เช้าวันอังคารที่ผ่านมา ขณะที่ผู้เขียนกำลังปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน ซึ่งก็คือการจัดเตรียมอาหารเช้าให้เจ้าข้าวปั้นตัวน้อย ขณะกำลังง่วนๆ อยู่ในครัว คุณยายก็จะมาร่วมง่วนๆ อยู่ด้วยเหมือนเช่นทุกวัน ส่วนใหญ่เราแม่ลูกจะมีเวลาแช๊ตกันก็ตอนเช้าๆ ที่ลูกและผ..สระอัวยังหลับอุตุดกันอยู่นี่หล่ะค่า...หุ หุ... วันนี้ คุณยายก็ได้เรื่องตื่นเต้นมาเล่าให้ฟัง ยายเล่าว่า บ้านยายแป๋ว..ซึ่งก็คือบ้านหลังสีเขียวที่อยู่ตรงหัวมุมปากซอยทางเข้าบ้านเรา ซึ่งอยู่ถัดบ้านเราไปประมาณ 3 หลัง และอยู่อีกฝั่งของถนนซอย.. ถูกขโมยเข้าบ้าน..อื้ม..อีกแล้วคับท่าน... แล้วก็เล่าว่า พอดีคุณผู้ชายของบ้านลงมาเข้าห้องน้ำตอนขโมยกำลังเข้าบ้านพอดี ก็เลยป๊ะ!!กัน เริ่มตื่นเต้น..แล้วไงอีกหง่ะแม่...เค้าสู้ไม๊... ยายว่า เค้าฉลาดเค้าไม่สู้ เพราะพอเจอปุ๊บมันเอามีดจี้เลย แล้วก็รูดบรรดาแหวนนาฬิกาเครื่องประดับที่ติดตัวไปหมด มือถือเอยอะไรเอย..มูลค่านับรวมๆ ก็หมดไปประมาณ 3 แสนได้... ฟังเรื่องราวแล้ว ทำให้ผู้เขียนหวนรำลึกถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับบ้านผู้เขียนเอง เมื่อราวๆ 2 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา ตอนนั้น ผู้เขียนเพิ่งจะคลอดเจ้าข้าวปั้นได้ไม่นาน..ที่บ้านก็ทำเป็นโฮมออฟฟิศ คือชั้นล่างเป็นออฟฟิศ ชั้นบนเป็นที่พักอาศัย.. ด้วยเนื่องจากเพิ่งคลอดได้ไม่นาน เจ้าข้าวปั้นน้อยจึงยังปรับเวลานอนไม่ได้ กลางคืนจะยังร้องโยเยทำให้เราสองคนพ่อแม่ไม่ค่อยได้หลับได้นอนหลับกันนัก รุ่งสางของวันหนึ่ง มีเสียงเคาะประตูห้องนอน ก๊อก ก๊อก ก๊อก.. ผู้เขียนเปิดประตูมาอย่างรมณ์เสีย..มีอะไรเจ้าคอน มาเคาะประตูปลุกกันแต่เช้า.. ซ๊อๆ ยายให้มาบอกว่า ขโมยเข้าบ้าน.. ฮ๊า... ตาสว่างทันที.. รีบวิ่งตามเจ้าคอนลงไปข้างล่าง..สภาพที่เห็นก็คือมีรอยเท้า(เท้าเปล่า) สันนิษฐานว่าน่าจะไม่ต่ำกว่า 2 คน เดินเข้าออกเป็นทาง และคอมพิวเตอร์หายไป เลือกเอาแต่เฉพาะ Case จอไม่เอา เข้าใจว่าเนื้อที่ในการบรรทุกคงไม่พอเพราะจอใหญ่ หายไปทั้งหมด 7 เครื่อง โทรศัพท์ไร้สายพานาโซนิกถูกถอดออกไป 2 เครื่อง โทรศัพท์ซัมซุงรุ่นใหม่ล่าสุดของป่ะป๊าวางลืมไว้ข้างล่าง อีก 1 เครื่องและอะไรๆ อีกจำนวนนึงก็จำมะค่อยได้ละ ผู้เขียนเข่าอ่อนเลย รีบโทรศัพท์ไปแจ้งตำรวจ ในใจตอนนั้น ร้อนรนมาก เพราะบริษัทฯ เราขายงานที่เป็นข้อมูล ซึ่งอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่พวกมันเอาไปซะเป็นส่วนใหญ่ ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้างที่มันไม่แบกเอา server ไปด้วย มันแบกไปแต่เครื่อง Client แต่แค่นั้นก็ทำให้งานทุกอย่างชะงักงันไปเลย ตำรวจที่รับแจ้งเหตุ ชุดแรกขับรถกระบะเข้ามาจดๆ ถามๆ แล้วก็ไป ชุดที่สองเข้ามาตรวจสอบลายนิ้วมือ และหลักฐานที่คนร้ายทิ้งเอาๆ ไว้..ผู้เขียนเฝ้าดูด้วยความหวังว่าน่าจะตามตัวมันมาได้ไม่ยากนัก เพราะมันน่าจะไปไม่ได้ใกล และแล้วทุกสิ่งก็เงียบหายไป... ผู้เขียนกับสามีขับรถไปยังสน.สอบถามร้อยเวรว่าเรื่องไปถึงไหนแล้ว ร้อยเวรตอบแบบขอไปที ผู้เขียนก็พยายามจะถามว่า ตำรวจส่งคนไปตามที่ไหนมาบ้าง ไปดูทางเข้าออกไม๊ ที่สงสัยซาเล้ง..จะใช่หรือเปล่า ขอรายงานความคืบหน้าหน่อย...ไอ้เวร เอ๊ยยย..ร้อยเวร..มันก็เกิดอารมณ์ แล้วมันก็ตอบผู้เขียนมาด้วยเสียงดังฟังชัดว่า จะให้มันทำยังไง วันๆ มีคนโดนขโมยขึ้นบ้านมากมาย จะให้มันออกไปตามทุกรายก็คงไม่ไหวหรอกโอ้โฮ... ผู้เขียนไม่ยอมลดละ ยังคงสอบถามต่อไป จนร้อยเวรไล่ให้ไปคุยกับฝ่ายสอบสวนพิเศษ เข้าไปก็ไปตามเรื่อง มีการพูดคุยกัน ได้ข้อมูลมาดังนี้ค่ะ การที่ตำรวจไปตรวจรอยนิ้วมือ ก็เพื่อนเอารอยนิ้วมือไปเทียบกับอาชญากรที่เคยจับได้ว่าตรงกับใครบ้างไม๊ ซึ่ง case ของคุณไม่ตรงเลย อืม... แล้วก็คุยกันต่อ จับใจความจากการพูดคุยได้ดังนี้ค่ะ "ตั้งแต่มี history ของคดีย่องเบามา ไม่เคยจับได้เลยยยยย ไม่เคยมีใครได้ของคืนเลยยยยยย"
ฟังดังนั้นแล้ว เราสองคนสามีภรรเมียก็เริ่มละเหี่ยใจ..และคิดได้ว่า เราไม่สามารถคาดหวังอะไรกับของที่หายไปอีกแล้ว คงต้องถือเป็นการฟาดเคราะห์ไป แล้วก็ตัดสินใจเดินทางไปซื้อเครื่องคอมฯ ใหม่ทั้งหมดเพื่อให้น้องๆ สามารถทำงานต่อไปได้....ผู้เขียนไม่แปลกใจเลย ที่เมื่อไม่นานมานี้ เพิ่งได้ยินข่าวการจับหัวขโมยรายนึงได้ ซึ่งหัวขโมยรายนี้ เป็นเจ้าของร้านอาหารอยู่ย่านพระราม 9 หรือแถวๆ นั้น เชื่อมะคะ เค้าขโมยจนรวยอ่ะค่ะ รวยหลักหลายสิบล้าน และปัจจุบันก็ยังยึดอาชีพขโมยอยู่ เชื่อมะคะเวลามันขโมยขับรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ไปขโมยค่ะ... นี่เป็นเหตุผลที่ผู้เขียนไม่ไถ่ถามกับยายเรื่องว่าบ้านนั้นแจ้งตำรวจหรือยัง หรือจะสามารถตามขโมยคนนี้ได้หรือไม่.. เพราะคำตอบรู้อยู่แก่ใจผู้เขียนอยู่แล้ว แต่ยายก็เล่าว่าคุณผู้ชายของบ้าน ตั้งเงินรางวัล 5 หมื่นบาท ถ้ามีใครให้เบาะแสหรือจับขโมยได้.. เอ้อ..แปลกเนอะ โดนขโมยของก็เรียกได้ว่าเป็นผู้สูญเสียแล้ว ยังต้องควักกระเป๋ามาให้เงินรางวัลแก่คนอื่นอีก เพื่อความหวังที่ว่าจะได้ของคืนบ้าง..
ยายบอกผู้เขียนว่า รู้สึกกลัวมาก เพราะบ้านเราเป็นแบบกระจก ถึงแม้หลังจากเกิดเหตุการณ์ครั้งนั้นแล้ว เราจะมีการต่อเติมเสริมบางอย่างเพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้น แต่ยายก็ยังกลัวอยู่ดี เพราะยายนอนอยู่ชั้นล่างคนเดียว ส่วนบ้านอื่นๆ ก็คงต้องขวัญหนีดีฝ่อกันไปสักพัก ที่มาเล่านี่ ก็อยากจะให้เป็นอุทธาหรณ์แก่ประชาชนตาดำๆ อย่างเราๆ ท่านๆ ที่ไม่ได้เป็นเพื่อนกับคุณสรยุทธ์ ไม่ได้เป็นญาติกับคุณสมัคร.. ไม่ได้จบนายร้อยรุ่นเดียวกับใครว่านับวัน มิจฉาชีพ อาชญากร ขโมยขโจร ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น เปลี่ยนรูปแบบมาไม่ซ้ำกันแต่ละวัน เราต้องเรียนรู้ที่จะป้องกันตัวเองให้มากที่สุด เพราะบ้านเราเมืองเราไม่ได้มีมาตรการ หรือบุคลากรที่จะมาปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของท่านได้ ดังนั้น ควรใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท ระแวดระวังภัยไว้บ้าง ก่อนจะหลับนอนตรวจสอบกลอนประตูให้ดี... ไม่งั้น..มันจะมาเยือน...
Free TextEditor
Create Date : 26 มิถุนายน 2551 |
|
9 comments |
Last Update : 26 มิถุนายน 2551 17:57:01 น. |
Counter : 527 Pageviews. |
|
|
|
ขโมยของคนอื่นก่อนดีมะนี่
คริคริ