กะลาอักษร
การเขียนมีเวลาเรียนทั้งชีวิต อย่ารีบร้อน อย่าทำเมื่อยังไม่พร้อม คุณจะรู้ตัวเมื่อพร้อมเอง...(วินทร์ เลียววาริณ)
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2549
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
2 พฤศจิกายน 2549
 
All Blogs
 

คืนร้าย

แสงไฟ บนสะพานลอยสลัวราง
ทำให้ฉันมองเห็นเขานอนอยู่ตรงนั้น
ลุงแก่ๆคนหนึ่ง
ขอทานแก่ๆที่ชอบยกมือไหว้ฉัน...
คนที่มักทำให้ฉันลำบากใจ
ฉันไม่อยากเป็นคนใจดำ แต่ฉันไม่ชอบให้คนที่มีมือเท้าดีต้องมาขอทาน

ทุกครั้งที่เดินผ่าน
ฉันมักจะได้กลิ่นเหล้า
จะอะไรกันนักหนากับชีวิต

แต่ชีวิต...

ไม่รู้สิ...
วันนี้ฉันเองก็ดื่มเหล้า ผู้หญิงคนที่ฉันรักไม่เข้าใจฉัน
เจ้านายต่อว่าฉันเรื่องงาน
ฉันก็เป็นแค่คนเมืองคนหนึ่ง เครียดแล้วจึงกินเหล้า
ฉันซื้อเหล้าด้วยเงินของฉันเอง ไม่ได้ขอใครกิน




แสงไฟบนสะพานลอยสลัวราง...
ฉันเห็นลุงขอทานกำลังนอนอยู่
ฉันโล่งใจ...วันนี้ฉันไม่อยากถูกอีกด้านหนึ่งของจิตสำนึกคอยกระซิบถามว่า "ทำไมไม่ให้เงินแกหน่อย?"

ลุงขอทานไหว้ฉันทุกครั้งที่ฉันเดินผ่าน
ฉันเดินผ่านแกไปทุกครั้ง พร้อมกับกลั้นหายใจเพราะรังเกียจกลิ่นเหล้าจากตัวแก
วันนี้ลุงขอทานกำลังนอน
ฉันได้กลิ่นเหล้า...แต่มันมาจากตัวฉัน




แสงไฟบนสะพานลอยสลัวราง...
แสงไฟสีซีด แต่เนื้อตัวของลุงขอทานซีดกว่า
ฉันชะงัก!


มือและเท้าของลุงดูซีด
แกนอนแน่นิ่ง...
แกไม่หายใจ
ฉันเหม็นกลิ่นเหล้า แล้วก้อนขมๆก็จุกคอ
ฉันอาเจียน...
จากนั้นก็หันไปมองลุงขอทาน


ลุงขอทานตายแล้ว....ตายบนสะพานลอย
ใครฆ่าแก?
หรือแกตายเอง?


หรือว่าฉันฆ่า?




 

Create Date : 02 พฤศจิกายน 2549
20 comments
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2549 18:51:02 น.
Counter : 1007 Pageviews.

 

 

โดย: กายแก้ว 2 พฤศจิกายน 2549 20:29:23 น.  

 

ที่ไหนได้ลุงขอทานตายเพราะเหม็นเท้าไอ้หนุ่มนั่นแหล่ะ

เอิ๊ก...

สวัสดีครับ แวะมาเยี่ยมน่ะครับ

 

โดย: ยางมะตอยสีชมพู IP: 124.121.128.42 2 พฤศจิกายน 2549 20:42:33 น.  

 

ตาคะ
อ่านแล้ว...จุก...ไปนิดๆ...อารมณ์ไม่สุด..ยังไงไม่รู้

"ทำไมไม่ให้เงินแกหน่อย?"

"หรือว่าฉันฆ่าแก"

****
ตา...น้องสาวยาย...มีอุบัติเหตนิดหน่อย
ส่วน...ตา

ขับรถ..ก็ระวังหน่อยแล้วกันนะ
เมาแล้ว...อ้วก..ก็นอน..สะพานลอยแล้วกัน
ดีกว่า....เมาแล้วขับนะคะ

อ้อ!......คืนนี้นอนแคร่หน้าบ้านนะตา
ยายเหม็นเหล้า!





