12 สค 61 อัมพวา 3
คืนนี้เราเดินชมตลาดอัมพวา เพิ่งเคยมาครั้งแรก และล่องเรือชมหิ่งห้อย
กว่าจะเดินชมตลาดและนัดหมายกับเรือของคุณลุงคนเดิม เวลาก็ราวสองทุ่มเศษ อยากไปให้เห็นกับตาว่าจะสวยงามขนาดไหน "นั่งเรือชมหิ่งห้อย" เรื่องหิ่งห้อยกับเรา ไม่ใช่จะตื่นเต้นเพราะเห็นมาแต่เด็ก ฤดูกาลนี้เมื่อหลายปีริมลำธารวัดหลวงพ่อ มีหิ่งห้อยตลอดแนวลำธาร วันนี้แค่อยากไปเห็นกับตาตัวเอง ว่า บรรยากาศล่องเรือชมหิ่งห้อยจะเป็นยังไง เรือชมหิ่งห้อยที่นี่มีมาตรฐานเหมือนกัน มีเสื้อชูชีพให้ทุกคน มีไฟหน้าแดงเขียว และไม่เที่ยวดึกมากนักทุกลำจะต้องกลับมาถึงท่าน้ำในตลาดอัมพวา ไม่เกิน 22.00 น. ระยะเวลานั่งเรือประมาณหนึ่งชั่วโมง เหมาลำ 600 บาท ขึ้นเรือโดยสาร คนละ 60 บาท
การนั่งเรือชมหิ่งห้อย สวยงามแปลกตาดี เราว่ายน้ำแม่น้ำไม่เก่งนักและก็คิดว่าคงไม่ลงเรือมาชมหิ่งห้อยกลางคืนอีกแล้ว เพราะมีความเสี่ยงอยู่ไม่น้อย ถ้าเกิดอะไรขึ้นระหว่างอยู่กลางแม่น้ำก็คงลำบาก แม่น้ำแม่กลองทั้งกว้างและมืด ยังดีที่ตำแหน่งชมหิ่งห้อยอยู่ในคลองซอยไม่กว้างนัก ( ภาพแผนที่ประกอบจุดชมหิ่งห้อยในคลองซอย ) และมีช่วงระยะแล่นกลางแม่น้ำแม่กลองไม่นานมากราว 10 นาที
สถานการณ์เรือบริเวณตลาดดูสนุกสนาน เพราะเป็นคลองอัมพวาแคบๆ ถึงแม้จะมีเรือสัญจรไปมา และเรือขายของหลายลำ ก็ดูไม่น่ากังวล
แต่เมื่อเรือลำเล็กค่อยๆ ออกสู่แม่น้ำแม่กลองที่กว้างขวาง ยามค่ำคืนมืดเกือบสนิท ความวังเวงเริ่มมา ยิ่งเมื่อมีเรือลำใหญ่กว่าเร่งเครื่องยนต์แล่นสวนมาทำให้มีคลื่นสูงพอควร ( เราก็ไม่รู้ว่าเรือพานักท่องเที่ยวพวกนี้จะเร่งเครื่องกลางแม่น้ำอะไรนักหนา เรือลำเล็กสวนมาก็เดือดร้อน บ้านชาวบ้านริมน้ำก็หนวกหูและน้ำกระเพื่อม ) เรานึกถึงสิ่งยึดเหนี่ยวใจ ครั้งก่อนลุงคนขับเรือให้สวดคาถาหลวงพ่อคง บอกว่าท่านศักดิ์สิทธิ์นักหลวงพ่อต้องช่วยคุ้มครองเราคงไม่มาลงน้ำเสียวันนี้แน่
เรื่องเที่ยวทางน้ำหลังจากวันนี้ก็คงต้องบอกลา เราคงไม่ค่อยมีโชคทางเรือ ครั้งไปเกาะปันหยีก็ลงเรือหางยาว พอไปกลางทะเลฝนตกหนักพายุเรามองลงในทะเลเขียวปี๋ คิดว่าเราจะมาตายอยู่ในทะเลเสียวันนี้เสียแล้วหรือ อีกครั้งไปเกาะสีชังนั่งเรือสปีดโบทเพราะไม่อยากรอเรือใหญ่ ชายฝั่งก็ดูไม่ไกลทะเลก็ดูเงียบสงบดี พอนั่งมากลางทางพายุใหญ่มาเสื้อชูชีพก็ไม่มี เด็กท้ายเรือต้องคอยมาโหนท้ายเพื่อให้เรือสมดุล มองในทะเลคราบน้ำมันดำเชียวอีกครั้งที่รู้สึกว่าความตายอยู่ใกล้เหลือเกิน
