บั้งไฟลาวกับสาวๆตากลม
<<
ธันวาคม 2549
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
15 ธันวาคม 2549
 
 
100 เหตุการณ์ฉุกเฉิน ...สำหรับมือใหม่

1.เมื่อรถสตาร์ทไม่ติด
คือต้องหาสายแบตเตอรี่มาพ่วงแบตเตอรี่โดยเอาสายสีแดงมาคีบทีขั้วบวกของรถคันที่มาช่วยและสายสีดำมา คีบที่ขั้วลบแล้วก็นำมาคีบกับขั้วแบตของรถคันที่เสียทั้วบวกและลบ แล้วเร่งเครื่องยนต์ของรถที่มาช่วยให้อยู่ที่ประมาณ1,500นอบต่อนาที แล้วก็ไปบิดกุญแจของรถคันที่เสียเปิดทิ้งไว้ซักครึ่ง นาที แล้วค่อยสตาร์ทเครื่องยนต์...ปล่อยให้เดินฟรีอยู่ประ มาณ2นาทีแล้วค่อยปลดขั้วแบตเตอรี่ขั้วลบรถที่มาช่วยแล้วก็ปลด ขั้วลบของรถที่เสีย แล้วก็ปลดขั้วบวกรถที่มาช่วย แล้วจึงปลดขั้วบวกรถที่เสีย


2.การต่อพ่วงแบตเตอรี่ฉุกเฉิน . ต่อขั้วบวก (+) ของสายพ่วงเส้นที่ 1 เข้ากับขั้วบวก (+) ของแบตเตอรี่ ลูกที่ไฟหมด ต่อขั้วอีกข้างหนึ่งของสายพ่วงเส้นที่ 1 เข้ากับขั้วบวก (+) ของแบตเตอรี่ ลูกที่ดี ต่อขั้วลบ (-) ของสายพ่วงเส้นที่ 2 เข้ากับขั้วลบ (-) ของแบตเตอรี่ลูกที่ดี ต่อขั้วอีกข้างหนึ่งของสายพ่วงเส้นที่ 2 เข้ากับโครงรถคันที่แบตเตอรี่ไฟหมด เมื่อสตาร์ทรถยนต์คันที่ไฟหมด ติดแล้ว จึงค่อยถอดสายพ่วงแบตเตอรี่ทวนตามลำดับ


3.หากรู้ตัวว่าลืมปิดไฟหน้า เมื่อจอดรถยนต์ทิ้งไว้เป็นเวลานาน ไม่ควรรีบสตาร์ต เครื่องยนต์ทันที ควรปิดไฟแล้วรอให้แบตเตอรี่เก็บประจุ ประมาณ 5-10 นาที แล้วจึงทดลองสตาร์ต ถ้าสตาร์ต 2-3 ครั้งแล้วเครื่องยนต์ยังไม่ติด ไม่ควรพยายาม สตาร์ตต่อ ที่สำคัญ ไม่ควรบิดกุญแจค้างไว้นานเกินไปในช่วงที่สตาร์ต เพราะอาจ ทำให้ไดสตาร์ตเสียหายได้


4.การลากรถ
เมื่อจำเป็นต้องลากรถ ควรหาวัสดุที่ทนทานต่อแรงฉีกขาด เช่นใช้เชือก สำหรับลากรถ ด้านหนึ่ง ผูกเข้ากับ ท้ายรถที่ทำหน้าที่ลาก ไม่ควรผูกเชือก ไว้กับกันชน แต่ควรผูกยึดไว้กับส่วนที่แข็งแรง ของชิ้นส่วนโครงรถ หรือผูกไว้กับโลหะ เฉพาะที่ทำเป็นตะขอยึดเกี่ยวกับเชือกลากรถ ทางด้านรถที่ถูกลาก ควรผูกเชือกไว้กับ เหล็กตะขอ ที่ทำสำหรับไว้ลากรถโดยตรง หรือผูกยึดติดกับส่วนสำคัญของโครงรถเช่นกัน

5.การลากรถเกียร์ออโต้ เมื่อสตาร์ทไม่ติด แต่ถ้าสตาร์ทไม่ติดเลยเลยขยับไม่ได้ต้องใช้รถอื่นมาล ากก็ทำได้โดยถอดเพลาขับออกหรือลากด้วยความเร็วไม่เกิน50กม.ต่อชม.ไปได้ซัก20โลก็พักซะครึ่งชม.พอให้น้ำมันเกียร์หายร้อ นหรือก่อนจะลากเติมน้ำมันเกียร์เข้าไปเพิ่มก็ได้ แต่วิธีการที่ดีที่สุดคือการยกให้ลอย...คือถ้าขับเคล ื่อนล้อหน้ายกหน้า ขับเคลื่อนล้อหลังยกล้อหลังแต่จริงๆถ้าขับเคลื่อนล้อ หลังยกหน้าก็ทำได้แต่อย่าให้เกียร์ออโต้หมุนตามล้อที ่ถูกลากไปเป็นพอ

6. สำหรับรถยนต์เกียร์อัตโนมัติ ควรติดต่อบริษัทลากรถ มาทำการลากรถดีกว่า เนื่องจาก บริษัทลากรถ จะมีอุปกรณ์ยกล้อ ให้ลอยเหนือพื้น และไม่ต้องใช้เชือกลาก สามารถลากรถไปด้วยความเร็ว มากขึ้นได้ เนื่องจากรถที่ใช้ชุดเกียร์อัตโนมัติ จะใช้น้ำมันเกียร์อัตโนมัติ ทำให้เกิดการขับเคลื่อน เมื่อเครื่องยนต์ไม่ทำงาน น้ำมันเกียร์อัตโนมัติ จะไม่หมุนเวียน หากลากรถไป ในระยะทางไกลๆ จะเกิดความเสียหาย กับชุดเกียร์ได้