 

โดย: ยายเองจ๊ะ IP: 124.121.22.134 2 พฤศจิกายน 2549 21:08:20 น.  

 

 

โดย: nakwan6 2 พฤศจิกายน 2549 22:05:04 น.  

 

ลุงเค้าตาย เพราะลุงไม่ยอมหายใจ...
ถ้าลุงหายใจ ลุงก็ไม่ตาย

เรื่องขอทานสำหรับผมนี่ แล้วแต่อารมณ์ครับ (อารมณ์ของผมนะ มิใช่ของขอทาน ฮิๆ) บางวันก็ล้วงเศษตังค์ให้ บางวันก็หยิบแบงค์ขึ้นมา แต่ไม่ได้ให้หรอก สบตาเค้านิดหนึ่ง เค้าคงจะเข้าใจเรานะ..

พูดถึงขอทานแล้วนึกถึงตอนไปกิน เต้าทึง ย่านเยาวราช กินเต้าทึง กว่าจะหมดถ้วย เจอขอทานมายืนขอข้างโต๊ะ 7 คน ไม่ไหวๆ วันนั้นเหรียญหมดกระเป๋าเลย ... ช่วงหลังเลยไม่กินอีกเลย แต่ไม่ใช่เพราะขอทานหรอกนะ เป็นเพราะว่า เต้าทึงที่นั่นมันชามละ 50 บาท หรอก...

 

โดย: merf1970 IP: 124.120.1.43 2 พฤศจิกายน 2549 22:29:07 น.  

 

ท่าน merf ขอรับ : เต้าทึงที่เยาวราชผมรู้จักเจ้าหนึ่ง อยู่แถวๆตลาดเก่า ขายเฉพาะตอนกลางคืน ข้างๆร้านของแกจะมีร้านขายก๋วยเตี๋ยวหลอด ข้างๆร้านก๋วยเตี๋ยวหลอดเป็นร้านขายน้ำปั่น ข้างๆร้านน้ำปั่นเป็นร้านขายก๊วยจั๊บน้ำใส

แต่เรากำลังพูดถึงเต้าทึงอยู่ใช่ไหม งั้นกลับมา เรากลับมาร้านเต้าทึงกันนะครับ ร้านนี้ขายอยู่ประมาณชามละ 20 บาท แต่ผมกินฟรี ฮาๆๆ

ท่าน nawak6 : ขอบคุณครับ

ยายครับ : น้องสาวยายเป็นอะไร? ผมเป็นห่วงนะครับ แต่ตอนนี้ผมคงไม่กล้าโทรเพราะดึกมากแล้ว เอาไว้พรุ่งนี้เช้าผมจะโทรไปถามแกก็แล้วกัน หวังว่าคงไม่เป็นไรมากนะครับ

ศิษย์พี่ยางขอรับ : ขอบคุณครับ ผมเพิ่งรู้ว่าที่ผมโพสต์ข้อความที่บล็อกของท่านไม่ได้ เพราะผมเขียนคำไม่สุภาพ ต่อไปนี้ผมจะเขียนคำสุภาพยุคสี่แผ่นดินทุกกระทู้ แหะๆๆ

ผมขอเรียกท่านว่าศิษย์พี่ยางนะครับ ผมเป็นศิษย์น้องของท่าน

ท่านกายแก้ว : ขอบคุณมากครับ ยินดีที่ท่านเข้ามาอ่าน ขอบคุณครับ

 

โดย: rintana IP: 58.9.185.156 2 พฤศจิกายน 2549 23:01:20 น.  

 

น่าอิจฉา คนได้กินเต้าทึงฟรีจริง... แน่ใจนะว่าท่านมิได้กินแล้วล้างถ้วยล้างชาม

ของฟรีมีในโลกด้วยเหรอนี่ ?

