นักวิทยาศาสตร์เสนอแผนการเกษตรอย่างยั่งยืนเพื่อเลี้ยงประชากรโลก ภายในปี 2011 นี้ (ความจริงคือในเดิอนตุลาคมนี้ด้วยซ้ำ) ประชากรมนุษย์ก็จะแตะ 7 พันล้านคน และ UN คาดการณ์ไว้ว่าภายในปี 2100 ตัวเลขนี้จะพุ่งถึง 1 หมื่นล้าน Edward O. Wilson (เจ้าพ่อแห่งวิชา Sociobiology หรือที่บางคนเรียกว่า "ชารลส์ ดาร์วินคนที่สอง") ประเมินไว้ว่าโลกรองรับมนุษย์ได้เพียง 1 หมื่นล้านคนเท่านั้น และต้องเป็นในกรณีที่ทุกคนยอมเลิกกินเนื้อด้วย หากประเมินกันจริงจัง ก็อาจจะน้อยกว่านี้อีก เพราะนี่คือตัวเลขที่ประเมินจากปัจจัยปริมาณอาหารอย่างเดียว ยังไม่ได้รวมปัจจัยพวกมลภาวะและการรบกวนสมดุลของโลกจากน้ำมือมนุษย์เข้าไปเลย ทีมวิจัยร่วมจากสหรัฐอเมริกา, แคนาดา, สวีเดน, และเยอรมนีได้รวบรวมข้อมูลประชากรและผลผลิตอาหารของโลก เพื่อที่จะเอามาวิเคราะห์หาวิธีทำการเกษตรแบบที่สามารถเลี้ยงประชากรโลกให้ได้อย่างยั่งยืนและส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด ในขณะเดียวกันก็ต้องปฏิบัติได้จริงด้วยภายใต้สภาวะสังคมและเศรษฐกิจ สิ่งที่พวกเขาคิดกันหัวแทบแตกสรุปออกมาได้ 5 ข้อ ดังนี้ 1. หยุดการขยายตัวของพื้นที่เกษตรกรรม ซึ่งอาจทำได้ด้วยการสนับสนุนให้พื้นที่ธรรมชาติเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศหรือการจ่ายเงินชดเชยให้กับเจ้าของพื้นที่ (หรือประเทศกำลังพัฒนา) 2. เพิ่มอัตราผลผลิตทางการเกษตร อันนี้ต้องใช้เทคโนโลยีพันธุกรรมเข้ามาช่วยเพื่อพัฒนาพันธุ์พืช นักวิจัยมองว่าอัตราผลผลิตทางการเกษตรในหลายประเทศยังสามารถเพิ่มขึ้นได้อีกเยอะหากได้รับการพัฒนาที่เหมาะสม เทคโนโลยีพันธุกรรมอาจช่วยเพิ่มปริมาณอาหารเลี้ยงประชากรโลกได้ถึง 60% เทียบกับปัจจุบัน 3. กระจายปัจจัยทางการเกษตรให้เหมาะสม นักวิจัยพบว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันมีสภาพเป็น "Goldilocks' Problem" นั่นคือน้ำ, ธาตุอาหาร, สารเคมีในบางพื้นที่ก็มีมากจนเกินไป บางที่ก็ขาดแคลน ดังนั้นจะต้องมียุทธวิธีในการจัดสรรปันส่วนปัจจัยเหล่านี้ให้พอดีๆ ทุกพื้นที่เพื่อประโยชน์สูงสุด 4. ลดการทำปศุสัตว์และการปลูกพืชพลังงาน เพราะทั้งสองอย่างนี้คือการลดปริมาณผลผลิตที่จะนำมาเป็นอาหารของมนุษย์ทั้งสิ้น 5. ลดปริมาณการสูญเสียของผลผลิต เช่น การเน่าเสีย ถูกแมลงกิน เป็นต้น ในปัจจุบันผลผลิตทางการเกษตรหนึ่งในสามต้องเสียเปล่าไปด้วยสาเหตุแบบนี้ หากขจัดการสูญเสียผลผลิตได้ จะมีอาหารไว้ป้อนเข้าปากมนุษย์เพิ่มอีก 50% งานวิจัยนี้ได้รับการสนับสนุนจาก NSERC, NASA, และ NSF บทความวิจัยตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสาร Nature DOI: 10.1038/nature10452 ที่มา: Jusci.net เป็นวิธีการที่งี่เหง้าครับ ก็พยายามควบคุมอัตราการเพิ่มประชากรไม่ง่ายกว่าหรอ ยั่งยืน และแก้ปัญหาทั้งหลายทั้งมวลได้หมด ทั้งขาดอาหาร โลกร้อน สารพัดปัญหาจะหายไปถ้ามนุษย์ตัวก่อเหตุลดลง บางทีการคิดมากเกินไป ก็ทำให้แก้ไขปัญหาไม่ถูกจุด
โดย: nainokkamin วันที่: 17 ตุลาคม 2554 เวลา:9:34:58 น.
|
Momotoy
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Group Blog All Blog
|
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |