ
แต่ถ้าคุณจะมาเรียนที่อังกฤษ คุณก็ควรจะจัดกระเป๋ามาให้เรียบร้อย อย่าให้น้ำหนักเกินที่ทางสายการบินกำหนด และไม่ควรเอานำสัมภาระรวมทุกอย่างขึ้นเครื่องมากกว่า 1 ชิ้น
แต่ถ้าถามว่าเหตุการณ์ที่ผมตกเครื่องนี้ใครเป็นคนผิด
1. Ground ที่สุวรรณภูมิไม่ผิด เพราะโดยทฤษฎีควรจะเป็นแบบนั้น
2. Air ของสายการบิน BA ก็ไม่ผิด เพราะบริการดีมาก (ฮา) และตอบคำถามตามความเข้าใจของตน
3. Ground ของสนามบินฮิทโทร์ว ก็ไม่ผิดเพราะทุกอย่างควรจะปฏิบัติตามขั้นตอน เพื่อความปลอดภัยของคนหมู่มาก
ดังนั้นสรุปแล้วคนที่ผิดมีอยู่ 2 คน
1. ผมเอง ที่เอาตัวซวยมาด้วยทำให้คนอื่นเค้าเดือดร้อนไปด้วยตลอดทาง (ฮา)
2. ผู้ก่อการร้าย ที่ทำให้ระเบียบของสนามบินต้องเข็มงวดมากขึ้น ส่งผลให้คนที่ไม่รู้เรื่อง ต้องพลอยมาชีวิตยากขึ้นตามไปด้วย
ทั้งผู้โดยสารที่ทำให้การเดินทางลำบากขึ้น
พนักงานตรวจกระเป๋าที่ต้องทำงานหนักขึ้น
พนักงานฝ่าย Ground ที่ต้องวุ่นกับการจัดเที่ยวบินใหม่ และต้องทนรับเสียงด่าทุกวัน
ยิ่งประเทศอังกฤษที่เป็นประเทศที่ค่อนข้างเน้นเรื่องความปลอดภัย ขนาดที่ยอมลงทุนปิดสถานีรถไฟ เพื่อตรวจสอบกระเป๋าที่คนลืมไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุไม่คาดฝัน ยิ่งต้องทำงานหนักยิ่งขึ้นไปอีก
สุดท้ายนี้ ผมขอภาวนาให้ผู้ก่อการร้าย หมดไปจากโลกนี้โดยเร็วด้วยเทอญ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามารับฟังผมบ่นนะครับ
Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2551 |
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2551 18:20:26 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1075 Pageviews. |
|
 |
|
|
โดย: ป้ามาเองจ๊ะ วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:1:16:57 น. |
|
| |
|
น้ำค้างในยามเช้า |
 |
|
 |
|