|
ความยุติธรรมที่ตามหา
ความยุติธรรม คือความเที่ยงธรรม ความชอบธรรม ความชอบด้วยเหตุผล อันบุคคลผู้มีเหตุผลและมีความรู้สึกผิดชอบ เห็นว่าเป็นสิ่งที่ชอบธรรม ... นักคิดนักปรัชญาหลายคนที่กล่าวถึงความหมายของความยุติธรรมเอาไว้ตามกรอบแนวคิดและมุมมองของแต่ละคน ซึ่งอาจหยิบยกขึ้นมาพิจารณาได้ดังต่อไปนี้ ปีธากอรัส นักปรัชญาชาวกรีกได้กล่าวถึงความยุติธรรมไว้ว่า ความยุติธรรม คือ จำนวนที่คูณตัวมันเอง หรือกำลังสอง เพราะกำลังสองเป็นเลขจำนวนที่สมดุลที่สุด เนื่องจากประกอบขึ้น เป็นส่วนประกอบเท่าๆ กัน ทุกส่วน ดังนั้น เมื่อความยุติธรรมเป็นจำนวนยกกำลังสองเพราะเหตุว่าทุกส่วนเท่ากัน รัฐที่ยุติธรรมจึงต้องเป็นรัฐที่ทุกส่วนเท่ากันหรือเสมอภาคกัน โธมัส ฮ็อบส์ กล่าวว่า ในสภาวะธรรมชาติซึ่งปราศจากรัฐบาลนั้น ไม่มีเกณฑ์ที่จะตัดสินว่าอะไรคือความยุติธรรมหรือยุติธรรม อะไรผิดอะไรถูก พฤติกรรมของมนุษย์ขึ้นอยู่กับความต้องการของ แต่ละบุคคล เพราะฉะนั้น ความยุติธรรมหรืออยุติธรรม จึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่ได้มีข้อตกลงหรือสัญญากันแล้ว ผลของการทำสัญญาประชาคมเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดอำนาจร่วม เมื่อมีอำนาจร่วมก็มีกฎหมาย กฎหมายจึงเป็นคำสั่งขององค์อธิปัตย์ ซึ่งกำหนดขึ้นมาเพื่อให้มนุษย์ทุกคนปฏิบัติตามสัญญา ผู้ละเมิดกฎหมายจึงเป็นผู้ไม่ปฏิบัติตามสัญญาซึ่งความอยุติธรรมก็เกิดขึ้น และความหมายของคำว่าอยุติธรรมก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า การไม่ปฏิบัติตามสัญญา สำหรับความยุติธรรมนั้นก็คือสิ่งที่ไม่อยุติธรรม (unjust) นั่นเอง เพลโต มีทรรศนะเกี่ยวกับความยุติธรรมซึ่งปรากฏอยู่ในหนังสือ The Republic ว่าความยุติธรรมไม่ได้มีความหมายแคบๆ ว่า ความเที่ยงธรรม หรือการไม่ลำเอียงตามความเข้าใจทั่วไปเมื่อเอ่ยถึงคำว่ายุติธรรม แต่หมายถึงสิ่งที่เป็น สัมมาร่วม (common good) ที่จะบันดาลความสุขให้กับคนและรัฐ อริสโตเติ้ล ปราชญ์ชาวกรีกผู้ได้รับสมัญญานามว่าเป็นบิดาแห่งรัฐสาสตร์ได้อธิบายถึงความยุติธรรมว่า สิ่งที่ประเสริฐในบรรยากาศการเมืองคือความยุติธรรมและความยุติธรรมประกอบขึ้นในสิ่งที่มีแนวโน้มที่จะส่งเสริมผลประโยชน์ร่วม ความยุติธรรมเกี่ยวพันกับองค์ประกอบสองประการคือ สิ่งที่กำหนดให้และบุคคลซึ่งถูกกำหนดให้เป็นเจ้าของสิ่งที่กำหนดให้นั้น ความยุติธรรมจะบังเกิดขึ้นเมื่อบุคคลที่มีความเท่าเทียมกันได้รับสิ่งที่กำหนดให้แบบเดียวกัน ในทำนองเดียวกันอริสโตเติ้ลเห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องและอยุติธรรม หากว่าสองคนมีคุณสมบัติเท่ากันอยู่เพียงประการเดียว แต่ได้รับส่วนแบ่งหรือสิ่งที่กำหนดให้มากกว่าในทุก ๆ สิ่ง ความยุติธรรมคือที่รวมของคุณธรรมหลายประการ (ทั้งคุณธรรมแห่งศีลธรรมและคุณธรรมแห่งความรู้) และกลมกลืนระหว่างคุณธรรมนานาประการนั้นทำให้ความดี ในรัฐที่ปรากฏขึ้นได้ อริสโตเติ้ลเชื่อว่าความยุติธรรมคือคุณธรรมที่สมบูรณ์แม้จะไม่ใช่สูงสุด และอาจแบ่งความยุติธรรมออกเป็น 2 ลักษณะคือ 1. ความยุติธรรมในแง่แบ่งสันปันส่วน (Justita distibuta) และ 2. ความยุติธรรมในการแลกเปลี่ยนทดแทน (Justita mommutativa) ความยุติธรรมในการแลกเปลี่ยนทดแทนนั้น ขึ้นอยู่กับความยุติธรรมในแง่การแบ่งสันปันส่วน กล่าวคือ เราต้องรู้เสียก่อนว่าอันไหนเป็นส่วนของใคร