บั้งไฟลาวกับสาวๆตากลม
<<
มกราคม 2550
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
13 มกราคม 2550
 
 
***///*** 100 ทริป....ภาค3 ครับ ***///*** *

61. ตรวจเบรกว่าปัดเป๋กินซ้ายหรือกินขวา การตรวจเบรก
ท่านเองก็ทำได้สบายมาก เพียงหาที่ว่าง หรือถนนว่างเพื่อลองเบรก โดยถนนจะตัดได้ระดับลมยางและดอกยางถูกต้องใกล้เคียงกัน วิธีการตรวจให้ขับรถด้วยความเร็วประมาณ 40 กม./ชม. ตั้งพวงมาลัยให้ตรงไปข้างหน้า มือไม่ต้องจับพวงมาลัย แล้วเหยียบเบรกทันทีทันใด ถ้ารถปัดเป๋ไปข้างใดข้างหนึ่งก็แสดงว่าระบบเบรกมีปัญหา อาจเกิดจากการติดตายเพราะน้ำเข้า หรือเกิดการรั่วซึมในระบบ กรณีนี้ต้องรีบนำรถเข้าเช็คที่ศูนย์บริการเบรคโดยด่วน อย่าลืมว่า "เบรก คือ ชีวิต"

จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 11 ม.ค. 50 01:16:56 ]






ความคิดเห็นที่ 62

62. ตรวจระยะฟรีพวงมาลัย
ซึ่งวิธีการตรวจนั้นง่ายมาก ให้ท่านจับพวงมาลัยแล้วออกแรงที่มือเบาๆ หมุนพวงมาลัยไปทางซ้ายหรือขวาในตำแหน่งระยะฟรี ถ้ารัศมีของระยะฟรีมาก เช่น เป็นครึ่งรอบ ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ผู้ขับบังคับรถยาก เพราะในบางคันหมุนพวงมาลัยไปครึ่งรอบหน้ารถจึงจะมีปฏิกริยาตอบสนองเกิดจะต้องเลี้ยวอย่างฉับพลันคงจะเลี้ยวไม่ทันผลที่ตามมาคือต้องเฉี่ยวชนกัน "อันตราย" ควรรีบนำรถไปให้อู่ซ่อมบริการ

จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 11 ม.ค. 50 01:17:20 ]






ความคิดเห็นที่ 63

63. หลังจากลุยน้ำลุยฝนแล้ว เครื่องยนต์ติดยาก ประการแรกเลยคือ ไส้กรองอากาศเกิดการอุดตัน ทำให้อากาศเข้าได้น้อย ทำให้เครื่องติดยากในตอนเช้า และเปลืองน้ำมัน นอกจากนี้แล้ว น้ำจะพุ่งเข้าเครื่องเวลาที่ลุยฝน ห้องเครื่องเกิดการเปียกชื้น ทำให้เกิดคราบเกลือตามปลั๊กไฟ สายหัวเทียน คอยล์จ่ายหัวไฟ ขั้วแบตเตอรี่ หากคราบเกิดขึ้น ไฟก็จะรั่วไหลออกไม่ได้ในขณะที่จอดรถไว้นานๆ เช่น จอดข้ามคืน เป็นต้น ในเหตุที่ติดเครื่องยากก็เพราะว่าไฟจากหม้อแบตเตอรี่รั่วไหลออกไปได้ ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี ที่ใหม่ซักแค่ไหน ไฟที่ใช้กับมอเตอร์สตาร์ทจะต้องมีไฟเต็มไม่ต่ำกว่า 12 โวลต์หากไฟมีน้อยกว่า เช่น 8-9 โวลต์ มอเตอร์สตาร์ทจะหมุนได้ช้ากว่า ทำให้เครื่องติดยากจนถึงขั้นติดไม่ได้

จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 11 ม.ค. 50 01:17:39 ]






ความคิดเห็นที่ 64

64.เมื่อน้ำเข้าสู่ระบบ เช่น ลูกหมากช่วงล่างที่เก่า ยางห่อหุ้มลูกหมากเปื่อย น้ำไปผสมกับจาระบีเมื่อไหร่ ในไม่ช้าจาระบี จะกลายเป็นสนิม ทำให้เกิดการหลวมเกิดเสียงดังไปทั่ว ในระบบเบรกก็เช่นกัน น้ำสามารถเข้าไปถึงยังระบบเบรกได้โดยง่าย เบรกจะเกิดสนิม ทำให้เกิดการฝืดตัว ในระยะแรกๆ ผู้ใช้จะไม่ค่อยมีโอกาสรู้ได้ ก็เพราะว่าบางที่อาจไม่เกิดเสียงดัง และไม่มีปัญหาใดๆ ในช่วงแรกผู้ใช้ถ้าไม่รู้ว่าน้ำเข้า แล้วใช้ต่อไป โดยไม่ถ่ายน้ำออก ระยะต่อไปเกิดอาการเกียร์เฟืองเสีย ต่อมาเฟืองท้ายเกิดเสียงครางเสียงหอน

จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 11 ม.ค. 50 01:18:04 ]






ความคิดเห็นที่ 65

65. การล้างรถ..
ปัจจุบันมีการแข่งขันกันมาก และมีการตัดราคากัน เช่น 30-50 บาท แต่ก็ยังมีการตั้งราคาไว้แพงๆ หลายคนคิดว่าล้างแพงๆ ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว ก็นับว่ามีส่วนจริงอยู่บ้าง แต่ก็ไม่แน่เสมอไป ให้พิจารณาที่การล้างการเช็ดของพนักงาน ว่าทำอย่างไรจะดีกว่า

จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 11 ม.ค. 50 01:18:33 ]






ความคิดเห็นที่ 66

66..การเคลือบสี..
แม้โรงงานจะพ่นแล๊คเกอร์เคลือบมาแล้ว ซึ่งมีความเงางาม และทนทาน แต่ก็พบว่าถ้ามีการเคลือบด้วยน้ำยาพิเศษเพิ่ม ความเงางามก็จะเพิ่มขึ้น ดูสวย และน้ำยาหลายยี่ห้อก็เพิ่มความเงา และ ทนทานของสีขึ้นอีกเล็กน้อย หลายคน ยอมเสียเงินเพราะชอบความสวยงาม จึงเป็นช่องทางในการทำธุรกิจ มีการปั่นราคาขึ้นสูงเกินกว่าที่ควรจะเป็น ไม่ใช่ตามต้นทุนที่แท้จริง อย่างไรก็ดี หากสนใจควรเลือกด้วยคุณสมบัติที่เหมาะสมกับราคา

จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 11 ม.ค. 50 01:18:55 ]






ความคิดเห็นที่ 67

67.พ่นกันสนิม..
รถยุคใหม่ล้วนมีการชุบสารกันสนิม จากโรงงานมาอย่างดีแล้ว ทั้งรถยนต์ถูก และแพง รถบางยี่ห้อรับประกันการปลอดสนิม 10 ปี (หรือนานกว่านั้นก็มี) แม้จะไม่ได้มีการพ่นสนิมเพิ่มเติมก็ไม่ได้มีปัญหา ดังนั้นเราจึงควรประเมินว่าจะใช้รถคันนั้นเกิน 8-10 ปีหรือไม่ ถ้าไม่เกิน ก็ไม่จำเป็นต้องเสียเงินเพิ่ม

จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 11 ม.ค. 50 01:19:27 ]






ความคิดเห็นที่ 68

68..เคล็ดลับป้องกัน การโจรกรรมรถยนต์
- อย่าซ่อนกุญแจรถไว้ในรถ ไม่ว่าคุณคิดว่ามันจะปลอดภัยแค่ไหน เพราะโจรสามารถหาเจอได้ด้วยวิธีง่ายๆ ไม่ว่า หลังพรม หรือหลังเบาะ
- ไม่ว่าจะจอดที่ไหนต้องล็อคเป็นอย่างดี รวมถึงในอู่ หรือโรงเก็บรถด้วย
- อย่าทิ้งของมีค่าไว้ในรถ ไม่ว่ากระเป๋าตังค์, โน้ตบุ้ค คอมพิวเตอร์ หรือเครื่องเสียง
- เลือกอุปกรณ์เตือนภัยชนิดต่างๆ เพื่อปกป้องรถคุณ เช่น อาจเป็นระบบไฟฟ้า, ระบบเครื่องกล ที่สามารถเตือนคุณเมื่อมีเหตุโจรกรรม
- จอดรถในที่ปลอดภัย เช่น ต้องมีแสงสว่างพอเพียง หรือที่มีคนเฝ้า
- อย่าติดเครื่องทิ้งไว้ แม้เพียงชั่วขณะ ดับเครื่องทุกครั้งและล็อครถให้เรียบร้อย
- ต้องแน่ใจว่า กุญแจรถที่เราใช้ถูกต้องตรงกับที่ จดทะเบียนไว้ ทั้งชื่อ ที่อยู่ เลขทะเบียน เพื่อป้องกันกุญแจผีที่สวมรอย

จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 11 ม.ค. 50 01:19:44 ]






ความคิดเห็นที่ 69

69.รถตกน้ำ

ทันทีที่ตัวรถสัมผัสผิวน้ำให้รีบเปิดหน้าต่าง นี่คือโอกาสเดียวที่คุณจะรอดได้ เพราะแรงดันน้ำด้านนอกจะทำให้คุณเปิดประตูรถไม่ได้ถ้าไม่เปิดกระจกให้เปิดกระจกปล่อยให้น้ำเข้า จากนั้นคุณจะเปิดประตูได้เมื่อแรงดันน้ำเท่ากันกับด้านนอก ถ้าเครื่องยนต์ของรถอยู่ด้านหน้า รถจะจมลงอย่างรวดเร็ว และอาจพลิกเอาหลังคาจมลงสู่พื้นได้ถ้าน้ำลึกกว่า 5 เมตร เพราะฉะนั้นจึงควรรีบออกจากรถก่อนรถจะถึงพื้นรถแต่ละยี่ห้อจะลอยอยู่ในน้ำก่อนตกถึงพื้นแตกต่างกันในกรณีที่ไม่สามารถเปิดหน้าต่างหรือทุบกระจกให้แตกได้ อย่าตกใจน้ำจะค่อยๆไหลเข้ามาทางรูรั่วเองเมื่อน้ำท่วมเข้ามาจนเกือบถึงศีรษะให้คุณรีบหายใจเฮือกใหญ่เอาไว้ ตอนนี้แหละครับแรงดันน้ำภายในน่าจะพอๆกับด้านนอกแล้ว ให้เปิดประตูแล้วว่ายน้ำอออกไป

จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 11 ม.ค. 50 01:20:16 ]






ความคิดเห็นที่ 70

70. ใช้รถยนต์ป้ายแดงอย่างถูกวิธี

รถยนต์ใหม่ป้ายแดง แม้ใหม่แกะกล่องจากโชว์รูมแต่ถ้าขาดการดูแลรักษาและใช้งานไม่ถูกต้อง อายุการใช้งานอาจสั้นกว่าปรกติและตามติดด้วยหลากปัญหารบกวนใจก่อนเวลาอันควร
การศึกษาทำความเข้าใจการใช้รถยนต์ใหม่ป้ายแดงจึงมีความจำเป็นสำหรับเจ้าของรถหรือผู้ขับ

1. รันอินยืดอายุการใช้งาน

เพื่อให้ทุกชิ้นส่วนที่มีการสึกหรอน้อยที่สุด และยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ให้ยาวนาน

- ในช่วง 5,000 กิโลเมตรแรก ควรขับด้วยความระมัดระวัง โดยใช้รอบเครื่องยนต์ในแต่ละเกียร์ไม่เกิน 2,500 - 3,000 รอบ/นาที ยกเว้นในกรณีฉุกเฉิน เช่นต้องการเร่งแซงขึ้นหน้าหรือหลบหลีกอย่างรวดเร็วก็อนุโลมได้

- ส่วนรถยนต์เกียร์อัตโนมัติ หากเหยียบคันเร่งธรรมดา ไม่มีการกระแทกอย่างรวดเร็ว ระบบจะเปลี่ยนเกียร์ขึ้นสูงที่รอบเครื่องยนต์ประมาณ 2,500 - 3,000 รอบ/นาที นอกจากการคิกดาวน์เพื่อลดตำแหน่งเกียร์ด้วยการเหยียบคันเร่งจนสุดอาจจะมีการสั่งเปลี่ยนเกียร์ที่รอบเครื่องยนต์สูงขึ้นจากปรกติเล็กน้อย

- หลีกเลี่ยงการเหยียบคันเร่งหลังการสตาร์ทหรือเบิลเครื่องยนต์เพื่อให้ถึงอุณหภูมิทำงาน นอกจากจะไม่ได้ประโยชน์อะไรแล้ว ยังสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงโดยมิใช่เหตุ หากต้องการให้เครื่องยนต์ถึงอุณหภูมิทำงานเร็วๆ ควรปล่อยให้เครื่องยนต์เดินเบาอยู่กับที่ประมาณ 1 - 2 นาที เพื่อให้น้ำมันต่างๆ เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ เคลือบชิ้นส่วนการทำงานแล้วจึงค่อยๆ ออกตัวและขับช้าๆ จนกระทั่งถึงอุณหภูมิทำงาน

