78. การเลื่อนคันเกียร์เพื่อ "เปลี่ยนตำแหน่งเกียร์" ควรรอสักพักหลังจากติดเครื่องยนต์ เพื่อให้เครื่องยนต์ได้อุณหภูมิการทำงาน หากเป็นคนช่างสังเกตจะเห็นได้ว่าเมื่อแรกสตาร์ทเครื่องยนต์ที่ใช้เกียร์ออโตรอบเครื่องจะสูงกว่าปกติอยู่ระยะหนึ่งก่อนจะลดระดับลงมาที่ความเร็วรอบเดินเบาปกติ การเลื่อนคันเกียร์ไปที่ตำแหน่งขับเคลื่อน D หรือ ถอยหลัง R เลยหลังจากติดเครื่องจะทำให้รถเกิดอาการกระตุกและเคลื่อนที่ด้วยแรงหรือความเร็วที่มากกว่าปกติ และสิ่งที่ควรระวังอีกอย่างหนึ่งของพวกที่จอดติดไฟแดงแล้วไม่ชอบเปลี่ยนเป็นเกียร์ว่าง คาคันเกียร์ไว้ที่ตำแหน่ง D คือ คอมเพรสเซอร์แอร์ตัดจะทำให้รอบเครื่องสูงขึ้น ถ้าไม่ได้เหยียบเบรค หรือดึงเบรคมือไว้รถจะกระโดดไปข้างหน้าและถึงแม้ว่าจะมีการล็อคเบรคไว้ก็จะไม่เป็นผลดีกับเกียร์มีผลต่ออายุการใช้งานของเกียร์เช่นกัน ดังนั้นทุกครั้งที่หยุดรถชั่วคราวควรจะเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์เป็นเกียร์ว่าง N การเลื่อนคันเกียร์ในเกียร์ออโตจากตำแหน่งจอด P มาตำแหน่งถอยหลัง R จะต้องปลดล็อค ส่วน R มา N จะสามารถเลื่อนได้เลยไม่มีล็อค แต่ถ้ากลับกัน N ไป R จะต้องปลดล็อคถึงจะเลื่อนได้ ในตำแหน่ง N ไป D และตำแหน่ง D กลับไปที่ N ไม่จำเป็นต้องปลดล็อคสามารถเลื่อนไปเลื่อนมาได้ และเช่นกันเมื่อต้องการเลื่อนตำแหน่งคันเกียร์จาก D ลงไปสู่ตำแหน่ง D 3 และ 2 ต้องปลดล็อคเพื่อความปลอดภัยของระบบเกียร์
จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 11 ม.ค. 50 01:24:49 ]
ความคิดเห็นที่ 79
79. การใช้เกียร์อัตโนมัติในตำแหน่งเกียร์ถอยหลัง การเปลี่ยนเกียร์ควรให้รถหยุดสนิท ก่อนที่จะเลื่อนตำแหน่งเกียร์มาที่ R เพราะเมื่อมีการเลื่นคันเกียร์มาในตำแหน่ง R ที่เฟืองเกียร์ในตำแหน่งนี้มีทิศทางการหมุนที่ตรงกันข้ามกับเกียร์เดินหน้า การเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ขณะที่รถยังเคลื่อนที่ไปข้างหน้า แต่เกียร์มีการทำงานในทิศทางที่สวนกัน จะทำให้เกียร์พังเร็วกว่าปกติมาก การเลื่อนคันเกียร์ไปในตำแหน่งถอยหลังเมื่อรถหยุดสนิททุกครั้งควรเหยียบเบรคเพื่อให้คนขับได้มีเวลาเตรียมตัวสำหรับการถอยหลัง และในเกียร์ออโตเพียงแค่ยกเท้าออกจากเบรคตำแหน่งเกีรยร์ถอยที่มีอัตราทดที่สูงอยู่แล้ว รถจะเคลื่อนที่ได้โดยไม่ต้องเหยียบคันเร่ง คนขับเพียงแต่เหยียบเบรคเพื่อควบคุมการเคลื่อนที่เท่านั้นนอกซะจากจะเป็นการถอยหลังขึ้นเนินที่มีความชันพอสมควร