เมื่อรู้เช่นนี้แล้วใครไปล่วงเกินเบียดเบียนส่วนของเขาไปทำลายหรือทำให้ส่วนของเขาเสียไป ก็ได้ชื่อว่าทำผิด และเพื่อให้เกิดความยุติธรรมก็จะทดแทนส่วนที่เสียไปของเขาให้กลับคืนดังเดิม ความยุติธรรมในการทดแทนจึงมีขึ้นเพื่อสนับสนุนรักษาความยุติธรรมการแบ่งสันปันส่วน โสภณ รัตนากร กล่าวว่า ความยุติธรรมอาจหมายถึงความสุจริต ความเป็นธรรม ความชอบธรรม ความชอบด้วยกฎหมาย ความถูกต้องตามกฎหมาย สิทธิตามกฎหมาย การปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนประเพณี และการปฏิบัติตามหน้าที่ ความยุติธรรม คลุมถึงความประพฤติทั้งหมดของคนเราแต่หลักความยุติธรรมเป็นหลักที่กว้างกว่า หลักกฎหมาย ความยุติธรรมตามกฎหมายแคบว่าความยุติธรรมโดยทั่วๆ ไป กล่าวคือ เป็นความยุติธรรมที่มีอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย หรือการใช้กฎหมาย ความยุติธรรมหรืออยุติธรรมเกิดขึ้นเมื่อมีการใช้กฎ หรือระเบียบข้อบังคับ ไม่ว่ากฎนั้นจะเป็นกฎหมายหรือข้อบังคับ หรือระเบียบประเพณีที่ปฏิบัติกันมาในสังคมหรือหมู่คณะความอยุติธรรมใน รูป เกิดจากการใช้กฎหรือข้อบังคับนั้นโดยลำเอียง และความ อยุติธรรมอาจเกิดขึ้นจากกฎหรือระเบียบข้อบังคับนั้นเองไม่เป็นธรรม ความอยุติธรรมเช่นนี้เป็นความ อยุติธรรมใน สาระ หรือเนื้อหาของกฎหรือระเบียบข้อบังคับนั้นเอง กรมหมื่นพิชิต ปรีชากร อธิบายคำว่า ยุติธรรม นี้ก็ว่าถูกต้องตามธรรม แต่คำว่า ธรรมๆ นี้มีที่มาหลายทาง ความหมายของคำว่าธรรมนั้นก็แตกต่างเป็นหลายอย่างไปตามทางความที่กล่าว แต่ก็ยังรวมลงได้ว่า ความจริงที่จะเป็น, เป็นอยู่, เป็นแล้ว, เหมือนพระธรรม คือความเป็นไปของธรรมดาสัตว์สังขารที่จำจะต้องเป็นตามความจริง ก็ธรรมอันเรากล่าวว่า ยุติธรรมๆ นี้ประสงค์เอาสารธรรมแห่งมนุษยชาติอย่างหนึ่งคือความที่จำต้องเป็น หรือเป็นอยู่เป็นแล้วของมนุษย์ทั้งหลาย ตรงกับภาษาอังกฤษว่า ลอ หรือคำที่เราใช้ว่า ธรรมเนียมหรือธรรมนิยม คือสารธรรมที่ประชุมชนนิยมถือตามกันเป็นหมู่ๆ พร้อมกัน ว่าเป็นธรรมอันมีคุณนำมาซึ่งความสุขความเจริญในประชุมชนนั้นๆ เดช วุฒิสิงห์ชัย กล่าวถึงสาเหตุที่กฎหมายไม่สอดคล้องกับความยุติธรรมไว้ดังนี้ 1. ความตายตัวของกฎหมาย (Rigidity) เหตุที่กฎหมายจำเป็นต้องบัญญัติหลักเกณฑ์อันเป็นหลักทั่วไปใช้บังคับแก่ทุกกรณี เนื่องจากการติดต่อสัมพันธ์อันซับซ้อนของบุคคล จึงเป็นการเหลือวิสัยที่จะวางหลักเกณฑ์เหล่านี้ให้เป็นการยุติธรรมได้ในทุกรณี ความตายตัวของกฎหมายนี้อาจก่อให้เกิดความเดือดร้อน และไม่เป็นธรรมขึ้นได้ 2. กฎหมายมักจะเดินทางตามหลังความเปลี่ยนแปลงของสังคม เมื่อสังคมเปลี่ยนแปลงไปกฎหมายที่เคยเห็นกันว่ายุติธรรมดีกลับกลายเป็นไม่ยุติธรรมไปได้ อมร รักษาสัตย์ ได้อรรถาธิบายว่า จะเกิดความไม่ยุติธรรม (unjust) ถ้า 1. ขัดกับหลักแห่งความเที่ยงธรรม, ความเป็นธรรม หรือความเสมอภาค หรือมีพฤติกรรมลำเอียง 2. ฝ่าฝืนนโยบายและกระบวนการที่ใช้กันมานานเป็นที่รู้กันและยอมรับกันแล้ว 3. แสดงให้เห็นว่าละเลย หรือขาดการดูแลและเอาใจใส่ เมื่อไม่มีการแจ้งให้ทราบว่าจะไม่มีการจ่ายค่าชดเชยหรือการรับทราบว่าได้มีการละเลย คำว่าไม่ยุติธรรมนี้ ถือเป็นคำที่รุนแรงกว่า ความไม่มีเหตุผล และอาจหมายถึงการผิดศีลธรรมและในบางสถานการณ์อาจมองได้ว่าเป็นการกระทำที่ขาดความรู้สึกผิดชอบชั่วดี (Unconscionable) ความไม่ยุติธรรมอาจเกี่ยวกับหลักพื้นฐานของความเป็นธรรมโดยไม่ต้องพิจารณาถึงความเท็จ (false) ประสิทธ์ โฆวิไลกุล กล่าวว่า สิ่งที่เรียกว่าความยุติธรรมสูงสุด ที่ทุกคนแสวงหาย่อมขึ้นอยู่กับมาตรฐานทางด้านจิตใจของมนุษย์ผู้จะบันดาลให้มีกฎหมายและใช้กฎหมายนั้น อันจะก่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่สังคม อริสโตเติ้ล กล่าวว่า ความอยุติธรรมเกิดขึ้นเมื่อคนที่เท่ากัน ได้รับการปฏิบัติไม่เท่าเทียมกันและเมื่อคนที่ไม่เท่ากันได้รับการปฏิบัติเท่าเทียมกัน (Injustice arises when equals are treated unequally, and also when unequals are treated equally) แนวความคิดเห็นของนักคิด นักทฤษฎีต่างๆ มีทั้งส่วนแตกต่างกันไปกรอบแห่งทัศนะของแต่ละคน และยังมีส่วนที่คล้ายคลึงกัน
...
สำหรับฉัน ความยุติธรรมที่ฉันตามหา ก็ย่อมเป็นความยุติธรรมในมุมมองของฉัน ซึ่งหลายคนอาจเห็นต่าง ... วันนี้ค่อนข้างวิชาการ เนื่องจากค่อนวันที่ผ่านมามีนัดตามหาความยุติธรรมให้ใครบางคน แต่มันหาไม่เจอ เฮ้ออออออ เหนื่อยใจจริงๆ
Create Date : 04 พฤษภาคม 2553 |
|
34 comments |
Last Update : 4 พฤษภาคม 2553 23:10:13 น. |
Counter : 570 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: panwat 4 พฤษภาคม 2553 23:16:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: พระจันทร์ของคุณ (Great_opal ) 5 พฤษภาคม 2553 5:52:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: blog pu 5 พฤษภาคม 2553 21:00:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: ต่ายจิ (NENE77 ) 5 พฤษภาคม 2553 23:01:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: blog pu 6 พฤษภาคม 2553 12:23:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 6 พฤษภาคม 2553 13:26:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: blog pu 6 พฤษภาคม 2553 14:51:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: blog pu 6 พฤษภาคม 2553 16:36:14 น. |
|
|
|
| |
โดย: blog pu 6 พฤษภาคม 2553 21:26:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: ต่ายจิ (NENE77 ) 6 พฤษภาคม 2553 21:39:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: panwat 7 พฤษภาคม 2553 0:50:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: blog pu 8 พฤษภาคม 2553 10:53:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: blog pu 8 พฤษภาคม 2553 21:30:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: pim(พิม) 9 พฤษภาคม 2553 21:18:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: blog pu 9 พฤษภาคม 2553 21:27:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: ความยุติธรรมคือ IP: 110.164.243.94 29 พฤศจิกายน 2553 15:13:49 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]
|
นานา(ไร้)สาระ "นานาจิตตัง" ... เป็นคนขี้เหงา ที่ไม่ค่อยยอมรับว่าตัวเองเหงา เป็นอ่อนไหว ที่พยายามจะไม่แสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น เป็นคนช่างจดช่างจำพอๆกับความขี้ลืม เป็นนักกฏหมายที่ไม่ค่อยอยู่ในกรอบ
...
เป็นคนของกาลเวลา ที่เดินทางบนเส้นขนานสายความรัก ที่ไม่มีวันบรรจบ
...
|
|
welcome to moonboat to dreamland
|
|
|
|
|
|
|