- ผ้าเบรกก็ควรมีการรันอิน ไม่ควรเบรกกระทันหันหรือรุนแรงในช่วง 200 - 300 กิโลเมตรแรก

- หลีกเลี่ยงการใช้ความเร็วไม่สัมพันธ์กับเกียร์ เพราะจะทำให้เครื่องยนต์ต้องรับภาระหนัก และสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง

- การออกตัวควรทำอย่างนุ่มนวล เพราะนอกจากจะช่วยยืดอายุของเครื่องยนต์แล้วในส่วนของรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้ายังยืดอายุของเพลาขับอีกด้วย

- การรันอินเครื่องยนต์ไม่มีระยะทางกำหนดตายตัว โดยจะสิ้นสุดก็ต่อเมื่อเครื่องยนต์ไม่กินน้ำมันเครื่อง (โดยส่วนใหญ่ไม่เกิน 10,000 - 15,000 กิโลเมตร)

2. กลิ่นใหม่ : อันตรายใกล้ตัว

กลิ่นใหม่ที่ติดอยู่ในห้องโดยสารเป็นอันตรายที่ไม่ควรมองข้าม กลิ่นเหล่านี้มาจากพลาสติกและกาวที่ใช้ในการประกอบชิ้นส่วนต่างๆภายในห้องโดยสาร

เคยมีการสำรวจพบว่า ไอพิษที่มาจากพลาสติกและกาวเหล่านี้ทำให้เกิดอาการตาอักเสบ ปวดศีรษะอย่างรุนแรงและคลื่นไส้ ซึ่งไอพิษจะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นเมื่อถูกความร้อน เช่นการจอดรถยนต์ตากแดด

วิธีกำจัดกลิ่นใหม่ที่แฝงด้วยไอพิษคือ การใช้ผ้าชุบน้ำผสมสบู่อ่อนๆ เช็ดทุกส่วนในห้องโดยสาร เช่นแผงประตู , เบาะที่ผลิตจากหนังเทียม , พวงมาลัย , แผงหน้าปัด ก่อนใช้ผ้าชุบน้ำเปล่าทำความสะอาดอีกครั้ง

นอกจากนั้นควรจอดรถยนต์เปิดกระจกและประตูทุกบานเพื่อให้มีการระบายอากาศและกำจัดกลิ่นเหล่านี้ให้หมดไป

3. ตรวจสภาพตามอายุการใช้งาน

รถยนต์ใหม่ป้ายแดงต้องมีการรับประกันในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เช่น 2 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร ควรเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจสภาพตามระยะทางที่กำหนด เช่น 1,000 กิโลเมตร 5,000 กิโลเมตร หรือ 10,000 กิโลเมตร และควรปฏิบัติตามข้อกำหนดของการรับประกันจนกว่าจะครบระยะ

ควรศึกษาคู่มือประจำรถยนต์ให้ละเอียด เพื่อทราบถึงการดูแลรักษาที่ถูกต้อง รวมถึงข้อมูลและรายละเอียดของรถยนต์คันนั้น

จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 11 ม.ค. 50 01:20:45 ]






ความคิดเห็นที่ 71

71.เคล็ดลับขับปลอดภัย
1.ศึกษาเส้นทาง ควรศึกษาเส้นทางก่อนเดินทาง
2.พักผ่อนให้เพียงพอ
3.ตรวจสอบรถของคุณ เพื่อให้แน่ใจว่ารถของคุณพร้อมอยู่ในการใช้งาน
4.คาดเข็มขัดนิรภัย คุณควรคาดเข็มขัดนิรภัย ทุกครั้งที่ขับรถ ไม่ว่าระยะทางจะใกล้ไกลเพียงใด
5.เมาไม่ขับ อย่าขับรถ หากคุณดื่มสุรามา เพราะคุณอาจไม่สามารถควบคุมการขับขี่ได้ดีพอ
6.อย่าขับรถเมื่ออยู่ในอารมณ์ไม่ปกติเพราะหากอยู่ในอารมณ์ดังกล่าว จะทำให้สมาธิในการขับขี่ถดถอยลง
7.ควบคุมความเร็ว ข้อกำหนดเรื่องความเร็วบนทางหลวงเป็นสิ่งควรปฏิบัติตาม เพราะหากคุณ ขับรถเกินอัตราที่กำหนด อาจทำให้รถคุณเสียการทรงตัว และนำไปสู่อุบัติเหตุ
8.อย่าจี้ท้าย ควรเว้นระยะห่างจากรถคันข้างหน้าพอสมควร ระยะประมาณ 4 วินาทีก่อนประชิด จะทำให้คุณสามารถหลบหลีกได้ในกรณีฉุกเฉิน
9.แซงปลอดภัย หากคุณรู้สึกว่ารถคันข้างหน้าขับช้า คุณสามารถแซงได้ แต่ควรทำอย่าง ปลอดภัยโดยให้สัญญาณและเปลี่ยนเลนอย่างระมัดระวัง
10.ขับปลอดภัยกรณีฝนตก เมื่อฝนตก ไม่ควรขับเกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และให้เว้นระยะห่างก่อนประชิดรถคันหน้าประมาณ 6 วินาที เปิดไฟหน้าในกรณีที่ฝนตกหนัก เพื่อให้รถคันอื่นมองเห็นคุณ
11.คุยเรื่องสบายๆ การได้พูดคุยระหว่างเดินทางจะช่วยทำให้การเดินทางมีชีวิตชีวาขึ้น แต่เรื่องที่สนทนาควรเป็นเรื่องสบายๆ เรื่องเครียด หรือเรื่องหนักๆ อาจเบนความสนใจ ของผู้ขับจากการควบคุมรถมากเกินไป และไม่มีสมาธิในการขับขี่
12.พักเมื่อรู้สึกอ่อนเพลีย ถ้าคุณขับรถระยะทางยาวๆ พยายามอย่าขับติดต่อกันนาน เกินสอง ชั่วโมงเพราะจะทำให้รู้สึกอ่อนเพลียและสูญเสียสมาธิ หากรู้สึกเหนื่อย ให้หาที่จอดรถเพื่อพัก อาจเป็นจุดแวะพักที่ไหนสักแห่ง เพื่อให้คุณได้พักผ่อน หรือดื่มกาแฟสักแก้ว และเดินทางต่อ

จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 11 ม.ค. 50 01:21:08 ]






