>Love Or Passion< ตอนที่ 1
"......อ่านแล้วไม่เม้นต์ไม่ว่า ก็แค่ไม่อัพแค่นั้นเอง....."เช้าที่แสนสดใส แสงแดดอ่อน ๆ ที่สาดส่องเข้ามาภายในห้อง เสียงนกที่ร้องเจื้อยแจ้วบอกรับวันใหม่นอกหน้าต่าง ลมที่พัดเอื่อย ๆ เข้ามาในห้องจนผ้าม่านสีขาวสะอาดตาพลิ้วไหวไปตามแรงลม ไม่มีหรอกไอ้บรรยายกาศที่พูดมานะ ฮ่า ๆ ..ตอนนี้ที่มีนะ คือ แสงแดดที่เริ่มร้อนระอุขนาดมันยังไม่ถึงเจ็ดโมงครึ่งนะเนี่ย เสียงนกร้องต้อนรับวันใหม่ขอเปลี่ยนเป็นเสียงนกหวีดของตำรวจจราจร และเสียงบีบแตรรถแทนละกัน ส่วนไอ้ลมที่พัดเอื่อย ๆ นะ ขอเปลี่ยนเป็นควันที่พุ่งมาจากไอ้ท่อไอเสียรถยนต์ทั้งเหม็นทั้งดำได้ไหมอ่ะ มันไม่มีหรอก.....ไอ้บรรยากาศที่แสนจะดีอย่างตอนแรกที่ฉันคิดนะ คงหาไม่ได้ในกรุงเทพ ฯ หรอกบรรยากาศที่แสนจะเลิศเลอแบบนั้น ฉันชื่อ จีระ เพื่อนที่ทำงานก็เรียกว่า จีระค่ะ มันเรียกง่ายดี แต่ความจริงชื่อเล่นของฉันนะคือ จี้ นะคะ แต่ไม่มีใครเรียก ช่างเหอะเรื่องเล็กน้อย ฉันเป็นพนักงานเขียนแบบต๊อกต๋อยอยู่ที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมายหรอกค่ะ แต่มีพนักงานเยอะมากจนฉันแทบจะจำไม่ได้เลย แต่ความจริงแล้วก็คือ ยัยจีระคนนี้ ไม่เคยสนใจสิ่งรอบข้างเลยต่างหาก ก็ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมากมายขนาดนั้นนี่ เช้ามาก็แหกลูกกะตาตื่นก่อนที่ไก่จะขันซะอีก ต้องลากสังขารออกจากห้องมาผจญกับมลพิษทางสมอง พอมาถึงที่ทำงานก็ทำงาน ๆ พักเที่ยงก็ฝากแม่บ้านซื้อข้าวมากินซะเท่านั้น แล้วก็ทำงานต่อ เลิกงานก็กลับบ้าน กว่าจะถึงต้องฝ่าฟัน ต่อสู้กับอาการป่วยทางการจราจรอีก เฮ้อ.....ถึงบ้านก็ดึกแล้วก็นอน แค่นี้เองชีวิตในแต่ละวันของฉัน จะให้ฉันเอาเวลาที่ไหนไปรู้จักคนมากมายละค่ะ ฉันย่างก้าวเข้ามาในบริษัท ก่อนจะเดินตรงไปที่ลิฟต์เพื่อขึ้นไปที่ชั้น 15 ฉันทำงานอยู่ชั้นนั้นแหละค่ะ ไม่ต้องสงสัยค่ะว่าทำไมบริษัทเล็ก ๆ ของฉันทำไมอยู่ตึกสูงขนาดนี้ ก็แค่เขามาเช่าชั้นที่14-17เป็นออฟฟิตนะค่ะ ฉันพยายามหลีกเลี่ยงรถติดตอนเช้าโดยการมาเช้า ๆ แบบนี้เสมอ และอีกอย่างเวลาขึ้นลิฟต์ช่วงนี้จะได้ไม่มีใครมาเบียดด้วย ส่วนมากฉันจะได้ขึ้นลิฟต์คนเดียวหรือมีคนขึ้นด้วย สองสามคนเสมอ อุ๊ย รอด้วยค่ะ ฉันเปล่งเสียงออกจากปาก