ตลาดน้ำอัมพวา มีของขายสารพัดทั้งของกินของใช้ จะมีเพียงทางเดินบางช่วงที่ไม่มีอะไรกั้นเดินเพลินไปอาจพลัดตกน้ำได้ แต่ที่โดนมากคือ มีร้านขนมหวานร้านนึง ด้วยความที่เดินแต่ห้างในกทม.ซะส่วนใหญ่ ไม่เคยไปไม่เคยทราบ รอบแรกเดินผ่านไปเห็นคนเต็มหน้าร้านก็ไม่ทราบเขามุงซื้อขนมอะไรกัน พอเดินกลับมาคนไม่มีแล้ว เราถามที่จะซื้อขนมว่า ที่ร้านมีขนมอะไรแนะนำ เขามองด้วยสายตาอ่านว่ามนุษย์ป้ามาจากไหน ก่อนจะพูดว่า ไม่เคยได้ยินเลยเหรอ ขนมที่ร้านนี้ต้องสั่งไว้ล่วงหน้า ไม่สั่งไว้ไม่มีหรอก..ตรูงงอีก ขนาดน้านเชียว
ด้วยความที่ไม่เคยไป เห็นว่าลุงคนขับเรือตอนกลางวันวันก่อน ดูมีอายุน่าจะมีประสบการณ์และบริการดี อธิบายเรื่องราวต่างๆ มีเบอร์โทรติดไว้หน้าเรือ ก็โทรนัดหมายลุงให้มารับที่สะดวกใกล้ๆไม่ต้องเข็นรถเข็นคุณแม่ไปไกล ท่าเรือเทศบาล 2 เพราะรถเข็นคุณแม่มาไม่ไกลมาก สักครู่เรือลุงมา ก็ต้องพบกับทีท่าไม่พอใจของคนคุมท่า เราก็ยังไม่ทราบว่ามาขุ่นเคืองเรื่องอะไรกระฟัดกระเฟียดใส่ เราไม่ได้รู้เรื่องต้นสายปลายเหตุอะไร มีปัญหาอะไรจะเอาอะไรก็พูดกันมาง่ายกว่า พอเราจะลงเรือเขาก็ไม่พอใจพูดขึ้นว่า ไม่ใช่ใครจะมาใช้ท่าเรือได้นะ เพราะเรือต้องเสียค่าท่าเรือเหมากันไว้ประจำ เรืออื่นมาขึ้นไม่ได้ ..จะต้องเสียเงินเท่าไหร่ล่ะ . ขึ้นได้เฉพาะเรือประจำของท่านี้ ( จะเอายังไงกับตรูฟะ) หมายความว่าไม่ให้ขึ้นที่ท่านี้จะให้ไปขึ้นท่าอื่นใช่มั้ย ท่าลุงอยู่ฝั่งตรงข้ามจะให้เข็นรถเข็นข้ามสะพานจะไปได้มั้ยล่ะ..จ่ายเงินให้ได้มั้ย..ไม่ได้เพราะไม่ใช่เรือประจำท่านี้ เขาก็น่าจะพูดกับคนขับเรือเพราะเป็นคนพื้นที่เดียวกัน มาขุ่นเคืองใส่เรานักท่องเที่ยวเราไม่ได้รู้ระบบอะไรของเขาด้วย ก็นัดหมายลุงมาขึ้นท่านี้ก็ไม่เห็นแกว่าอะไรเลยแกว่าขึ้นท่าไหนก็ได้ที่ใกล้และสะดวกเรา มันทำให้รู้สึกแย่ทีเดียว นอกจากไม่เห็นมีอะไรแล้ว ก็ไม่เห็นอยากจะมาอีกเลย หิ่งห้อยเราเอาไฟคริสต์มาสติดไว้ก็สวยกว่าด้วยซ้ำ
อาหารทะเลแม่กลอง สดอร่อย ราคาไม่แพง ปลาทูยังอยู่ในตู้เย็นหลายเข่ง ถามว่าเราประทับใจมั้ยกับ ตลาดน้ำอัมพวา ถ้าไม่เคยเห็น ก็ไปดูบรรยากาศสักครั้ง แต่สำหรับเราไม่ติดใจอะไร ตลาดน้ำสร้างขึ้นมา ไม่ใช่ตลาดจริงที่เคยเห็น คนละบรรยากาศ ข้าวของมีเยอะ แต่ก็ไม่ได้มีเอกลักษณ์ เอร็ดอร่อยหรืออะไรที่พิเศษแตกต่างจากที่อื่น กลับจากอัมพวาครั้งนี้ เรายังดีใจกว่า ที่ได้ทุเรียนกวนโอทอปของฝากจากเพื่อนคนเพชรบุรี เพราะมันอร่อยมากจริงๆ ถ้าจะทำอะไรให้ดีติดใจ ก็ต้องดีจริงๆและ unique ที่หาดูที่อื่นไม่มี แต่ถ้าไม่ใช่คนก็จะค่อยๆวายไป สุดท้ายนี้ต้องขออภัยที่เขียนบรรยากาศและเรื่องจริงในความเห็นของเราอย่างละเอียด อดคิดว่าสอดคล้องกับความเห็นของพี่ชาย ที่เราชวนไปด้วยกันมั้ย พี่ว่าไปครั้งเดียวเข็ดเลย ไม่เห็นมีอะไรคนเดินเบียดกันจนไม่มีทางเดิน
Create Date : 12 สิงหาคม 2561 |
Last Update : 12 สิงหาคม 2561 7:52:10 น. |
|
28 comments
|
Counter : 1851 Pageviews. |
|
|
มาเที่ยวอัมพวาด้วยค่ะ
ถิ่นไม่ไกลบ้านเกิด(ดำเนินสะดวก)เราเอง
รู้เสียใจด้วยค่ะที่การไปเที่ยวครั้งนี้ไม่สนุกและไม่ประทับใจ
ถึงกับไม่ไปอีกแล้ว คนแน่นจริงๆ ค่ะ คนพื้นเมืองเองก็ไปกันบ่อยๆ
ทำให้คนแน่นมากๆ
สำหรับเรื่องเรือ( ท่าลุงอยู่ฝั่งตรงข้ามจะให้เข็นรถเข็นข้ามสะพานจะไปได้มั้ยล่ะ..จ่ายเงินให้ได้มั้ย..ไม่ได้เพราะไม่ใช่เรือประจำท่านี้ เขาก็น่าจะพูดกับคนขับเรือเพราะเป็นคนพื้นที่เดียวกัน มาขุ่นเคืองใส่เรานักท่องเที่ยวเราไม่ได้รู้ระบบอะไรของเขาด้วย ก็นัดหมายลุงมาขึ้นท่านี้ก็ไม่เห็นแกว่าอะไรเลยแกว่าขึ้นท่าไหนก็ได้ที่ใกล้และสะดวก)
น่าเห็นใจจริงๆค่ะ แต่ที่นั่นท่าเรือมีเจ้าของเขา เหมือนสัมปทาน
จอดผิดที่ก็ไม่ได้ คนที่ขับเรือก็ไม่ค่อยได้มีส่วนได้ส่วนเสียมาก อาจจะต้องเสียค่าจอดแต่ละครั้งด้วย หรือเป็นลูกจ้างของเจ้าของท่าอีกต่างหาก และบุคคลิกแต่ละคน ก็ยากที่จะกำหนด บางคนก็น่ารักทักทายดี
บางคนก็ไม่ทัก แถม (บ้านเราเองก็อดพูดไม่ได้) เขาชอบดูแลฝรั่งมากกว่าอีกด้วย แปลกแต่จริงพอสมควร ยิ่งคนไปเยอะ การบริการรีบเร่ง คุณภาพอาจจะไม่ค่อยดี
กลับเมืองไทยที่ไร ก็ไปอย่างน้อยหนี่งครั้ง หาขนมเดิมๆทาน อาหารเดิมๆ แต่มีความสุขได้ชมบรรยากาศ คนแน่น คนพาไปไม่ค่อยอยากไป แต่เราก็อยากไปเห็นสักครั้ง