ความคิดเห็นที่ 72

72.การทำใบอนุญาตขับรถ

ใบอนุญาตใช้รถใช้ถนนมีอยู่ 3 ลักษณะคือ
1. ใบอนุญาตขับรถชั่วคราว
2. ใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล
3. ใบอนุญาตขับรถตลอดชีพ

คุณสมบัติของผู้ที่สามารถทำใบอนุญาตขับรถ
1. มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์
2. มีความรู้และความสามารถในการขับรถ
3. มีความรู้ในข้อบังคับการเดินรถตามพระราชบัญญัติรถยนต์ และตามกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก
4. ไม่เป็นผู้มีร่างกายพิการจนเป็นที่เห็นได้ว่าไม่สามารถขับรถได้
5. ไม่มีโรคประจำตัวที่ผุ้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเห็นว่าอาจเป็นอันตรายขณะขับรถ
6. ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือน
7. ไม่มีใบอนุญาตขับรถชนิดเดียวกันอยู่แล้ว
8. ไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างถูกยึดหรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ

หลักฐานที่ใช้ในการขอใบอนุญาตขับรถ
1. บัตรประจำตัวประชาชน บัตรอื่นที่ใช้แทนบัตรประจำตัวประชาชน หรือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว พร้อมภาพถ่าย
2. สำเนาหรือภาพถ่ายสำเนาทะเบียนบ้านหรือใบสำคัญถิ่นที่อยู่
3. ใบรับรองแพทย์
4. รูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว จำนวน 2 รูป (ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน)
5. ถ้ามีหลักฐานดังต่อไปนี้ให้นำมาด้วยพร้อมภาพถ่าย
- ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกหรือกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ทหาร
- ใบอนุญาตขับรถชนิดเดียวกับที่ขอรับใบอนุญาต ซึ่งรัฐบาลต่างประเทศออกให้ (พร้อมคำแปลภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษจากสถานทูต)
- ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ

กรณีเป็นชาวต่างประเทศและมีความประสงค์จะขอรับใบอนุญาตขับรถไทยจะต้องเตรียมหลักฐานดังต่อไปนี้
1. หนังสือเดินทาง และ VISA ประเภท NON-IMMIGRANT พร้อมภาพถ่าย
2. หนังสือรับรองถิ่นที่อยู่จากสถานทูต หรือหน่วยราชการ
3. ใบรับรองแพทย์
4. รูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว จำนวน 2 รูป (ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน)
5. ถ้ามีหลักฐานดังต่อไปนี้ให้นำมาด้วยพร้อมภาพถ่าย
- ใบอนุญาตขับรถชนิดเดียวกับที่ขอรับใบอนุญาต ซึ่งรัฐบาลต่างประเทศออกให้ (พร้อมคำแปลภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษจากสถานทูต)
- ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ

ขั้นตอนการทดสอบใบอนุญาตขับรถ
1. ทดสอบตาบอดสี
เป็นการทดสอบสายตาในการมองเห็นสีต่างๆ คือ สีเขียว สีเหลือง สีแดง โดยอาจเป็นการทดสอบจากเครื่องทดสอบ หรืออ่านแผ่นภาพทดสอบ
2. การสอบข้อเขียน
เป็นการทดสอบความรู้เกี่ยวกับข้อบังคับของการใช้รถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์และกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก ตามแต่ชนิดของใบขับขี้ที่เราขอในกรณีที่ผู้เข้ารับการทดสอบอ่านหนังสือไม่ได้ จะมีเจ้าหน้าที่อ่านข้อความให้ฟังแล้วผู้เข้ารับการทดสอบก็ทำเครื่องหมายด้วยตนเองในกระดาษคำตอบที่มีให้
3. การทดสอบภาคปฏิบัติ
ในการทดสอบปฏิบัติขับรถนั้นจะมีการทดสอบดังต่อไปนี้
- การเดินหน้า และหยุดรถเทียบทางเท้า
- การขับรถเดินหน้าและถอยหลังในทางตรง
- การขับรถถอยหลังเข้าจอด
- การกลับรถ
- การหยุดรถบนทางราบ
- การหยุดรถและออกรถบนทางลาด
- การขับรถโดยปฏิบัติตามเครื่องหมายจราจร
ในการปฏิบัติจริงการทดลงในแต่ละสถานที่อาจจะเลือกสอบเป็นบางอย่าง ตามความเหมาะสมของแต่ละสถานที่ แต่อย่างน้อยก็จะมีการให้ทดสอบจำนวน 3 อย่าง
ผู้ผ่านการทดสอบ จะได้รับใบอนุญาตขับรถชั่วคราว มีกำหนด 1 ปี จากนั้นจึงขอเปลี่ยนเป้นใบอนุญาตขับขี่รถส่วนบุคคล มีกำหนด 1 ปีเช่นกัน เมื่อครบกำหนดจึงมาขอเปลี่ยนเป็นใบอนุญาตขับขี่รถชนิดตลอดชีพได้ สำหรับชาวต่างชาติที่ไม่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวจะไม่ออกใบอนุญาตขับรถตลอดชีพให้
เมื่อใบอนุญาติขับรถชั่วคราวหรือส่วนบุคคลครบ 1 ปีแล้ว และมิได้นำมาต่อหรือเปลี่ยนประเภท หากขาดอายุเกิน 1 ปีจะต้องทดสอบสายตาและข้อเขียนใหม่ หากขาดอายุเกินไป 3 ปี จะต้องกำหนดการทดสอบใหม่หมดใบอนุญาตขับรถทั้ง 3 ชนิดเป็นใบอนุญาตที่ใช้สำหรับการขับรถในประเทศไทยเท่านั้น หากต้องการใบอนุญาตสำหรับการขับรถในต่างประเทศ ท่านจะต้องทำใบอนุญาตอีกแบบหนึ่ง คือ ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศสำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล

จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 11 ม.ค. 50 01:21:54 ]






ความคิดเห็นที่ 73

73. ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศสำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล
คุณสมบัติของผู้ขอใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ
1. ใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลหนึ่งปี หรือตลอดชีพ
2. หนังสือเดินทาง พร้อมภาพถ่าย
3. บัตรประจำตัวประชาชน บัตรอื่นที่ใช้แทนบัตรประจำตัวประชาชน หรือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว พร้อมภาพถ่าย
4. สำเนาหรือภาพถ่ายสำเนาทะเบียนบ้าน หรือหนังสือรับรองถิ่นที่อยู่จากสถานทูต หรือหน่วยราชการ
5. รูปถ่ายขนาด 2.5 นิ้ว จำนวน 2 รูป (ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน)

ค่าธรรมเนียมในการทำใบอนุญาต
- การขอใบอนุญาตขับรถยนต์ชั่วคราว ฉบับละ 100 บาท
- การขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลหนึ่งปี ฉบับบละ 100 บาท
- การขอรับใบอนุญาตขับรถยนตืส่วนบุคคลตลอดชีพ ฉบับละ 1,000 บาท
- การขอรับใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศสำหรับรถยนต์ส่วนบุคคล ฉบับละ 500 บาท
หมายเหตุ ในการติดต่อยื่นคำเสียค่าธรรมเนียม ต้องเสียค่าข้อครั้งละ 5 บาท

จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 11 ม.ค. 50 01:22:29 ]






ความคิดเห็นที่ 74

74.สิ่งที่ผู้ขับขี่ควรทำการตรวจสภาพก่อนออกเดินทางไกล


- ระดับน้ำมันเครื่อง ให้ตรวจวัดหลังจากดับเครื่องยนต์ทิ้งไว้เป็นเวลา 2 นาที เพื่อให้น้ำมันเครื่องไหลลงด้านล่างของเครื่องยนต์ก่อน ดึงก้านวัดน้ำมันออกมาแล้วใช้ผ้าเช็ดคราบน้ำมันออกให้หมด แล้วเสียบก้านวัดน้ำมันเครื่องกลับเข้าที่จนสุด ดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออกมาอีกครั้งหนึ่งเพื่อตรวจดูระดับน้ำมันเครื่องบนปลายก้านวัด ระดับน้ำมันควรอยู่ระหว่างขีดล่างและขีดบน ถ้าระดับน้ำมันเครื่องอยู่ที่ขีดล่างหรือต่ำกว่า ให้เติมน้ำมันเครื่องชนิด และระดับความหนืดที่ระบุอยู่ในคู่มือผู้ใช้รถจนถึงระดับที่ขีดบน

-...ระดับน้ำระบายความร้อน ดูที่ถังสำรองขณะที่อุณหภูมิของเครื่องยนต์เท่ากับอุณหภูมิของอากาศปกติ ระดับน้ำระบายความร้อนในถังสำรองควรอยู่ระหว่างขีดล่างและขีดบน น้ำระบายความร้อนที่กล่าวถึงเป็นส่วนผสมระหว่างน้ำยารักษาหม้อน้ำ และน้ำเปล่าในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 ข้อสำคัญคือ อย่าเติมน้ำยารักษาหม้อน้ำหรือน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียว

-..อุปกรณ์ภายในห้องโดยสาร ควรตรวจยางขอบประตู และยางฝากระโปรงท้ายว่าอยู่ในสภาพดี และอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องหรือไม่ เพราะการที่ยางอยู่ในสภาพดีจะมีส่วนช่วยทำให้ไม่เกิดเสียงรบกวนขณะขับขี่ นอกจากนี้ยังป้องกันไม่ให้ฝุ่น และน้ำเข้ามาทำความเสียหายแก่ห้องสัมภาระอีกด้วย

-..ระดับน้ำมันเกียร์ (เกียร์อัตโนมัติ) ควรจอดรถในพื้นที่ที่ได้ระดับ เลื่อนคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง P จากนั้นดึงก้านวัดออก เช็ดทำความสะอาดก่อนเสียบเข้าตำแหน่งเดิม แล้วดึงเหล็กวัดออกมาใหม่ ระดับน้ำมันเกียร์ควรอยู่ระหว่างระดับสูงสุดและระดับต่ำสุด ควรใช้น้ำมันเกียร์ชนิดเดียวกับที่ระบุอยู่ในคู่มือผู้ใช้รถ

-...แบตเตอรี่ ตรวจดูขั้วสายไฟว่า สะอาดและแน่นดีหรือไม่ ตลอดทั้งตรวจระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่ให้อยู่ในระดับบนสุด

-...ยาง ตรวจแรงดันลมภายในยาง การเติมลมยางสำหรับรถเดินทางไกลนั้น ควรเติมให้มากกว่าปกติ 2-3 ปอนด์/ตารางนิ้ว ส่วนดอกยางนั้นควรมีความลึกไม่น้อยกว่า 1.6 มิลลิเมตร

-..สัญญาณไฟเตือน ตรวจเช็คดูว่าสว่างและดับตามปกติหรือไม่ ตลอดทั้งทดลองเปิดไฟดูทีละระบบ เช่น ไฟหน้า ไฟหรี่ ไฟต่ำ ไฟสูง ฯลฯ

จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 11 ม.ค. 50 01:22:58 ]






ความคิดเห็นที่ 75

75.เกียร์ Auto ใช้เป็นก็ทนทาน

เทคโนโลยีประดามีในรถยนต์ที่นับวันจะมีความก้าวหน้ามากขึ้นโดยเฉพาะกับรถกระบะ คนส่วนใหญ่ที่นิยมใช้รถประเภทนี้มักจะอยู่ตามต่างจังหวัดเรื่องความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยีคงไม่ต้องพูดถึง ทำให้บางทีเทคโนโลยีที่ว่าดีเมื่อใช้ไม่เป็นหรือไม่เข้าใจวิธีการใช้ที่ถูกต้อง จากจุดเด่นก็จะกลายเป็นจะด้อยทันที
เกียร์ออโตที่มีใช้อยู่ในรถยนต์นั้นมีพัฒนาการเช่นเดียวกับเครื่องยนต์ และรถยนต์เหมือนกัน การพัฒนาในเชิงของเมคคานิค หรือโครงสร้างภายในนั้นไม่ค่อยจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก เพราะเท่าที่ติดตามดูโครงสร้างภายในหลัก ๆ ก็ยังประกอบไปด้วยโครงสร้างเดิม ๆ อยู่ แต่ความก้าวหน้าทันสมัยมักจะพุ่งไปที่ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ให้สัมพันธ์กับการขับขี่มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความนุ่มนวลในการเปลี่ยนเกียร์ ความแม่นยำของตำแหน่งเกียร์และความยืดหยุ่นในการเปลี่ยนเกียร์ตามลักษณะการขับขี่หรือสภาพถนนที่รถวิ่งมักจะพูดกันติดปากว่าเกียร์ฉลาดขึ้นทำให้ลดความเข้าใจเก่า ๆ เกี่ยวกับเกียร์ออโตลงไป เช่น กินกำลังเครื่อง เปลืองน้ำมันเพราะความฉลาดของระบบควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ที่โปรแกรมมาเพื่อให้เกียร์ทำงานในแบบที่เหมาะสมกับสภาพการใช้งานทำให้บางทีลูกเล่นที่ใช้กับเกียร์ออโตที่คนรุ่นเก่า ๆ สอนกันมากใช้ไม่ได้ผลแต่กับในรถกระบะบ้านเรานั้นเกียร์ออโตที่ถูกนำมาใช้ยังไม่ฉลาดเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะออกแบบมาให้ฉลาดพอสมควร การปรับเซ็ทหรืออกแบบมาเพื่อใช้กับงานที่หนักไปทางบรรทุกในพิกัดบรรทุกที่รถคันนั้นถูกออกแบบมา ถ้าการใช้งานอยู่ในพิกัดที่ว่ามา เกียร์ก็จะทนแบบปกติ แต่ส่วนใหญ่การใช้รถกระบะของคนบ้านเรายังเป็นแบบ "จิปาถะ" และหนักไปทางแบบกัน "บักเอ้ก" หลังแอ่นกันไป ดังนั้นมันก็จะปฏิเสธไม่ได้ว่าความทนทานนานปีมันก็ต้องลดลงบ้าง สิ่งที่จะช่วยได้ก็อยู่ที่การใช้งานให้เป็น

จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 11 ม.ค. 50 01:23:19 ]


ความคิดเห็นที่ 71

71.เคล็ดลับขับปลอดภัย
1.ศึกษาเส้นทาง ควรศึกษาเส้นทางก่อนเดินทาง
2.พักผ่อนให้เพียงพอ
3.ตรวจสอบรถของคุณ เพื่อให้แน่ใจว่ารถของคุณพร้อมอยู่ในการใช้งาน
4.คาดเข็มขัดนิรภัย คุณควรคาดเข็มขัดนิรภัย ทุกครั้งที่ขับรถ ไม่ว่าระยะทางจะใกล้ไกลเพียงใด
5.เมาไม่ขับ อย่าขับรถ หากคุณดื่มสุรามา เพราะคุณอาจไม่สามารถควบคุมการขับขี่ได้ดีพอ
6.อย่าขับรถเมื่ออยู่ในอารมณ์ไม่ปกติเพราะหากอยู่ในอารมณ์ดังกล่าว จะทำให้สมาธิในการขับขี่ถดถอยลง
7.ควบคุมความเร็ว ข้อกำหนดเรื่องความเร็วบนทางหลวงเป็นสิ่งควรปฏิบัติตาม เพราะหากคุณ ขับรถเกินอัตราที่กำหนด อาจทำให้รถคุณเสียการทรงตัว และนำไปสู่อุบัติเหตุ
8.อย่าจี้ท้าย ควรเว้นระยะห่างจากรถคันข้างหน้าพอสมควร ระยะประมาณ 4 วินาทีก่อนประชิด จะทำให้คุณสามารถหลบหลีกได้ในกรณีฉุกเฉิน
9.แซงปลอดภัย หากคุณรู้สึกว่ารถคันข้างหน้าขับช้า คุณสามารถแซงได้ แต่ควรทำอย่าง ปลอดภัยโดยให้สัญญาณและเปลี่ยนเลนอย่างระมัดระวัง
10.ขับปลอดภัยกรณีฝนตก เมื่อฝนตก ไม่ควรขับเกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และให้เว้นระยะห่างก่อนประชิดรถคันหน้าประมาณ 6 วินาที เปิดไฟหน้าในกรณีที่ฝนตกหนัก เพื่อให้รถคันอื่นมองเห็นคุณ
11.คุยเรื่องสบายๆ การได้พูดคุยระหว่างเดินทางจะช่วยทำให้การเดินทางมีชีวิตชีวาขึ้น แต่เรื่องที่สนทนาควรเป็นเรื่องสบายๆ เรื่องเครียด หรือเรื่องหนักๆ อาจเบนความสนใจ ของผู้ขับจากการควบคุมรถมากเกินไป และไม่มีสมาธิในการขับขี่
12.พักเมื่อรู้สึกอ่อนเพลีย ถ้าคุณขับรถระยะทางยาวๆ พยายามอย่าขับติดต่อกันนาน เกินสอง ชั่วโมงเพราะจะทำให้รู้สึกอ่อนเพลียและสูญเสียสมาธิ หากรู้สึกเหนื่อย ให้หาที่จอดรถเพื่อพัก อาจเป็นจุดแวะพักที่ไหนสักแห่ง เพื่อให้คุณได้พักผ่อน หรือดื่มกาแฟสักแก้ว และเดินทางต่อ

จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 11 ม.ค. 50 01:21:08 ]






ความคิดเห็นที่ 72

72.การทำใบอนุญาตขับรถ

ใบอนุญาตใช้รถใช้ถนนมีอยู่ 3 ลักษณะคือ
1. ใบอนุญาตขับรถชั่วคราว
2. ใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล
3. ใบอนุญาตขับรถตลอดชีพ

คุณสมบัติของผู้ที่สามารถทำใบอนุญาตขับรถ
1. มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์
2. มีความรู้และความสามารถในการขับรถ
3. มีความรู้ในข้อบังคับการเดินรถตามพระราชบัญญัติรถยนต์ และตามกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก
4. ไม่เป็นผู้มีร่างกายพิการจนเป็นที่เห็นได้ว่าไม่สามารถขับรถได้
5. ไม่มีโรคประจำตัวที่ผุ้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเห็นว่าอาจเป็นอันตรายขณะขับรถ
6. ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือน
7. ไม่มีใบอนุญาตขับรถชนิดเดียวกันอยู่แล้ว
8. ไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างถูกยึดหรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ

หลักฐานที่ใช้ในการขอใบอนุญาตขับรถ
1. บัตรประจำตัวประชาชน บัตรอื่นที่ใช้แทนบัตรประจำตัวประชาชน หรือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว พร้อมภาพถ่าย
2. สำเนาหรือภาพถ่ายสำเนาทะเบียนบ้านหรือใบสำคัญถิ่นที่อยู่
3. ใบรับรองแพทย์
4. รูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว จำนวน 2 รูป (ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน)
5. ถ้ามีหลักฐานดังต่อไปนี้ให้นำมาด้วยพร้อมภาพถ่าย
- ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกหรือกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ทหาร
- ใบอนุญาตขับรถชนิดเดียวกับที่ขอรับใบอนุญาต ซึ่งรัฐบาลต่างประเทศออกให้ (พร้อมคำแปลภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษจากสถานทูต)
- ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ

กรณีเป็นชาวต่างประเทศและมีความประสงค์จะขอรับใบอนุญาตขับรถไทยจะต้องเตรียมหลักฐานดังต่อไปนี้
1. หนังสือเดินทาง และ VISA ประเภท NON-IMMIGRANT พร้อมภาพถ่าย
2. หนังสือรับรองถิ่นที่อยู่จากสถานทูต หรือหน่วยราชการ
3. ใบรับรองแพทย์
4. รูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว จำนวน 2 รูป (ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน)
5. ถ้ามีหลักฐานดังต่อไปนี้ให้นำมาด้วยพร้อมภาพถ่าย
- ใบอนุญาตขับรถชนิดเดียวกับที่ขอรับใบอนุญาต ซึ่งรัฐบาลต่างประเทศออกให้ (พร้อมคำแปลภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษจากสถานทูต)
- ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ

ขั้นตอนการทดสอบใบอนุญาตขับรถ
1. ทดสอบตาบอดสี
เป็นการทดสอบสายตาในการมองเห็นสีต่างๆ คือ สีเขียว สีเหลือง สีแดง โดยอาจเป็นการทดสอบจากเครื่องทดสอบ หรืออ่านแผ่นภาพทดสอบ
2. การสอบข้อเขียน
เป็นการทดสอบความรู้เกี่ยวกับข้อบังคับของการใช้รถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์และกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก ตามแต่ชนิดของใบขับขี้ที่เราขอในกรณีที่ผู้เข้ารับการทดสอบอ่านหนังสือไม่ได้ จะมีเจ้าหน้าที่อ่านข้อความให้ฟังแล้วผู้เข้ารับการทดสอบก็ทำเครื่องหมายด้วยตนเองในกระดาษคำตอบที่มีให้
3. การทดสอบภาคปฏิบัติ
ในการทดสอบปฏิบัติขับรถนั้นจะมีการทดสอบดังต่อไปนี้
- การเดินหน้า และหยุดรถเทียบทางเท้า
- การขับรถเดินหน้าและถอยหลังในทางตรง
- การขับรถถอยหลังเข้าจอด
- การกลับรถ
- การหยุดรถบนทางราบ
- การหยุดรถและออกรถบนทางลาด
- การขับรถโดยปฏิบัติตามเครื่องหมายจราจร
ในการปฏิบัติจริงการทดลงในแต่ละสถานที่อาจจะเลือกสอบเป็นบางอย่าง ตามความเหมาะสมของแต่ละสถานที่ แต่อย่างน้อยก็จะมีการให้ทดสอบจำนวน 3 อย่าง
ผู้ผ่านการทดสอบ จะได้รับใบอนุญาตขับรถชั่วคราว มีกำหนด 1 ปี จากนั้นจึงขอเปลี่ยนเป้นใบอนุญาตขับขี่รถส่วนบุคคล มีกำหนด 1 ปีเช่นกัน เมื่อครบกำหนดจึงมาขอเปลี่ยนเป็นใบอนุญาตขับขี่รถชนิดตลอดชีพได้ สำหรับชาวต่างชาติที่ไม่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวจะไม่ออกใบอนุญาตขับรถตลอดชีพให้
เมื่อใบอนุญาติขับรถชั่วคราวหรือส่วนบุคคลครบ 1 ปีแล้ว และมิได้นำมาต่อหรือเปลี่ยนประเภท หากขาดอายุเกิน 1 ปีจะต้องทดสอบสายตาและข้อเขียนใหม่ หากขาดอายุเกินไป 3 ปี จะต้องกำหนดการทดสอบใหม่หมดใบอนุญาตขับรถทั้ง 3 ชนิดเป็นใบอนุญาตที่ใช้สำหรับการขับรถในประเทศไทยเท่านั้น หากต้องการใบอนุญาตสำหรับการขับรถในต่างประเทศ ท่านจะต้องทำใบอนุญาตอีกแบบหนึ่ง คือ ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศสำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล

จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 11 ม.ค. 50 01:21:54 ]






ความคิดเห็นที่ 73

73. ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศสำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล
คุณสมบัติของผู้ขอใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ
1. ใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลหนึ่งปี หรือตลอดชีพ
2. หนังสือเดินทาง พร้อมภาพถ่าย
3. บัตรประจำตัวประชาชน บัตรอื่นที่ใช้แทนบัตรประจำตัวประชาชน หรือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว พร้อมภาพถ่าย
4. สำเนาหรือภาพถ่ายสำเนาทะเบียนบ้าน หรือหนังสือรับรองถิ่นที่อยู่จากสถานทูต หรือหน่วยราชการ
5. รูปถ่ายขนาด 2.5 นิ้ว จำนวน 2 รูป (ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน)

ค่าธรรมเนียมในการทำใบอนุญาต
- การขอใบอนุญาตขับรถยนต์ชั่วคราว ฉบับละ 100 บาท
- การขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลหนึ่งปี ฉบับบละ 100 บาท
- การขอรับใบอนุญาตขับรถยนตืส่วนบุคคลตลอดชีพ ฉบับละ 1,000 บาท
- การขอรับใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศสำหรับรถยนต์ส่วนบุคคล ฉบับละ 500 บาท
หมายเหตุ ในการติดต่อยื่นคำเสียค่าธรรมเนียม ต้องเสียค่าข้อครั้งละ 5 บาท

จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 11 ม.ค. 50 01:22:29 ]






ความคิดเห็นที่ 74

74.สิ่งที่ผู้ขับขี่ควรทำการตรวจสภาพก่อนออกเดินทางไกล


- ระดับน้ำมันเครื่อง ให้ตรวจวัดหลังจากดับเครื่องยนต์ทิ้งไว้เป็นเวลา 2 นาที เพื่อให้น้ำมันเครื่องไหลลงด้านล่างของเครื่องยนต์ก่อน ดึงก้านวัดน้ำมันออกมาแล้วใช้ผ้าเช็ดคราบน้ำมันออกให้หมด แล้วเสียบก้านวัดน้ำมันเครื่องกลับเข้าที่จนสุด ดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออกมาอีกครั้งหนึ่งเพื่อตรวจดูระดับน้ำมันเครื่องบนปลายก้านวัด ระดับน้ำมันควรอยู่ระหว่างขีดล่างและขีดบน ถ้าระดับน้ำมันเครื่องอยู่ที่ขีดล่างหรือต่ำกว่า ให้เติมน้ำมันเครื่องชนิด และระดับความหนืดที่ระบุอยู่ในคู่มือผู้ใช้รถจนถึงระดับที่ขีดบน

-...ระดับน้ำระบายความร้อน ดูที่ถังสำรองขณะที่อุณหภูมิของเครื่องยนต์เท่ากับอุณหภูมิของอากาศปกติ ระดับน้ำระบายความร้อนในถังสำรองควรอยู่ระหว่างขีดล่างและขีดบน น้ำระบายความร้อนที่กล่าวถึงเป็นส่วนผสมระหว่างน้ำยารักษาหม้อน้ำ และน้ำเปล่าในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 ข้อสำคัญคือ อย่าเติมน้ำยารักษาหม้อน้ำหรือน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียว

-..อุปกรณ์ภายในห้องโดยสาร ควรตรวจยางขอบประตู และยางฝากระโปรงท้ายว่าอยู่ในสภาพดี และอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องหรือไม่ เพราะการที่ยางอยู่ในสภาพดีจะมีส่วนช่วยทำให้ไม่เกิดเสียงรบกวนขณะขับขี่ นอกจากนี้ยังป้องกันไม่ให้ฝุ่น และน้ำเข้ามาทำความเสียหายแก่ห้องสัมภาระอีกด้วย

-..ระดับน้ำมันเกียร์ (เกียร์อัตโนมัติ) ควรจอดรถในพื้นที่ที่ได้ระดับ เลื่อนคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง P จากนั้นดึงก้านวัดออก เช็ดทำความสะอาดก่อนเสียบเข้าตำแหน่งเดิม แล้วดึงเหล็กวัดออกมาใหม่ ระดับน้ำมันเกียร์ควรอยู่ระหว่างระดับสูงสุดและระดับต่ำสุด ควรใช้น้ำมันเกียร์ชนิดเดียวกับที่ระบุอยู่ในคู่มือผู้ใช้รถ

-...แบตเตอรี่ ตรวจดูขั้วสายไฟว่า สะอาดและแน่นดีหรือไม่ ตลอดทั้งตรวจระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่ให้อยู่ในระดับบนสุด

-...ยาง ตรวจแรงดันลมภายในยาง การเติมลมยางสำหรับรถเดินทางไกลนั้น ควรเติมให้มากกว่าปกติ 2-3 ปอนด์/ตารางนิ้ว ส่วนดอกยางนั้นควรมีความลึกไม่น้อยกว่า 1.6 มิลลิเมตร

-..สัญญาณไฟเตือน ตรวจเช็คดูว่าสว่างและดับตามปกติหรือไม่ ตลอดทั้งทดลองเปิดไฟดูทีละระบบ เช่น ไฟหน้า ไฟหรี่ ไฟต่ำ ไฟสูง ฯลฯ

จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 11 ม.ค. 50 01:22:58 ]






ความคิดเห็นที่ 75

75.เกียร์ Auto ใช้เป็นก็ทนทาน

เทคโนโลยีประดามีในรถยนต์ที่นับวันจะมีความก้าวหน้ามากขึ้นโดยเฉพาะกับรถกระบะ คนส่วนใหญ่ที่นิยมใช้รถประเภทนี้มักจะอยู่ตามต่างจังหวัดเรื่องความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยีคงไม่ต้องพูดถึง ทำให้บางทีเทคโนโลยีที่ว่าดีเมื่อใช้ไม่เป็นหรือไม่เข้าใจวิธีการใช้ที่ถูกต้อง จากจุดเด่นก็จะกลายเป็นจะด้อยทันที
เกียร์ออโตที่มีใช้อยู่ในรถยนต์นั้นมีพัฒนาการเช่นเดียวกับเครื่องยนต์ และรถยนต์เหมือนกัน การพัฒนาในเชิงของเมคคานิค หรือโครงสร้างภายในนั้นไม่ค่อยจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก เพราะเท่าที่ติดตามดูโครงสร้างภายในหลัก ๆ ก็ยังประกอบไปด้วยโครงสร้างเดิม ๆ อยู่ แต่ความก้าวหน้าทันสมัยมักจะพุ่งไปที่ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ให้สัมพันธ์กับการขับขี่มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความนุ่มนวลในการเปลี่ยนเกียร์ ความแม่นยำของตำแหน่งเกียร์และความยืดหยุ่นในการเปลี่ยนเกียร์ตามลักษณะการขับขี่หรือสภาพถนนที่รถวิ่งมักจะพูดกันติดปากว่าเกียร์ฉลาดขึ้นทำให้ลดความเข้าใจเก่า ๆ เกี่ยวกับเกียร์ออโตลงไป เช่น กินกำลังเครื่อง เปลืองน้ำมันเพราะความฉลาดของระบบควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ที่โปรแกรมมาเพื่อให้เกียร์ทำงานในแบบที่เหมาะสมกับสภาพการใช้งานทำให้บางทีลูกเล่นที่ใช้กับเกียร์ออโตที่คนรุ่นเก่า ๆ สอนกันมากใช้ไม่ได้ผลแต่กับในรถกระบะบ้านเรานั้นเกียร์ออโตที่ถูกนำมาใช้ยังไม่ฉลาดเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะออกแบบมาให้ฉลาดพอสมควร การปรับเซ็ทหรืออกแบบมาเพื่อใช้กับงานที่หนักไปทางบรรทุกในพิกัดบรรทุกที่รถคันนั้นถูกออกแบบมา ถ้าการใช้งานอยู่ในพิกัดที่ว่ามา เกียร์ก็จะทนแบบปกติ แต่ส่วนใหญ่การใช้รถกระบะของคนบ้านเรายังเป็นแบบ "จิปาถะ" และหนักไปทางแบบกัน "บักเอ้ก" หลังแอ่นกันไป ดังนั้นมันก็จะปฏิเสธไม่ได้ว่าความทนทานนานปีมันก็ต้องลดลงบ้าง สิ่งที่จะช่วยได้ก็อยู่ที่การใช้งานให้เป็น

จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 11 ม.ค. 50 01:23:19 ]









Create Date : 13 มกราคม 2550
Last Update : 13 มกราคม 2550 1:05:15 น. 3 comments
Counter : 331 Pageviews.

 




ตามมาอ่านด้วยคนน่ะค่ะ

มีความสุขมาก ๆ น่ะค่ะ



โดย: icebridy วันที่: 13 มกราคม 2550 เวลา:8:01:00 น.  

 
รีนะเเรเร


โดย: นาย IP: 125.24.128.52 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:12:00:26 น.  

 
เกดเพฟกพี่ฟคตขิหดบย้ล
ๆพ่หดเเดพ



โดย: ภภพไภถพะ IP: 202.143.136.18 วันที่: 24 มิถุนายน 2551 เวลา:7:32:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

บั้งไฟลาว
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมครับ

[Add บั้งไฟลาว's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com pantip.com pantipmarket.com pantown.com