7.ทำยังไงดี เมื่อลืมกุญแจไว้ในรถ
หากคุณเก็บกุญแจรีโมทสำรองไว้ที่บ้าน...ลองใช้มือถือโทรหาคนที่บ้านให้ไปเอารีโมทสำรองนั้น
มาใกล้ๆที่หูโทรศัพท์ระหว่างที่คุณ ก็นำมือถือของคุณ อยู่ในระยะห่างจาก ประตูรถ ประมาณ 1 ฟุต แล้วให้ คนทางบ้าน ลองกดรีโมท เพื่อ Unlock ดู...เหลือเชื่อ...มันทำได้ ประตูรถ Unlock ออกได้เป็น เรื่องจริงที่ยังไม่มีการพิสูจน์ แต่ใช้ได้ผลกับคนบางคนซึ่งก็ไม่ได้ระบุชัดเจนว่า เป็น กุญแจรี โมทประเภทใด ซึ่งเขาได้ทดลองอยู่หลายๆครั้งสามารถใช้การได้ดีระยะทางไม่ใช่ปัญหาเลย เพียงมี มือถือเท่านั้น

8.รถเสีย
ทันทีที่รถเสียหลายคนรีบเปิดไฟฉุกเฉินแล้วงงต่ออยู่พักใหญ่ โดยไม่สนใจว่าจะกีดขวางการจราจรแค่ไหน มีคนลำบากเพิ่มขึ้น แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ซ่อมไม่เป็น แต่อยากให้เข้าใจสถานะการณ์รอบข้างหน่อยว่า จะสามารถเข็นรถเลื่อนหลบไปข้างทางหรือซอยข้างทางได้ หากเส้นทางพอจะเปิดโอกาสให้เข็นรถหลบ ไปได้ ก็ควรรีบทำ ก่อนที่จะโทรศัพท์ติดต่อใคร ดีกว่าจอดกลางถนนลำบาก ผู้ร่วมทางและเสี่ยงต่อการถูกชน เสียหายทั้งผู้อื่น และตนเอง

9. รถเสียระวังเสียรถ เมื่อรถคุณเกิดเสียกลางทางแล้วมีอาสาสมัครเสนอตัวให้ความช่วยเหลือ หากคุณไม่แน่ใจพฤติกรรมอย่าลงจากรถเด็ดขาด ให้ลดกระจกลงเล็กน้อยแล้วพูดผ่านกระจก ล็อคประตูไว้ วานให้ช่วยไปโทรศัพท์หาผู้ที่คุณต้องการจะติดต่อด้วยจะดีที่สุด


10.รถชน
-เปิดไฟฉุกเฉินเพื่อเตือนผู้ร่วมเส้นทาง ก่อน ลงจากรถควรดูถึงความปลอดภัยของคนเป็นสำคัญ ไม่ใช่รีบร้อนจนถูกรถคันอื่นชนซ้ำ
- เจรจาอย่างปกติ ถ้าคู่กรณีไม่ได้กวนอารมณ์มาก หรือขับมาด้วยความระห่ำจริงๆ ควร เริ่มต้นการเจรจาและต่อเนื่องไปด้วยความใจ เย็นไม่ดุด่าว่ากล่าวกัน เพราะไม่มีประโยชน์ใดๆ
- เคลื่อนย้ายรถหลบได้ก็ดี หากบังเอิญว่าเหตุการณ์มีความชัดเจนถึงฝ่ายถูกฝ่ายผิดและฝ่ายผิดยอมรับ หากรถจอดกีดขวางการจราจร หรือเสี่ยงต่อการถูกชนซ้ำ ก็ควรรีบเคลื่อนรถหลบ ไปยังริมถนนหรือที่ปลอดภัยใกล้ๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วการจอดคากลางถนนยังไงก็ต้องเกะกะหรือเสี่ยงบ้างไม่มากก็น้อย
- ไม่บ่นไร้สาระตลอดการเจรจาเข้าใจว่าย่อม มีความเซ็งเกิดขึ้นในใจ แต่การบ่นอาจจะทำให้อารมณ์ของทั้ง 2ฝ่ายเสียยิ่งขึ้นไปอีก


11.รถชน!!!.....อย่าตกใจ-ทำอย่างไรดี
- ถ้าเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ควรช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ ตามสมควรและเราจะต้องแสดงตัวเป็นพลเมืองดีโดยยินดีที่จะเป็นพยานในคดีให้
- ถ้าท่านเป็นคนเจ็บเพราะรถชน ท่านยังสามารถพูดได้ก็ขอให้บอกว่าเจ็บที่ตรงส่วนใดเพื่อจะได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ส่วนเรื่องคดีนั้นเอาไว้พิจารณาทีหลัง หากเราบาดเจ็บเล็กน้อยและไม่มีพยานในที่เกิดเหตุเราควรจดทะเบียนรถไว้ เผื่อไปเรียกร้องค่าเสียหายที่หลัง
- ถ้าท่านเป็นผู้ขับ กรณีนี้อย่าหนีเป็นอันขาดเพราะความผิดฐานขับรถประมาทนั้นไม่ใช่เรื่องเจตนา ผู้กระทำผิดไม่ใช่อาชญากร โทษก็ไม่มากมายอะไรควรจะอยู่เพื่อต่อสู้กับความจริง
- ถ้ารถท่านมีประกันก็ต้องรีบแจ้งต่อบริษัทประกันทันที
- ถ้ามีกล้องถ่ายรูปต้องรีบถ่ายรูปรถไว้ทันที
-ควรช่วยเหลือคนเจ็บ หรือค่าทำศพของผู้เสียชีวิต

12.รถคุณถูกติดตามจะทำอย่างไร
กรณีสังเกตรู้ว่า มีผู้ขับรถ ติดตาม รถท่านให้สันนิษฐานว่า เป็นคนร้าย ไว้ก่อน เพราะอาจ ตามไป ฉวยโอกาส ขโมยรถ เมื่อท่านจอดรถ ทิ้งไว้ ในที่ไม่ปลอดภัยหรือ อาจประทุษ ร้ายต่อ ชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของท่าน ดังนั้น เมื่อรู้ว่า ถูกติดตาม จึงควรป้องกัน โดยพยายาม ขับรถ เข้าไปใน เขตชุมชน ขอความ ช่วยเหลือ และแจ้งเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ที่ใกล้ที่สุด โดยด่วน

13. โกรธและหงุดหงิดอย่าขับรถเด็ดขาด อารมณ์โกรธและหงุดหงิด มีผลเสียอย่างยิ่งต่อการใช้รถใช้ถนน ความกดดันทางอารมณ์จะทำให้มีผลต่อเนื่องไปยังผู้ขับขี่รถคนอื่น และนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุครั้งร้ายแรงได้ อย่าตอบโต้กับผู้ขับขี่รายอื่นหากคุณอารมณ์เสียเนื่องจากผู้ขับขี่รถคันอื่นต้องพยายามเก็บกดอารมณ์ไม่ตอบโต้ การตอบโต้จะทำให้เกิดผลร้ายต่อเนื่องอย่างน้อยจะทำให้เราขาดสมาธิขาดการสังเกต สุดท้ายก็ลงเอยด้วยอุบัติเหตุ เป็นไปได้น่าจะจอดรถสงบสติอารมณ์สักครู่

14. ถูกจี้ท้ายและเตือนด้วยไฟสูงต่ำหลายคนคงเคยเจอนักเลงกลางถนน โดยขับขี่อยู่ ดี ๆ ก็มีรถคันอื่นมาจี้ท้ายแถมใช้ไฟสูงต่ำยิงใส่ท้ายรถอย่าตกใจและห้ามตอบโต้เด็ดขาด เพียงแต่ค่อย ๆ เปลี่ยนช่องจราจรไปทางซ้าย เพื่อให้เกิดช่องว่างให้รถคันหลังผ่านไปได้

15.เบรกแตก
ในขณะขับรถ ถ้าเกิดเบรกแตกขึ้นมา ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติดังนี้
• ควบคุมสติให้ดี อย่าตกใจ
• มือทั้งสองข้างจะต้องจับพวกมาลัยอย่างมั่นคง
• ให้ย้ำเบรกแรง ๆ และ บ่อย ๆ เพราะอาจทำให้เบรกมีกำลังดีขึ้น ถ้าเบรกเสียและข้างหน้าไม่มีรถกีดขวาง ให้ลดความเร็วโดยใช้เกียร์ช่วย เช่น ลดจากเกียร์ 4 มาเกียร์ 3 เกียร์ 2 และเกียร์ 1 ตามลำดับ
• ค่อย ๆ ดึงเบรกมือเพื่อหยุดรถ อย่าดึงแรงเกินไปเพราะจะทำให้รถหมุน
• ควรใช้แตรหรือสัญญาณไฟฉุกเฉินเตือนรถคันอื่น เพื่อให้เขาทราบว่ารถของคุณกำลังผิดปกติ
• ถ้าหากเบรกแตกเกิดขึ้นในขณะขึ้นเขาหรือลงเขา ให้ใช้สิ่งกีดขวางข้างทางเพื่อหยุดรถ


16.เมื่อเบรคไม่อยู่
ผู้ขับขี่ ต้องอย่าตกใจ และควบคุมสติให้อยู่ พยายาม ลดความเร็วลง โดยถอนคันเร่ง ออกจากปลายเท้า แล้วลดเกียร์ลงมาใช้เกียร์ต่ำ เช่น เกียร์ 5,4,3,2,1 ตามลำดับ อย่าพยายามข้ามเกียร์ เช่น จากเกียร์ 4 มาเป็นเกียร์ 1 เพราะจะเกิดอันตรายได้ เมื่อสามารถชะลอความเร็วลงมา จนถึงระดับ เกียร์ 1 ได้ จนถึงจุดที่ รถวิ่งด้วยความเร็วต่ำแล้ว ให้ใช้เบรคมือช่วยเบรค ในระหว่างชะลอความเร็วลงมา ควรควบคุมสติ ให้มั่นคง และให้สัญญาณเสียง เปิดไฟฉุกเฉิน หรือให้สัญญาณ ด้วยวิธีใดๆ เพื่อให้รถคันอื่นรู้ว่า รถเรากำลังเกิดเหตุฉุกเฉิน เมื่อจอดรถเข้าข้างทาง โดยปลอดภัยแล้ว ควรติดต่อช่างมาตรวจสอบระบบเบรกต่อไป


17.เบรกจม อุบัติเหตุบางครั้งเกิดจากการที่อยู่ดี ๆ คันเบรกก็จมซึ่งทำให้การหยุดรถทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร เป็นเช่นนี้ให้ลดความเร็วลงค่อย ๆ ปั๊มเบรกสองสามครั้งเพื่อให้ความร้อนไปไล่ฟองอากาศและความชื้น จากนั้นจึงค่อย ๆ ขับไปด้วยควมเร็วเป็นปกติ

18. เบรกเสียกะทันหัน เบรกที่ถูกใช้มากในบางกรณี อาจทำให้เสียหรือผ้าเบรกสึก มีผลให้รถเบรคไม่ค่อยอยู่ วิธีแก้ไขคือ ให้จอดรถชั่วคราว เพื่อให้เบรกพักการทำงานระยะหนึ่ง


19. การเบรก ต้ อ ง ส น ใ จ ร ถ ย น ต์ ที่ ต า ม ม า ด้ วย
ไม่ใช่เฉพาะเป็นการรักษามารยาท แต่เป็นการเพิ่มความปลอดภัยของตนเองด้วยการเบรก ก่อนการเบรกควรเหลือบ มองกระจกมองหลัง เพื่อจะได้ตัดสินใจกดแป้นเบรกด้วยน้ำหนักและจังหวะที ่เหมาะสมเพื่อมารยาท ผู้ขับรถยนต์คันหลัง ไม่ต้องเบรกจนตัวโก่ง และไม่เสี่ยงต่อการเสียโฉมของบั้นท้ายรถยนต์ของตน การเบรกมิใช่ต้องสนใจแต่เพียงด้านหน้าเท่านั้น ด้านหลังก็ต้องสนใจทั้งความปลอดภัยและมารยาท

20.ยางระเบิด
เมื่อยางรถระเบิดขณะขับ รถยางระเบิดในขณะขับรถ. มือทั้งสองต้องจับอยู่ที่พวงมาลัยอย่างมั่นคงแล้ว ถอนคันเร่งออกเบาๆ ควบคุมสติให้ดีอย่าตกใจมองกระจกหลังเพื่อให้ทราบว่ามีรถใดตามมาบ้าง แตะเบรกอย่างแผ่วเบาและถี่ๆ อย่าแตะแรงเป็นอันขาด เพราะจะทำให้รถหมุน ห้าม เหยียบคลัตช์โดยเด็ดขาดเพราะถ้าเหยียบคลัตช์รถจะไม่เกาะถนนรถจะลอยตัวและจะทำให้บังคับรถได้ยากยิ่งขึ้น อาจเสียหลัก เพราะการเหยียบคลัตช์เป็นการตัดแรงบิดของเครื่องยนต์ให้ขาดจากเพลา ห้ามดึงเบรกมืออย่างเด็ดขาด จะทำให้รถหมุน เมื่อความเร็วรถลดลงพอประมาณแล้วให้ยกเลี้ยวสัญญาณเข้าข้างทางซ้ายมือ เมื่อความเร็วลดลงระดับควบคุมได้ ให้เปลี่ยนเกียร์ต่ำลงและหยุดรถ ในรถที่มีการขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง หากยางล้อหน้าแตก ใช้การลดเกียร์ต่ำช่วยลดความเร็วได้บ้าง แต่หากเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนล้อหน้า นั้น ให้เตะเบรกเพียงเบาๆ เท่านั้น เพราะถ้าหากใช้วิธีลดเกียร์ต่ำช่วยล้อหน้า อาจจกระตุกจนเสียการทรงตัวได้


21.กรณีที่ยางเกิดแบนขณะที่รถวิ่งอยู่ และรถเกิดอาการผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด เช่น มีการทรงตัวแย่ลง อัตราการเร่งอืด หรือพวงมาลัยดึงไปด้านใดด้านหนึ่ง ไม่ควรตกใจหรือเหยียบเบรคโดยกะทันหัน แต่ควรมีสติและพยายามบังคับพวงมาลัยให้มั่นคง แตะเบรกช้าๆ และเบาที่สุด จนกระทั่งรถหยุดเอง

22.ยางบวม
ขณะที่คุณขับรถอยู่ ถ้าปรากฏว่าพวงมาลัยเริ่มสั่นสะเทือนผิดปกติและบังคับรถได้ยากโดยเฉพาะในขณะเลี้ยว ทั้ง ๆที่ไม่มีปัญหาเรื่องถ่วงล้อและศูนย์ล้อหน้าก็เป็นปกติ ลูกหมากไม่หลวม ขณะขับมาตอนแรก ๆ พวงมาลัยไม่สั่น อาการนี้เป็นสิ่งบอกเหตุว่ายางรถยนต์เริ่มบวมพร้อมที่จะระเบิดแล้ว ควรไม่สั่น อาการนี้เป็นสิ่งบอกเหตุว่ายางรถยนต์เริ่มบวมพร้อมที่จะระเบิดแล้ว ควรชะลอความเร็วและจอดรถในบริเวณที่ปลอดภัย ลงจากรถ แล้วรีบตรวจสภาพยางทันที ซึ่งโดยส่วนมากจะพบว่ายางร้อนจัดและบวมเนื่องจากเสื่อมสภาพ

23.หากยางรถยนต์เกิดรั่วและแบนขณะที่คุณขับรถอยู่บนท้อง ถนน คุณไม่ควรขับรถ บดยางไปเป็นระยะทางไกลๆ โดยเด็ดขาด เพราะขอบกระทะล้อจะกดลงบน แก้มยางจนทำให้แก้มยางเสีย คุณควรจะจอดรถเพื่อเปลี่ยนยางอะไหล่ก่อน

24ควรมีโฟมสเปรย์ติดรถไว้ เพราะหากไม่สามารถเปลี่ยนยางอะไหล่ได้ หรือรอยรั่วไม่ใหญ่นัก ก็ให้นำโฟมาสเปรย์มาฉีดเพื่ออุดรอยรั่วของยางไว้จน หมดกระป๋อง จากนั้นขับไปอย่างช้าๆ จนถึงร้านปะยางที่ใกล้ที่สุดเพื่อปะ หรือ เปลี่ยนยาง และอย่าลืมล้างโฟมสเปรย์ก่อนทำการปะยางด้วย เพราะหากทิ้งไว้ อาจทำให้น้ำหนักของล้อและยางไม่สมดุล อีกทั้งโฟมสเปรย์บางชนิดอาจมีฤทธิ์ ต่อเนื้อยางได้ หาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป



25. ยางโดนตะปูเจาะ ประการแรกให้เปลี่ยนยางอะไหล่ทันที ถ้าไม่มียางอะไหล่ สำรวจยางเส้นนั้นว่ามียางในหรือไม่ ประการสำคัญไม่ควรดึงตะปูออกก่อนจะทำให้เวลาขับเคลื่อนรถ ยางจะแตก ระเบิดได้ควรขับออกไปช้า ๆ อย่างระมัดระวังประคับประคองให้ไปถึงอู่หรือปั๊ม ทำการปะให้เรียบร้อย



26. ยางอะไหล่ต้องพร้อมเสมอ รถเกือบทุกคันก็มักมียางอะไหล่ติดไว้เสมอ อย่าลืมที่จะตรวจสอบสภาพของยางอะไหล่บ้าง เป็นต้นว่าลมยางต้องมีความดันมาตรฐานเสมอ ไม่อ่อนจนเกินไป เพราะหากเกิดฉุกเฉินขึ้นมา ยางอะไหล่รั่วหรือแตก สถานการณ์จะเลวร้ายไปกันใหญ่


27.เมื่อรถตกน้ำในกรณีที่รถเกิดอุบัติเหตุแล้วตกลงไปในแม่น้ำลำคลองใดๆก็ตาม รถจะไม่ตกลงไปในน้ำแล้วจมทันที เหมือนหิน ตกน้ำแต่จะค่อยๆ จมลงทีละน้อยๆจนกว่าจะถึงพื้นล่างและในนาทีวิกฤตนี้ควรตั้งสติให้ดีและ ปลด SAFETY BELT ออกทุกๆคนรวมทั้งผู้โดยสารด้วย อย่าออกแรงใดๆเพื่อสงวนการใช้อากาศหายใจซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนจำกัด ให้ยกส่วนศีรษะให้สูงเหนือระดับน้ำที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นในรถ ปลดล็อกประตูรถทุกบาน. หมุนกระจกให้น้ำไหลเข้าในรถเพื่อปรับความดัน!ในรถและนอกรถให้เท่ากันมิฉะนั้นท่านจะเปิดประตูรถไม่ออกเพราะน้ำจากภายนอกตัวรถจะดันประตูไว้.เมื่อความดันใกล้เคียงกันแล้วให้ผลักบานประตูออกให้กว้างสุดแล้วท่านก็ออกจากห้องโดยสารของรถได้ .จากนั้นท่านอาจจะปล่อยตัวให้ลอยขึ้นเหนือน้ำตามธรรมชาติหรือจะว่ายน้ำขึ้นมาก็ได้ กรณีเช่นนี้ควรปล่อยตัวให้ลอยขึ้นตามธรรมชาติหรือลองเป่าปากดูว่าฟองอากาศลอยไปในทิศทางใดให้ว่ายน้ำไปในทิศทางที่ฟองอากาศลอยไปก็จะไม่มีอาการ หลงน้ำ นอกจากนั้น ก่อนออกจากรถหากท่านมีผู้โดยสารที่เป็นเด็กๆ อาจจะหนีบเด็กๆนั้นออกมากับท่านได้อีกหนึ่งคน


28.เมื่อกระจกบังลมหน้าแตก
เมื่อกระจกเริ่มแตก จะเกิดร้อยร้าวขึ้นที่บริเวณที่ถูกสิ่งของตกกระทบ หากเป็นกระจกชนิดเทมเพลท จะเกิดรอยร้าว ลุกลาม ระบาด จากจุดตกกระทบของสิ่งของ ค่อยๆ ลามออกไปรอบๆ จนหมดทั้งแผ่น หากผู้ขับขี่ กำลังใช้ความเร็วอยู่ อย่าตกใจ ให้ชะลอความเร็วลง และจอดเข้าข้างทาง ในที่ๆ ปลอดภัย จากนั้น หาผ้า หรือวัสดุ แผ่นกว้าง มารองด้านในห้องโดยสาร จากนั้น ให้ใช้อุปกรณ์ เช่นเครื่องมือติดรถ มาเคาะที่กระจกด้านนอก เพื่อให้กระจก ที่เป็นรอยร้าวอยู่นั้น ตกลงบนแผ่นที่รองไว้ ควรระวัง เศษกระจก กระเด็น ถูกผิวหนัง หรือเข้าตา ต้องระมัดระวังให้มาก เมื่อเคาะเศษกระจกออกหมดแล้ว โดยเฉพาะฝั่งบริเวณผู้ขับขี่ ต้องพยายาม อย่าให้เหลือเศษกระจก เกาะอยู่ตามขอบ นำเศษกระจกที่หลุดร่วมออกมา เป็นชิ้นเล็กๆ เหล่านั้นทิ้งไป แล้วเดินทางต่อไปยัง ศูนย์บริการเปลี่ยนกระจก ระหว่างขับขี่ ควรระวัง เศษกระจก ที่อาจเกาะติดอยู่ บริเวณขอบโครงกระจก จะหลุดร่วม กระเด็นเข้าร่างกาย และหน้าตา ไม่ควรขับขี่ด้วยความเร็วสูงมาก


29.เมื่อความร้อนขึ้นสูง (Over heat)
เมื่อเข็มอุณหภูมิบนหน้าปัดสูงผิดปกติ จนใกล้หรือเข้าขีดแดง เครื่องยนต์รถของคุณกำลังร้อนจัด อาการเครื่องยนต์อาจกำลังตก คุณควรตั้งสติให้ดี เมื่อเกิดเหตุการณ์ความร้อนบนเกจวัดอุณหภูมิขึ้นสูง ควรชะลอความเร็ว รีบปิดแอร์-วิทยุ เปิดกระจก ดูอาการสักพักว่าเป็นอย่างไร ความร้อนลดลงหรือไม่ (ถ้าร้อนจัดจนไอน้ำพุ่งออกมาจากหม้อน้ำ ต้องชะลอรถจอดอย่างเดียว)ปลดเกียร์ว่าง ปล่อยให้เครื่องยนต์เดินเบาสักครู่จึงดับเครื่อง รอจนกว่าเครื่องจะเย็นลง หาเศษผ้าขนาดอุ้งมือ ค่อยๆ เปิดฝาหม้อน้ำ ค่อยๆ ปิดเกลียวฝาหม้อน้ำ เปิดออกอย่างช้าๆ เมื่อแน่ใจว่า ไม่มีน้ำร้อนพุ่งออกมาแล้ว ค่อยเปิดฝาหม้อน้ำออกให้หมด แล้วหาน้ำสะอาด มาเติมให้เต็ม ปิดฝาหม้อน้ำ แล้วเดินทางต่อ พยายามสังเกต เกจวัดอุณหภูมิ หากขึ้นสูง ให้รีบจอดพักข้างทาง แล้วใช้วิธีการเดิม หลังจากนั้น ควรให้ช่างตรวจเช็คความผิดปกติ ของระบบระบายความร้อนต่อไป

30. ไฟไหม้รถ
ก่อนนำรถออกใช้งานคุณควรจะตรวจสภาพรถทุกครั้ง ถ้าคุณไม่มีเวลาจริง ๆ ก็ควรตรวจอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ก็ยังดี หรือไม่ในขณะขับก็ขอให้ตรวจมาตรวัดและไฟเตือนต่าง ๆ ที่แผงหน้าปัดตลอดเวลาก็พอจะช่วยได้ โดยเฉพาะรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปีขึ้นไป
ถ้าในขณะขับรถเกิดไฟไหม้ขึ้นมา ผู้ขับขี่บางท่านอาจตกใจจนออกจากประตูรถไม่ได้ ทำให้ต้องเสียชีวิตภายในรถก็เคยมีมาแล้ว
ขณะขับรถจะได้กลิ่นเหมือนยางไหม้ เมื่อคุณได้กลิ่นดังกล่าว ควรจอดรถในที่ที่ปลอดภัย และทำการตรวจทันทีว่าเกิดจากจุดไหน อย่าขับรถต่อไปโดยเด็ดขาด
ควรหาเครื่องดับเพลิงขนาดเล็กติดไว้ในรถยนต์ด้วย เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน จะได้หยิบมาใช้ได้ทันท่วงที


31.หม้อน้ำรั่วกะทันหัน การแก้ไขหม้อน้ำรั่วแบบชั่วคราว โดยการหาอะไรก็ได้มาอุดรอยรั่วไม่ให้น้ำรั่วซึมออกมา โดยใช้คลั่ง ดินน้ำมันหรือหมากฝรั่งที่เราเคี้ยวแล้วก็ได้หรืออาจจะใช้สบู่หรือเทียนไขในกรณีที่หาไม่ได้แล้วรีบนำรถเข้าอู่ซ่อมทันที

32. ท่อไอเสียชำรุด มักเกิดขึ้นบ่อย ๆ เมื่อออกรถไปได้ขณะหนึ่ง แล้วท่อไอเสียขาดครูดไปกับท้องถนนต้องซ่อมเดี๋ยวนั้นโดยผูกมัดด้วยลวดให้ใช้งานได้ชั่วคราวก่อน อย่าใช้เชือกผูกเด็ดขาด เพราะความร้อนจะทำให้เชือกขาดอีกครั้ง

33.น้ำมันท่วม รถที่จอดนิ่งอยู่สตาร์ทหลายทีก็ไม่ติด แถมยังได้กลิ่นฉุนของน้ำมันแสดงว่าน้ำมันได้ท่วมคาร์บูเรเตอร์ แล้วคอยอย่างน้อยสิบนาทีเพื่อให้น้ำมันระเหยแล้ว เริ่มติดเครื่องใหม่อีกครั้ง

34. กรวยเติมน้ำมันฉุกเฉิน น้ำมันแห้งสนิทกลางทาง ซื้อน้ำมันใส่แกลลอนมาแต่ดันลืมติดกรวยมาด้วย ไม่ยากเลย เพียงหาถ้วยใส่น้ำอัดลมพลาสติค ผ่าแล้วม้วนเป็นรูปกรวยมาเป็นที่เติม หรือใช้กระดาษทบกันหลาย ๆ ชั้น มาพับเป็นรูปกรวยก็ได้พอจะแก้ขัดไปครั้งหนึ่ง


35.ฟิวส์ซองบุหรี่ ระบบไฟฟ้าของรถใช้ฟิวส์เป็นตัวเชื่อมไฟ หากฟิวส์เกิดขาดกะทันหัน แก้ปัญหาได้ โดยใช้กระดาษตะกั่วห่อซองบุหรี่หรือกระดาษห่อช็อกโกแลตมาหุ้มฟิวส์นั้นแล้วนำไปใช้ต่อฟิวส์นั้นก็จะทำงานได้ชั่วคราว


36.อย่าขับรถจนน้ำมันหมดถัง การขับรถจนน้ำหมดถัง จะทำให้เครื่องกรองน้ำมันมีโอกาสเสียได้มาก เนื่องจากตะกอนบางอย่างที่สะสมอยู่ในถังจะไปค้างที่เครื่องกรอง

37.หากรถเกิดการลื่นไถลขึ้นสิ่งที่คุณควรทำคือ อย่าตกใจ ยกเท้าออกจากคันเร่ง หมุนพวงมาลัยไปทิศทางเดียวกับทิศทางการลื่นไถลจนกระทั่งคุณสามารถควบคุมรถได้โดย ห้ามแตะเบรกแรงๆ โดยเด็ดขาดเพราะจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก


38.ถ้าคุณติดหล่ม อย่าเร่งเครื่อง การโม่บดอย่างแรงจะทำให้หลุมลึกขึ้น โรยกรวดทราย หรือขยะ (วัสดุที่เพิ่มการเสียดสีของล้อ) ด้านหน้าของยางทั้งหมดเพื่อรองรับการบด โดยเฉพาะล้อท้าย สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ยางยึดเกาะจนเคลื่อนออกจากหลุมได้ถ้าปฏิบัติตามวิธีทั้งหมดแล้ว แต่คุณยังไม่สามารถออกจากหลุมได้ ให้โทรขอความช่วยเหลือจากบริการปัญหารถเสีย

39. การขับรถตอนน้ำท่วม ห้ามเปิดแอร์เด็ดขาด ควรใช้เกียร์ต่ำ สำหรับเกียร์ธรรมดา ก็ใช้ประมาณเกียร์ 2 หรือสำหรับออโต้ ก็ใช้เกียร์ L รวมถึงการขับขี่ที่มีความเร็วต่ำที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ และควรใช้ความเร็วสม่ำเสมอ อย่าหยุดอย่าเร่งความเร็วขึ้น ไม่ควรเร่งเครื่องให้รอบสูง ๆ การเร่งเครื่อง ยิ่งทำให้รถมีความร้อนสูงขึ้น เมื่อเครื่องมีความร้อนสูงขึ้น ใบพัดระบายความร้อนก็จะทำงาน และควรลดความเร็วลง เมื่อ กำลังจะขับรถสวนกับอีกคันที่กำลังขับมา เพราะไม่งั้นจะกลายเป็นคลื่นชนคลื่น


40.เมื่อขับผ่านบริเวณที่มี น้ำท่วมแล้ว สิ่งที่ควรทำต่อ ก็คือ พยายาม ย้ำเบรกเพื่อไล่น้ำ เพราะในช่วงแรก ๆ หลังจากการลุยน้ำลึกมา มันจะเบรกไม่อยู่ และเป็นอันตรายมาก ถ้าเราไม่ทำการย้ำเบรกเพื่อไล่น้ำออกจากระบบเบรก สำหรับ เกียร์ธรรมดา ต้องมีการย้ำคลัชเช่นเดียวกับการย้ำเบรก เพราะหลังการลุยน้ำมา อาจมีปัญหาคลัชลื่น จึงต้องทำทั้งย้ำคลัชและย้ำเบรก เมื่อลุยน้ำมาแล้ว ไม่ควรดับเครื่องทันที ถึงแม้ถึงจุดหมายก็ตาม เพราะอาจมีน้ำค้างอยู่ในหม้อพักของท่อไอเสีย ซึ่งควรสตาร์ทรถทิ้งไว้สักพัก


41. ในสภาพอากาศที่ไม่ดี และมีทัศนะวิสัยแย่มาก จนมองแทบไม่เห็นรถคันหน้า การชะลอความเร็ว เปิดไฟหน้า และทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากขึ้น เป็นสิ่งที่ควรทำ แต่การใช้สัญญาณไฟฉุกเฉิน ทำให้ที่วิ่งสวนทางมาเข้าใจผิดคิดว่ามีรถจอดเสียอยู่ทางซ้ายริมถนน และหักหลบไปทางขวา ซึ่งเป็นไหลทาง กว่าจะเห็นอาจจะสายเกินไป ไม่ลงไปข้างทางก็อาจพุ่งข้ามช่องทางมาชน หรือถ้าหยุดรถก็ขวางทาง และเกิดอุบัติเหตุ

42. ออกตัวของรถขึ้นทางชัน ผู้ขับขี่มือใหม่มักมีปัญหาการออกตัวขึ้นเนินแล้วรถเคลื่อนที่ถอยหลัง ต้องฝึกให้มีความสามารถในการใช้คันเร่งคลัตช์และเบรคมือพร้อมกัน โดยใช้เท้าซ้ายกดแป้นคลัตช์ลง โยกคันเกียร์จากเกียร์ว่างไปยังเกียร์หนึ่ง ใช้เท้าขวากดแป้นคันเร่ง โดยกดให้มากกว่าการออกตัวบนพื้นระดับ และต้องกดอย่างสม่ำเสมอตามปริมาณของความชัน
จอดรถในที่ลาดชันและออกรถในที่ลาดชัน

43. จดรถหันหน้าขึ้นเนินหลีกเลี่ยงได้ควรหลีก แต่ถ้าจำเป็นต้องจอดให้ชิดขอบขวาทางด้านซ้ายมากที่สุด หมุนพวงมาลัยให้ล้อหันไปทางขวาป้องกันการเคลื่อนที่ถอยหลังเป็นเกียร์หนึ่งและใช้เบรคมือให้มั่นคง


44.จอดรถหันหน้าลงเนินหมุนพวงมาลัยไปทางซ้ายให้ล้อหันเข้าหาขอบทางเท้า ป้องกันไม่ให้รถเคลื่อนที่เดินหน้าใส่เกียร์ถอยหลังและเบรกมือไว้


45.วิธีป้องกันรถของคุณจากการถูกขโมย นำกุญแจรถติดมือไปด้วยเสมอ แม้ว่าคุณจะออกจากรถเพียงชั่วครู่ปิดกระจกรถทุกบานให้สนิท ล็อกประตูรถทุกครั้ง เมื่อจอดรถนอกบ้าน จอดรถในบริเวณที่สว่าง และถ้าเป็นไปได้ให้เลือกบริเวณทที่มีรถจอดจำนวนมาก อย่าเก็บทรัพย์สิน และของมีค่าไว้ในรถ เปิดสัญญาณกันขโมย ยอมลงทุนซื้อที่ล็อกล้อ ( มีขายตามร้านขายอุปกรณืรถทั่วไปราคาถูกมากเมื่อเทียบกับรถของคุณ) ติดตั้งตัวตัดน้ำมัน และใช้อุปกรณ์ชิ้นนี้เมื่อคุณไม่อยู่ในรถ


46.ฝน ต ก ห นั ก ไ ม่ ค ว ร เ ปิ ด ไ ฟ ฉุ ก เ ฉิ น
นับเป็นความหวังดี แต่อาจให้ผลร้าย ที่เกรงว่าผู้ร่วมทางจะไม่สามารถมองเห็นรถยนต์ของตนเมื่อฝนตกหนักในความเป็นจริง ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉิน เพราะจะแยงสายตา และหากมีรถยนต์บางคันบังรถยนต์คันที่เปิดไฟฉุกเฉิน ผู้ขับรถยนต์คันอื่นๆ อาจเข้าใจผิดว่าเป็นการเปิดไฟเลี้ยวเฉพาะมุมที่เขา


47. โอเวอร์ไดรว์ในที่คับขัน พวกเกียร์ Overdrive มีอัตราทดเกียร์ต่ำ ทำให้เครื่องยนต์ไม่มีเอนจิ้นเบรค ดังนั้นในการเบรกจะใช้ระยะเบรกยาวกว่าปกติด้วยเหตุนี้เพื่อความปลอดภัยและช่วยให้ใช้ระยะในการเบรกสั้นลง เวลาที่ขับรถในจุดคับขัน ในบางครั้งเราจึงควรกดสวิทช์เป็น OD off ให้ลดลงมาเป็นเกียร์ต่ำเพื่อใช้ “เอนจิ้นเบรค” มาช่วยลดความเร็วของรถด้วยอีกทางหนึ่ง


48.ขับรถขึ้นเขา
การขับต้องเปลี่ยนมาใช้เกียร์ต่ำกว่าเดิมเพื่อรักษาความเร็วของรถ เลือกใช้เกียร์ที่เหมาะสมกับระดับความเร็วและความชันความโค้งของเขาที่ไต่ขึ้น คอยสังเกตุป้ายระบุให้ใช้เกียร์ต่ำและกำหนดความเร็วที่ปลอดภัยที่ข้างทางอยู่เสมอถ้าไม่รีบร้อนหรือเพื่อให้ปลอดภัยที่สุดควรใช้ความเร็วตามที่ป้ายระบุหรือบวกไม่เกิน 10


49.การลงเขา
การลงเขาถือว่าอันตรายมากที่สุดเพราะการขึ้นเขานั้นอาศัยแค่กำลังรถเป็นตัวตั้งแต่สำหรับการลงเขาต้องอาศัยความพร้อมและสติของคนขับเป็นตัวตั้งและสมรรถนะของรถเป็นตัวรองลงมา การใช้เกียร์และความเร็ว ตอนลงก็ไม่ควรใช้เกียร์ที่สูงกว่าเกียร์3 ตอนขึ้นใช้D2 ตอนลงก็ควรใช้D2เช่นกัน แต่ถ้าเอาแบบปลอดภัยมากขึ้นก็ใช้สูตรขึ้นเกียร์ไหนเวลาลงให้ใช้เกียร์ที่ต่ำลงมา 1 เกียร์ ที่ต้องจดจำก็เพราะความเร็วขาลงมันจะสูงขึ้นและรอบเครื่องจะสูงส่วนมากจึงใช้การเข้าเกียร์ที่สูงขึ้นซึ่งการกระทำดังกล่าวยิ่งจะทำให้ความเร็วรถสูงขึ้น ไม่ควรอาศัยการใช้เบรกบ่อยๆแทนจนบางครั้งเกิดความร้อนสูงในระบบเบรกจนลื่นและเบรกไม่อยู่ พยามเลี้ยงรอบมันไว้ถ้าสูงเกินก็แตะเบรคนิ่มๆเพื่อลดรอบให้อยู่ในระดับครับห้ามเหยียบเบรกอย่างรุนแรงเพราะอาจจะเกิดเสียการทรงตัวหรือลื่นไถลได้ครับ


50.แผนที่
ถ้าผู้ขับขี่ต้องขับรถทางไกลในทางที่ยังไม่ค้นเคยควรจะได้รับการศึกษาจากแผนที่เพื่อหาทางที่คุ้นเคยควรจะได้รับการศึกษาจากแผนที่เพื่อหาทางที่จะไปได้อย่างมีจุดหมายไม่หลงทางเพราะแผนที่จะช่วยให้ทราบเส้นทางและลักษณะของถนนและระยะทางต้องคำนึงถึงเสมอให้แทน




Create Date : 15 ธันวาคม 2549
Last Update : 15 ธันวาคม 2549 9:58:10 น. 3 comments
Counter : 705 Pageviews.

 
ขอบคุณครับ ดีนะชอบ ได้ความรู้ดี
เสียดายไม่มีรวมรูปประกอบมั่งเหรอ (เอ๊ะ หรือว่ามี)


โดย: Mr.Submarine วันที่: 17 ธันวาคม 2549 เวลา:9:51:35 น.  

 
ตามอ่านงับ ขับauto เก่าๆ อยู่คันหนึ่ง กลัวเป็นไรขึ้นมาจัง


โดย: halle' IP: 203.188.32.237 วันที่: 21 มกราคม 2550 เวลา:7:23:29 น.  

 


โดย: athanai IP: 125.26.238.168 วันที่: 13 ธันวาคม 2550 เวลา:10:13:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

บั้งไฟลาว
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมครับ

[Add บั้งไฟลาว's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com pantip.com pantipmarket.com pantown.com