เพื่อบอกให้คนที่อยู่ในลิฟต์กดลิฟต์รอ ฉันไม่อยากเสียเวลาเรียกลิฟต์อ่ะ แล้วจะกดลิฟต์ตัวอื่นก็ไม่อยากเปลืองไฟช่วยชาติประหยัด ชั้นไหนครับ เสียงนุ่ม ๆ ของชายหนุ่ม ไม่ใช่ฉันต้องบอกว่าของสาวหล่อมากกว่าถามฉัน ชั้น15ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ นิ้วเรียวของสาวหล่อคนนี้กดชั้น 15 และ 16 อ่า......คนนี้อยู่ชั้น16 แสดงว่าอยู่บริษัทเดียวกับฉันสินะ ชั้น16 งั้นก็คงงานครีเอท อีเวนท์ แล้วก็พวกอาร์ท ช่างภาพ คงทำพวกนี้อยู่มั้ง แต่ช่างเถอะ ยังไงซะฉันก็คงไม่ได้ขึ้นไปชั้นนั้นหรอก ฉันเลิกสนใจเขาโดยที่เห็นแค่แผ่นหลังเท่านั้น ฉันก้าวเท้าออกจากลิฟต์เดินเลี้ยวเข้าแผนกของฉัน อ่า......ได้นั่งสักที ฉันหย่อนก้นสวย ๆ ฉันคิดเองค่ะว่าสวย หุหุ ลงแหมะกับเก้าอี้ สายตาเหลือบเห็นกองแบบงานที่ต้องสะสางวันนี้ เฮ้อ.....ทำไมมันมากมายก่ายกองอย่างนี้นะ เคลียร์หมดไหมนะวันนี้ อ้าวคุณจีระ มาเช้าตามเคยนะคะ เสียงแม่บ้านที่มาทำความสะอาดเอ่ยทักทาย ค่ะ ป้าคะจะว่าไหมถ้าจะขอกาแฟสักแก้ว แม่บ้านยิ้ม ฉันมักจะมาฝากท้องกับกาแฟที่บริษัททุกเช้าแบบนี้เสมอ ก็ต้องตื่นเช้าซะขนาดนั้นใครมันจะไปกินอะไรทันล่ะ รอแป๊บนะคะ ฉันยิ้ม ขอบคุณค่ะ ป้าไหมแม่บ้านมักเป็นคู่สนทนาตอนกินกาแฟช่วงเช้าเสมอ ฉันชอบคุยกับแกมาก เพราะแกชอบที่จะคุยเรื่องที่บ้านของแกให้ฟัง อ่ะ....อย่าว่าฉันชอบฟังเรื่องในบ้านคนอื่นนะ เรื่องที่บ้านหมายถึงจังหวัดที่อยู่ตอนเด็ก ๆ ต่างหาก ฉันอยากไปอยู่ต่างจังหวัดมาก ๆ เบื่อกรุงเทพ ฯ ทั้ง ๆที่ฉันก็เป็นคนกรุงเทพ ฯ นะเนี๊ย ฉันจิบกาแฟไปเรื่อย ๆ หูก็ฟังป้าไหมเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้ฟัง จนเริ่มมีคนทยอยเข้าออฟฟิตมา ป้าไหมก็ขอตัวไปทำอย่างอื่น ฉันวางแก้วกาแฟลง เริ่มเปิดดูแบบที่ต้องจัดการกับมัน หน้าที่ที่ฉันต้องทำก็คือ เขียนแบบที่ฝ่ายครีเอทส่งมาให้ เพื่อเอาไปให้ฝ่ายอีเว้นท์นำไปจัดงานเสนอลูกค้า ฉันไม่รู้หรอกว่าเขามีกระบวนการทำกันยังไง ก็มันไม่ใช่หน้าที่ของฉันนี่ ฉันแค่เขียนไม่ให้ผิด แล้วให้หัวหน้าก็พอ จีระ เดี๋ยวคุณเข้ามาพบผมที่ห้องด้วยนะ เสียงหัวหน้าของฉันบอกกับฉันก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปในห้องทำงาน เฮ้อ......จะโดนด่าหรือเปล่าหนอ แต่จะว่าไปฉันยังไม่เคยโดนด่าเลยนะตั้งแต่ทำงานมาเนี๊ย จีระ แกจะโดนอะไรป่าววะ พี่ป้อง พนักงานเขียนแบบอีกคนถามฉัน ฉันส่ายหน้าช้า ๆ แล้วก็ลุกตามหัวหน้าเข้าไปในห้องทำงาน มีอะไรคะ หัวหน้า ฉันถามด้วยเสียงนิ่ง ๆ นั่งก่อนสิ ฉันนั่งลงตรงหน้าหัวหน้า คุณไพบูลย์ ไม่ใช่คนแก่ง่ำเหงือก แต่เป็นคนหนุ่มที่มีความสามารถมาก เขาอายุก็แค่ 30 ต้น ๆ แต่มายืนในตำแหน่งหัวหน้าอย่างนี้ได้ ไม่เรียกว่าเก่งก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว ผมจะไม่อ้อมค้อมนะ ค่ะ ฉันตอบรับด้วยน้ำเสียงระดับเดิม เริ่มประโยคด้วยคำพูดแบบนี้ชักใจไม่ดีแหะ คุณสนใจจะไปทำงานที่อื่นบ้างไหม o__O!!!!! อย่าบอกนะว่าจะไล่ฉันออก ไม่เอานะ ไล่ฉันออกแล้วฉันจะเอาอะไรกินละค่ะ ฉันส่ายหน้าทันที ไม่ค่ะ น้ำเสียงชัดเจนและใบหน้าจริงจัง ถึงมันจะดูสิ้นหวังสักหน่อยก็เถอะ คุณไพบูลย์มองหน้าฉันยิ้ม ๆ อย่าคิดมาก ผมไม่ได้จะไล่คุณออก อ้าว.....แล้วอะไรละ ก็เล่นพูดมาแบบนั้น เป็นใคร ๆ ก็คิดละว้า แล้วหัวหน้าถามทำไมละคะ ผมหมายถึง เอางี้ดีกว่าพูดง่ายดี พอดีว่าช่างเขียนแบบฝ่ายครีเอทลาออกกะทันหันไม่มีใครเขียนแทน งานแบบของเขาเลยจะส่งมาให้เราช้า ฝ่ายนั้นต้องการคนช่วยนะ ผมเห็นว่าคุณดูดีที่สุดแล้วเลยคิดว่าจะส่งขึ้นไปนะ คุณคิดว่าไง หลังจากได้ยินคุณไพบูลย์อธิบายให้ฟังแล้ว ฉันก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก นึกว่าต้องออกไปเตะฝุ่นซะแล้ว ก็ไม่มีปัญหา แต่ว่าฉันไม่แน่ใจว่าจะไหวหรือเปล่านะค่ะ แล้วงานเหมือนกันหรือเปล่าค่ะ ฉันถาม ก็คล้ายกับเรา เพียงแต่จะยุ่งอีกนิดก็คือ คุณต้องคุยกับคนดีไซน์เองเพราะจะไม่มีแบบให้คุณดูอย่างที่เห็นทุกวันนี้นะ จะยุ่งยากก็ตรงนี้แหละนะ จะพอไหวไหม ฉันพยักหน้าเข้าใจ คงพอไหวค่ะ แล้วต้องย้ายไปเมื่อไหร่คะ หวังว่าคงไม่ใช่วันนี้นะ เพราะงานของฉันยังไม่เสร็จเลย วันนี้ -*- งานของฉันยัง..... ฉันพูดค้างไว้เมื่อหัวหน้ายกมือห้าม เดี๋ยวผมโอนงานของคุณให้ป้องไม่ต้องห่วง เอาเป็นว่าเดี๋ยวคุณเก็บของเลยนะ เดี๋ยวผมให้คนมาช่วยขน ฉันพยักหน้ารับ จากนั้นไม่นานก็ออกมาเก็บข้าวของ พี่ป้องบ่นอุบเพราะต้องรับงานกองเท่าภูเขาของฉันไปเพิ่มอีก แต่ทำไงได้ล่ะ มันเป็นหน้าที่นี่
ตอนที่ 2>