อ่านแล้วปวดเศียรเวียนเฮด ข้างร้านโน่นก็จะเป็นร้านนี้ข้างร้านนี้ก็จะเป็นร้านนั้น ดูจากร้านที่ท่านบอกมาแล้ว มีหวังผมไปก็ฟาดเรียบแน่

 

โดย: merf1970 2 พฤศจิกายน 2549 23:30:43 น.  

 

ตกลงบักไผ่มีตอนใหม่เรอะ?
ไม่รุ้สิไม่ได้อ่าน ฮา ฮา

เอาเป็นว่า หากพิมพ์มั่ว ท่ายช่วยแก้ไขทีแล้วกัลล์

ข้าพเจ้ามารายงานตัว
ตีเท่าไรแล้วเนี่ย เดี๋ยวนะ! ต้ห้าครึ้ง ฮาฮา ฮา

ข้าพเจ้าเก็บไอ้สหายกระบี่ห้าว เรียบร้อย ไปส่งมันถึงบ้าน
ข้าพเจ้าส.บ.ม. เห็นถนนสองเลน เป็นสี่เลน ขับสบายขึ้นแยะ ฮา ฮา ฮา

เอาล่ะเห็นจะต้องมุดเข้ามุ้งล่ะ
มือกระบี่เมรับ ถึงไหนถึงกัน แต่อย่างให้เห็นแสงตะวันเชียว มันแสบตา พาลจะลมปราณแตกซ่านเสียให้ได้ ฮา ฮา แปดขวดของท่าน นับว่าไม่เลว ไว้เจอกันเมื่อไรล่ะน่าดู หุ หุ หุ

ไก่มันขันแล้ว ต้องนอนแล้วขอรับ

หลานศิษย์เหลนของท่านตลอดกาลนาน

 

โดย: ธุลีดิน IP: 203.146.63.187 3 พฤศจิกายน 2549 5:42:35 น.  

 

^
^
ง่า ท่านพี่ธุลีดิน เห็นถนนเป็น 4 เลนส์
รับรองว่าหากไปขับแถวสุพรรณ จะเห็นเป็น 10 ฮี่ๆๆ

เมื่อวานริอยากรับแอลกอฮอล์สู่สายเลือด เลยดื่ม spy ไปครึ่งขวด
แค่นี้ก็หลับเป็นตายแล้วอ่ะท่านพี่ เก่งสมเป็นเซียนจริงๆ

อ่านเรื่องนี้ของคุณ rintana แล้วจุกเช่นกันค่ะ
รู้สึกแปลกๆ กระอักกระอ่วน เนื่องจากรู้สึกแบบนั้น
ในภาวะจริงอยู่แล้ว
ไม่เอา..เปลี่ยนเรื่อง หากไปเจอคุณลุงขอทาน
มานอนตายบนสะพานลอยจริงๆ คงเกิดความรู้สึก
พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเช่นกันค่ะ
คุณคนนั้นคงเลิกกินเหล้าไปเลยกระมัง

 

โดย: บุหงามลาซอ 3 พฤศจิกายน 2549 7:33:11 น.  

 

เมื่อวานอยากเมาป๋า
เขียนถึงป๋า
เขียนถึงธุลีดินท่าน

ฟ้ามืดไปแล้ว ไม่น่าเชื่อว่ามีคนอยากเมาอีกคนโทรฯมาหา

ทฤษฎีของผมคือ กินเหล้าตอนตะวันตกดินไปแล้ว ตราบใดที่ตะวันยังไม่คล้อยต่ำลงจนมิดหายไป ผมจะไม่ดื่ม

แต่นั่นมันค่ำจนเริ่มดึก ความอยากเมายังมีอยู่ แต่ไม่อยากกินตอนนี้แล้ว ฮ่าๆๆๆ

ไอ้คนนั้นมันหาว่าผม ดัดจริต
ผมบอกมันว่า เปล่า

ต่อล้อต่อเถียงจนหวิดจะวิวาทกรอกใส่หูโทรศัพท์
แต่ก็ได้ข้อสรุปว่า งั้นแดกพรุ่งนี้(นั่นคือวันนี้)

ฉะนั้นค่ำวันนี้ผมจะกินเหล้า
หากป๋าต้องการเมาเช่นเดียวกับครับ
ก็เตรียมตัวไว้ ผมจะเมาเผื่อ

ไอซ์ครับ

 

โดย: ไอซ์ IP: 124.157.157.102 3 พฤศจิกายน 2549 10:06:26 น.  

 

ขอบคุณที่ช่วยคอมเม้นท์ที่บล็อกผมนะครับ

 

โดย: กายแก้ว 3 พฤศจิกายน 2549 12:13:46 น.  

 

ท่าน merf ขอรับ : ผมกินเต้าทึงฟรีจริงๆครับ และก็ไม่ได้ล้างถ้วยล้างชามเป็นการตอบแทนด้วย

ผมขอกินฟรี ฮ่าๆๆ


ท่านศิษย์ทวด : ท่านทำให้ผมนึกถึงตอนเมาสาโทกลางทุ่งนา ผมว่าผมมองเห็นคันนากว้างใหญ่ แต่ไงเดินตกคันนาก็ไม่รู้ ฮ่าๆๆ


แม่บุหงามลาซอ....หวังว่าที่แม่รู้สึกกระอักกระอ่วนนั้น คงมิได้เป็นผลมาจากสปายขวดนั้นหรอกนะ อิๆๆ ขอบคุณครับ


เฮ้ยป๋า...เมาแล้วมาเยี่ยวใส่กะลาผมได้นะ ผมไม่ถือ...


ท่านกายแก้ว...ยินดีที่ได้รู้จักครับ

 

โดย: เจ้าของกะลา IP: 58.9.186.216 3 พฤศจิกายน 2549 21:00:12 น.  

 


ในกะลากลิ่นเหล้าโชยเลยค่ะ ชอบสปายน้ำสีแดง ๆ ยามให้รางวัลกับชีวิตค่ะ

 

โดย: แซนด์ซี 3 พฤศจิกายน 2549 22:22:47 น.  

 

สวัสดีขอรับท่านศิษย์เหลนที่เคารพ

๑. 'เรียน'

ข้าพเจ้าไม่มั่นใจว่า 'ขอจบการเรียนในสำนัก' ท่านหมายถึง สำนักรามฯ หรือ สำนักหนอนฯ ?

ขอให้ข้าพเจ้า มองทั้งสอง เป็นสิ่งเดียวกัน คือ 'การเรียน'

ทัศนะต่อ 'การเรียน' ของข้าพเจ้า เขียนไว้ใน profile ข้าพเจ้าเชื่อเรื่องการเรียนรู้ตลอดชีวิต ไม่เชื่อเรื่อง โรงเรียน ห้องเรียน การอบรมสั่งสอน นักเรียน ศิษย์ ครู
วุฒิการศึกษา

ขออย่าได้เข้าใจว่าข้าพเจ้า อกตัญญู ไม่รู้คุณครูบาอาจารย์นะขอรับ !! (ยังมีจิตสำนึกรู้คุณเต็มเปี่ยม)

เราถูกครอบงำมาเนิ่นนาน ทั้งชีวิตก็ว่าได้
ในความครอบงำเหล่านั้น มันทำให้ความเข้าใจของเราคลาดเคลื่อน (ส่วนครอบงำเรื่องอะไรบ้างนั้น คงต้องเป็นอีกประเด็น)

ส่งผลร้ายต่อวิธีคิด การตัดสินใจ ที่ร้ายหนัก คือ เสียตัวเลขอายุขัยไปโดยใช่เหตุ

เราเรียนรู้ตลอดชีวิต เราเป็นครู เป็นศิษย์ในเวลาเดียวกัน
หวังทัศนะต่อ 'การเรียน' ของท่าน จะทำให้ท่านใช้เวลาชีวิต อย่างมีความสุข ตรงสู่เป้าหมายที่แท้จริง

๒. 'หน้าที่ ๓ ประการ'

เห็น หน้าที่ ๓ ประการของท่านแล้วน่าชื่นชมนัก
นั่นคือแผนที่การเดินทางของท่าน

เดินทางไปไหนหรือ?

