ออกจากปิซ่าเกือบสองทุ่ม  ยังต้องขับรถต่อไปอีกประมาณชั่วโมงครึ่งเพื่อไปถึงโรงแรมที่พัก  คืนนี้เราจะเดินทางไปดินแดนแห่งหมู่บ้านประมงทั้ง ห้า ของอิตาลี  Cinque Terre   Unesco world heritage ตั้งแต่ 1997  

                หมู่บ้านประมงทั้งห้า ประกอบด้วย Riomaggiorre  Manarola , Corniglia , Vernazza  และ Monterosso  เรียงกันริมชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของอิตาลี หนทางรถยนต์ไม่ง่าย เพราะลัดเลาะไปตามภูเขาสูงและหน้าผาชัน  ประมาณพัทยาอยู่ที่ดอยอ่างขาง  

                เราถึงโรงแรมที่พัก สามทุ่มเศษ แม้จะเป็นเมืองท่องเที่ยวแต่ก็ไม่มีที่ไหนเหมือนเมืองไทย  ทางโรงแรมรีบจองที่นั่งร้านอาหารให้   พูดถึงเรื่องอาหารแล้วคิดถึงเมืองไทย สามารถหาอาหารอร่อยได้ทุกเมื่อเกือบทุกเวลา  คืนนี้เราได้ปลาจากทะเลแถบนี้ตกถึงท้องคนละหนึ่งตัว  รสชาติคล้ายๆปลานึ่งเต้าซี่   ความแซ่บและคุ้นลิ้นคงเทียบอาหารทะเลของไทยไม่ได้   มีเพียงความสดใหม่และบรรยากาศที่ทำให้รู้สึกคุ้มค่าราคาจานละประมาณ 20 ยูโร ราว 7-800 ก็ไม่แพง

             หลังอาหารเช้าเราสามคนออกท่องเที่ยวชมเมืองมอนเทอรอซโซ่อัลมารี   โชคดีโรงแรมมีจักรยานให้ขี่ถ้าเดินคงใช้เวลามาก   คุณแม่เริ่มเหนื่อยล้าลงทุกที  เดินทางจนดึกและระยะทางไกล    ให้คุณแม่นอนพักผ่อนรอเวลาเดินทางต่อไป  

             เมืองตั้งอยู่ริมทะเล  มีถนนเล็กๆริมทะเล  วิวคล้ายๆพัทยาผสมเขาตะเกียบ  ทะเลเมืองไทยไม่ได้สวยน้อยหน้าไปกว่านี้  แตกต่างแค่ทะเลของเขาดูสีเข้มสวยงามตัดกับตึกริมทะเลที่ให้สีสันสวยงาม   และทะเลของเราไม่เป็นหน้าผาสูงชัน  เป็นเพียงที่ราบชายทะเล  ของเขาเป็นหน้าผาสูงชันใช้ไต่เขาเดินเล่นริมทะเลมองลงจากภูเขาและขึ้นบนภูเขาดูสวยงาม   แต่เรื่องอาหารและข้าวของเครื่องใช้ความสะดวกสบายของไทยดีกว่า  

ก้อนหินริมทะเล มีสีสันสวยงามหลากสี  ธรรมชาติของอิตาลีจะสวยงาม ก้อนหิน ต้นไม้

ต้นไม้ถูกตัดแต่งดูแลไว้สวยงาม มีศิลปะ

ดอกไม้สีขาวนวล ปลูกหลายแห่ง มีกลิ่นหอม

สถานีรถไฟ สำหรับคนท่องเที่ยวไปยังหมู่บ้านประมงทั้งห้า  ถ้าไม่อยากเดินใช้เวลามาก

ลงภาพสักภาพ  ชอบสีฟ้าเข้ากับทะเลด้วย และแว่นตาสีฟ้าน้ำเงินอันนี้

มีร้านขายของที่ระลึกอยู่ทั่วไป  ได้ของฝากให้ตัวเองหลายชิ้น 

เมืองเล็กๆขี่จักรยานเที่ยวใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงก็ทั่ว  เรากลับมาที่โรงแรม  

โรงแรมส่วนใหญ่เป็นอดีตบ้านพักตากอากาศ  

            โรงแรมนี้แปลกตรงที่มีโบสถ์อยู่ติดกับตึกของโรงแรมเลยทีเดียว  และในห้องพักของเราทั้งสองห้องมีพระเยซูและไม้กางเขนติดไว้   รวมถึงบริเวณทางเดินและอื่นๆ  เพื่อนของพี่บอกว่า หมายถึงอาณาบริเวณของพระเยซูท่านคุ้มครอง  และบ้านเรือนเก่าๆแถบนี้น่าจะมีวิญญาณอยู่มาก จึงมีโบสถ์และมีไม้กางเขนคุ้มครองทุกห้อง  ก็นอนหลับดีไม่มีอะไรรบกวน 

               ถนนคดเคี้ยวไปมาบนภูเขาสูง  เช้านี้จึงได้เห็นความน่ากลัวของถนนที่ขับฝ่าความมืดมาเมื่อคืน  ทั้งแคบทั้งคดและสูงชัน  น่ากลัวมาก  คนอิตาลีขับรถเก่งขับเร็วมาก  ตามข้างทางวิวสวยงาม  มีดอกไม้ข้างทางเป็นกลุ่มๆ  ดอกสีขาวนี้มีแทบตลอดทางสวยงาม แอบเด็ดมาถ่ายภาพนิดหน่อย  ภาพไม่ชัด  ภาพวิวดีๆก็ไม่ค่อยมีเพราะมีแต่ภาพนางแบบยืนบังวิวเสียส่วนมาก  แต่ถ้าไม่ถ่ายภาพก็จะไม่มีภาพที่ระลึกว่าเคยมาที่นี่

ลิงก์ตอนก่อนหน้า