'ความตาย' ขอรับ
เราควรเริ่มต้นจากตรงนั้น
แล้วมองกลับมา จาก 'ความตาย' มาหา 'ลมหายใจ' ณ ขณะนี้ เวลาหาได้มีอยู่จริง จากลมหายใจนี้ ไปสู่ความตาย ไม่มีเวลามาคอยเชื่อมต่อ เวลาเป็นเพียงผลผลิต ของลมหายใจหนึ่ง สู่อีกลมหายใจหนึ่ง

เราจะใช้ลมหายใจที่มีอยู่ ทำสิ่งใด?

หลายคนไม่เคยถาม ปล่อยไปตามยถากรรม
หลายคนสับสนเต็มไปด้วยคำถามที่หาคำตอบไม่ได้
หลายคนออกเดินทางค้นหา ผ่านสถานที่ สถาบัน ค่านิยมต่าง ๆ
หลายคนมีคำตอบชัดเจน ดำเนินชีวิต ไปตามครรลองที่มั่นหมาย

ไม่มีใครผิด ใครถูก!!

ขอเพียงตอบตัวเองว่า ณ ลมหายใจนี้ มี 'ความปกติสุข' ดีอยู่ใช่ไหม?
หาก 'ใช่' อา...สูดลมหายใจลึก แล้ว ดำเนินชีวิตไป
หาก 'ไม่ใช่' คน ๆ นั้น จะต้องค้นหาต่อไป จนกว่าเจอคำตอบให้ตัวเอง คำตอบเฉพาะสำหรับตัวเองเท่านั้น ไม่มีคำตอบใดใช้แทนกันได้เลย....ไม่มีเด็ดขาด!!

ท่านมีคำตอบชัดเจน
นับว่าน่ายินดี
ยิ่งท่านใช้ทุกลมหายใจ ไปบนหนทางแห่งความชัดเจนนั้น สหายอย่างข้าพเจ้ายิ่งชื่นชมยินดี

๓. 'เพื่อนห่างหาย พาลเขียนไม่ออก'

อย่างท่านกล่าว เราล้วนผ่านอารมณ์เช่นนั้น
สุดท้ายเราผ่านมา(จนได้) เพราะเป้าหมายเราคือการเขียน

บรรยากาศ ช่วยได้มากก็จริง
แต่มีเพื่อกระตุ้น เร่งเร้า หาใช่ให้เรายึดเหนี่ยว ไม่เช่นนั้นจะมีผลให้เป้าหมายคลาดเคลื่อน ไม่ต่างอะไรกับ พวกฝึกสมาธิปฏิบัติกรรมฐาน เป้าหมายเพื่อความสงบทางจิตใจ กลับหมกมุ่นอยู่กับวิธีการ ร้อยแปดพันเก้า ยิ่งคิดค้น ยิ่งสับสนวุ่นวาย

กลุ่มนักเขียนที่จับกลุ่มกันเหนียวแน่น ช่วยกันอ่าน - วิจารณ์งานของกันและกัน มีตัวอย่างมาแต่อดีต ในทุกภาคของประเทศ

นักเขียนที่ทำงานโดดเดียว ก็มีให้เห็น

ทั้งสองมุม ล้วนมีข้อดี ข้อด้อยของตัวเอง
อยู่มุมใดก็ โอเค หรือจะกระโดดไปมาก็ไม่เลว
ขอเพียงงานเขียน เดินหน้า ท่านว่าไหมขอรับ?

๔.'โครงการ'

เรียนท่าน(เผื่อท่านอาจพลาดสายตา บางข้อความที่ข้าพเจ้าเคยแจ้งไว้)
ข้าพเจ้าหาได้มีโครงการที่จะทำอันใดดอกขอรับ
ที่ร่ายมาทั้งหมด เพียงชวนคุย และฝากต่อไปยัง การพบปะของเหล่าหนอนสัญจร

คงเพราะในใจลึก ๆ ข้าพเจ้า อยากเห็น เหล่าหนอนศิษย์พี่ยอดฝีมือที่ข้าพเจ้าเข้ามาพบเจอ ยังรวมตัวกันคึกคักเหนียวแน่นดังเดิม ด้วยอะไรสักอย่างที่เชื่อมโยงทุกคนไว้ ด้วยอะไรสักอย่างที่ชัดเจนขึ้นกว่าหน้าบอร์ดที่แล้วแต่ใครจะไปจะมา

สุดท้ายก็เพื่อข้าพเจ้าจะได้อ่าน งานของท่านเหล่านั้นอย่างต่อเนื่อง แน่นอน ฮา ฮา เพื่อตัวเอง!!

๕. 'แข่งกับตัวเอง....กำลังใจสร้างเอง'

ตลอดมา...ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยกับการแข่งขัน!!
ความคิดเช่นนี้ ท่านอาจจะมองว่า ขวางโลก!!
ขอรับรองท่านว่า ข้าพเจ้าจะใช้แต่กับตัวเอง ไม่เคยคิดไปเปลี่ยนความคิด หรือ ขัดขวางผู้ใด (รวมทั้งกรณี ร้อยแก้วที่ตอบในกระทู้ท่านย่าหนุงฯ อันก่อความขุ่นเคืองให้ใครหลายคน...ครั้งนั้น ยังไม่ได้ขอบคุณท่าน ที่ช่วยสรุปประเด็นของร้อยแก้วบทนั้น ชี้ให้มองประเด็นที่นำเสนอ แต่คงไม่ได้ผลแฮะ!!)

แม้แต่ 'แข่งกับตัวเอง'
ฟังดูเหมือนหลุดพ้นจากการยื้อแย่ง แข่งขันกับผู้คนแล้ว

แต่ตราบใดยังใช้คอนเซ็ปการแข่งขัน ลัทธิยื้อแย่งแข่งขัน ยังคงครอบงำจิตใจ (ข้าพเจ้าอยากเขียนถึงเรื่อง 'ลัทธิยื้อแย่งแข่งขัน' นัก แต่กลัวโดนด่า ฮา ฮา)

ตราบใดที่ยังมีการแข่งขันหลงเหลือในใจ
ก็ยังมี ความกระวนกระวาย (ที่ถูกเรียกว่า กระตือลือร้น) ต้องการผลักดันตัวเองไปข้างหน้าตลอดเวลา หลายครั้ง ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่า วิ่งวน

และเรียกหาพลังขับดัน ที่เรียกกันว่า กำลังใจ ตลอดเวลา
ใช้สักพัก พลังหมด ต้องสร้างใหม่ หาใหม่อยู่ร่ำไป

ไม่ดีกว่าหรือ ที่จะมีความสุขกับการกระทำ ณ ขณะนี้ ณ ลมหายใจนี้ อยู่กับชีวิตที่เต็มชีวิต ไม่ดิ้นรน ค้นหา ไขว่คว้า
ไม่ต้องใช้แรงขับ ไม่ต้องใช้กำลังใจ
สร้างสรรงานที่รักไปด้วยใจ
สักวัน หากสิ่งที่สร้างทำไว้ เกิดเปลี่ยนเป็นรายได้ ก็หาได้มาสร้างความสับสน เพราะอยู่กับความเข้าใจในทุกขณะ

นั่นเป็นวิถี มุ่งสู่ความสงบทางใจ
เป็นวิถีที่ข้าพเจ้าหมั่นบำเพ็ญ

เป็นสิ่งยากเย็นที่จะกระทำหากยังฝังตัวอยู่ในสังคมคน ด้วยจะถูกตัดสินว่า ไม่ให้ความร่วมมือกับส่วนรวม
ข้าพเจ้าจึงเลือกปลีกตัวออกมา เพือลดการกระทบทระทั่ง

ท่านเจ้าสำนัก กระเทาะวุฒิภาวะตรงนี้ ให้ข้าพเจ้าได้คิด (จากกรณี ไม่มีชื่อท่านเจ้าสำนักลงร่วมในแถลงการณ์จุดยืนของเหล่านักเขียนต่อกรณีนายคางเหลี่ยม)

คนที่คิดต่าง ยังยืนในสังคมได้ ขอเพียงชัดเจน มั่นใจ มั่นคง ในความเป็นตัวตน และเขาไม่ใช่คนเลว!!

ข้าพเจ้ายังคงเป็นคนไมมีกำลังใจ ไม่มีความใฝ่ฝัน ต่อไป
เพียงได้นั่งลงเขียน
พูดคุยกับสหายเช่นท่าน
ข้าพเจ้ามีความพอใจแล้ว

โดยวิธีคิดเดียวกัน ข้าพเจ้าใช้กับการหาเงินเลี้ยงชีพ การจับจ่ายใช้สอย ฯลฯ เรียกมันว่า 'การใช้ชีวิต' แล้วกัลล์

การเรียนรู้ไม่เคยจบสิ้น
ทุกลมหายใจล้วนน่าสนใจ น่าเรียนรู้
เปิดใจรับมา...
ปรับใช้...ก่อคุณประโยชน์ต่อตนเองและคนรอบข้าง

นั่นนับเป็น 'ความสุข' ของการใช้ชีวิตแล้ว จริงไหมขอรับท่านศิษย์เหลนที่เคารพ

คารวะ
ผู้น้อยหลานศิษย์เหลนอีกที

 

โดย: ธุลีดิน IP: 203.146.63.187 3 พฤศจิกายน 2549 23:07:41 น.  

 

หวัดดีป๋า

ตั้งแต่จะมาหล่นคำไว้ในกะลาป๋ากะท่านธุลีดิน เหมือนกันนะแหละ (อย่าให้ถึงกะเยี่ยวเลยนะป๋า ผมอาย)

ติดแต่ว่าเมาอ้วกไปเท่านั้น
ฮ่าๆๆๆ
นานๆจะเมาอ้วกสักที
เช้ามาแฮงค์นิดหน่อย

ตอนนี้สบายแระ

ไปนะป๋า

ปล. ป๋าคิดอีกทีดีไหม 16-19 นี้ มากินเหล้ากันที่พิษณุโลกเหอะ อยากกินเหล้ากะป๋าว่ะ

 

โดย: ไอซ์ IP: 58.147.125.197 4 พฤศจิกายน 2549 16:49:43 น.  

 

ป๋า นึกหน้าผมตอนผมอ่านความที่ป๋าทิ้งไว้หน้าบ้านตามไปนะป๋า

พุทธมณฑล---------เลิกคิ้วข้างซ้าย
สะพานพระปกเกล้าฯ-----เลิกคิ้วสูงขึ้นไปอีก
วงเวียนใหญ่ --------- พยายามนึก
ถนนเพชรเกษม-----------...
ถนนกาญจนาภิเษก----------มันตรงไหนวะ งง
ฯลฯ-----------งง โว้ยยย

ผมไม่ได้เข้ากรุงเทพฯมานานเท่าไรแล้วนะ
ป๋าทำให้ผมนึก
10ปี หรือ 15 ปี

ช่างมันเหอะ เพราะผมไม่ได้พิศวาสเมืองเทวดาแห่งนี้เท่าไร จะเสียดายอยูอย่างเดียวคือเทศกาลต่างๆ ดีๆ
เช่น เทศกาลภาพยนตร์จากต่างประเทศ สัปดาห์หนังสือที่มีหนังสือมากมายให้นอนทับเล่น

มันไม่มีผ่านมาทางนี้บ้าง กระจุกให้คน กทม. รับรู้รับชม กันแต่เพียงเท่านั้น

คนบ้านนอกอย่างผม จึงห่างไกลจากคำว่า ศิวิไลซ์เซซั่น อย่างช่วยไม่ได้ ฮ่า ฮ่า

แต่ก็อีกนั่นแหละถ้าถามว่าจะไปกทม.อีกไหม
ผมเองยังลังเล
เพราะผมเมารถอ้วกแตกทุกที
เข็ดตั้งแต่เด็ก พ่อกับแม่ พาไปหาหมอบ่อยมาก
ไปบ่อยมากจนเกลียด กทม. ผมไม่ชอบอาการอึนๆ คลื่นเหียน วิงเวียน เวลาอยู่บนรถเมล์หรือเท็กซี่ ผมไม่ชอบกลิ่นน้ำยาดับกลิ่นในรถ ผมไม่ชอบควันจากท่อไอเสีย

ผมชอบนั่นรถกระบะ ผมชอบนั่งที่กระบะท้าย ปล่อยให้ลมพัดโชย บางทีก็ลงไปนอนหงายมองฟ้าที่หลังกระบะรถ มีความสุขไปอีกอย่างนะป๋า

ยิ่งกลางคืนนะป๋า ผมชอบนอนอยู่ที่ท้ายกระบะ เวลารถวิ่งฝ่าความมืดไปข้างหน้า ผมชอบมองพระจันทร์เวลาที่มันวิ่งตามเรามา มันจะเห็นได้เป็นบางโอกาสนะป๋า ถ้าจังหวะมันตรงกัน

แฮ่ๆๆๆๆๆๆ

ผมต้องไปแระ
สวัสดีป๋า

 

โดย: ไอซ์ IP: 58.147.120.53 4 พฤศจิกายน 2549 20:42:38 น.  

 

แม่แซนซี : ท่านทำให้ผมอายแล้วนะ ไม่ว่าผมจะไปที่ไหน ผมก็มักจะมีกลิ่นเหล้าออกมาเสมอ...อายจัง

ท่านสหายทั้งสอง : ผมตอบที่บล็อกท่านแล้วนะครับ

 

โดย: เจ้าของกะลา IP: 58.9.191.246 5 พฤศจิกายน 2549 0:36:11 น.  

 

เมื่อ...ไม่อาจฉุดรั้ง

ทำอย่างไรไหว

หากเธอจะไป

เพียงขอจดจำ....ฉันไว้บ้าง...เท่านั้น

อย่างไรก็

เพื่อนเธอ....เสมอ...และ...ตลอดไปค่ะ

 

โดย: ยายเองจ๊ะ IP: 124.121.17.147 5 พฤศจิกายน 2549 1:26:24 น.  

 

ป๋า...

ป๋า...

ป๋า...

ป๋า...ขา....

วันนี้ป๋ามาดึกจัง

ป๋า

ป๋า

ขา

ป๋า เป็นไรวะ
โกรธแค้นเคืองใครอ่ะป่ะ
อ่านความท่านที่ กระท่อมของท่านธุลีดิน

บางทีเราต้องดูเจตนาคนด้วยนะป๋า
อย่าถือโทษใครเลยป๋า
ผมอาจจะมั่วคิดไปเองนะว่าป๋า ไม่พอใจใคร
ถ้าผมคิดผิดผมขอโทษ

ไอซ์

 

โดย: ไอซ์ IP: 222.123.20.17 5 พฤศจิกายน 2549 7:35:03 น.  

 

good ครับ เยี่อมมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จ๋ะ

 

โดย: น้องอาร์ม IP: 118.175.132.103 10 พฤศจิกายน 2551 14:26:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


rintana
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สงวนสิทธิ์ตามกฏหมายในการทำการคัดลอก เผยแพร่ ดัดแปลงส่วนหนึ่งส่วนใด หรือทั้งหมด ของงานเขียนในบล็อกนี้
ผู้ใดทำการคัดลอก เผยแพร่ ดัดแปลง ส่วนหนี่งส่วนใดหรือทั้งหมด โดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษ ปรับตามกฏหมายตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท หรือนำเรื่องไปเสนอสำนักพิมพ์ ถือเป็น การเสนอขาย มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 4 ปี หรือ ปรับตั้งแต่ 100,000 บาทถึง 800,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
ตามมาตรา 69 แห่ง พ.ร.บ. กฏหมายลิขสิทธิ์

Friends' blogs
[Add rintana's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.